Why’s India?
เวลาที่เราบอกคนอื่นว่า “ไปอินเดียกันเถอะ” หรือ “ผมจะไปอินเดียครับ” สิ่งแรกที่เราจะได้ยินคำตอบตอบกลับมาคือ “ทำไมต้องไปอินเดีย” ซึ่งผมเองก็เคยพูดอย่างนี้กับเพื่อนไปเหมือนกัน
Leh Ladakh คือความแตกต่าง มันคืออินเดียที่ไม่ใช่อินเดียครับ ลองลบภาพอินเดียเก่าๆที่คุณเคยนึกถึงออกให้หมด แล้วมาเริ่มเดินทางไปยังที่แห่งนี้ด้วยกัน แล้วคุณจะพบกับความกลมกล่อมของมันซ่อนอยู่
ทริปนี้เราใช่เวลาเตรียมการร่วม 1 ปี ซึ่งยาวนานมาก
“โห หาข้อมูลเยอะขนาดนั้นเลย?”
“ป่าว เก็บตัง!!!!!”
สมาชิกของทริปนี้ประกอบด้วยผู้หญิง 5 นาง ผู้ชาย 2 นาย ซึ่งในตอนแรกเนี่ยนึกว่าทริปนี้จะต้องล่มซะแล้ว เพราะคนชวนเนี่ยมันดันลาไม่ได้ แต่สุดท้ายมันก็ลาไม่ได้ครับ เราจึงทำการ ทิ้งครับ!!!
เมืองเลห์ ลาดักห์เป็นเมืองทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย โดยทริปของเราคือวันที่ 28 ม.ย. 17 – 7 พ.ค. 17 ซึ่งแผนการเดินทางของเรามีดังนี้ครับ
28-Apr-17 เดินทางจากกรุงเทพไปเดลี
29-Apr-17 ถึงเดลี และต่อเครื่องไปเลห์ ไป Leh Castle, Leh Palace และ Shanti Stupa
30-Apr-17 ไป Lamayuru Gompa, Zanskar River, Moon Land, Alchi Monastery, Likir Monastery และ magnetic hill
1-May-17 เดินทางไป Nubra Valley แวะ Diskit Monastery
2-May-17 ไป Hunder Sand Dune และ Hot Spring จากนั้นเดินทางกลับเมืองเลห์
3-May-17 เดินทางไป Pangong Lake
4-May-17 เดินทางไป Tsomoriri Lake
5-May-17 เดินทางรอบๆเมืองเลห์ เช่น Shey Palace, Thiksey Monastery และ Hemis Monastery
6-May-17 เดินทางไปเดลี เที่ยว Humayun Tomb, Connaught Place และ Haul Khas
7-May-17 กลับกรุงเทพ
เราเดินทางกันด้วยการบินไทยจากกรุงเทพไปเดลี ส่วนสายการบินในประเทศจากเดลีไปเลห์ใช้บริการ Go Air ครับ ส่วนที่พักพวกเราใช้บริการของ Padma Guest House ติดต่อไปที่นี่ที่เดียวเค้าจัดการให้ทุกอย่างครับ รวมถึงรถที่ใช้เดินทางท่องเที่ยวพร้อมคนขับครับ
*** ที่เลห์นี่สัญญาณอินเตอเนตเป็นอะไรที่เรียกว่าแรร์ไอเท็มมากครับ ใครที่จะเปิดโรมมิ่งหรือซื้อซิมนี่หมดสิทธิ์ ใช้ Wifi ของโรงแรมได้อย่างเดียว ซึ่งบอกเลยว่าห่วยมากครับ ใครจะมาที่นี่ควรบอกญาติพี่น้อง แฟน ภรรยาที่รักไว้ก่อนเลยนะครับว่า คุณอาจหายตัวไปหรืออาจติดต่อไม่ได้ตลอดทริปนี้ครับ
มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
Leh Ladakh – ความกลมกล่อมที่ลงตัว
Why’s India?
เวลาที่เราบอกคนอื่นว่า “ไปอินเดียกันเถอะ” หรือ “ผมจะไปอินเดียครับ” สิ่งแรกที่เราจะได้ยินคำตอบตอบกลับมาคือ “ทำไมต้องไปอินเดีย” ซึ่งผมเองก็เคยพูดอย่างนี้กับเพื่อนไปเหมือนกัน
Leh Ladakh คือความแตกต่าง มันคืออินเดียที่ไม่ใช่อินเดียครับ ลองลบภาพอินเดียเก่าๆที่คุณเคยนึกถึงออกให้หมด แล้วมาเริ่มเดินทางไปยังที่แห่งนี้ด้วยกัน แล้วคุณจะพบกับความกลมกล่อมของมันซ่อนอยู่
ทริปนี้เราใช่เวลาเตรียมการร่วม 1 ปี ซึ่งยาวนานมาก
“โห หาข้อมูลเยอะขนาดนั้นเลย?”
“ป่าว เก็บตัง!!!!!”
สมาชิกของทริปนี้ประกอบด้วยผู้หญิง 5 นาง ผู้ชาย 2 นาย ซึ่งในตอนแรกเนี่ยนึกว่าทริปนี้จะต้องล่มซะแล้ว เพราะคนชวนเนี่ยมันดันลาไม่ได้ แต่สุดท้ายมันก็ลาไม่ได้ครับ เราจึงทำการ ทิ้งครับ!!!
เมืองเลห์ ลาดักห์เป็นเมืองทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย โดยทริปของเราคือวันที่ 28 ม.ย. 17 – 7 พ.ค. 17 ซึ่งแผนการเดินทางของเรามีดังนี้ครับ
28-Apr-17 เดินทางจากกรุงเทพไปเดลี
29-Apr-17 ถึงเดลี และต่อเครื่องไปเลห์ ไป Leh Castle, Leh Palace และ Shanti Stupa
30-Apr-17 ไป Lamayuru Gompa, Zanskar River, Moon Land, Alchi Monastery, Likir Monastery และ magnetic hill
1-May-17 เดินทางไป Nubra Valley แวะ Diskit Monastery
2-May-17 ไป Hunder Sand Dune และ Hot Spring จากนั้นเดินทางกลับเมืองเลห์
3-May-17 เดินทางไป Pangong Lake
4-May-17 เดินทางไป Tsomoriri Lake
5-May-17 เดินทางรอบๆเมืองเลห์ เช่น Shey Palace, Thiksey Monastery และ Hemis Monastery
6-May-17 เดินทางไปเดลี เที่ยว Humayun Tomb, Connaught Place และ Haul Khas
7-May-17 กลับกรุงเทพ
เราเดินทางกันด้วยการบินไทยจากกรุงเทพไปเดลี ส่วนสายการบินในประเทศจากเดลีไปเลห์ใช้บริการ Go Air ครับ ส่วนที่พักพวกเราใช้บริการของ Padma Guest House ติดต่อไปที่นี่ที่เดียวเค้าจัดการให้ทุกอย่างครับ รวมถึงรถที่ใช้เดินทางท่องเที่ยวพร้อมคนขับครับ
*** ที่เลห์นี่สัญญาณอินเตอเนตเป็นอะไรที่เรียกว่าแรร์ไอเท็มมากครับ ใครที่จะเปิดโรมมิ่งหรือซื้อซิมนี่หมดสิทธิ์ ใช้ Wifi ของโรงแรมได้อย่างเดียว ซึ่งบอกเลยว่าห่วยมากครับ ใครจะมาที่นี่ควรบอกญาติพี่น้อง แฟน ภรรยาที่รักไว้ก่อนเลยนะครับว่า คุณอาจหายตัวไปหรืออาจติดต่อไม่ได้ตลอดทริปนี้ครับ
มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ