สมัครไปร่วมงานทวิแบบขำๆ เพราะเพื่อนๆพี่ๆชวนครับ ในใจก็หวั่นเรื่องวิ่ง เพราะไม่ได้วิ่งแบบจริงจังมานานมากหลายปี เรียกว่าวิ่งยาวๆก็เมื่อสิงหา 59 จู่ก็แอบซ่าไปวิ่งงานเปิดทางด่วนศรีรัชฯ วิ่งได้ 10 ก.ม. ไส้แตก เดิน 1 ก.ม. แล้วมาวิ่ง กิโลสุดท้ายเข้าเส้น ผลคือ กลับบ้านระบบทั้งขา ขึ้นลงบันไดไม่ไหว 5555 แล้วก็ไม่ได้วิ่งอีกเลยจนทุกวันนี้ แต่ปั่นจักรยานทุกวันหยุด
กลับมางานทวิแรกในชีวิต วิ่ง 5 ปั่น 35 วิ่ง 5 งานนี้ซ่าเหมือนเดิมเพิ่มเติมคืออ่าน อ่าน อ่าน หาข้อมูลว่าควรวางแผนแบ่งแรงยังไง ตั้งเป้าแค่จบแบบไม่เจ็บและไม่ DNF สองคืนก่อนวันงานโชคดีหลับสนิทพักผ่อนค่อนข้างมีคุณภาพหัวใจดี ดูตามนาฬิกาที่เพิ่งซื้อให้เมียแต่เมียไม่โปรดเลยเอามาใช้เองอิอิ
งานนี้สมัครกันมา 4 คน พี่ปุ๊ย พี่สาโรจน์ พี่เล็ก และ ผม บอกเลย ผมอ่อนสุด พี่ปุ๊ยวิ่งวันละเกินสิบกิโลทุกเช้าก่อนทำงาน พี่สาโรจน์ผ่านงานมาราธรอนมาจนเบื่อจึงมาปั่นจักรยานแถมขาแรงอีก ส่วนพี่เล็กเพิ่งพาทีมขึ้นโพเดี้ยมงานจักรยานที่บางพระและเตรียมตัวซ้อมวิ่งมาด้วย ส่วนผมซ้อมแค่ปั่นจักรยานเพราะก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์มีงานประเพณีปั่นขึ้นทับเบิก ลงจากทับเบิกก็พักยาวๆมา 1 สัปดาห์แล้วก็งานทวิเลย ชิลล์ๆ ปลอบตัวเอง
ออกวิ่งพร้อมกัน 4 คน พี่สาโรจน์ขึ้นไปเกาะกลุ่มหน้า ผมตามพี่ปุ๊ยกับพี่เล็กได้ไม่ถึง 500 เมตร ก็ค่อยๆห่างออกมาข้างหลัง เพราะผม pace 7 แต่ พี่ปุ๊ยกับพี่เล็ก pace 6 พอเข้ามา transit เข็นจักรยานออกมาขึ้นปั่น เงยหน้ามองไป พี่ปุ๊ยไล่พี่เล็กแบบค่อยๆห่างผมไปจนมองเห็นเป็นจุดแดงๆเล็กๆ
ปรับตัวพักนึง pair สายคาดอก เพราะ HR ไม่ขึ้นที่ Wahoo สุดท้ายตัดใจปั่นแบบไม่ดู HR แต่ก็กดที่นาฬิกาให้เริ่มเก็บข้อมูลหลังจากรู้ว่า Wahoo ไม่เจอ HR
ค่อยๆตั้งความเร็วเปลี่ยนเกียร์ไปตามความสบายของขาเพื่อไล่ตามพี่ปุ๊ยกับพี่เล็กให้ทัน ความหวังเริ่มเป็นจริง ผมเข้าใกล้มาเรื่อยๆจนเหลืออีกเพียง 30 เมตรก็ทันพี่ทั้งสองคนที่ประมาณกิโลที่ 15 ทันใดนั้นมีลุงคนนึงปั่นมาทันผม ผมพยายามสลัดหนีแก พอกิโลที่ 18 แกมาทันอีก ก็พยายามหนีแกอีก พอโลที่ 19 ทีนี้รู้เลยเสร็จลุงแกแน่ ผมกับลุงแกผลัดกันทิ้งผลัดกันทันไปตลอดทางในขณะที่พี่ปุ๊ยกับพี่เล็กค่อยๆยืดหายไปทีละนิดๆ พอกิโลที่ 29 ก็เป็นทีของผมและแล้วก็สลัดลุงแกทิ้งได้สำเร็จ ดีใจลิงโลดมาก .... แต่พี่ปุ๊ยกับพี่เล็กยืดห่างออกไปจนไม่เห็นแล้วว่าห่างแค่ไหน คราวนี้รู้ละว่ารอบขาที่ 65-75 สามารถกำราบลุงแกได้ เลยค่อยๆไล่เกียร์ไปเรื่อยจนตั้งความเร็วใหม่ ไล่เก็บคนข้างหน้ามาทีละคนๆ จนเข้า Transit ..... ดีใจสุดๆเห็นพี่ปุ๊ยกับพี่เล็กกำลังใส่รองเท้าวิ่งอยู่ เพราะจะได้มีเพื่อนวิ่ง ผมรีบเก็บจักรยานเปลี่ยนรองเท้าถอดหมวกแล้วตามออกไปวิ่ง พี่ปุ๊ยวิ่งเร็วมากพริ้วไปเลยผมตามไม่ทัน มาทันพี่เล็กเพราะผมวิ่งคุยมากับพี่นทีบอสใหญ่แห่งโปรไบค์ ผ่านไปได้กิโลครึ่งเหนื่อยสุดๆขนาดแค่ Pace 7 เลยโบกมือลาพี่นทีแล้วลงมาเดินเร็ว พี่เล็กตามมาทันเลยวิ่งคู่พี่เล็กคุยกันมาเรื่อยๆจนเข้าเส้นชัยพร้อมกัน เกินความคาดหมาย ไม่คิดว่าเวลาจะได้ที่ 2 ชั่วโมงครึ่ง กะไว้ 3 ชั่วโมง ร่างกายไม่ช้ำ จบแบบไม่เจ็บสมดังใจ
ขอบคุณพี่ปุ๊ยที่แวะมารับส่งผมถึงที่บ้านพร้อมเตรียมอุปกรณ์ให้เพรียบทั้งผ้าคลุแฮนด์ ผ้าคลุมเบาะ ถุงเท้าวิ่ง Power Gel และชวนสมัครงานนี้ ขอบคุณพี่เล็กที่วิ่งเป็นเพื่อนในช่วง 5 กิโลที่สองชวนคุยชวนวิ่งจนผมวิ่งได้จบ ส่วนลุงที่มาเล่นกับผมตั้งแต่กิโลที่ 15 จนถึงกิโลที่ 29 แกมีชื่อที่คนทั่วไปเรียกว่า ตาคิว หรือ “ ตะคริว ” งวดหน้าไม่ต้องมาเล่นกับผมก็ได้นะครับ 55555
สนุก ท้าทาย ขอกลับไปซ้อมวิ่ง งานหน้าจะลงอีก
ป.ล. ช่วงกิโลเมตรที่ 19 เป็นช่วงที่ท้อที่สุด เพราะตะคริวมาถี่ขึ้น แถมเหลือระยะปั่นอีก 16 ก.ม. และ ยังต้องวิ่งอีก 5 ก.ม. ตอนนั้นคิดแค่ว่า ประคองยังไงให้ปั่นไปได้เรื่อยๆโดยตะคริวไม่หนักกว่าเดิม
งานทวิงานแรกในชีวิตของหนุ่มอฟฟิศ วัย 45
กลับมางานทวิแรกในชีวิต วิ่ง 5 ปั่น 35 วิ่ง 5 งานนี้ซ่าเหมือนเดิมเพิ่มเติมคืออ่าน อ่าน อ่าน หาข้อมูลว่าควรวางแผนแบ่งแรงยังไง ตั้งเป้าแค่จบแบบไม่เจ็บและไม่ DNF สองคืนก่อนวันงานโชคดีหลับสนิทพักผ่อนค่อนข้างมีคุณภาพหัวใจดี ดูตามนาฬิกาที่เพิ่งซื้อให้เมียแต่เมียไม่โปรดเลยเอามาใช้เองอิอิ
งานนี้สมัครกันมา 4 คน พี่ปุ๊ย พี่สาโรจน์ พี่เล็ก และ ผม บอกเลย ผมอ่อนสุด พี่ปุ๊ยวิ่งวันละเกินสิบกิโลทุกเช้าก่อนทำงาน พี่สาโรจน์ผ่านงานมาราธรอนมาจนเบื่อจึงมาปั่นจักรยานแถมขาแรงอีก ส่วนพี่เล็กเพิ่งพาทีมขึ้นโพเดี้ยมงานจักรยานที่บางพระและเตรียมตัวซ้อมวิ่งมาด้วย ส่วนผมซ้อมแค่ปั่นจักรยานเพราะก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์มีงานประเพณีปั่นขึ้นทับเบิก ลงจากทับเบิกก็พักยาวๆมา 1 สัปดาห์แล้วก็งานทวิเลย ชิลล์ๆ ปลอบตัวเอง
ออกวิ่งพร้อมกัน 4 คน พี่สาโรจน์ขึ้นไปเกาะกลุ่มหน้า ผมตามพี่ปุ๊ยกับพี่เล็กได้ไม่ถึง 500 เมตร ก็ค่อยๆห่างออกมาข้างหลัง เพราะผม pace 7 แต่ พี่ปุ๊ยกับพี่เล็ก pace 6 พอเข้ามา transit เข็นจักรยานออกมาขึ้นปั่น เงยหน้ามองไป พี่ปุ๊ยไล่พี่เล็กแบบค่อยๆห่างผมไปจนมองเห็นเป็นจุดแดงๆเล็กๆ
ปรับตัวพักนึง pair สายคาดอก เพราะ HR ไม่ขึ้นที่ Wahoo สุดท้ายตัดใจปั่นแบบไม่ดู HR แต่ก็กดที่นาฬิกาให้เริ่มเก็บข้อมูลหลังจากรู้ว่า Wahoo ไม่เจอ HR
ค่อยๆตั้งความเร็วเปลี่ยนเกียร์ไปตามความสบายของขาเพื่อไล่ตามพี่ปุ๊ยกับพี่เล็กให้ทัน ความหวังเริ่มเป็นจริง ผมเข้าใกล้มาเรื่อยๆจนเหลืออีกเพียง 30 เมตรก็ทันพี่ทั้งสองคนที่ประมาณกิโลที่ 15 ทันใดนั้นมีลุงคนนึงปั่นมาทันผม ผมพยายามสลัดหนีแก พอกิโลที่ 18 แกมาทันอีก ก็พยายามหนีแกอีก พอโลที่ 19 ทีนี้รู้เลยเสร็จลุงแกแน่ ผมกับลุงแกผลัดกันทิ้งผลัดกันทันไปตลอดทางในขณะที่พี่ปุ๊ยกับพี่เล็กค่อยๆยืดหายไปทีละนิดๆ พอกิโลที่ 29 ก็เป็นทีของผมและแล้วก็สลัดลุงแกทิ้งได้สำเร็จ ดีใจลิงโลดมาก .... แต่พี่ปุ๊ยกับพี่เล็กยืดห่างออกไปจนไม่เห็นแล้วว่าห่างแค่ไหน คราวนี้รู้ละว่ารอบขาที่ 65-75 สามารถกำราบลุงแกได้ เลยค่อยๆไล่เกียร์ไปเรื่อยจนตั้งความเร็วใหม่ ไล่เก็บคนข้างหน้ามาทีละคนๆ จนเข้า Transit ..... ดีใจสุดๆเห็นพี่ปุ๊ยกับพี่เล็กกำลังใส่รองเท้าวิ่งอยู่ เพราะจะได้มีเพื่อนวิ่ง ผมรีบเก็บจักรยานเปลี่ยนรองเท้าถอดหมวกแล้วตามออกไปวิ่ง พี่ปุ๊ยวิ่งเร็วมากพริ้วไปเลยผมตามไม่ทัน มาทันพี่เล็กเพราะผมวิ่งคุยมากับพี่นทีบอสใหญ่แห่งโปรไบค์ ผ่านไปได้กิโลครึ่งเหนื่อยสุดๆขนาดแค่ Pace 7 เลยโบกมือลาพี่นทีแล้วลงมาเดินเร็ว พี่เล็กตามมาทันเลยวิ่งคู่พี่เล็กคุยกันมาเรื่อยๆจนเข้าเส้นชัยพร้อมกัน เกินความคาดหมาย ไม่คิดว่าเวลาจะได้ที่ 2 ชั่วโมงครึ่ง กะไว้ 3 ชั่วโมง ร่างกายไม่ช้ำ จบแบบไม่เจ็บสมดังใจ
ขอบคุณพี่ปุ๊ยที่แวะมารับส่งผมถึงที่บ้านพร้อมเตรียมอุปกรณ์ให้เพรียบทั้งผ้าคลุแฮนด์ ผ้าคลุมเบาะ ถุงเท้าวิ่ง Power Gel และชวนสมัครงานนี้ ขอบคุณพี่เล็กที่วิ่งเป็นเพื่อนในช่วง 5 กิโลที่สองชวนคุยชวนวิ่งจนผมวิ่งได้จบ ส่วนลุงที่มาเล่นกับผมตั้งแต่กิโลที่ 15 จนถึงกิโลที่ 29 แกมีชื่อที่คนทั่วไปเรียกว่า ตาคิว หรือ “ ตะคริว ” งวดหน้าไม่ต้องมาเล่นกับผมก็ได้นะครับ 55555
สนุก ท้าทาย ขอกลับไปซ้อมวิ่ง งานหน้าจะลงอีก
ป.ล. ช่วงกิโลเมตรที่ 19 เป็นช่วงที่ท้อที่สุด เพราะตะคริวมาถี่ขึ้น แถมเหลือระยะปั่นอีก 16 ก.ม. และ ยังต้องวิ่งอีก 5 ก.ม. ตอนนั้นคิดแค่ว่า ประคองยังไงให้ปั่นไปได้เรื่อยๆโดยตะคริวไม่หนักกว่าเดิม