อัตตานุทิฏฐิ คือ ความเห็นว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ บุคคล
ซึ่งเป็นความเห็นผิด ที่เป็นทิฏฐิเจตสิก ซึ่งมีวัตถุ 20 ประการ
เช่น เห็นรูปว่าเป็นตน เห็นตนในรูปเป็นต้น
ซึ่งในความเป็นจริง อัตตานุทิฏฐิ ก็คือ สักกายทิฏฐิ
ชื่อต่างกัน แต่อรรถก็เหมือนกัน
เพราะสักกายทิฏฐิ คือ ความยึดถือ สำคัญว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน
สำคัญในขันธ์ 5 ว่าเป็นเรา ก็เป็นความเห็นผิดที่เป็นทิฏฐิเจตสิก
พระโสดาบันที่เป็นพระอริยบุคคลขั้นต้น
สามารถดับความเห็นผิดทุกๆประการได้ทั้งหมด
ทั้ง สักกายทิฏฐิ รวมทั้ง อัตตานุทิฏฐิ
ละได้หมดเมื่อเป็นพระโสดาบัน
ฉนั้นคนที่บอกว่าขันธ์5เป็นอนัตตา
พูดตามตำราแต่ตนไม่เห็นจริง
ต้องได้โสดาบัน ตนละ
สักกายทิฏฐิ รวมทั้ง อัตตานุทิฏฐิ
ให้ได้ก่อน
ตนเป็นปุถุชน ก็ควรจะรู้ธรรม ของปุถุชน
ว่าตนมีธรรมอะไรเป็นที่พึ่ง
ไปยึดอนัตตาเป็นที่พึ่งก็หลง
เพราะอนัตตาเป็นธรรมของพระอริยะ
เป็นธรรมะขั้นโลกกุตร
ที่รู้ถึงอัตตา และอนัตตา ในตนเอง
ขันธ์5 เป็นอนัตตาเพราะตำราบอกมา
ซึ่งเป็นความเห็นผิด ที่เป็นทิฏฐิเจตสิก ซึ่งมีวัตถุ 20 ประการ
เช่น เห็นรูปว่าเป็นตน เห็นตนในรูปเป็นต้น
ซึ่งในความเป็นจริง อัตตานุทิฏฐิ ก็คือ สักกายทิฏฐิ
ชื่อต่างกัน แต่อรรถก็เหมือนกัน
เพราะสักกายทิฏฐิ คือ ความยึดถือ สำคัญว่าเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน
สำคัญในขันธ์ 5 ว่าเป็นเรา ก็เป็นความเห็นผิดที่เป็นทิฏฐิเจตสิก
พระโสดาบันที่เป็นพระอริยบุคคลขั้นต้น
สามารถดับความเห็นผิดทุกๆประการได้ทั้งหมด
ทั้ง สักกายทิฏฐิ รวมทั้ง อัตตานุทิฏฐิ
ละได้หมดเมื่อเป็นพระโสดาบัน
ฉนั้นคนที่บอกว่าขันธ์5เป็นอนัตตา
พูดตามตำราแต่ตนไม่เห็นจริง
ต้องได้โสดาบัน ตนละ
สักกายทิฏฐิ รวมทั้ง อัตตานุทิฏฐิ
ให้ได้ก่อน
ตนเป็นปุถุชน ก็ควรจะรู้ธรรม ของปุถุชน
ว่าตนมีธรรมอะไรเป็นที่พึ่ง
ไปยึดอนัตตาเป็นที่พึ่งก็หลง
เพราะอนัตตาเป็นธรรมของพระอริยะ
เป็นธรรมะขั้นโลกกุตร
ที่รู้ถึงอัตตา และอนัตตา ในตนเอง