I left my heart in Leh…หลงรักเลห์เข้าไปเต็มๆ (Part1/2)

สวัสดีค่ะ กิ๊บ จาก www.fallenforadventure.com นะคะ www.facebook.com/fallenforadventure
วันนี้มาแชร์โปรแกรมเที่ยวที่เลห์ ลาดัก ฉบับของกิ๊บอาจจะเหมาะสำหรับนักเดินทางผู้หญิงที่ลุยระดับนึง (มี soft adventure เช่น เดินป่า ขี่จักรยานภูเขา) แต่ก็มีการผสม Wellness เข้าไปด้วย เนื่องจากมีการเล่นโยคะหลายครั้ง ลองติดตามกันดูนะคะ ยิ้ม

เริ่มแรกแนะนำสถานที่ เลห์ ลาดัก ซักหน่อย
เลห์ ลาดัก (Leh Ladakh) ตั้งอยู่ที่รัฐ Jammu and Kashmir ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย มีอาณาเขตใกล้กับหลายประเทศทั้งทิเบต จีน และปากีสถาน เมื่อสมัยก่อนเมืองนี้เคยเป็นทางผ่านของ The Silk Route อันโด่งดังด้วย ส่วนเลห์ ลาดัก ที่คนชอบเรียกติดๆกันเป็นชื่อเดียวกันนั้น ความจริงก็คือ ลาดักคือแคว้น ที่มีเมืองที่ใหญ่ที่สุดคือ เลห์นั่นเอง

ถึงแม้เมืองนี้จะตั้งอยู่ประเทศอินเดีย แต่คนแถวนี้มีประวัติศาสตร์ ศาสนา (ประชาชนส่วนใหญ่แถวนี้นับถือ Dalai Lama) และวัฒนธรรม หรือแม้แต่หน้าตา ที่คล้ายคลึงกับทางทิเบตมากกว่าทางอินเดีย แม้แต่ชื่อ ลาดัก เอง ก็มาจากภาษาทิเบตที่แปลว่า “Land of High Passes” เนื่องจากลักษณะภูมิศาสตร์ของแคว้นนี้ตั้งอยู่บนที่สูง/ ภูเขา เป็นแคว้นที่อยู่สูงที่สุดในรัฐ Jammu and Kashmir เลยทีเดียว โดยพื้นที่ส่วนใหญ่สูงกว่าน้ำทะเลมากกว่า 3,000 เมตรทั้งนั้น โดยเมืองเลห์นั้นอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 3,524 เมตร หรือ (11,526 ฟุตจากระดับน้ำทะเล) เลยทีเดียวค่ะ

เพราะฉะนั้นคนที่จะไปเที่ยวเลห์ ลาดัก ควรจะมีการเตรียมตัวที่ดี ทั้งก่อนไปและระหว่างอยู่ที่โน่น เพื่อที่จะได้มีทริปที่ราบรื่นตลอดการเดินทางค่ะ Altitude Sickness นั้นเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้เมื่ออยู่บนที่สูงมากกว่าระดับน้ำทะเล 2,000 เมตรขึ้นไป เนื่องจากระดับ  Oxygen ในอากาศต่ำ ทำให้ร่างกายได้รับ Oxygen ไม่พอ ก็จะสามารถทำให้เกิดอาการต่างๆได้ ซึ่งอาการเริ่มต้นของมันก็จะมีทั้งปวดหัว เหนื่อยง่าย ปวดท้อง มึนๆหัว ชาตามนิ้วมือ และนอนไม่หลับ ส่วนคนที่เป็นมากๆอาจอาเจียน มีไข้ เหนื่อยแม้กระทั่งตอนนั่งเฉยๆ ซึ่งถ้าเป็นมากๆๆๆ ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยค่ะ (เดี๋ยวบล็อกหน้าจะมาเขียนเรื่องการเตรียมตัวทั้งก่อนมาและระหว่างอยู่ที่เลย์  เพื่อป้องกัน Altitude Sickness ให้มากที่สุดค่ะ)

ความสูงของสถานที่เที่ยวในลาดัก
Leh = 3,524 เมตรจากระดับน้ำทะเล
Nubra Valley = 3,048 เมตรจากระดับน้ำทะเล (โดยต้องผ่าน Khadungla Pass = 5,359 เมตรจากระดับน้ำทะเล)
Pangong Lake = 4,250 (โดยต้องผ่าน Changla Pass = 5,360 เมตรจากระดับน้ำทะเล)


ฤดูท่องเที่ยวของลาดัก
เมษายน – กลางเดือน พฤษภาคม : (อากาศจะอยู่ที่ประมาณ ติดลบ 16 – 16 C ตอนกลางคืนเลยทีเดียว) เป็นเดือนที่ฤดูท่องเที่ยวที่เลย์เริ่มเปิด โรงแรม Guest House ร้านอาหารต่างๆ จะค่อยๆเริ่มทยอยเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวกันเดือนนี้
พฤษภาคม – กันยายน : (อากาศประมาณ 7 – 25 C) ช่วงนี้จะเป็น High Season ของเลย์ ลาดักนักท่องเที่ยวจะค่อนข้างหนาแน่น แต่ถนนหนทางต่างๆก็จะเปิดให้บริการหมดแล้ว
กลางเดือน กันยายน – ตุลาคม : (อากาศ -1 – 21 C) บางคนบอกว่าจริงๆช่วงนี้คือช่วงที่น่าเที่ยวที่สุดของเลย์ เนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก ถนนเปิดหมด และอากาศดีค่ะ
พฤศจิกายน – มีนาคม : (อากาศ -20 – 0 C) เป็นช่วงที่หนาวที่สุดของเลห์ ถนนหนทาง หรือแม้แต่โรงแรมก็ยังไม่เปิดให้บริการค่ะ

ITINERARY (10 วัน)

DAY 1: BANGKOK – DELHI
เครื่องออกจากกรุงเทพประมาณ 18.30 นใ มาถึง New Delhi เกือบเที่ยงคืนแล้ว กว่าจะผ่าน Immigration มาได้ ใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมง พวกเราจองโรงแรมไว้ที่ Pride Hotel อยู่ใน Aerocity ได้นอนไป 2-3 ชั่วโมงก็ต้องรีบไปต่อเครื่องไปเลห์ค่ะ

DAY 2: DELHI – LEH – พักผ่อนเพื่อปรับระดับความสูง – SHANTI STUPA – LEH MARKET (พักที่ LADAKH SARAI)
วันนี้เดินทางมาถึงเลย์ตอนเช้า ประมาณ 7.30AM. เข้าที่พักแล้วนอนจนถึงเที่ยงเลย เพราะว่าเมื่อคืนนอนน้อยมากๆ เนื่องจากลงเครื่องที่ New Delhi ก็ประมาณเที่ยงคืนแล้ว ต้องต่อเครื่องมาเลย์ตั้งแต่ 6 โมงเช้า

หลังจากได้นอนสัก 2-3 ชั่วโมง ก็ตื่นมากินข้าวเที่ยงและออกไปชมเมืองนิดหน่อย ไม่ทำอะไรหักโหมมาก

ไป Shanti Stupa วิวสวยดี ไปตอนพระอาทิตย์จะตกจะสวยมากๆ เพราะตั้งอยู่บนภูเขา เพราะฉะนั้นจะเห็น Landscape กว้างๆ สุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียวค่ะ หลังจากนั้นเราก็เดินเล่นเบาๆที่ตลาด Leh Market มีของ shopping นิดหน่อย

Shanti Stupa

วิวจากลานรอบด้าน SHANTI STUPA

LEH MARKET



DAY 3: YOGA – OUT AROUND LEH (พักที่ LADAKH SARAI)
ตื่นมาตอนเช้า ที่โรงแรมมีโยคะตอน 7.30 เล่นไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง พอได้ยือเส้นยืดสาย จากนั้นไปเตรียมตัวเที่ยวชมเมือง


วันนี้ยังคงอยู่ที่เลห์ แต่เราเดินทางไปเที่ยวรอบๆเมือง ตามเส้นทางไป Lamayuru Monastery โดยสถานที่ที่เราหยุดแวะเที่ยวดังนี้ค่ะ

Magnetic Hill

Alchi Monastery

Confluence of Indus and Zanskar

แวะทานข้าวเที่ยงแบบปิกนิคก่อนถึง Lamayuru : ทางโรงแรมมีเตรียมข้าวเที่ยงมาให้พวกเราทานกลางทาง เลยหาที่เหมาะๆก่อนถึง Lamayuru เพื่อแวะทานอาหารกัน

หาจุดแวะทานข้าวเที่ยง
ข้าวเที่ยงที่ทางโรงแรมเตรียมมาให้ค่ะ
เจอจุดเหมาะๆก็นั่งกินได้เลย กินเสร็จก็เก็บกลับไปให้หมด อย่าทิ้งอะไรไว้นะคะ 🙂

Lamayuru Village

Lamayuru Monastery

Basgo Monastery

DAY 4: MOUNTAIN BIKING AROUND LEH – CULTURAL DANCE AT HOTEL (พักที่ LADAKH SARAI)

วันนี้เป็นวัน Adventure เบาๆ ตอนเช้าพวกเราชิวๆอ่านหนังาืออยู่ที่โรงแรม บ่ายแก่ๆมาปั่นจักรยานภูเขากัน ยืมจักรยานจากทางโรงแรมและให้เค้าเลือกเส้นทางปั่นให้ เอาเส้นทางแบบ Beginner พอ เนินเขาไม่ต้องเยอะ เหนื่อยสุดดดด แต่เป็น cardio work out ที่ดี แถมวิวสองข้างทางสุดๆไปเลย

กิจกรรมเบาๆ นั่งอ่านหนังสือชิวๆกับวิวสวยๆที่โรงแรม LADAKH SARAI รู้สึกเหมือนอยู่ใน SET หมี POOH ยังไงไม่รู้


กลับมาโรงแรมตอนเย็น ทางโรงแรมมีจัด Cultural Dance Show เป็นการเต้นรำแบบพื้นบ้านเค้าค่ะ


พื้นที่หมดแล้ว ขออนุญาติอ่านต่อที่ I left my heart in Leh…หลงรักเลห์เข้าไปเต็มๆ (Part 2)
หรือสามารถอ่านเต็มๆได้ที่ www.fallenforadventure.com หรือ www.facebook.com/fallenforadventure ค่ะ ฝากกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่