เลือกตั้งกาบัตรใบเดียวของ"...มีชัย" ไม่เคารพเสียงประชาชน ทำลายผู้ชนะ เอาใจ ผู้แพ้ แย่ที่สุดเท่าที่มีการเลือกตั้งมาในประเทศไทย
ถาม บัตรเลือกตั้งใบเดียว เคยใช้ เคยมีในประเทศไทยหรือไม่?
ตอบ เคยมีและเคยใช้ ก่อนจะมีรัฐธรรมนูญปี2540
เคยใช้ทั้งในการเลือกตั้งรวมเขตทั้งจังหวัดหรือแบ่งเขตเลือกตั้ง
ปี 2512 เลือกตั้งรวมเขตทั้งหวัด ก็ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว แต่ไม่มีสส. บัญชีรายชื่อ
ในปี 2531 แบ่งเขตเรียงเบอร์
ผมเป็น สส.ขอนแก่น สมัยแรก ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว จำได้ว่า คนที่ได้ที่หนึ่งคือคุณสุนทร ลีซีทวน มหาบัณฑิต ทางรัฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สังกัดพรรคปวงชนชาวไทย ของพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก คนที่ได้ที่สองคือคุณประสม ประคุณศึกษาภัณฑ์ แห่งพรรคราษฎร นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ผมมาที่สามสังกัดพรรคมวลชน ของ รตอ. เฉลิม อยู่บำรุง คะแนนห่างกันไม่มาก 41,000/40,000/37,000 คะแนน
ไม่มีสส. บัญชีรายชื่อ
การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แต่ละพรรคและผู้สมัครสส. ในเขตเลือกตั้ง ก็แข่งขันกัน ปราศรัยหาเสียงกันอย่างเต็มที่
ผู้ได้รับเลือกตั้งมีสามคน นอกนั้นไม่ได้รับเลือกตั้ง ก็ไม่เคยคิดคำนวณคะแนนของผู้แพ้มาใช้ประโยชน์ในการหาที่นั่งสส. ให้
"แพ้เป็นพระ ชนะก็เป็นเจ้าอาวาส"ไป เลือกตั้งครั้งต่อไป ก็มาสู้กันใหม่ ผู้ชนะครั้งนี้อาจเป็นผู้แพ้ในครั้งต่อไป ประชาชนเป็นผู้พิพากษาคอยตัดสิน
ต่อมาเมื่อมีรัฐธรรมนูญปี2540 ที่มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ขอนแก่นผมท่านอดีตสส.แคล้ว นรปติ ได้รับเลือก มาร่างรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง ใช้บัตรสองใบ รณรงค์ให้ประชาชนผู้มีสืทธิ์เลือกตั้ง"เลือกคนที่ท่านรัก เลือกพรรคที่ท่านชอบ ถ้าจะให้รอบคอบ ต้องเลือกทั้งคนทั้งพรรคไปพร้อมกัน" เพื่อให้มีความมั่นคงในทางการเมือง มีรัฐบาลที่เข้มแข็ง ไม่อ่อนปวกเปียก เหมือนรัฐบาลในอดีตที่เป็นรัฐบาลผสม ม้ามีหลายขา มีหัวใจหลายดวง บริหารประเทศไปไม่ได้(รัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แห่งพรรคกิจสังคม ปี 2518 มี18เสียง มีพรรคการเมืองมากกว่า6พรรคเข้าร่วมรัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ถูกฝ่ายค้านจากพรรคประชาธิปัตย์ถล่มจนต้องยุบสภาในเวลาแค่ 11เดือน)
รัฐธรรมนูญ ปี 40 สส.เขตเลือกตั้ง ประชาชนเลือกสส. ได้คนเดียว วันแมนวันโหวต สส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคคัดเลือกเอาคนที่มีประสบการณ์มีความรู้มาสมัครเพื่อทำงานการเมืองให้มีประสิทธิภาพ ใช้เขตเลือกตั้งโดยเอาประเทศไทยเป็นเขตเลือกตั้ง ถือเป็นสส.ของประเทศ
ประชาชนคนไทยจึงชินกับการเลือกตั้งแบบนี้ จะอ้างว่ามีบัตรเสียจากการเลือกตั้งมากซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่การลงคะแนนครั้งสำคัญๆไม่ว่าในสภาผู้แทน วุฒิสภา หรือคณะกรรมการอื่นๆที่มีคนมีความรู้มาก ก็มีบัตรเสียเช่นกัน
บัตรใบเดียว ลงคะแนนครั้งเดียว ก็ได้หนึ่งอย่าง ไม่ใช่ว่า บัตรใบเดียว เขาให้เลือก"ม้า" แล้วจะได้"ช้าง"มาด้วย เลือกม้าก็ได้ม้า เลือกช้างก็ได้ช้าง
บัตรเลือกสส.จากเขตเลือกตั้ง เมื่อหย่อนบัตรเสร็จก็ได้สส.เขต
บัตรเลือกตั้งสส.บัญชีรายชื่อ เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ก็ย่อมได้ สส. บัญชีรายชื่อ
เลือกสส. เขต จะได้ของแถมเป็นสส. บัญชีรายชื่อได้ยังไง
การที่"...มีชัย"และคณะ กำลังทำการข่มขืนกระทำชำเราเจตนารมณ์ในการเลือกตั้งของประชาชน โดยจะนำเอาคะแนนเสียงของผู้สมัครที่ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นสส.เขตคือ คะแนนของผู้แพ้ ไปคิดคำนวณ เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่คือสส.บัญชีรายชื่อ เท่ากับ ไม่เคารพคะแนนเสียงของผู้ชนะ
อ้างว่า คะแนนของผู้แพ้ เป็นคะแนนที่ถูกทิ้งน้ำหายไป ถูกตกน้ำหายไป. เป็นคำกล่าวอ้างที่ไร้ตรรกะ ตีความแบบศรีธนญชัย
ตีความแบบ"บักเซียงเหมี่ยง"เอาหัวล้านเข้าถู
คะแนนเสียงทุกคะแนนไม่ได้ตกน้ำหรือหายไปไหน แต่ทุกคะแนน ได้เข้าร่วมแข่งขันในการรณรงค์หาเสียงเลือกแบบเสมอภาคมาด้วยกันทั้งนั้น
แข่งขันวิ่ง แข่งขันแบดมินตัน หรือแข่งขันกีฬาทุกประเภท มีการแข่งขันพร้อมกัน จบก็จบกันไป ไม่มีใครได้สิทธิ์แก้ตัวไปวิ่งใหม่ เพื่อได้ชัยชนะอีก
การเอาใจคนที่แพ้โดยอ้างว่าเป็นคะแนนตกน้ำ จึงเป็นวาทกรรมที่เลวที่สุด
"แพ้ก็คือแพ้ ชนะก็คือชนะ"
ความไม่เป็นธรรมและไม่เสมอภาคเกิดขึ้นกับผู้ที่ได้คะแนนมากหรือ"ผู้ชนะ" เพราะคะแนนที่ชนะจากเขตเลือกตั้ง กลับถูกตัดขาดและถูกโยนทิ้งน้ำไป ไม่สามารถนำไปคำนวณหาสส. บัญชีรายชื่อได้ เช่นคะแนนของผู้แพ้
ถ้าจะใช้คะแนนจากเขตเลือกตั้งไปคำนวณหาสส. บัญชีรายชื่อ
ก็ต้องนำทุกคะแนนพร้อมกันหมดไม่ว่าของผู้แพ้หรือผู้ชนะ พรรคการเมืองใดได้คะแนนรวมทุกเขตเลือกตั้งทั่วประเทศได้คะแนนเท่าใด สส. บัญชีรายชื่อก็ได้จำนวนสส. บัญชีรายชื่อจำนวนเท่ากับคะแนนรวมเฉลี่ยลดหลั่นกันไป จึงจะเป็นธรรมและเสมอภาค
"...มีชัย"กล่าวอ้างว่า คะแนนของผู้ได้คะแนนน้อยกว่าผู้ชนะในเขต เมื่อรวมกันแล้ว จะมากกว่าคะแนนของผู้ชนะ
ก็ใช่สิ เพราะมีผู้สมัครหลายคน ประชาชนก็กระจายเลือกไปตามที่เขาประสงค์ แต่คะแนนเขาเหล่านั้นไม่ใช่คะแนนที่ชนะเลือกตั้ง จึงไม่ได้สิทธิ์ที่จะมีผู้แทน เมื่อไม่มีสิทธิ์และใช้สิทธิ์หมดไปแล้วยังจะมีสิทธิ์อะไรใหม่ในทันใดอีกเล่า
ถ้าใช้แนวคิดของ"...มีชัย"
มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ไม่ได้เป็นผู้ว่ากทม. หรอก เพราะคะแนนของคนที่แพ้มากกว่าหม่อมสุขุมพันธ์ ตั้งเยอะแยะ
ล้มเลิกวิธีเลือกตั้งแบบ"ห่วยแตก"แบบนี้ซะ
ก็เลือกตั้งแบบเดิมสองใบที่เคยใช้และประชาชนเคยชินกันแล้วดีกว่าแน่
แก่แล้ว เฒ่าแล้ว คิดให้มันเป็นประชาธิปไตยหน่อย
ล้มตายมายังจะมีคนไปเคารพ
วางดอกไม้จันทน์
เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
...........,,,,,.........,,,,,,,......,,,,,,.....
รศ.พิเศษ ดร.อดิศร เพียงเกษ
อดีต สส.ขอนแก่น
อดีต สส. แบบบัญชีรายชื่อ
1 กุมภาพันธ์ 2559
9.47 น.
เครดิตท่าน ผศ.ดร.อดิศรเพียงเกษ...???
ถาม บัตรเลือกตั้งใบเดียว เคยใช้ เคยมีในประเทศไทยหรือไม่?
ตอบ เคยมีและเคยใช้ ก่อนจะมีรัฐธรรมนูญปี2540
เคยใช้ทั้งในการเลือกตั้งรวมเขตทั้งจังหวัดหรือแบ่งเขตเลือกตั้ง
ปี 2512 เลือกตั้งรวมเขตทั้งหวัด ก็ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว แต่ไม่มีสส. บัญชีรายชื่อ
ในปี 2531 แบ่งเขตเรียงเบอร์
ผมเป็น สส.ขอนแก่น สมัยแรก ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว จำได้ว่า คนที่ได้ที่หนึ่งคือคุณสุนทร ลีซีทวน มหาบัณฑิต ทางรัฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สังกัดพรรคปวงชนชาวไทย ของพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก คนที่ได้ที่สองคือคุณประสม ประคุณศึกษาภัณฑ์ แห่งพรรคราษฎร นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ผมมาที่สามสังกัดพรรคมวลชน ของ รตอ. เฉลิม อยู่บำรุง คะแนนห่างกันไม่มาก 41,000/40,000/37,000 คะแนน
ไม่มีสส. บัญชีรายชื่อ
การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง แต่ละพรรคและผู้สมัครสส. ในเขตเลือกตั้ง ก็แข่งขันกัน ปราศรัยหาเสียงกันอย่างเต็มที่
ผู้ได้รับเลือกตั้งมีสามคน นอกนั้นไม่ได้รับเลือกตั้ง ก็ไม่เคยคิดคำนวณคะแนนของผู้แพ้มาใช้ประโยชน์ในการหาที่นั่งสส. ให้
"แพ้เป็นพระ ชนะก็เป็นเจ้าอาวาส"ไป เลือกตั้งครั้งต่อไป ก็มาสู้กันใหม่ ผู้ชนะครั้งนี้อาจเป็นผู้แพ้ในครั้งต่อไป ประชาชนเป็นผู้พิพากษาคอยตัดสิน
ต่อมาเมื่อมีรัฐธรรมนูญปี2540 ที่มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ขอนแก่นผมท่านอดีตสส.แคล้ว นรปติ ได้รับเลือก มาร่างรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง ใช้บัตรสองใบ รณรงค์ให้ประชาชนผู้มีสืทธิ์เลือกตั้ง"เลือกคนที่ท่านรัก เลือกพรรคที่ท่านชอบ ถ้าจะให้รอบคอบ ต้องเลือกทั้งคนทั้งพรรคไปพร้อมกัน" เพื่อให้มีความมั่นคงในทางการเมือง มีรัฐบาลที่เข้มแข็ง ไม่อ่อนปวกเปียก เหมือนรัฐบาลในอดีตที่เป็นรัฐบาลผสม ม้ามีหลายขา มีหัวใจหลายดวง บริหารประเทศไปไม่ได้(รัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แห่งพรรคกิจสังคม ปี 2518 มี18เสียง มีพรรคการเมืองมากกว่า6พรรคเข้าร่วมรัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม ถูกฝ่ายค้านจากพรรคประชาธิปัตย์ถล่มจนต้องยุบสภาในเวลาแค่ 11เดือน)
รัฐธรรมนูญ ปี 40 สส.เขตเลือกตั้ง ประชาชนเลือกสส. ได้คนเดียว วันแมนวันโหวต สส.บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคคัดเลือกเอาคนที่มีประสบการณ์มีความรู้มาสมัครเพื่อทำงานการเมืองให้มีประสิทธิภาพ ใช้เขตเลือกตั้งโดยเอาประเทศไทยเป็นเขตเลือกตั้ง ถือเป็นสส.ของประเทศ
ประชาชนคนไทยจึงชินกับการเลือกตั้งแบบนี้ จะอ้างว่ามีบัตรเสียจากการเลือกตั้งมากซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่การลงคะแนนครั้งสำคัญๆไม่ว่าในสภาผู้แทน วุฒิสภา หรือคณะกรรมการอื่นๆที่มีคนมีความรู้มาก ก็มีบัตรเสียเช่นกัน
บัตรใบเดียว ลงคะแนนครั้งเดียว ก็ได้หนึ่งอย่าง ไม่ใช่ว่า บัตรใบเดียว เขาให้เลือก"ม้า" แล้วจะได้"ช้าง"มาด้วย เลือกม้าก็ได้ม้า เลือกช้างก็ได้ช้าง
บัตรเลือกสส.จากเขตเลือกตั้ง เมื่อหย่อนบัตรเสร็จก็ได้สส.เขต
บัตรเลือกตั้งสส.บัญชีรายชื่อ เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ก็ย่อมได้ สส. บัญชีรายชื่อ
เลือกสส. เขต จะได้ของแถมเป็นสส. บัญชีรายชื่อได้ยังไง
การที่"...มีชัย"และคณะ กำลังทำการข่มขืนกระทำชำเราเจตนารมณ์ในการเลือกตั้งของประชาชน โดยจะนำเอาคะแนนเสียงของผู้สมัครที่ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นสส.เขตคือ คะแนนของผู้แพ้ ไปคิดคำนวณ เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่คือสส.บัญชีรายชื่อ เท่ากับ ไม่เคารพคะแนนเสียงของผู้ชนะ
อ้างว่า คะแนนของผู้แพ้ เป็นคะแนนที่ถูกทิ้งน้ำหายไป ถูกตกน้ำหายไป. เป็นคำกล่าวอ้างที่ไร้ตรรกะ ตีความแบบศรีธนญชัย
ตีความแบบ"บักเซียงเหมี่ยง"เอาหัวล้านเข้าถู
คะแนนเสียงทุกคะแนนไม่ได้ตกน้ำหรือหายไปไหน แต่ทุกคะแนน ได้เข้าร่วมแข่งขันในการรณรงค์หาเสียงเลือกแบบเสมอภาคมาด้วยกันทั้งนั้น
แข่งขันวิ่ง แข่งขันแบดมินตัน หรือแข่งขันกีฬาทุกประเภท มีการแข่งขันพร้อมกัน จบก็จบกันไป ไม่มีใครได้สิทธิ์แก้ตัวไปวิ่งใหม่ เพื่อได้ชัยชนะอีก
การเอาใจคนที่แพ้โดยอ้างว่าเป็นคะแนนตกน้ำ จึงเป็นวาทกรรมที่เลวที่สุด
"แพ้ก็คือแพ้ ชนะก็คือชนะ"
ความไม่เป็นธรรมและไม่เสมอภาคเกิดขึ้นกับผู้ที่ได้คะแนนมากหรือ"ผู้ชนะ" เพราะคะแนนที่ชนะจากเขตเลือกตั้ง กลับถูกตัดขาดและถูกโยนทิ้งน้ำไป ไม่สามารถนำไปคำนวณหาสส. บัญชีรายชื่อได้ เช่นคะแนนของผู้แพ้
ถ้าจะใช้คะแนนจากเขตเลือกตั้งไปคำนวณหาสส. บัญชีรายชื่อ
ก็ต้องนำทุกคะแนนพร้อมกันหมดไม่ว่าของผู้แพ้หรือผู้ชนะ พรรคการเมืองใดได้คะแนนรวมทุกเขตเลือกตั้งทั่วประเทศได้คะแนนเท่าใด สส. บัญชีรายชื่อก็ได้จำนวนสส. บัญชีรายชื่อจำนวนเท่ากับคะแนนรวมเฉลี่ยลดหลั่นกันไป จึงจะเป็นธรรมและเสมอภาค
"...มีชัย"กล่าวอ้างว่า คะแนนของผู้ได้คะแนนน้อยกว่าผู้ชนะในเขต เมื่อรวมกันแล้ว จะมากกว่าคะแนนของผู้ชนะ
ก็ใช่สิ เพราะมีผู้สมัครหลายคน ประชาชนก็กระจายเลือกไปตามที่เขาประสงค์ แต่คะแนนเขาเหล่านั้นไม่ใช่คะแนนที่ชนะเลือกตั้ง จึงไม่ได้สิทธิ์ที่จะมีผู้แทน เมื่อไม่มีสิทธิ์และใช้สิทธิ์หมดไปแล้วยังจะมีสิทธิ์อะไรใหม่ในทันใดอีกเล่า
ถ้าใช้แนวคิดของ"...มีชัย"
มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ไม่ได้เป็นผู้ว่ากทม. หรอก เพราะคะแนนของคนที่แพ้มากกว่าหม่อมสุขุมพันธ์ ตั้งเยอะแยะ
ล้มเลิกวิธีเลือกตั้งแบบ"ห่วยแตก"แบบนี้ซะ
ก็เลือกตั้งแบบเดิมสองใบที่เคยใช้และประชาชนเคยชินกันแล้วดีกว่าแน่
แก่แล้ว เฒ่าแล้ว คิดให้มันเป็นประชาธิปไตยหน่อย
ล้มตายมายังจะมีคนไปเคารพ
วางดอกไม้จันทน์
เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
...........,,,,,.........,,,,,,,......,,,,,,.....
รศ.พิเศษ ดร.อดิศร เพียงเกษ
อดีต สส.ขอนแก่น
อดีต สส. แบบบัญชีรายชื่อ
1 กุมภาพันธ์ 2559
9.47 น.