การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆมาเราจะได้บัตรเลือกตั้งสองใบ ใบแรกให้เราเลือกคนที่เรารัก ที่เราจะให้มาเป็นตัวแทน สส.เขต ของเรา
ใบที่สองให้เราเลือกพรรคที่ เราชอบ หากเราชอบนโยบายของพรรคนั้น ซึ่งการกาเลือกพรรคที่เราชอบ
ก็จะนำมาคำนวณหาจำนวน สส. บัญชีรายชื่อ พรรคที่เราเลือกก็จะมีโอกาสได้ สส. จากบัญชีรายชื่อมากยิ่งขึ้น
เมื่อรวมกับ จำนวนสส.เขต ก็มีโอกาสที่พรรคนั้นจะได้มาบริหารประเทศ
แต่การเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมาถึง เรามิมีโอกาสแบบนั้นแล้ว เพราะการเลือกตั้งที่จะมาถึง ภายใต้กติกาใหม่
เราจะมีบัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียว จะเลือกคนที่รัก หรือจะเลือกพรรคที่ใช่ เรามีสิทธิ์เลือกได้เพียงหนึ่ง
ยกตัวอย่างหากเราชอบนโยบายพรรคA ก็อาจจะกาเลือก สส.ของพรรคA หรือเรามิสนใจนโยบายพรรคA
และมิสนใจว่า พรรคA จะได้มาบริหารประเทศหรือไม่ แต่เราอยากเลือก นาย ก. เพราะเรารักและชอบนาย ก.
อยากได้ นาย ก. มาเป็น สส.เขต มาดูแล ปชช.ในเขต เราก็กานาย ก. โดยมิได้สนใจว่า นาย ก. จะสังกัดพรรคไหน
การเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ผ่านมาเรามีสิทธิ์เลือก สส.เขตได้ 375 คน และ สส. บัญชีรายชื่อได้ 125คน
แต่การเลือกตั้งที่จะมาถึง เรามีสิทธิ์เลือก สส.เขตได้ 350 คน และ สส. บัญชีรายชื่อได้ 150 คน
และจากกติกาใหม่ ที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว และวิธีการคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อแบบใหม่
ที่ให้ความสำคัญของทุกเสียง ปชช. ที่ออกมาใช้สิทธิ์ แม้พรรคที่เราเลือกนั้นอาจจะมิได้ สส.เขต
แต่ก็มีผลในการนำคะแนนที่ ปชช. ออกมาใช้สิทธิ์เลือกพรรคนั้นๆมารวม เพื่อไปคำนวณจำนวน สส.พึงจะได้ ของแต่ละพรรค
ดังนั้นภายใต้กติกาใหม่ พรรคที่ได้ จำนวนสส.เขตเยอะ ก็อาจจะได้จำนวน สส.บัญชีรายชื่อลดลงตามสัดส่วน
จากจำนวน สส. พึงจะได้ ของแต่ละพรรค
จำนวน สส.บัญชีรายชื่อ จะได้มาจาก สมการข้างล่าง
จำนวนสส. บัญชีรายชื่อ = จำนวน สส.พึงจะได้ - จำนวน สส.เขต
ดังนั้นโอกาสที่ พรรคใดพรรคหนึ่ง จะได้ สส.รวมแบบถล่มทลายเหมือนที่ผ่านมา และสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
โอกาสแทบเป็นไปได้ยาก ยกเว้นทั้งประเทศเทใจให้พรรคนั้นพรคคเดียว
ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะมาถึง ระหว่างคนที่รัก หรือ พรรคที่ใช่
ก็ชั่งใจให้ดีว่าเราให้ความสำคัญ กับคนหรือกับพรรค ก็เลือกกันให้ถูกน่ะครับ
:
:
:
—-ผลึกหิน—-
@@@คนที่รัก หรือ พรรคที่ใช่@@@ —- ผลึกหิน—-
ใบที่สองให้เราเลือกพรรคที่ เราชอบ หากเราชอบนโยบายของพรรคนั้น ซึ่งการกาเลือกพรรคที่เราชอบ
ก็จะนำมาคำนวณหาจำนวน สส. บัญชีรายชื่อ พรรคที่เราเลือกก็จะมีโอกาสได้ สส. จากบัญชีรายชื่อมากยิ่งขึ้น
เมื่อรวมกับ จำนวนสส.เขต ก็มีโอกาสที่พรรคนั้นจะได้มาบริหารประเทศ
แต่การเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมาถึง เรามิมีโอกาสแบบนั้นแล้ว เพราะการเลือกตั้งที่จะมาถึง ภายใต้กติกาใหม่
เราจะมีบัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียว จะเลือกคนที่รัก หรือจะเลือกพรรคที่ใช่ เรามีสิทธิ์เลือกได้เพียงหนึ่ง
ยกตัวอย่างหากเราชอบนโยบายพรรคA ก็อาจจะกาเลือก สส.ของพรรคA หรือเรามิสนใจนโยบายพรรคA
และมิสนใจว่า พรรคA จะได้มาบริหารประเทศหรือไม่ แต่เราอยากเลือก นาย ก. เพราะเรารักและชอบนาย ก.
อยากได้ นาย ก. มาเป็น สส.เขต มาดูแล ปชช.ในเขต เราก็กานาย ก. โดยมิได้สนใจว่า นาย ก. จะสังกัดพรรคไหน
การเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ผ่านมาเรามีสิทธิ์เลือก สส.เขตได้ 375 คน และ สส. บัญชีรายชื่อได้ 125คน
แต่การเลือกตั้งที่จะมาถึง เรามีสิทธิ์เลือก สส.เขตได้ 350 คน และ สส. บัญชีรายชื่อได้ 150 คน
และจากกติกาใหม่ ที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว และวิธีการคำนวณ สส.บัญชีรายชื่อแบบใหม่
ที่ให้ความสำคัญของทุกเสียง ปชช. ที่ออกมาใช้สิทธิ์ แม้พรรคที่เราเลือกนั้นอาจจะมิได้ สส.เขต
แต่ก็มีผลในการนำคะแนนที่ ปชช. ออกมาใช้สิทธิ์เลือกพรรคนั้นๆมารวม เพื่อไปคำนวณจำนวน สส.พึงจะได้ ของแต่ละพรรค
ดังนั้นภายใต้กติกาใหม่ พรรคที่ได้ จำนวนสส.เขตเยอะ ก็อาจจะได้จำนวน สส.บัญชีรายชื่อลดลงตามสัดส่วน
จากจำนวน สส. พึงจะได้ ของแต่ละพรรค
จำนวน สส.บัญชีรายชื่อ จะได้มาจาก สมการข้างล่าง
จำนวนสส. บัญชีรายชื่อ = จำนวน สส.พึงจะได้ - จำนวน สส.เขต
ดังนั้นโอกาสที่ พรรคใดพรรคหนึ่ง จะได้ สส.รวมแบบถล่มทลายเหมือนที่ผ่านมา และสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียว
โอกาสแทบเป็นไปได้ยาก ยกเว้นทั้งประเทศเทใจให้พรรคนั้นพรคคเดียว
ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะมาถึง ระหว่างคนที่รัก หรือ พรรคที่ใช่
ก็ชั่งใจให้ดีว่าเราให้ความสำคัญ กับคนหรือกับพรรค ก็เลือกกันให้ถูกน่ะครับ
:
:
:
—-ผลึกหิน—-