ช่วงนี้ฝนกำลังตกทั่วทุกพื้นที่เลยนะครับ ทำให้เจ้าโรคไข้เลือดออกกลับมาระบาดอีกรอบ เพราะปริมาณยุงลายซึ่งเป็นตัวการแพร่เชื้อ มีจำนวนมากในช่วงที่ฝนตกแบบนี้จากแหล่งน้ำขังต่างๆ จึงทำให้เราทุกคนมีโอกาสถูกยุงลายกัดและเสี่ยงป่วยเป็นไข้เลือดออก
โดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปี และผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการติดเชื้อไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในเด็กเล็กนั้นจะมีภูมิต้านทานเชื้อไวรัสโรคไข้เลือดออกต่ำ หากติดเชื้อไข้เลือดออกจะมีอาการรุนแรง และในผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเป็นการติดเชื้อซ้ำ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หากป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้วหล่ะก็! อาการจะรุนแรงมากเลยนะครับ ดังนั้นหากมีไข้สูงติดต่อกันและไข้ไม่ลดลงภายใน 2 วัน ให้นึกถึงโรคไข้เลือดออก และรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องและรับการรักษาที่เหมาะสมดีกว่านะครับ...
ซึ่งอาการของโรคไข้เลือดออกมี 3 ระยะ ด้วยกัน คือ
1. ระยะไข้ อาการมักเกิดขึ้นทันทีด้วยการมีไข้สูง 39–40 องศาเซลเซียส ตัวร้อนจัดตลอดเวลา แม้จะทานยาไข้ก็ไม่ลดลง เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดศีรษะ บางคนอาจจะมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง มีจุดเลือดออกตามลำตัว แขน ขา หรืออาจมีเลือดกำเดาไหลระยะนี้จะอยู่ที่ 2- 7 วันโดยประมาณครับ
2. ระยะวิกฤต ระยะนี้ไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว อาการอาจทรุดลง กระสับกระส่ายมือเย็น ชีพจรเบาลง บางคนอาจมีอาการปวดท้องมาก อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด และอาจถึงขั้นช็อคหมดสติได้เลยนะครับ
3. ระยะฟื้น เมื่อผ่านพ้นระยะวิกฤตที่อันตรายมาได้แล้ว จะมีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อาการต่างๆ ที่เคยมีจะหายไปและฟื้นคืนสู่สภาวะปกติ
ปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถกำจัดเชื้อไข้เลือดออกได้ การรักษาในปัจจุบันจึงทำได้เพียงรักษาตามอาการ โดยทั่วไปผู้ที่เป็นโรคไข้เลือดออกจะมีอาการมากน้อยขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยและชนิดของเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการเพียงเล็กน้อยและหายได้เองภายใน 7-8 วัน มีเพียงส่วนน้อยที่อาการรุนแรงหรือมีภาวะช็อค ซึ่งหากให้การช่วยเหลือได้ทันก็สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ และที่สำคัญคือต้องติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ แพทย์จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงทีครับ... อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงกันด้วยนะครับทุกคนนะ หมอเป็นห่วง
หน้าฝนมาแล้ว ให้ระวังผู้สูงอายุป่วยโรคไข้เลือดออก
โดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปี และผู้สูงอายุ เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการติดเชื้อไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในเด็กเล็กนั้นจะมีภูมิต้านทานเชื้อไวรัสโรคไข้เลือดออกต่ำ หากติดเชื้อไข้เลือดออกจะมีอาการรุนแรง และในผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะเป็นการติดเชื้อซ้ำ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หากป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้วหล่ะก็! อาการจะรุนแรงมากเลยนะครับ ดังนั้นหากมีไข้สูงติดต่อกันและไข้ไม่ลดลงภายใน 2 วัน ให้นึกถึงโรคไข้เลือดออก และรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องและรับการรักษาที่เหมาะสมดีกว่านะครับ...
ซึ่งอาการของโรคไข้เลือดออกมี 3 ระยะ ด้วยกัน คือ
1. ระยะไข้ อาการมักเกิดขึ้นทันทีด้วยการมีไข้สูง 39–40 องศาเซลเซียส ตัวร้อนจัดตลอดเวลา แม้จะทานยาไข้ก็ไม่ลดลง เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดศีรษะ บางคนอาจจะมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง มีจุดเลือดออกตามลำตัว แขน ขา หรืออาจมีเลือดกำเดาไหลระยะนี้จะอยู่ที่ 2- 7 วันโดยประมาณครับ
2. ระยะวิกฤต ระยะนี้ไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว อาการอาจทรุดลง กระสับกระส่ายมือเย็น ชีพจรเบาลง บางคนอาจมีอาการปวดท้องมาก อาเจียน ถ่ายเป็นเลือด และอาจถึงขั้นช็อคหมดสติได้เลยนะครับ
3. ระยะฟื้น เมื่อผ่านพ้นระยะวิกฤตที่อันตรายมาได้แล้ว จะมีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อาการต่างๆ ที่เคยมีจะหายไปและฟื้นคืนสู่สภาวะปกติ
ปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถกำจัดเชื้อไข้เลือดออกได้ การรักษาในปัจจุบันจึงทำได้เพียงรักษาตามอาการ โดยทั่วไปผู้ที่เป็นโรคไข้เลือดออกจะมีอาการมากน้อยขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยและชนิดของเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการเพียงเล็กน้อยและหายได้เองภายใน 7-8 วัน มีเพียงส่วนน้อยที่อาการรุนแรงหรือมีภาวะช็อค ซึ่งหากให้การช่วยเหลือได้ทันก็สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ และที่สำคัญคือต้องติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ หากมีอาการผิดปกติอื่นๆ แพทย์จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงทีครับ... อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงกันด้วยนะครับทุกคนนะ หมอเป็นห่วง