กิรนันท์ กิระ หมายความว่า เล่าลือ นันท์ หมายความว่า ความสุข ดังนั้นจะว่าความหมายของชื่อรวม ๆ ก็น่าจะแปลว่าเต็มไปด้วยความสุข แต่ในความเป็นจริงในสนามชีวิตเรื่องราวของเธอกลับไม่เป็นเช่นนั้น ผืนพรมชีวิตของกิรนันท์งดงามละเอียดละออไม่มีสิ่งใดแผ้วพานหรือผิดพลาด และ มันเป็นเช่นนั้นจนกระทั่งวันที่เริ่มต้นชีวิตแต่งงาน ทรัพย์ศฤงคารเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความสามารถของเลอยศผู้เป็นสามี หากความหวังความสุขที่ควรจะมีกลับหดเล็กลงและสลายเป็นภัสธุลีเมื่อกาลเวลาดำเนินผ่านไป
บาดแผลนั้นลึกล้ำ และ กว้างขวางออกไปเรื่อย ๆ แหวนเพชรสูงค่าที่สวมใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายไม่ใช่ตัวแทนความอบอุ่นอ่อนหวานเมื่อครั้งที่เคยได้ให้คำสัตย์สัญญาในเวลาแต่งงาน มันทั้งเย็นชืดและแข็งกระด้าง ไม่มีอะไรที่ต้องผูกพันกันสืบไปนอกจากหน้าที่ .... ความเป็นพ่อ ความเป็นแม่ ที่มีต่อเอิร์ธ ลูกชายเพียงคนเดียว ซึ่งข้อนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่กิรนันท์ต้องยอมรับว่า ภายใต้การสมรสที่ล่มสลาย เลอยศเป็นพ่อที่มีความรักให้กับลูก ... ในแบบของเขา ในสายตาของคนอื่นจะเป็นอย่างไร หากเธอก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นความรัก .... ไม่ผิดไปจากนั้น
นาทีนั้น ... กิรนันท์ก็เกือบจะยอมรับได้แล้วว่าชีวิตก็คงต้องเป็นไปแบบนั้น ไม่มีใครได้อะไรอย่างที่ต้องการทุกอย่าง ความรักอาจไม่มีเหลือ และ เธอก็รู้ตัวว่าความเลอะเทอะเปรอะเปื้อนของสามีในด้านชู้สาวนั้นก็อยากที่จะรับ ยากที่จะทานทน แต่มันก็อาจคุ้มค่าเมื่อมันทำให้ "ลูก" มีครอบครัว บัดนี้เอิร์ธจึงกลายเป็นโลกทั้งใบให้กิรนันท์ยึดเหนี่ยว ความหวังความฝันความสุขในชีวิตครอบครัว เหมือนต้นไม้ที่ขาดการดูแลรดน้ำ มันแห้งเหี่ยว และ จบสิ้นไปนานแล้ว เธอไม่คิด ไม่เคยนึก ไม่เคยฝัน ว่าหากมีสิ่งใดพรากสิ่งที่เธอยึดเหนี่ยวไปแล้วจะต้องทำเช่นไร
และ ... เจ้าสิ่งนั้นก็ไม่ให้เธอต้องรอนานเลย ใครเล่าจะนึก ว่าความตายของลูกน้อยจะโยงใยถึงความความลับที่ไม่ลับของผู้เป็นสามี โลกที่เคยสลายลงไปแล้วเมื่อครั้งแต่งงานและกลับสว่างได้เมื่อมีเอิร์ธ บัดนี้ดับมืดลงอีกวาระหนึ่ง ความล่มสลายทางใจพัดพาเธอสู่หุบเหวไร้ก้น บาดแผลลึกล้ำที่ทำใจละเลย เปิดกว้าง และ อีกทั้งยังกลัดหนอง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะต้องลุกขึ้นอย่างไร จนผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งยื่นเข้ามา
ใบหน้าสว่างไสวของชายหนุ่มวัยต้นประกอบด้วยคิ้วเข้มคมคาย และ รอยยิ้มอบอุ่น เขาบอกว่าทุกคนสมควรได้รับความสุข และ เราควรต้องมีความหวัง นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอพยายามก้าวออกจากหุบเหว โดยไม่รู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าก็มีหุบเหวในใจเหมือนกัน มิติหนึ่ง "ตะวัน" คือ ครูสอนศิลปะบำบัด ผู้ชายใจเย็น น่ารัก อ่อนหวาน และ มีรอยยิ้มอบอุ่นประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ หากอีกด้านหนึ่งในชุดสูทสีดำสนิทกลืนไปกับราตรีกาลยามตะวันยอแสง เขาคือผู้ขายบริการ เรือนร่าง และ ศิลปะบนเตียงนอน เส้นสายลีลาที่เคยคุ้น มีทั้งความเอาอกเอาใจ ความนุ่มนวล ความร้อนแรง แล้วแต่ผู้รับบริการจะร้องขอ หรือ มีคำสั่ง ใบหน้าเปื้อนยิ้ม และ ความมีมารยาทอย่างคนมืออ่อน ก็ทำรายได้ไม่ใช่น้อย คราวหนึ่ง คืนหนึ่ง ล่วงเลยไป ซองหนา ๆ แบงค์สีเทาปึกใหญ่ก็ผ่านล่วงเข้ามาในมือ
ล่วงเข้ามาพร้อมริมฝีปากที่คลายความแย้มเยื้อน ดวงตาที่หม่นแสงไม่สมชื่อตะวัน จากวันเป็นคืน จากคืนเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี แม้จะรู้ว่าทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไร และ เพราะรู้เช่นนั้นทำให้ยังยิ้มได้ และ ยังมีหวัง หากคุณค่าของความเป็นคน ก็เริ่มละลายหายไปตามเวลาที่ผ่านล่วง ที่เขาต้องทำ เพราะความเร่งด่วนและร้อนเงิน แต่ถ้าเกิดมีใครล่วงรู้เล่า เหตุและผลที่เขามีจะเพียงพอให้เขาทนเชิดหน้าในสังคมนี้ได้ไหม คุณค่าและตัวตนจะถูกลดทอนลงหรือไม่ ความกังวลในใจไม่จางหายง่าย ๆ แต่น้ำเงิน น้ำเงินที่ได้มานั้นเมื่อพาแม่ไปอยู่ในมือหมอที่ฝีมือดี ได้รับการดูแลและได้รับความสะดวกสบาย ก็ทำให้ใจยินดี และ เกิดความสุข เช่นกัน .... ไม่มีใครได้อะไรไปทุกอย่างหรอก บาดแผลของชีวิต ... ใคร ๆ ก็มีทั้งนั้น อยู่ที่ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร สำหรับตะวันทางสายมืดที่เลือกจะไป ทางสายมืดที่สร้างบาดแผล และ ลดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ มันก็ไม่เป็นไร เมื่อสิ่งที่ทำคือหน้าที่ของความเป็นลูก เมื่อสิ่งที่ทำสำเร็จผลจะทุกข์หน่อยก็คงไม่เป็นไร ตะวันจึงยังสามารถฉายแสงอบอุ่นได้แม้ชีวิตจะอยู่ในคืนที่มืดมิดก็ตาม
อาจจะเป็นเพราะมีแผลเหมือนกันกระมัง ตะวันจึงมองคุณกิรนันท์เพื่อนของคุณพัชอย่างจับสังเกต และ กลายเป็นความสงสาร สายตาของคนที่ทุกข์ทนและอัดอั้น ก็คงมีเพียงคนที่ทนทุกข์คล้าย ๆ กันที่จะเข้าใจและมองเห็น ถึงไม่รู้ละเอียดว่าเพื่อนของคุณพัชที่กลายมาเป็นลูกศิษย์นี้มีเรื่องอะไรอยู่ในใจก็ตาม แต่ชีวิตก็ต้องมีความหวัง แม้อยู่บนความอ้างว้างมืดมนคน เราก็พ้นจากมันได้ และ ทุกคนควรได้รับความสุข รอยยิ้มอบอุ่น ทำให้กิรนันท์ได้กำลังใจไม่น้อย โลกที่แตกสลายไปแล้วอาจไม่กลับคืนดีมาทั้งหมด หากมันก็จุดประกายให้เธอคิดว่าควรจะก้าวเดินต่อไปทางไหน อย่างไร มิตรภาพของหนุ่มสาวสองวัยจึงเริ่มตั้งที่ตรงนั้น .... ตรงบาดแผลแห่งชีวิต ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ฉันใดก็สุดรู้
ในยามฝนพร่ำเธอทำอะไร
ในยามน้ำตารินไหล
เธอคิดอะไรหรือเธอ
รอแสงสว่าง หาทางออกไปไม่เจอ
ฝนในใจเธอจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่
กี่คราวที่ใจของเธออ่อนล้า
เจ็บเป็นเรื่องธรรมดา
จะมาสิ้นหวังทำไม
ความทุกข์ความเศร้าโลก
มีให้เราเข้าใจเสียแล้วเสียไป
เสียใจนานไปรึเปล่า
มีวันที่ฝนซา
มีวันที่ฟ้าเปิด
มีดวงตะวันเคียงคู่ฟ้า
เพียงเธอเปิดหัวใจ
เปิดทางให้ดวงตะวันสาดแสงมา
ให้น้ำตาเป็นยารักษาหัวใจ
ชีวิตนั้นมีเพื่อวันพรุ่งนี้
ที่เราต้องทำวันนี้คือทำให้ดีให้ได้
ผิดหวังครั้งก่อนเป็นบทเรียนสอนใจ
ร้องไห้ทำไม เสียใจนานไปรึเปล่า
ป.ล. โอ ละครที่ชอบชนกันระเนระนาด ทำไงดี รีวิวสองเรื่องพร้อมกันงี้เหรอ ได้เหรอ ? .... โอวววววว คุณพระ เอาเวลาที่ไหนทำงานทำการ
ป.ล. อีกที เลือกเพลงนี้มา ... นึกถึงหลงเงาจันทร์เหอะ
บาปรัก (กึ่งรีวิว) : บาดแผล ชีวิต มิตรภาพ
บาดแผลนั้นลึกล้ำ และ กว้างขวางออกไปเรื่อย ๆ แหวนเพชรสูงค่าที่สวมใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายไม่ใช่ตัวแทนความอบอุ่นอ่อนหวานเมื่อครั้งที่เคยได้ให้คำสัตย์สัญญาในเวลาแต่งงาน มันทั้งเย็นชืดและแข็งกระด้าง ไม่มีอะไรที่ต้องผูกพันกันสืบไปนอกจากหน้าที่ .... ความเป็นพ่อ ความเป็นแม่ ที่มีต่อเอิร์ธ ลูกชายเพียงคนเดียว ซึ่งข้อนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่กิรนันท์ต้องยอมรับว่า ภายใต้การสมรสที่ล่มสลาย เลอยศเป็นพ่อที่มีความรักให้กับลูก ... ในแบบของเขา ในสายตาของคนอื่นจะเป็นอย่างไร หากเธอก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นความรัก .... ไม่ผิดไปจากนั้น
นาทีนั้น ... กิรนันท์ก็เกือบจะยอมรับได้แล้วว่าชีวิตก็คงต้องเป็นไปแบบนั้น ไม่มีใครได้อะไรอย่างที่ต้องการทุกอย่าง ความรักอาจไม่มีเหลือ และ เธอก็รู้ตัวว่าความเลอะเทอะเปรอะเปื้อนของสามีในด้านชู้สาวนั้นก็อยากที่จะรับ ยากที่จะทานทน แต่มันก็อาจคุ้มค่าเมื่อมันทำให้ "ลูก" มีครอบครัว บัดนี้เอิร์ธจึงกลายเป็นโลกทั้งใบให้กิรนันท์ยึดเหนี่ยว ความหวังความฝันความสุขในชีวิตครอบครัว เหมือนต้นไม้ที่ขาดการดูแลรดน้ำ มันแห้งเหี่ยว และ จบสิ้นไปนานแล้ว เธอไม่คิด ไม่เคยนึก ไม่เคยฝัน ว่าหากมีสิ่งใดพรากสิ่งที่เธอยึดเหนี่ยวไปแล้วจะต้องทำเช่นไร
และ ... เจ้าสิ่งนั้นก็ไม่ให้เธอต้องรอนานเลย ใครเล่าจะนึก ว่าความตายของลูกน้อยจะโยงใยถึงความความลับที่ไม่ลับของผู้เป็นสามี โลกที่เคยสลายลงไปแล้วเมื่อครั้งแต่งงานและกลับสว่างได้เมื่อมีเอิร์ธ บัดนี้ดับมืดลงอีกวาระหนึ่ง ความล่มสลายทางใจพัดพาเธอสู่หุบเหวไร้ก้น บาดแผลลึกล้ำที่ทำใจละเลย เปิดกว้าง และ อีกทั้งยังกลัดหนอง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าจะต้องลุกขึ้นอย่างไร จนผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งยื่นเข้ามา
ใบหน้าสว่างไสวของชายหนุ่มวัยต้นประกอบด้วยคิ้วเข้มคมคาย และ รอยยิ้มอบอุ่น เขาบอกว่าทุกคนสมควรได้รับความสุข และ เราควรต้องมีความหวัง นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอพยายามก้าวออกจากหุบเหว โดยไม่รู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าก็มีหุบเหวในใจเหมือนกัน มิติหนึ่ง "ตะวัน" คือ ครูสอนศิลปะบำบัด ผู้ชายใจเย็น น่ารัก อ่อนหวาน และ มีรอยยิ้มอบอุ่นประดับอยู่บนใบหน้าเสมอ หากอีกด้านหนึ่งในชุดสูทสีดำสนิทกลืนไปกับราตรีกาลยามตะวันยอแสง เขาคือผู้ขายบริการ เรือนร่าง และ ศิลปะบนเตียงนอน เส้นสายลีลาที่เคยคุ้น มีทั้งความเอาอกเอาใจ ความนุ่มนวล ความร้อนแรง แล้วแต่ผู้รับบริการจะร้องขอ หรือ มีคำสั่ง ใบหน้าเปื้อนยิ้ม และ ความมีมารยาทอย่างคนมืออ่อน ก็ทำรายได้ไม่ใช่น้อย คราวหนึ่ง คืนหนึ่ง ล่วงเลยไป ซองหนา ๆ แบงค์สีเทาปึกใหญ่ก็ผ่านล่วงเข้ามาในมือ
ล่วงเข้ามาพร้อมริมฝีปากที่คลายความแย้มเยื้อน ดวงตาที่หม่นแสงไม่สมชื่อตะวัน จากวันเป็นคืน จากคืนเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี แม้จะรู้ว่าทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไร และ เพราะรู้เช่นนั้นทำให้ยังยิ้มได้ และ ยังมีหวัง หากคุณค่าของความเป็นคน ก็เริ่มละลายหายไปตามเวลาที่ผ่านล่วง ที่เขาต้องทำ เพราะความเร่งด่วนและร้อนเงิน แต่ถ้าเกิดมีใครล่วงรู้เล่า เหตุและผลที่เขามีจะเพียงพอให้เขาทนเชิดหน้าในสังคมนี้ได้ไหม คุณค่าและตัวตนจะถูกลดทอนลงหรือไม่ ความกังวลในใจไม่จางหายง่าย ๆ แต่น้ำเงิน น้ำเงินที่ได้มานั้นเมื่อพาแม่ไปอยู่ในมือหมอที่ฝีมือดี ได้รับการดูแลและได้รับความสะดวกสบาย ก็ทำให้ใจยินดี และ เกิดความสุข เช่นกัน .... ไม่มีใครได้อะไรไปทุกอย่างหรอก บาดแผลของชีวิต ... ใคร ๆ ก็มีทั้งนั้น อยู่ที่ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร สำหรับตะวันทางสายมืดที่เลือกจะไป ทางสายมืดที่สร้างบาดแผล และ ลดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ มันก็ไม่เป็นไร เมื่อสิ่งที่ทำคือหน้าที่ของความเป็นลูก เมื่อสิ่งที่ทำสำเร็จผลจะทุกข์หน่อยก็คงไม่เป็นไร ตะวันจึงยังสามารถฉายแสงอบอุ่นได้แม้ชีวิตจะอยู่ในคืนที่มืดมิดก็ตาม
อาจจะเป็นเพราะมีแผลเหมือนกันกระมัง ตะวันจึงมองคุณกิรนันท์เพื่อนของคุณพัชอย่างจับสังเกต และ กลายเป็นความสงสาร สายตาของคนที่ทุกข์ทนและอัดอั้น ก็คงมีเพียงคนที่ทนทุกข์คล้าย ๆ กันที่จะเข้าใจและมองเห็น ถึงไม่รู้ละเอียดว่าเพื่อนของคุณพัชที่กลายมาเป็นลูกศิษย์นี้มีเรื่องอะไรอยู่ในใจก็ตาม แต่ชีวิตก็ต้องมีความหวัง แม้อยู่บนความอ้างว้างมืดมนคน เราก็พ้นจากมันได้ และ ทุกคนควรได้รับความสุข รอยยิ้มอบอุ่น ทำให้กิรนันท์ได้กำลังใจไม่น้อย โลกที่แตกสลายไปแล้วอาจไม่กลับคืนดีมาทั้งหมด หากมันก็จุดประกายให้เธอคิดว่าควรจะก้าวเดินต่อไปทางไหน อย่างไร มิตรภาพของหนุ่มสาวสองวัยจึงเริ่มตั้งที่ตรงนั้น .... ตรงบาดแผลแห่งชีวิต ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ฉันใดก็สุดรู้
ในยามน้ำตารินไหล
เธอคิดอะไรหรือเธอ
รอแสงสว่าง หาทางออกไปไม่เจอ
ฝนในใจเธอจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่
กี่คราวที่ใจของเธออ่อนล้า
เจ็บเป็นเรื่องธรรมดา
จะมาสิ้นหวังทำไม
ความทุกข์ความเศร้าโลก
มีให้เราเข้าใจเสียแล้วเสียไป
เสียใจนานไปรึเปล่า
มีวันที่ฝนซา
มีวันที่ฟ้าเปิด
มีดวงตะวันเคียงคู่ฟ้า
เพียงเธอเปิดหัวใจ
เปิดทางให้ดวงตะวันสาดแสงมา
ให้น้ำตาเป็นยารักษาหัวใจ
ชีวิตนั้นมีเพื่อวันพรุ่งนี้
ที่เราต้องทำวันนี้คือทำให้ดีให้ได้
ผิดหวังครั้งก่อนเป็นบทเรียนสอนใจ
ร้องไห้ทำไม เสียใจนานไปรึเปล่า
ป.ล. โอ ละครที่ชอบชนกันระเนระนาด ทำไงดี รีวิวสองเรื่องพร้อมกันงี้เหรอ ได้เหรอ ? .... โอวววววว คุณพระ เอาเวลาที่ไหนทำงานทำการ
ป.ล. อีกที เลือกเพลงนี้มา ... นึกถึงหลงเงาจันทร์เหอะ