เคล็ดลับฝึกหัดให้ชินกับความสำเร็จและล้มเหลว เพื่อที่ก้าวต่อไปจะได้ง่ายขึ้นและไม่กดดัน

สวัสดีค่ะ หลังจากได้ติดตามกระทู้น้องๆ หมูป่า รู้สึกว่าข่าวสารที่เราเคยได้รับในเมืองไทยมันดูแย่ ดูไร้หนทาง ตั้งแต่หวย 30 ล้านมาจนข่าวครอบครัวหัวร้อน และข่าวอื่นๆ คือเหมือนยิ่งติดตามข่าวยิ่งจิตตก ว่าทำไมเมืองไทยดูอันตราย แต่พอมีข่าวน้องๆ หมูป่า รู้สึกว่าโลกนี้ไม่ไร้หนทาง ทุกอย่างประสบความสำเร็จได้ ถ้าตั้งใจกระทำ และเปิดใจให้กว้าง เปิดสมองให้โล่งยอมรับความคิดเห็นผู้อื่น และลดทิฐิในใจตนลงไป

ช่วงหลังมีโอกาสตั้งกระทู้เกี่ยวกับการเงินการทำธุรกิจ ทำให้มีคนหลังไมค์เข้ามาหาค่อนข้างเยอะ บอกถึงความล้มเหลว ต้องการความช่วยเหลือ หรือบางคนก็น่ารัก ให้แง่คิดมุมมองในแบบที่เค้าเป็น

อ่านผ่านไปเจอกระทู้นึงในพันทิปบอกว่าอายุเยอะแล้ว (30 กว่า) ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรในชีวิตเลย ตอนแรกกะจะตอบที่กระทู้นั้น แต่อยากตั้งกระทู้ใหม่แล้วอธิบายเคล็ดลับวิธีที่เราใช้ เพื่อให้มีโอกาสมีคนเห็นและเผื่อว่าจะเป็นแง่คิดอะไรได้ หรือลองทำตามดู ก็ไม่เสียหายค่ะ กระทู้นี้อาจจะยาว พยายามให้สั้นแล้วแต่เนื้อหาจะหายไปค่ะ ก็เลยปล่อยเลยตามเลยนะคะ

ฝึกให้ชินกับความสำเร็จอย่างไร

ก่อนอื่น คุณอย่าเพิ่งตั้งเป้าความสำเร็จสูงสุด หรือมีเพียงเป้าความสำเร็จเดียว แต่ให้คุณตั้งความสำเร็จย่อยๆ ด้วย ก่อนหน้านี้สิบกว่าปี เราทนทุกข์กับความลุ่มๆ ดอนๆ ของชีวิต มีความคิดเดียวคืออยากรวย อยากมีเงิน อยากประสบความสำเร็จในชีวิต อยากมีเงินล้าน เงินที่หามาได้เท่าไหร่ก็ใช้จ่ายแบบไม่ระวังทำให้ชีวิตลำบากพร้อมกับกำลังใจที่ถดถอยไปเรื่อยๆ ว่าเมื่อไหร่จะมีวันนั้น ณ วันนั้นเราจำได้ดี ว่าเราเริ่มต้นปล่อยวางความสิ้นหวัง และเริ่มลงมือทำให้เกิดผล เราเป็นคนที่กำหนดและบังคับจิตใจตัวเองยากมาก (ในตอนนั้น)

จึงเริ่มเขียนลงกระดาษ memo ว่าเราจะทำอะไร เช่น ล้างจาน อาบน้ำ โทรหาลูกค้าคนนี้ ปิดงาน เปิดเวป เขียน module นี้ให้จบ ออกแบบรูปให้เสร็จ เราเขียนทุกอย่างที่นึกออกในเวลานั้น เขียนไปโดยที่ไม่ตัดสินตัวเองว่าจะทำได้หรือไม่ เขียนไปเรื่อยๆ แปะไว้เต็มหน้าต่างกระจก หน้าโต๊ะทำงาน จากนั้น เราก็เริ่มทำ เริ่มมองไปที่กระดาษ และทำ และดึงออกทีละใบ และชื่นชมกับความสำเร็จเล็กน้อยนั้น เช่น พูดกับตัวเอง ว่าทำได้แล้ว จากที่ทำไม่ได้เป็นปีก็ทำได้แล้ว จากที่ทำไม่ได้ทุกวัน ก็ทำได้แล้ว ชื่นชมตัวเองทันทีหลังจากทำได้

จากนั้นความอยากมันก็จะเริ่มมา เริ่มอยากเขียนมากขึ้น เมื่อเห็นว่ากระดาษน้อยลง เริ่มอยากทำให้เสร็จเร็วขึ้นเมื่อเห็นว่ากระดาษเริ่มแน่น และรู้สึกดี เวลาทำได้และกระดาษเริ่มหมดไป โดยใช้เวลาที่จะประสบความสำเร็จน้อยลง

เราเป็นคนคิดมากค่ะ แต่ก่อนมีอะไรคิดๆๆๆๆ แต่ไม่ทำ และก็นั่งมโนไปเองจับต้องไม่ได้ เวลาเห็นคนอื่นได้ดิบได้ดี ก็คิดแต่ว่าเราก็ทำได้ แต่ไม่ลงมือทำ เอาง่ายๆ คือขี้เกียจ การจะเปลี่ยนนิสัยมันทำยาก ก็เลยต้องใช้วิธีนี้มาทำให้ตัวเองรู้สึกว่าสิ่งที่อยากทำจับต้องได้ เพิ่มได้ลดได้ เพื่อให้เห็นภาพ เพราะในขณะที่คิดเอาเองอยู่นั้น หัวมันไม่เคลียร์ค่ะ ไม่โล่ง ทุกอย่างตีกันยุ่งเหยิง อยากทำสิ่งนี้แต่สิ่งนี้ยังไม่ได้ทำเลยเอาไว้ก่อนละกัน มันจะเป็นแบบนี้ตลอด เราจึงแยกความคิดออกมาเป็นวัตถุ แล้วเริ่มเคลียร์ไปทีละ section พบว่าได้ผลดีมาก และยังทำอยู่เสมอในปัจจุบัน แต่หันมาทำผ่าน app แทน

ฝึกให้ชินกับความล้มเหลวอย่างไร

ต่อเนื่องจากเมื่อกี้นะคะ สิ่งไหนทำไปแล้วแต่ได้ผลลัพธ์ไม่ดี เราทิ้งกระดาษ memo จาก task ที่ทำชิ้นนั้นก็จริง แต่เราเขียนความผิดพลาดลงในกระดาษใบใหม่ ด้วยสีอื่น เอาไว้แก้ไขจุดบกพร่อง เช่น เราเขียนเป้าหมายความสำเร็จไว้ว่า เราจะส่งแบบ mock up ชิ้นนี้ให้ลูกค้า เมื่อเราส่งสำเร็จ เราทิ้งกระดาษงานแผ่นนั้นไป และประสบความสำเร็จแล้วที่ได้ทำงานชิ้นนั้นส่งลูกค้า แต่เราเขียนกระดาษใบใหม่สีอื่น ว่าลูกค้าคอมเพลนเรื่องขนาดตัวหนังสือที่เล็ก ไม่เหมาะกับคนมีอายุในการอ่าน แล้วแปะกระดาษความล้มเหลวนั้น ไว้บนทะเลแห่งทุกสิ่งอย่างที่รอให้ทำเพื่อความสำเร็จ

เพื่อเตือนตัวเองว่า ความล้มเหลวมี แต่น้อย มีสิ่งที่เราต้องทำเยอะกว่า เป็นการยอมรับความล้มเหลว ว่ามันมีอยู่จริง และถ้าเมื่อไหร่ที่เจองานจุดเดียวกันหรือเรื่องเดียวกันกับความล้มเหลวที่เคยแปะไว้ และแก้ไข แก้ข้อบกพร่องตรงนั้นได้ แล้วดึงกระดาษแห่งความล้มเหลวทิ้งไป มันเป็นความรู้สึกดี บางครั้งมันดีกว่าการประสบความสำเร็จด้วยซ้ำไปค่ะ

บทสรุป

การทำแบบนี้ จากที่เคยคิดแต่ในหัว มันทำให้สมองโล่ง เพราะเหมือนดึงเอาออกมาจากหัวให้เห็นชัดเจน เพราะบางครั้งเวลาอยู่แต่ในหัวมันตีกันไปมา ลืมอันนี้บ้าง จำอันนี้ได้บ้าง แล้วก็ไม่ทำเพราะเอาไปผูกกับอันนั้นอันนี้ จนไม่เกิดอะไรขึ้นมาสักอย่าง พอเราทำแบบนี้ แม้ว่าเป็นวิธีบ้านๆ ง่ายๆ แต่เรากลับรู้สึกว่าสมองเราโล่งมาก เหมือนฝากไว้บนผนัง ฝากไว้บนแอพ ไม่ต้องเอามาคิดให้ปวดหัว และทำให้เราจัดการกับความสำเร็จและปัญหาได้อย่างชัดเจน

อีกทั้งยังช่วยลดความกดดัน เพราะไม่มีอะไรมาตีกันในหัวให้รู้สึกท้อ หรือรู้สึกวุ่นวายใจ ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ใจเย็นลง และจัดการด้วยสมาธิอย่างแท้จริง เคยชอบตัวเองที่สามารถทำ multitasks ได้อย่างสบายๆ คือมือนึงทำงาน หัวคิดอีกงานได้ แต่พบว่า มันก็สร้างความยุ่งยากให้กับความคิดเหมือนกัน แต่การทำแบบนี้ ทำให้มีสมาธิมากขึ้นและไม่ลดความสามารถในการทำหลายเรื่องในเวลาเดียวกันลงไปอีกด้วย

เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ยังค้นหาตัวเองไม่เจอ ยังจัดการกับชีวิตไม่ได้ ยังรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว ลองดุหนังเรื่อง Brad's status ดูก็ได้ค่ะ เป็นหนังปรัชญาชีวิตที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม แต่ทำออกได้เห็นภาพที่ดี ดูไปอาจจะเบื่อ แต่ดูแค่บางช่วงคุณก็พอมองออกแล้วว่าหนังจะสื่ออะไร และสุดท้ายนี้เราก็คงไม่ขอถ่ายภาพ "Let the dog out wall" ของเรามาให้ดูนะคะ เพราะเราก็คงไม่อยากให้ใครมาเห็นความคิดในสมองของเรา หรือไม่งั้นก็ต้องเซ็นเซอร์จนภาพแทบจะว่างเปล่าทุก pixel ขอบคุณที่อ่านจนถึงตรงนี้ และขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิต แม้มันจะเล็กน้อย แต่ไม่มีใครที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในชีวิตแน่นอนค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่