สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือ
อริยะสัจสี่ หรือปฎิจจสมุปทบาท
ทุกข์ คืออุปาทานขันธ์ห้าเป็นทุกข์
สมุทัย คือตัณหา ความทะยานอยาก คือเหตุแห่งทุกข์หรือเหตุแห่งอุปาทานขันธ์ห้า
นิโรธ คือความดับแห่งทุกข์ อันเนื่องมาจากเหตุแห่งทุกข์หรือตัณหาดับ
มรรค คือข้อปฎิบัติให้ถึงความดับทุกข์ คือการเจริญกุศลกรรมทั้งแปดเพื่อการสิ้นกรรม
หากจะเข้าถึงความดับแห่งทุกข์ จึงต้องเจริญอริยะมรรคทั้งแปด มิใช่เจริญเพียงข้อใดข้อหนึ่ง แล้วอ้างว่าคือการเจริญมรรคทั้งแปด
ทั้งหมดทางพุทธ นั่นคือกรรมและวิบาก หรือเหตุและผล หรือ
ความเกิดดับแห่งสภาวะธรรมทั้งปวง ย่อมมีมาแต่เหตุปัจจัย
นิโรธ อันเป็นผลหรือวิบาก ย่อมมีเหตุปัจจัยมาจาก การเจริญกุศลกรรมอันเป็นไปเพื่อการสิ้นกรรม
หรือการเจริญอริยะมรรคทั้งแปด
และในอริยะทั้งแปด ย่อมเป็นทั้งกรรมและวิบากสอดคล้องซึ่งกันและกัน หรือเป็นเหตุปัจจัยให้แก่กันและกัน
โดยสอดรับรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
พระพุทธเจ้า ท่านจำแนก วางลำดับ ข้อปฎิบัติในมรรค เพื่อให้สอดรับซึ่งกันและกัน หรือธรรมย่อมไหลไปสู่ธรรม ไว้อย่างไร
จะแสดงในความเห็นต่อไป
ความสอดคล้องกันของ อริยะมรรคมีองค์แปด
อริยะสัจสี่ หรือปฎิจจสมุปทบาท
ทุกข์ คืออุปาทานขันธ์ห้าเป็นทุกข์
สมุทัย คือตัณหา ความทะยานอยาก คือเหตุแห่งทุกข์หรือเหตุแห่งอุปาทานขันธ์ห้า
นิโรธ คือความดับแห่งทุกข์ อันเนื่องมาจากเหตุแห่งทุกข์หรือตัณหาดับ
มรรค คือข้อปฎิบัติให้ถึงความดับทุกข์ คือการเจริญกุศลกรรมทั้งแปดเพื่อการสิ้นกรรม
หากจะเข้าถึงความดับแห่งทุกข์ จึงต้องเจริญอริยะมรรคทั้งแปด มิใช่เจริญเพียงข้อใดข้อหนึ่ง แล้วอ้างว่าคือการเจริญมรรคทั้งแปด
ทั้งหมดทางพุทธ นั่นคือกรรมและวิบาก หรือเหตุและผล หรือ
ความเกิดดับแห่งสภาวะธรรมทั้งปวง ย่อมมีมาแต่เหตุปัจจัย
นิโรธ อันเป็นผลหรือวิบาก ย่อมมีเหตุปัจจัยมาจาก การเจริญกุศลกรรมอันเป็นไปเพื่อการสิ้นกรรม
หรือการเจริญอริยะมรรคทั้งแปด
และในอริยะทั้งแปด ย่อมเป็นทั้งกรรมและวิบากสอดคล้องซึ่งกันและกัน หรือเป็นเหตุปัจจัยให้แก่กันและกัน
โดยสอดรับรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
พระพุทธเจ้า ท่านจำแนก วางลำดับ ข้อปฎิบัติในมรรค เพื่อให้สอดรับซึ่งกันและกัน หรือธรรมย่อมไหลไปสู่ธรรม ไว้อย่างไร
จะแสดงในความเห็นต่อไป