สวัสดีครับทุกท่าน
สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) หมายถึง สินค้าที่ตัวสินค้ามีมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ผลิตก็ตาม
เช่น ข้าว เกลือ น้ำตาล น้ำมัน ... และแม้แต่ เงิน
โดยราคาของสินค้าเหล่านี้ จะขึ้นอยู่กับความต้องการ
ถ้าสินค้ามีน้อย แต่ความต้องการมีมาก ราคาก็จะแพง
ในทางกลับกัน ถ้าสินค้ามีเยอะ แต่ความต้องการมีน้อย ราคาก็จะถูก
ตั้งแต่เกิด วิกฤต ปี 2008 อเมริกาทำ QE ซึ่งทำให้เงินท่วมโลก
เมื่อเงินมีมาก แต่ความต้องการไม่มากตาม ราคาของเงินก็ลดลง
ทำให้ดอกเบี้ยลดลง ผลตอบแทนจากการลงทุน จึงลดลงตาม
นำไปสู่การ มองหาผลตอบแทน โดยการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น
ปัจจุบัน เงินกำลังถูกนำออกจากระบบ
จากการลดขนาดงบดุล
เมื่อเงินหายากขึ้น
ดอกเบี้ยก็ขึ้น ผลตอบแทนก็มากขึ้นตาม
นักลงทุน ต้องปรับตัว ลดความเสี่ยงจากการลงทุนลง
ทำไม?
ถ้า ตราสารหนี้ ให้ดอกเบี้ย 5%
การซื้อหุ้น ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า และให้ผลตอบแทน 5% เหมือนกัน
ใครจะมาซื้อหุ้น?
ดังนั้น ราคาหุ้นจะลดลง เพื่อให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 5-> 6%
เพื่อสมดุลความเสี่ยงและผลตอบแทน
เรากำลังเข้าสู่ดอกเบี้ยขาขึ้น
เงิน กำลังจะมีราคาเพิ่มขึ้น
ดอกเบี้ย พันธบัตร และ ตราสารหนี้ กำลังจะขึ้น
บริษัทต่างๆ กำลังจะออกหุ้นกู้ โดยให้ผลตอบแทนมากขึ้น
และราคาหุ้น กำลังจะลดลง
เรากำลังออกจากการ หาผลตอบแทน
ไปสู่ การเสนอผลตอบแทน
ปัญหาก็คือ...
การตัดสินใจในลงทุน
เพราะข้อเสนอการลงทุน จะให้ผลตอบแทนมากขึ้นเรื่อยๆ
ทนรวยไหวไหม?
ไม่ซื้อ... ไม่ขาดทุน
สวัสดีครับทุกท่าน... Search for Yield กำลังจะจากไป
สวัสดีครับทุกท่าน
สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) หมายถึง สินค้าที่ตัวสินค้ามีมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ผลิตก็ตาม
เช่น ข้าว เกลือ น้ำตาล น้ำมัน ... และแม้แต่ เงิน
โดยราคาของสินค้าเหล่านี้ จะขึ้นอยู่กับความต้องการ
ถ้าสินค้ามีน้อย แต่ความต้องการมีมาก ราคาก็จะแพง
ในทางกลับกัน ถ้าสินค้ามีเยอะ แต่ความต้องการมีน้อย ราคาก็จะถูก
ตั้งแต่เกิด วิกฤต ปี 2008 อเมริกาทำ QE ซึ่งทำให้เงินท่วมโลก
เมื่อเงินมีมาก แต่ความต้องการไม่มากตาม ราคาของเงินก็ลดลง
ทำให้ดอกเบี้ยลดลง ผลตอบแทนจากการลงทุน จึงลดลงตาม
นำไปสู่การ มองหาผลตอบแทน โดยการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น
ปัจจุบัน เงินกำลังถูกนำออกจากระบบ
จากการลดขนาดงบดุล
เมื่อเงินหายากขึ้น
ดอกเบี้ยก็ขึ้น ผลตอบแทนก็มากขึ้นตาม
นักลงทุน ต้องปรับตัว ลดความเสี่ยงจากการลงทุนลง
ทำไม?
ถ้า ตราสารหนี้ ให้ดอกเบี้ย 5%
การซื้อหุ้น ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า และให้ผลตอบแทน 5% เหมือนกัน
ใครจะมาซื้อหุ้น?
ดังนั้น ราคาหุ้นจะลดลง เพื่อให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 5-> 6%
เพื่อสมดุลความเสี่ยงและผลตอบแทน
เรากำลังเข้าสู่ดอกเบี้ยขาขึ้น
เงิน กำลังจะมีราคาเพิ่มขึ้น
ดอกเบี้ย พันธบัตร และ ตราสารหนี้ กำลังจะขึ้น
บริษัทต่างๆ กำลังจะออกหุ้นกู้ โดยให้ผลตอบแทนมากขึ้น
และราคาหุ้น กำลังจะลดลง
เรากำลังออกจากการ หาผลตอบแทน
ไปสู่ การเสนอผลตอบแทน
ปัญหาก็คือ...
การตัดสินใจในลงทุน
เพราะข้อเสนอการลงทุน จะให้ผลตอบแทนมากขึ้นเรื่อยๆ
ทนรวยไหวไหม?
ไม่ซื้อ... ไม่ขาดทุน