Long Call Butterfly หรือบางตำราอาจเรียก Long Call Butterfly Spread
เป็นการ long call strike ต่ำกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ short call strike กลาง จำนวน 2 สัญญา
และ long call strike สูงกว่า จำนวน 1 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย กำไร และขาดทุนจะจำกัดทั้งคู่
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดน่าจะ sideways
สมมติ long s50u18c1100 (lc1100) 1 สัญญา ที่ premium 40
และ short s50u18c1125 (sc1125*2) 2 สัญญา ที่ premium 24
และ long s50u18c1150 (lc1150) 1 สัญญา ที่ premium 14
เส้นสีแดง คือ lc1100
เส้นสีเขียว คือ sc1125
เส้นสีน้ำเงิน คือ lc1150
เส้นสีดำ คือ lc1100 + sc1125*2 + lc1150 คือ long call butterfly
จุดสูงสุด คือ จุดที่กำไรมากสุด เท่ากับ
(strike กลาง - strike ต่ำ) - (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
= (1125 - 1100) - (40 + 14 - 24*2) = 25 - 6 = 19 จุด
จุดต่ำสุด คือ จุดที่ขาดทุนมากสุด หรือกำไรน้อยสุด เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 24*2 - (40 + 14) = -6 จุด (ติดลบ หมายถึง ขาดทุน)
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ถ้าจุดต่ำสุด ได้กำไรคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้าขาดทุน จะมีจุด BE ทั้งด้านขึ้น และขาลง
ด้านขาขึ้น เท่ากับ strike สูง - (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
= 1150 - (40 + 14 - 24*2) = 1150 - 6 = 1144
ด้านขาลง เท่ากับ strike ต่ำ + (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
= 1100 + (40 + 14 - 24*2) = 1100 + 6 = 1106
ถ้า set50 < 1106 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1100 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 < 1100 ลงไป จะขาดทุนคงที่
ถ้า set50 > 1106 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1125 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 > 1125 ขึ้นไป จะกำไรลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 > 1144 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1150 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 > 1150 ขึ้นไป จะขาดทุนคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ short straddle
รวมกับ long put ด้านซ้าย และ long call ด้านขวา
หรือ long put strike ต่ำ + (short call + short put) strike กลาง + long call strike สูง
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
long call butterfly = LC1100 + SC1125*2 + LC1150
จาก synthetic options จะได้ว่า
LC1100 = LP1100 + LF
แทนค่า LC1100 จะได้
= LP1100 + LF + SC1125*2 + LC1150
= LP1100 + LF + SC1125 + SC1125 + LC1150
เนื่องจาก LF + SC1125 เท่ากับ SP1125
= LP1100 + SP1125 + SC1125 + LC1150
SP1125 + SC1125 ก็คือ short straddle นั่นเอง
ดังนั้น long call butterfly จะให้กราฟเหมือนกับ
short straddle รวมกับ long put ด้านซ้าย และ long call ด้านขวา เช่นกัน
หรือจะมองว่า เหมือนกับ call front ratio spread รวมกับ long call ด้านขวา ก็ได้เช่นกัน
เพราะ call front ratio spread = LC1100 + SC1125*2 ถ้าบวก LC1150 เข้าไป
จะเท่ากับ long call butterfly เช่นกัน
ในทางปฏิบัติ เราสามารถทำ long call butterfly ได้หลายวิธีมาก
ไว้อธิบายรวมทีเดียว หลังจากเขียนกลยุทธ long butterfly ให้ครบก่อนนะครับ
TFEX Options - 8/8/2018 - Long Call Butterfly
เป็นการ long call strike ต่ำกว่า จำนวน 1 สัญญา
และ short call strike กลาง จำนวน 2 สัญญา
และ long call strike สูงกว่า จำนวน 1 สัญญา
ใน series เดียวกัน
โดย กำไร และขาดทุนจะจำกัดทั้งคู่
เป็นการเทรดในมุมมองว่าตลาดน่าจะ sideways
สมมติ long s50u18c1100 (lc1100) 1 สัญญา ที่ premium 40
และ short s50u18c1125 (sc1125*2) 2 สัญญา ที่ premium 24
และ long s50u18c1150 (lc1150) 1 สัญญา ที่ premium 14
เส้นสีแดง คือ lc1100
เส้นสีเขียว คือ sc1125
เส้นสีน้ำเงิน คือ lc1150
เส้นสีดำ คือ lc1100 + sc1125*2 + lc1150 คือ long call butterfly
จุดสูงสุด คือ จุดที่กำไรมากสุด เท่ากับ
(strike กลาง - strike ต่ำ) - (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
= (1125 - 1100) - (40 + 14 - 24*2) = 25 - 6 = 19 จุด
จุดต่ำสุด คือ จุดที่ขาดทุนมากสุด หรือกำไรน้อยสุด เท่ากับ
ผลต่างค่า premium ที่รับ - ที่จ่าย
= 24*2 - (40 + 14) = -6 จุด (ติดลบ หมายถึง ขาดทุน)
ถ้า premium ที่รับ มากกว่าที่จ่ายไป จะ กำไร
ถ้า premium ที่รับ น้อยกว่าที่จ่ายไป จะ ขาดทุน
จุดเท่าทุน (Break-Even Point) คือ จุดที่เส้นกราฟตัดแกน X (Y = 0)
ถ้าจุดต่ำสุด ได้กำไรคงที่ จะไม่มีจุด BE เพราะ ไม่มีจุดตัดแกน X
ถ้าขาดทุน จะมีจุด BE ทั้งด้านขึ้น และขาลง
ด้านขาขึ้น เท่ากับ strike สูง - (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
= 1150 - (40 + 14 - 24*2) = 1150 - 6 = 1144
ด้านขาลง เท่ากับ strike ต่ำ + (ผลต่างค่า premium ที่จ่าย - ที่รับ)
= 1100 + (40 + 14 - 24*2) = 1100 + 6 = 1106
ถ้า set50 < 1106 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1100 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 < 1100 ลงไป จะขาดทุนคงที่
ถ้า set50 > 1106 จะเริ่มกำไรไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1125 จะกำไรสูงสุด
ถ้า set50 > 1125 ขึ้นไป จะกำไรลดลงไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 > 1144 จะเริ่มขาดทุนไปเรื่อยๆ
ถ้า set50 = 1150 จะขาดทุนสูงสุด
ถ้า set50 > 1150 ขึ้นไป จะขาดทุนคงที่
จากรูปกราฟ จะเห็นว่า คล้ายกราฟ short straddle
รวมกับ long put ด้านซ้าย และ long call ด้านขวา
หรือ long put strike ต่ำ + (short call + short put) strike กลาง + long call strike สูง
อธิบายได้ด้วย synthetic options
ตัวอย่าง
long call butterfly = LC1100 + SC1125*2 + LC1150
จาก synthetic options จะได้ว่า
LC1100 = LP1100 + LF
แทนค่า LC1100 จะได้
= LP1100 + LF + SC1125*2 + LC1150
= LP1100 + LF + SC1125 + SC1125 + LC1150
เนื่องจาก LF + SC1125 เท่ากับ SP1125
= LP1100 + SP1125 + SC1125 + LC1150
SP1125 + SC1125 ก็คือ short straddle นั่นเอง
ดังนั้น long call butterfly จะให้กราฟเหมือนกับ
short straddle รวมกับ long put ด้านซ้าย และ long call ด้านขวา เช่นกัน
หรือจะมองว่า เหมือนกับ call front ratio spread รวมกับ long call ด้านขวา ก็ได้เช่นกัน
เพราะ call front ratio spread = LC1100 + SC1125*2 ถ้าบวก LC1150 เข้าไป
จะเท่ากับ long call butterfly เช่นกัน
ในทางปฏิบัติ เราสามารถทำ long call butterfly ได้หลายวิธีมาก
ไว้อธิบายรวมทีเดียว หลังจากเขียนกลยุทธ long butterfly ให้ครบก่อนนะครับ