เริ่มจากตอนที่จขกท.อยู่ป.4ที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งทางภาคเหนือก่อนเลยค่ะตอนนั้นเหมือนเรากับเพื่อนค่อนข้างจะมีปัญหากันเราจะถูกเพื่อนกลุ่มๆหนึ่งแกล้งตลอดไม่ว่าจะโดนเพื่อนขว้างปากกาดินสอใส่เรา เอาโต๊ะเราไปไว้นอกห้อง เมินเราบ้างไม่คุยกับเราบ้างเหมือนทุกคนไม่อยากเป็นเพื่อนเราอะ บางทีก็ดูท่าแขยงเราพอจะไปถามก็ไม่ตอบบ้างเมินบ้าง ไม่พอยังโดนครูประจำชั้นมาว่าผิดเราอีกว่าไปแกล้งเพื่อนจนร้องไห้ทั้งๆที่เราแค่เดินผ่านไปแถวๆนั้น เราได้ร้องไห้ที่โรงเรียนและร้องไห้กลับมาบ้านทุกวันเลยไม่มีวันไหนไม่ร้องไห้และไม่มีวันไหนที่มีความสุขนับวันเริ่มไม่อยากไปรร.อยากอยู่บ้านเราทนแบบนี้จนขึ้นป.5แม่เลยทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้เราจนได้ไปอยู่โรงเรียนใหญ่โรงเรียนหนึ่งทุกอย่างก็ค่อยๆดีขึ้นในเวลาหนึ่งปีกับโรงเรียนใหม่จนวันจบการศึกษาระดับประถมเราก็ได้สอบติดโรงเรียนรัฐแห่งหนึ่งขึ้นม.1ก็เริ่มมีเพื่อนใหม่ๆเขามาจนน่าจะเทอมสองเราโดนเพื่อนเขียนด่าที่โต๊ะเป็นคำหยาบคายโดยเฉพาะคำที่มันบ่งบอกว่าเราเป็นเด็กเส้นบลาๆเพราะใครๆก็รู้ว่าเราเป็นลูกพ่อที่เป็นใหญ่โตในรร.ส่วนแม่ก็เป็นครูอยู่ที่นั่น เขาคงคิดว่าเราจะใช้สิทธิ์พ่อแม่แต่ไม่ใช่เลยเราใช้ความสามารถที่เรามีใช้สอบแล้วเราคะแนนถึงเลยติดและหลังจากนั้นเราก็ใช้ชีวิตในรั้วมัธยมแบบลับๆซ่อนๆกลัวเพราะใครก็รู้ว่าเรานั้นเป็นลูกของบุคคลากรในรร.เหมือนมีตาหลายตามองมาที่เราคนเดียว เวลาทำอะไรก็ระวัง และพ่อแม่ก็ค่อนข้างคาดหวังกับเราหลังจากนั้นเพื่อนที่อยู่ในกลุ่มก็เริ่มย้ายห้องเพราะเลื่อนชั้นบ้างจนม.3เริ่มชัดเลยว่าเพื่อนไม่อยากคบเราแล้วเราก็โดนใส่ร้ายว่าโกงคะแนนวิชาคณิต หลังจากนั้นเราก็เริ่มโดดเดี่ยวไม่อยากจะสุงสิงใครกลับมาบ้านเราก็เริ่มกลายเป็นเด็กมีปัญหา เริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นจากเดิม โมโหใส่พ่อแม่บ้าง ตะโกนว่าพ่อแม่บ้าง แล้วก็เริ่มบอกว่าพ่อแม่ให้หนูเกิดมาทำไมหนูน่าจะตายตั้งแต่ตอนแม่คลอดแล้ว(ตอนนั้นคลอดก่อนกำหนดพอดี)
*เพื่อนเก่าจบม.3ย้ายไปเรียนที่อื่นกันหมด*
พอขึ้นม.4ก็ยังพอมีเพื่อนจากรร.เก่าเขาก็รู้ว่าเราเป็นไรแล้วไปบอกเพื่อนที่มาใหม่เพื่อนใหม่ก็เริ่มแกล้งเรา เหยีดเรา ลามไปทั้งห้องเพื่อนก็ไม่อยากคบเราไม่อยากคุยกับเรา เวลางานกลุ่มก็จะเหลือเศษเราคนเดียวตลอดพอถามก็มีแต่ตอบเต็มๆแล้วพอจะขอทำเดี่ยวก็โดนครูดุว่าเห็นแก่ตัวครูเลยให้เราไปอยู่กลุ่มนึงเพื่อนก็จำยอมเอาเราเข้าแต่ไม่ให้เราช่วยงาน ทีนี้เราก็เริ่มปลีกตัวจากสังคม ไม่อยากสุงสิงใคร อยากอยู่คนเดียว เบื่อโลกที่โรงเรียนจากที่ตั้งใจเรียนก็เริ่มไม่ค่อยตั้งใจจากเกรด3กว่าๆก็เหลือ2กลางๆ เรารู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนวิญญาณล่องลอย ถ้าไม่มีเราทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ กลับมาบ้านพ่อแม่จะสอบมาเห็นเราแอบร้องไห้ในห้องทุกวันเราไม่อยากคบใคร เราไม่อยากมีเพื่อน อยากอยู่คนเดียว แม่ก็เอาแต่บอกว่าเป็นเพราะตัวเราเองให้โทษตัวเอง เราก็โทษโทษตัวเองทุกอย่าง เราเริ่มมีปากเสียงกับพ่อแม่มากขึ้นแล้วเริ่มคิดจะลงมือฆ่าตัวตายซึ่งก่อนหน้านี้แค่คิดคร่าวๆ เราไปห้องครัวแล้วเดินไปหยิบมีดปอกผลไม้เพื่อมากรีดข้อมือซ้ายเงียบๆค่อยๆกดมีดลงไปแต่ในหัวมันตีไปหมดว่าจะทำหรือไม่ทำแต่ก็คิดได้ถ้าเราตายไปพ่อแม่จะเป็นยังไง แล้วอนาคตเราล่ะ เราเลยล้มเลิกการลงมือ แต่หลังจากนั้นเราก็เริ่มคิดบ่อยๆจนล่าสุดปัจจุบันคิดอยากกระโดดตึก พอขึ้นม.6เราเริ่มไม่สนเชี่ยไรละ เลยเตรียมตัวอ่านนส.สอบเข้ามหาลัยดีกว่าเราจะเขาวิทย์เคมีที่มอ.ดังประจำจังหวัด ยิ่งคณะสูงกดดันก็เริ่มเข้ามาทั้งพ่อ แม่ พี่ เหมือนเราเป็นความหวังของหมู่บ้านอะ5555 ไหนจะต้องอ่านนส.หนักเป็นบ้า แล้วก็คิดว่าจะติดมั้ยวะ มันกลัวไปหมดจน วันๆได้แต่นอนหมดอาลัยตายอยากอยู่ในห้องคนเดียววันดีคืนดีก็ร้องไห้แต่ทุกๆวันที่ตื่นมามันกลับมืดมนไม่สดใส.
..
วันหนึ่งเราตัดสินใจแล้วเราหยิบกระปุกยาพารากระป๋องใหญ่สีแดงๆแล้วเทยาออกมาใส่กำมือพร้อมกับน้ำอีก1แก้วเราคิดอยู่นานว่าจะทำดีมั้ยจนแม่เปิดประตูเขามาเห๋นพอดีเลยโวยวายใหญ่แล้วหาว่าเรา ด่าทอเราสารพัด พ่อก็ดุซ้ำเติมยันเปรียบเทียบคนนู้นคนนี้ในวงตระกลูว่าได้เป็นนู้นนี่นั่น ในความคิดเรานี่มันทั้งด้อยค่าและโง่จริงๆ หลังจากนั้นเราก็ไม่ทำอีกเลย แต่มีแต่จะคิดคิดทุกวันไม่มีวันไหนที่ไม่คิดจนพ่อกับแม่เลยพาไปหาหมอแผนกจิตเวชที่รพ.แห่งหนึ่งสรุปหมอวินิจฉัยว่าเป็นซึมเศร้าระดับปานกลางแต่เอาไปเอามาเหมือนจะรักษาก็ไม่ดีขึ้นเลยทั้งๆที่กินยาแม่ก็ยังบอกอีกว่ามันไปเป็นไรมันเป็นที่ตัวเอง เราก็ได้แต่ เอ๊ะ? แล้วพ่อแม่ก็ทำเหมือนเราไม่เป็นไรและเปรียบเทียบกับเพื่อนแถวบ้านว่าเป็นเด็กดีนู่นนี่นั้นจนวันหนึ่งเราสติแตกสุดๆทำลายข้าวของร้องไห้จนมอมแมมจนเกือบหมดสติเพราะหมดแรงไปกับการร้องไห้และทำลายข้าวของเหมือนผีเข้าตอนบ่ายเราเลยเดินไปที่ห้องครัวอีกครั้งเหมือนตอนนั้นและหยิบมีดใบเดิมมาพร้อมกับกดมีดกรีดลงคือ...มันไม่ค่อยเจ็บนะแต่เจ็บที่ความรู้สึกมากกว่าเลือดก็ค่อยๆไหลชิบๆเล็กน้อยสุดท้ายก็เลิกทำเพราะกดมืดไม่ลงเพราะเนื้อเยอะ5555+กลัวเลือด เลยเป็นแผลนขนาดเล็กๆพ่อแม่เห็นเลยให้ไปล้างแผลใส่ยาแล้วไปหาหมอหมอบอกอาจจะมีแนวโน้มเป็นซึมเศร้า(อีกละ)ละคือกินยาไม่ดีขึ้นไงหมอเลยแนะนำจิตแพทย์เก่งให้เราเลยไปหาหมอก็วินิจฉันสรุปก็เป็นซึมเศร้าอะแหละแล้วให้ยามา3ตัว
แล้วให้กลับบ้านแล้วหมอก็จะนัดไว้ คือพ่อแม่เราชอบบอกว่าเราไม่เป็นมันเป็นที่ตัวเอง พี่เพื่อนก้บอกปกติดีนี่ แล้วมีการบอกว่าเพื่อนเป็นมาเยอะกว่า??? แต่มันก็ดูไม่มีอะไร คือบางทีเขาอาจจะไม่ให้เราคิดว่าเป็นซึมเศร้าก็ได้ แต่เขาก็ปฏิบัติเหมือนเราปกติจะว่าก้ว่าจะดุก้ดุ จะด่าก้ด่า เปรียบเทียบอีก อีกสารพัด สรุปเราป่วยหริอเป็นเพราะนิสัยเราคะหรือเราจะเชื่อหมอดี เพราะเราก็ได้ลงมือฆ่าตัวตายมาแล้วตอนนั้นก็เบื่อโลกไปหมด ไม่น่าเกิดมาให้พ่อแม่ลำบากเลย อยากอยู่เงียบๆคนเดียว อยากหายไป ไม่อยากคบสุงสิงใคร เราเป็นแบบนี้กินเวลาหลายปัจุบันก็ยังเป็นแต่ก็ค่อยๆดีขึ้นเพราะผลของยา ขอบคุณทุกๆคนที่มาแสดงความคิดเห็นนะคะ
เราไม่มั่นใจว่าเราเป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่า
*เพื่อนเก่าจบม.3ย้ายไปเรียนที่อื่นกันหมด*
พอขึ้นม.4ก็ยังพอมีเพื่อนจากรร.เก่าเขาก็รู้ว่าเราเป็นไรแล้วไปบอกเพื่อนที่มาใหม่เพื่อนใหม่ก็เริ่มแกล้งเรา เหยีดเรา ลามไปทั้งห้องเพื่อนก็ไม่อยากคบเราไม่อยากคุยกับเรา เวลางานกลุ่มก็จะเหลือเศษเราคนเดียวตลอดพอถามก็มีแต่ตอบเต็มๆแล้วพอจะขอทำเดี่ยวก็โดนครูดุว่าเห็นแก่ตัวครูเลยให้เราไปอยู่กลุ่มนึงเพื่อนก็จำยอมเอาเราเข้าแต่ไม่ให้เราช่วยงาน ทีนี้เราก็เริ่มปลีกตัวจากสังคม ไม่อยากสุงสิงใคร อยากอยู่คนเดียว เบื่อโลกที่โรงเรียนจากที่ตั้งใจเรียนก็เริ่มไม่ค่อยตั้งใจจากเกรด3กว่าๆก็เหลือ2กลางๆ เรารู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนวิญญาณล่องลอย ถ้าไม่มีเราทุกอย่างคงไม่เป็นแบบนี้ กลับมาบ้านพ่อแม่จะสอบมาเห็นเราแอบร้องไห้ในห้องทุกวันเราไม่อยากคบใคร เราไม่อยากมีเพื่อน อยากอยู่คนเดียว แม่ก็เอาแต่บอกว่าเป็นเพราะตัวเราเองให้โทษตัวเอง เราก็โทษโทษตัวเองทุกอย่าง เราเริ่มมีปากเสียงกับพ่อแม่มากขึ้นแล้วเริ่มคิดจะลงมือฆ่าตัวตายซึ่งก่อนหน้านี้แค่คิดคร่าวๆ เราไปห้องครัวแล้วเดินไปหยิบมีดปอกผลไม้เพื่อมากรีดข้อมือซ้ายเงียบๆค่อยๆกดมีดลงไปแต่ในหัวมันตีไปหมดว่าจะทำหรือไม่ทำแต่ก็คิดได้ถ้าเราตายไปพ่อแม่จะเป็นยังไง แล้วอนาคตเราล่ะ เราเลยล้มเลิกการลงมือ แต่หลังจากนั้นเราก็เริ่มคิดบ่อยๆจนล่าสุดปัจจุบันคิดอยากกระโดดตึก พอขึ้นม.6เราเริ่มไม่สนเชี่ยไรละ เลยเตรียมตัวอ่านนส.สอบเข้ามหาลัยดีกว่าเราจะเขาวิทย์เคมีที่มอ.ดังประจำจังหวัด ยิ่งคณะสูงกดดันก็เริ่มเข้ามาทั้งพ่อ แม่ พี่ เหมือนเราเป็นความหวังของหมู่บ้านอะ5555 ไหนจะต้องอ่านนส.หนักเป็นบ้า แล้วก็คิดว่าจะติดมั้ยวะ มันกลัวไปหมดจน วันๆได้แต่นอนหมดอาลัยตายอยากอยู่ในห้องคนเดียววันดีคืนดีก็ร้องไห้แต่ทุกๆวันที่ตื่นมามันกลับมืดมนไม่สดใส.
..
วันหนึ่งเราตัดสินใจแล้วเราหยิบกระปุกยาพารากระป๋องใหญ่สีแดงๆแล้วเทยาออกมาใส่กำมือพร้อมกับน้ำอีก1แก้วเราคิดอยู่นานว่าจะทำดีมั้ยจนแม่เปิดประตูเขามาเห๋นพอดีเลยโวยวายใหญ่แล้วหาว่าเรา ด่าทอเราสารพัด พ่อก็ดุซ้ำเติมยันเปรียบเทียบคนนู้นคนนี้ในวงตระกลูว่าได้เป็นนู้นนี่นั่น ในความคิดเรานี่มันทั้งด้อยค่าและโง่จริงๆ หลังจากนั้นเราก็ไม่ทำอีกเลย แต่มีแต่จะคิดคิดทุกวันไม่มีวันไหนที่ไม่คิดจนพ่อกับแม่เลยพาไปหาหมอแผนกจิตเวชที่รพ.แห่งหนึ่งสรุปหมอวินิจฉัยว่าเป็นซึมเศร้าระดับปานกลางแต่เอาไปเอามาเหมือนจะรักษาก็ไม่ดีขึ้นเลยทั้งๆที่กินยาแม่ก็ยังบอกอีกว่ามันไปเป็นไรมันเป็นที่ตัวเอง เราก็ได้แต่ เอ๊ะ? แล้วพ่อแม่ก็ทำเหมือนเราไม่เป็นไรและเปรียบเทียบกับเพื่อนแถวบ้านว่าเป็นเด็กดีนู่นนี่นั้นจนวันหนึ่งเราสติแตกสุดๆทำลายข้าวของร้องไห้จนมอมแมมจนเกือบหมดสติเพราะหมดแรงไปกับการร้องไห้และทำลายข้าวของเหมือนผีเข้าตอนบ่ายเราเลยเดินไปที่ห้องครัวอีกครั้งเหมือนตอนนั้นและหยิบมีดใบเดิมมาพร้อมกับกดมีดกรีดลงคือ...มันไม่ค่อยเจ็บนะแต่เจ็บที่ความรู้สึกมากกว่าเลือดก็ค่อยๆไหลชิบๆเล็กน้อยสุดท้ายก็เลิกทำเพราะกดมืดไม่ลงเพราะเนื้อเยอะ5555+กลัวเลือด เลยเป็นแผลนขนาดเล็กๆพ่อแม่เห็นเลยให้ไปล้างแผลใส่ยาแล้วไปหาหมอหมอบอกอาจจะมีแนวโน้มเป็นซึมเศร้า(อีกละ)ละคือกินยาไม่ดีขึ้นไงหมอเลยแนะนำจิตแพทย์เก่งให้เราเลยไปหาหมอก็วินิจฉันสรุปก็เป็นซึมเศร้าอะแหละแล้วให้ยามา3ตัว
แล้วให้กลับบ้านแล้วหมอก็จะนัดไว้ คือพ่อแม่เราชอบบอกว่าเราไม่เป็นมันเป็นที่ตัวเอง พี่เพื่อนก้บอกปกติดีนี่ แล้วมีการบอกว่าเพื่อนเป็นมาเยอะกว่า??? แต่มันก็ดูไม่มีอะไร คือบางทีเขาอาจจะไม่ให้เราคิดว่าเป็นซึมเศร้าก็ได้ แต่เขาก็ปฏิบัติเหมือนเราปกติจะว่าก้ว่าจะดุก้ดุ จะด่าก้ด่า เปรียบเทียบอีก อีกสารพัด สรุปเราป่วยหริอเป็นเพราะนิสัยเราคะหรือเราจะเชื่อหมอดี เพราะเราก็ได้ลงมือฆ่าตัวตายมาแล้วตอนนั้นก็เบื่อโลกไปหมด ไม่น่าเกิดมาให้พ่อแม่ลำบากเลย อยากอยู่เงียบๆคนเดียว อยากหายไป ไม่อยากคบสุงสิงใคร เราเป็นแบบนี้กินเวลาหลายปัจุบันก็ยังเป็นแต่ก็ค่อยๆดีขึ้นเพราะผลของยา ขอบคุณทุกๆคนที่มาแสดงความคิดเห็นนะคะ