สวัสดีครับ วันนี้จะมารีวิวทริปฮ่องกง 4วัน 3คืน ไปมาเมื่อวันที่1-4 มิถุนายน ปกติเวลาไปเที่ยวต่างประเทศผมมักจะจองร้านติดดาวไว้ทุกทริปแต่ทริปนี้เยอะเป็นพิเศษ เลยอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆดูกัน เคยไปเที่ยวฮ่องกงมาแล้วครั้งนึงครั้งนี้เลยเป็นทริปตั้งใจไปกินอย่างเดียวไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยครับ โดยเดินทางคนเดียวทุกมื้อกินคนเดียวนะครับ มี fine dining 3 ร้านและstreet foodอีก 4 ร้าน โดย fine dining แต่ละร้านจองยากมากครับในเวปเต็มตลอดผมจึงให้คนที่รู้จักในฮ่องกงจองให้ล่วงหน้าประมาณสองเดือนจึงได้โต๊ะมาครับ บางร้านก็walk inเข้าไปเลยเพราะกินคนเดียวโต๊ะอาจจะหาง่ายหน่อย โดยร้านที่ไปมีดังนี้ครับ
-bo innovation 3 michelin star
-lung king heen 3 michelin star
-caprice 2 michelin star
-Kam's Roast Goose 1 michelin star
-yat lok 1 michelin star
-ho hung kee 1 michelin star
โดยแต่ละร้านจะทานเป็นมื้อกลางวันนะครับ เพราะราคายังพอรับได้จะได้กินหลายมื้อ
มาเริ่มกันที่ร้านแรกเลยครับ
1.bo innovation 3 michelin star
ร้านนี้ตั้งใจบินไปกินเลยครับเพราะเคยเห็นเชฟโบในรายการทีวีละชอบคอนเซปมาก เลยตั้งใจไปลอง โดยรวมมื้อนี้อร่อยมากๆครับเทคนิกสมกับสามดาวจริงๆ เทียบกับราคาถือว่าโอเค แต่บริการไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ พนักงานเสริฟทุกอย่างเร็วมากไม่ค่อยเหมือนfine diningเท่าไหร่ ที่ได้ลองเป็น 9 course testing menu นะครับ เบ็ดเสร็จมื้อนี้คนละประมาณ HK 1000 ครับ
เริ่มจานแรกเป็น เต้าหู้เห็ดแล้วก็ปลาดิบกินเป็นเลเยอร์ ทุกอย่างเข้ากันดีเวลากินครับ
จานที่2 เป็นbrittany lobster กับน้ำมันกุ้งและ black truffles รสชาติโอเคครับแต่ผมเฉยๆ
จานที่3 เป็นจานที่ทำมาจากข้าวโพดทุกอย่างจานนี้ผมให้10/10ครับ ทุกอย่างทำจากข้าวโพดมีหลายtextureมากๆตอนแรกนึกว่าจะธรรมดา แต่สุดยอดจริงๆครับเทคนิกจานนี้
จานที่4 เป็น molecular xiao long bao เป็น signatureของทางร้าน โดยรวมเฉยๆครับ เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ปกติจะมีไส้หมูแต่อันนี้มีแต่น้ำเลยไม่ค่อยชอบครับ
จานที่5 เป็นfoie gras กับไอติมที่มีรสชาติออกเปรี่ยวๆ ทำมาจาก aged zhenjiang vinegar รสชาติตัดกันดีครับถือว่าโอเค
จานที่6 เป็นแอลกอฮอร์ครับเหล้าmou tai เหมือนคอกเทลครับ
จานที่7 เป็นขาหมู leg of suckling pig อร่อยมากๆครับไฮไลท์เลยจานนี้ หนังกรอบมากเนื้อนุ่ม กินกับซอสคล้ายๆคาราเมลเข้ากันมากครับ
จานที่8 เป็นข้าวคล้ายๆรีซอสโต้แต่ทำเป็นสไตล์จีนๆ ท็อปด้วย air dried foie gras เฉยๆครับ
จานที่9 ของหวาน ชื่อ "no shark fin" ตอนเซปดีมากครับคือเค้าทำเลียนแบบหูฉลามแต่ราชาติเหมือนมากเป็นสไตล์ molecular ข้างในมีน้ำมะพร้าวกับมะม่วงผสมกันถือว่าแปลกใหม่ดีครับ
ทริปตะลุยกินล่าดาวมิชลินที่ฮ่องกง 4วัน3คืน กินทั้งวัน รวม 11 ดวง
-bo innovation 3 michelin star
-lung king heen 3 michelin star
-caprice 2 michelin star
-Kam's Roast Goose 1 michelin star
-yat lok 1 michelin star
-ho hung kee 1 michelin star
โดยแต่ละร้านจะทานเป็นมื้อกลางวันนะครับ เพราะราคายังพอรับได้จะได้กินหลายมื้อ
มาเริ่มกันที่ร้านแรกเลยครับ
1.bo innovation 3 michelin star
ร้านนี้ตั้งใจบินไปกินเลยครับเพราะเคยเห็นเชฟโบในรายการทีวีละชอบคอนเซปมาก เลยตั้งใจไปลอง โดยรวมมื้อนี้อร่อยมากๆครับเทคนิกสมกับสามดาวจริงๆ เทียบกับราคาถือว่าโอเค แต่บริการไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ พนักงานเสริฟทุกอย่างเร็วมากไม่ค่อยเหมือนfine diningเท่าไหร่ ที่ได้ลองเป็น 9 course testing menu นะครับ เบ็ดเสร็จมื้อนี้คนละประมาณ HK 1000 ครับ
เริ่มจานแรกเป็น เต้าหู้เห็ดแล้วก็ปลาดิบกินเป็นเลเยอร์ ทุกอย่างเข้ากันดีเวลากินครับ
จานที่2 เป็นbrittany lobster กับน้ำมันกุ้งและ black truffles รสชาติโอเคครับแต่ผมเฉยๆ
จานที่3 เป็นจานที่ทำมาจากข้าวโพดทุกอย่างจานนี้ผมให้10/10ครับ ทุกอย่างทำจากข้าวโพดมีหลายtextureมากๆตอนแรกนึกว่าจะธรรมดา แต่สุดยอดจริงๆครับเทคนิกจานนี้
จานที่4 เป็น molecular xiao long bao เป็น signatureของทางร้าน โดยรวมเฉยๆครับ เหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ปกติจะมีไส้หมูแต่อันนี้มีแต่น้ำเลยไม่ค่อยชอบครับ
จานที่5 เป็นfoie gras กับไอติมที่มีรสชาติออกเปรี่ยวๆ ทำมาจาก aged zhenjiang vinegar รสชาติตัดกันดีครับถือว่าโอเค
จานที่6 เป็นแอลกอฮอร์ครับเหล้าmou tai เหมือนคอกเทลครับ
จานที่7 เป็นขาหมู leg of suckling pig อร่อยมากๆครับไฮไลท์เลยจานนี้ หนังกรอบมากเนื้อนุ่ม กินกับซอสคล้ายๆคาราเมลเข้ากันมากครับ
จานที่8 เป็นข้าวคล้ายๆรีซอสโต้แต่ทำเป็นสไตล์จีนๆ ท็อปด้วย air dried foie gras เฉยๆครับ
จานที่9 ของหวาน ชื่อ "no shark fin" ตอนเซปดีมากครับคือเค้าทำเลียนแบบหูฉลามแต่ราชาติเหมือนมากเป็นสไตล์ molecular ข้างในมีน้ำมะพร้าวกับมะม่วงผสมกันถือว่าแปลกใหม่ดีครับ