ความเดิมตอนที่แล้ว https://ppantip.com/topic/37746388
บ่ายโมงเศษ เอรากับกิตติเดินทางเข้าตรวจโรงซักรีดตามแผนงานประจำวันที่วางเอาไว้ ป้านวลคนดูแลแผนก Laundry แทนที่จะเป็นเจ้าบ้านพานำชมเครื่องจักรด้านใน กลับเป็นคนเดินตามหลังต้อยๆ ปล่อยสองหนุ่มเดินนำลิ่ว
เอราเคยเข้าดูงานตามโรงแรมใหญ่มาไม่น้อย อุปกรณ์เครื่องจักร และนวัตกรรมโรงซักของโรงแรมระดับสี่ห้าดาวส่วนมาก มีขนาดใหญ่ กำลังผลิตสูง สามารถรองรับผ้าในปริมาณมาก ซึ่งเครื่องจักรของที่นี่ก็อัตราการผลิตสูง ต่างกันก็ตรงความล้าหลังนี่แหละ อะไรๆ ในนี้ล้วนดูทรุดโทรม ไม่ว่าจะเครื่องซัก เครื่องสลัด เครื่องอบ เครื่องรีด หรือแม้แต่พื้น ผนัง ฝ้า สายไฟขาดจนโผล่เปลือยยังมีให้เห็น
“แผนกช่างมีการเข้ามา Maintenance บ้างหรือเปล่า ทำไมถึงปล่อยให้อุปกรณ์เก่าโทรมได้ขนาดนี้” เอราซึ่งในความเข้าใจของป้านวลคือนายอ่ำคนรับใช้ของคุณช้างเอ่ยถาม
คนโดนถามทำหน้างง นายอ่ำจึงทวนถามว่าแผนกช่างมีแผนการเข้าบำรุงรักษาอย่างไร ปีละกี่ครั้ง ป้านวลส่ายหน้าทันที
“เอ่อ อันนี้ป้าก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอกค่ะ ต้องรอถามกับหัวหน้าค่ะ” ป้านวลบอก แถมยังเอ่ยออกตัวครั้งแล้วครั้งเล่าว่าหัวหน้าแผนกลากลับบ้านต่างจังหวัด ส่วนตัวป้านวลเองนั้นไม่ได้มีความรู้เรื่องอะไรมากนัก มีหน้าที่แค่คอยรับ นับ และส่งลงเครื่อง จบกระบวนซัก อบ รีดเสร็จก็นับ พับ และจ่ายคืนแผนกต้นทาง
“แล้วเครื่องจักรเสียบ่อยไหม” คุณช้างถามขึ้นบ้าง คราวนี้ป้านวลพยักหน้าดิก
“บ่อยเป็นกิจวัตรเลยค่ะ แต่ส่วนใหญ่ เสียทีป้าก็โทรเรียกไอลูกหมูมาซ่อมที มันซ่อมเก่งซ่อมไว” ป้านวลบอก
การมีชื่อของปีกุนแทรกเข้ามาในหัวข้อสนทนาทำให้เอรารู้สึกตงิดขึ้นอีกครั้ง ...หรือแท้จริงแล้วนายธเนศจงใจส่งยายตัวเปี๊ยกเข้ามาป่วนในแผนกช่าง นั่นสินะ แผนกไหนเลยจะสามารถแทรกซึมและบ่อนทำลายรีสอร์ทของเขาได้อย่างแนบเนียนเท่ากับแผนกนี้
“ป้านวลครับ” เอราเอ่ย “แล้วพนักงานประจำโรงซักรีดมีกันทั้งหมดกี่คน ส่วนใหญ่ได้รับการฝึกสอนงานจากใคร”
ป้านวลทำหน้าครุ่นคิด นานนับนาทีราวกับว่าต้องเจาะเวลาหาอดีตเสียก่อนจึงจะตอบได้
“พนักงานแผนกของป้าเหรอจ๊ะ เอ่อ...ก็ราวๆ ห้าคน แต่ทยอยลาออกกันไปหมด ตอนนี้เลยเหลือแค่ป้ากับหัวหน้าป้าค่ะ ส่วนเรื่องสอนงานนะหรือคะ" ป้านวลทอดถอนใจยาวเหยียด "สมัยป้ามาอยู่ใหม่ๆ ก็ไม่มีใครสอนนะคะ ป้าต้องคอยดูคนเก่าๆ ว่าเขาทำกันยังไง แผนกอื่นก็เหมือนกันล่ะค่ะ ต้องอาศัยครูพักลักจำ ไม่มีใครว่างมาสอนงานหรอกค่ะ”
คำตอบของป้านวลทำให้เอราและกิตติมองหน้ากันอย่างลำบากใจ
ความที่ผ้ามาจากหลายๆ แหล่ง ผ้าจากแผนกแม่บ้าน แผนกอาหารและเครื่องดื่ม ยูนิฟอร์มของพนักงาน แล้วยังจะต้องมีเสื้อผ้าของแขกผู้เข้าพัก การคัดแยกและเซ็ตค่าการซัก จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ อุณหภูมิความร้อน ปริมาณน้ำยา และระยะเวลาในการซัก สลัด อบ ต้องสอดคล้องกับน้ำหนักและชนิดผ้า ผ้าฝ้าย ลินิน โพลีเอสเตอร์ ผ้าไหม และอีกสารพัดชนิด ที่ต้องให้ความรอบคอบพิถีพิถันทุกขั้นตอน ลำพังความล้าหลังไร้นวัตกรรมก็ถือว่าแย่แล้ว นี่ความรู้ความสามารถของบุคลากรต่ำกว่ามาตรฐาน ยิ่งทำให้หนักใจเข้าไปอีก
เอราลากลมหายใจยาวด้วยความหวังที่ถดถอย การจะเข้ามารีโนเวทงานที่นี่ ควรต้องเริ่มที่แผนกไหนก่อน แผนกวิศวกรรมดีไหม... เริ่มจากลูกสาวนายธเนศเป็นคนแรกเลยละกัน
...
ห้องพักพนักงานพื้นที่ยี่สิบตารางเมตร ปีกุนนั่งเอกเขนกอยู่บนชั้นล่างของเตียงไม้แบบบิวท์อินสองชั้น
ส่วนในกล่องกระดาษA4 ตรงปลายเตียง เจ้ามะเดื่อพอกินอาหารแมวเด็กจนอิ่มก็หลับปุ๋ยไปอีกครา
หน้าต่างบานเล็กถูกเปิดไว้ ปล่อยสายลมยามบ่ายพัดเอื่อยเข้ามาภายในห้อง คนบนเตียงนั่งอ่านตำราระบบไฟฟ้ากำลังอยู่อย่างตั้งใจ
ปีกุนมาดมั่นว่าปลายเดือนนี้เธอจะเข้าสอบ ก.ว. ขอใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม เพื่อใช้ต่อยอดงานของเธอในอนาคต
เธอวาดฝันว่าเมื่อมีเงินออมสักก้อนหนึ่ง จะลาออกแล้วไปเปิดบริษัทรับเหมางานวางระบบ เธอมีเพื่อนสนิทอย่างพี่โจ้ก ที่พร้อมจะร่วมเป็นหุ้นส่วนงานนี้อยู่แล้ว
ซึ่งถ้าวันนั้นมาถึง เธอจะให้แม่ขอคุณธเนศลาออก ถึงแม้คุณท่านจะแสนดีและมีบุญคุณมายาวนาน แต่เธอไม่ได้อยากให้แม่ต้องคอยรับใช้คุณธเนศไปจนชั่วชีวิตหรอกนะ หากมีกิจการของตัวเองแล้ว เธอจะพาแม่กับน้องออกมาอยู่ข้างนอก เพื่อจะได้มีชีวิตเป็นอิสระเหมือนคนอื่นสักที
หลังจากอ่านทบทวนตำราเตรียมสอบอย่างคร่าวๆ ไปจนครบสองรอบ เธอก็มั่นใจว่าต้องทำได้ อีกอย่างการสอบก็สามารถเอาเอกสารตำรับตำราเข้าไปด้วยได้ เดารูปการณ์แล้ว การจะได้ใบอนุญาต ก.ว. ของเธอไม่น่าจะมีอุปสรรคอะไร
นอกหน้าต่างบานเล็กเหนือเตียงนอนชั้นล่าง หญิงสาวเห็นเหมือนรถเช่าของโรงแรมเคลื่อนตัวผ่านสายตาออกไปทางด้านหลังของโรงซักรีด ยี่ห้อและรูปพรรณสันฐานรถ คล้ายคันที่คุณช้างใช้งาน หากเมื่อเพ่งมองให้ดีๆ อีกทีจึงพบว่าตรงตำแหน่งคนขับเป็นนายอ่ำจริงๆ ด้วย เธอจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเขามีนัดกับป้านวลเข้าดูงานโรงซัก ด้วยความอยากรู้เธอจึงรีบดีดตัวลงจากเตียง ออกจากห้องลงไปหาป้านวลที่โรงซักรีดอย่างว่องไว
ป้านวลที่เพิ่งเสร็จจากการพาลูกชายเจ้าของโรงแรมพร้อมผู้ติดตามเที่ยวชมโรงซัก และกำลังจะเดินมาสแกนนิ้วเพื่อเลิกงาน พอเห็นปีกุนวิ่งเข้ามาหาก็คันปากอยากเมาท์ขึ้นมาทันที
"เอ็งมานี่ก็ดีแล้วลูกหมู พรุ่งนี้ไปทำงานอย่าลืมบอกเพื่อนทีมช่างของเอ็งให้ระวังตัวเอาไว้ให้ดีๆล่ะ"
คนโดนหมายเตือนดวงตาลุกวาวขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น
"ทำไมเหรอป้า! มันมีอะไรไม่ชอบมาพากลอีกแล้วใช่ไหม"
"ก็คุณช้างกับคนรับใช้นะสิวะ ดูโรงซักของข้า ซักนู่นซักนี่ แล้วก็ถามลามไปถึงแผนกเอ็ง ว่าทีมช่างเคยเข้ามาบำรุงรักษาเครื่องจักรโรงซักมั่งไหม ทำไมมันถึงได้เก่าเส็งเคร็งขนาดนี้ คอยดูนะ เอ็งเอ๊ยนังลูกหมู พรุ่งนี้เขาคงแห่กันไปถล่มแผนกเอ็งแน่ๆ"
ปีกุนมุ่ยหน้ายกมือเท้าเอว
"เอ้า! แล้วกัน จะมาเอาเรื่องอะไรกับแผนกฉันล่ะ ไปเฉ่งเอากับฝ่ายจัดซื้อโน่น สั่งซื้ออะไหล่ซ่อมอะไรต่อมิอะไรไม่เคยอนุมัติ"
"เออ นี่ป้าก็เหมือนกันว่ะ แจ้งขอเปลี่ยนเกรดน้ำยา ฝ่ายจัดซื้อไม่ยอมอนุมัติ บอกว่าแพง ไม่มีงบ" ป้ายกเอาปัญหาแผนกตนมาผสมโรง
"ก็นั่นดิ อ้างเรื่อยว่าไม่มีงบ ฉันเห็นแขกจองเข้าพักทุกวัน ถ้าไม่มาพักฟรี แล้วรายได้ไปไหนหมด หรือว่าฝ่ายการเงินเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง"
ป้านวลรีบยกนิ้วขึ้นจุ๊ปากตัวเองเร็วจี๋ กระซิบบอกกับเธอ นัยน์ตาล่อกแล่ก
"อย่าเอะอะไปเชียวนังลูกหมู คุณแดงหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อกับคุณอี๊ดฝ่ายการเงินเส้นใครเอ็งก็รู้ เค้าเป็นถึงเพื่อนซี้สมัยเรียนของคุณวรรณณ์ เค้าไม่มีทางฉ้อโกงโรงแรมของเพื่อนตัวเองหรอก"
หือ... น้อยไปสิ! ปีกุนเอามือกอดอก
"สัจจะไม่มีในหมู่โจรฉันใด เพื่อนแท้ก็ไม่มีในโลกธุรกิจฉันนั้น" ปีกุนรำพึง เพราะความที่เห็นข่าวพี่น้องฆ่ากันเพื่อแย่งสมบัติและข่าวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดมาเยอะ เผลอๆ จะได้เห็นของจริงที่นี่แหละ
เมาท์มอยเรื่องเจ้านายจนหายคันปากแล้วป้านวลก็สแกนนิ้วเลิกงานกลับบ้าน ปีกุนกลับเข้าห้องมาดูเจ้ามะเดื่อ มันก็เหมือนเด็กเล็กๆ นอนแล้วตื่นมากิน กินแล้วก็วิ่งซนเปะปะไปทั่วห้อง เผลอแป๊บเดียวก็เห็นมันนอนหงายท้องอยู่กลางพื้นห้อง ท้องของมันกลมอืด จับดูก็แข็งโป๊ก ทีแรกนึกว่ามันกินเยอะจนจุกตายซะแล้ว ที่ไหนได้ แค่อิ่มจัด ง่วง แล้วก็ผล็อยหลับไป
ความที่ปีกุนพักอยู่ห้องนี้เพียงลำพัง ไม่มีรูมเมทร่วมห้อง การมีเจ้ามะเดื่อเข้ามาในชีวิตราวกับช่วยอุดรอยรั่วให้กับหัวใจที่เหงาหงอยของเธอได้อย่างดี
พูดเรื่องรอยรั่วในหัวใจ ปีกุนก็นึกขึ้นได้ว่าห้องน้ำรวมของหอพักพื้นรั่วเพราะยาแนวกระเบื้องหลุดร่อน รับปากกับตัวเองว่าวันหยุดจะยาแนวใหม่ให้ เพราะโบราณว่าอยู่บ้านท่านแม้ไม่ฟรีก็อย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น เธอเลยเดินไปหยิบผงกาวยาแนว เกรียงเหล็กกับแผ่นฟองน้ำ พร้อมถังใบเล็ก ที่หยิบติดมือมาจากสโตร์แผนกช่างเมื่อวาน เปิดประตูเดินออกจากห้องพัก มุ่งหน้ายังพื้นที่เป้าหมาย
พลันเสียงโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงดังขึ้นเมื่อร่างบางพ้นประตูออกไปเพียงเสี้ยวนาที
ห้องน้ำพนักงานในช่วงเย็น ผู้คนไม่พลุกพล่านมากเท่าช่วงเช้า และห้องน้ำหญิงที่นี่ก็มีอยู่ตั้งสี่ห้อง ปีกุนจับจองเพื่อทำการซ่อมแซมเพียงหนึ่งห้องก็ไม่กระทบกับผู้ใช้งานเท่าไหร่นัก
หลังจัดการทำความสะอาดพื้นแล้ว เธอใช้เกรียงเหล็กขูดซากยาแนวเก่าที่หมดประสิทธิภาพ มือขูดไปปากก็ส่งเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ลอกยาแนวเก่าจนสะอาดเอี่ยมก็ลงมือผสมกาวยาแนว ทิ้งไว้เพียง 5 นาทีพร้อมใช้งานในทันใด
ขณะกำลังปาดกาวหยอดลงตามร่องกระเบื้องให้ครบถ้วนทุกซอกรอยต่อแต่ละแผ่น เธอก็คิดขึ้นได้ว่าควรเขียนข้อความแปะหน้าหองเอาไว้ เผื่อใครไม่รู้ทะเล่อทะล่าเปิดเข้ามาใช้งาน
ระหว่างรอกาวยาแนวเซ็ตตัว เธอจึงลุกขึ้นเดินกลับมาที่ห้อง เพื่อจะหากระดาษเขียนข้อความ ซึ่งแค่เปิดประตูก้าวเข้ามาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ร้องลั่นอยู่บนหัวเตียง
ร่างบางปราดไปตะครุบหยิบเจ้าเศษเหล็กอันเล็กจากบนหัวเตียง รูดหน้าจอรับสายเรียกเข้าอย่างว่องไว แม้จะพบว่าเป็นเบอร์แปลก แต่ก็เหอะนะ เพื่อนๆ ของเธอมักจะเปลี่ยนเบอร์มือถือกันบ่อยเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว
"ฮัลโหล" ปีกุนกรอกเสียงใสปนกระหืดกระหอบลงไปในสาย
"มัวทำอะไรอยู่ ทำไมเพิ่งจะรับสาย" ต้นทางถามมาด้วยน้ำเสียงเข้มดุ อย่างเดียวที่เธอรู้คือเขาเป็นผู้ชาย แม้คลับคล้ายคลับคลาเสียงเข้มแบบนี้ แต่เธอก็ยังนึกหน้าเจ้าของเสียงไม่ออก
"ยาแนวห้องน้ำอยู่ ทำไม มีอะไรด่วนเหรอ ว่าแต่คุณน่ะใคร!?" เธอสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงขุ่นเข้ม ฟังดูดุยิ่งกว่าคนต้นทาง
ต้นสายเงียบไป เหมือนกำลังเงิบกับเสียงดุดันของเธอ ซึ่งแบบนี้ท่าจะไม่ใช่เพื่อนของเธอซะแล้วล่ะ อ้อ! ต้องเป็นพวกแก๊งค์ call center แน่ๆ พักนี้เธอเจอบ่อย วันก่อนก็ทีนึงแล้ว บอกเธอว่าคุณคือผู้โชคดี จะได้รับเงินรางวัลอะไรก็ไม่รู้ ฟังไม่จบ เธอตัดสายทิ้งไปเสียก่อน
"ว่าไงล่ะว่าไง! เป็นใคร? คุณน่ะ ถ้าไม่พูดจะวางแล้วนะ" ไม่ใช่แค่ขู่ เธอกำลังจะตัดสายทิ้งจริงๆ
แต่ต้นสายก็ส่งเสียงแทรกขึ้นมาได้ทัน
"เดี๋ยวลูกหมู! อย่าเพิ่งวาง นี่ผมเอง"
ผมเอง ผมไหน แต่เสียงคุ้นมาก... อ้อ! นึกออกแล้ว
"คุณอ่ำ!"
"ฮือ" เสียงขรึมพลันละมุนขึ้นทันใด
"มีอะไรรึเปล่าคะ เอ๊ะ! คุณทราบเบอร์โทร.ของฉันได้ยังไงเนี่ย"
"แค่เบอร์พนักงานในรีสอร์ทของตัวเอง... อย่างคุณช้าง ทำไมจะหามาไม่ได้" เขาตอบ ซึ่งเธอก็ไม่ได้ติดใจสงสัย
"แล้วโทร.มามีอะไรคะ" หวังว่าเขาจะไม่มาขอให้เธอช่วยเป็นไกด์ผีพาท่องราตรีนะ
"จะชวนทานข้าว" เสียงขรึมบอก "เอ่อ หมายถึงคุณช้างนะ อยากจะเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณ เรื่องที่ช่วยขับรถให้เมื่อเช้า"
"อ๋อ เรื่องนั้นเองเหรอ ฝากคุณบอกคุณช้างทีนะว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเลี้ยงข้าวตอบแทนหรอก แค่ตังค์ที่ให้ฉันมานั่นก็เยอะพอแล้ว"
"น่า... ไปเถอะ คุณช้างตั้งใจให้โทร.มาชวน นี่ก็จองโต๊ะไว้แล้วด้วย"
ปีกุนเหมือนโดนมัดมือชก ถึงเธอจะไม่อยากไป แต่นายอ่ำเล่นพูดมาซะขนาดนี้ ถ้ายังปฏิเสธเขาอีกก็คงดูเหมือนเธอไม่ให้เกียรติคุณช้าง
"อือๆ ไปก็ไป แต่ขอเวลาฉันกลับไปยาแนวห้องน้ำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนนะคะ"
"ได้ครับ ตามสบายเลย ผมให้โควต้าในการรอคุณถึงเที่ยงคืน" เขาบอก น้ำเสียงคล้ายมีอารมณ์ขันเจือมา
"แหม มันก็ไม่นานขนาดนั้นหรอกค่ะ เอาเป็นว่าสองทุ่ม ไหวไหมคะ"
"โอเค แล้วผมจะเอารถมารับ"
"ตามนั้น" เธอบอก และจบการสนทนา
วางสายไปแล้ว ชายหนุ่มจอมวางแผนก็ยิ้มกระหยิ่มอย่างภาคภูมิใจให้กับความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง
...
ขอบคุณคนอ่านมากๆ ค่ะ
ซ่อมให้ไหม? หัวใจ Boss is trouble - 10
ความเดิมตอนที่แล้ว https://ppantip.com/topic/37746388
บ่ายโมงเศษ เอรากับกิตติเดินทางเข้าตรวจโรงซักรีดตามแผนงานประจำวันที่วางเอาไว้ ป้านวลคนดูแลแผนก Laundry แทนที่จะเป็นเจ้าบ้านพานำชมเครื่องจักรด้านใน กลับเป็นคนเดินตามหลังต้อยๆ ปล่อยสองหนุ่มเดินนำลิ่ว
เอราเคยเข้าดูงานตามโรงแรมใหญ่มาไม่น้อย อุปกรณ์เครื่องจักร และนวัตกรรมโรงซักของโรงแรมระดับสี่ห้าดาวส่วนมาก มีขนาดใหญ่ กำลังผลิตสูง สามารถรองรับผ้าในปริมาณมาก ซึ่งเครื่องจักรของที่นี่ก็อัตราการผลิตสูง ต่างกันก็ตรงความล้าหลังนี่แหละ อะไรๆ ในนี้ล้วนดูทรุดโทรม ไม่ว่าจะเครื่องซัก เครื่องสลัด เครื่องอบ เครื่องรีด หรือแม้แต่พื้น ผนัง ฝ้า สายไฟขาดจนโผล่เปลือยยังมีให้เห็น
“แผนกช่างมีการเข้ามา Maintenance บ้างหรือเปล่า ทำไมถึงปล่อยให้อุปกรณ์เก่าโทรมได้ขนาดนี้” เอราซึ่งในความเข้าใจของป้านวลคือนายอ่ำคนรับใช้ของคุณช้างเอ่ยถาม
คนโดนถามทำหน้างง นายอ่ำจึงทวนถามว่าแผนกช่างมีแผนการเข้าบำรุงรักษาอย่างไร ปีละกี่ครั้ง ป้านวลส่ายหน้าทันที
“เอ่อ อันนี้ป้าก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอกค่ะ ต้องรอถามกับหัวหน้าค่ะ” ป้านวลบอก แถมยังเอ่ยออกตัวครั้งแล้วครั้งเล่าว่าหัวหน้าแผนกลากลับบ้านต่างจังหวัด ส่วนตัวป้านวลเองนั้นไม่ได้มีความรู้เรื่องอะไรมากนัก มีหน้าที่แค่คอยรับ นับ และส่งลงเครื่อง จบกระบวนซัก อบ รีดเสร็จก็นับ พับ และจ่ายคืนแผนกต้นทาง
“แล้วเครื่องจักรเสียบ่อยไหม” คุณช้างถามขึ้นบ้าง คราวนี้ป้านวลพยักหน้าดิก
“บ่อยเป็นกิจวัตรเลยค่ะ แต่ส่วนใหญ่ เสียทีป้าก็โทรเรียกไอลูกหมูมาซ่อมที มันซ่อมเก่งซ่อมไว” ป้านวลบอก
การมีชื่อของปีกุนแทรกเข้ามาในหัวข้อสนทนาทำให้เอรารู้สึกตงิดขึ้นอีกครั้ง ...หรือแท้จริงแล้วนายธเนศจงใจส่งยายตัวเปี๊ยกเข้ามาป่วนในแผนกช่าง นั่นสินะ แผนกไหนเลยจะสามารถแทรกซึมและบ่อนทำลายรีสอร์ทของเขาได้อย่างแนบเนียนเท่ากับแผนกนี้
“ป้านวลครับ” เอราเอ่ย “แล้วพนักงานประจำโรงซักรีดมีกันทั้งหมดกี่คน ส่วนใหญ่ได้รับการฝึกสอนงานจากใคร”
ป้านวลทำหน้าครุ่นคิด นานนับนาทีราวกับว่าต้องเจาะเวลาหาอดีตเสียก่อนจึงจะตอบได้
“พนักงานแผนกของป้าเหรอจ๊ะ เอ่อ...ก็ราวๆ ห้าคน แต่ทยอยลาออกกันไปหมด ตอนนี้เลยเหลือแค่ป้ากับหัวหน้าป้าค่ะ ส่วนเรื่องสอนงานนะหรือคะ" ป้านวลทอดถอนใจยาวเหยียด "สมัยป้ามาอยู่ใหม่ๆ ก็ไม่มีใครสอนนะคะ ป้าต้องคอยดูคนเก่าๆ ว่าเขาทำกันยังไง แผนกอื่นก็เหมือนกันล่ะค่ะ ต้องอาศัยครูพักลักจำ ไม่มีใครว่างมาสอนงานหรอกค่ะ”
คำตอบของป้านวลทำให้เอราและกิตติมองหน้ากันอย่างลำบากใจ
ความที่ผ้ามาจากหลายๆ แหล่ง ผ้าจากแผนกแม่บ้าน แผนกอาหารและเครื่องดื่ม ยูนิฟอร์มของพนักงาน แล้วยังจะต้องมีเสื้อผ้าของแขกผู้เข้าพัก การคัดแยกและเซ็ตค่าการซัก จึงถือเป็นเรื่องสำคัญ อุณหภูมิความร้อน ปริมาณน้ำยา และระยะเวลาในการซัก สลัด อบ ต้องสอดคล้องกับน้ำหนักและชนิดผ้า ผ้าฝ้าย ลินิน โพลีเอสเตอร์ ผ้าไหม และอีกสารพัดชนิด ที่ต้องให้ความรอบคอบพิถีพิถันทุกขั้นตอน ลำพังความล้าหลังไร้นวัตกรรมก็ถือว่าแย่แล้ว นี่ความรู้ความสามารถของบุคลากรต่ำกว่ามาตรฐาน ยิ่งทำให้หนักใจเข้าไปอีก
เอราลากลมหายใจยาวด้วยความหวังที่ถดถอย การจะเข้ามารีโนเวทงานที่นี่ ควรต้องเริ่มที่แผนกไหนก่อน แผนกวิศวกรรมดีไหม... เริ่มจากลูกสาวนายธเนศเป็นคนแรกเลยละกัน
...
ห้องพักพนักงานพื้นที่ยี่สิบตารางเมตร ปีกุนนั่งเอกเขนกอยู่บนชั้นล่างของเตียงไม้แบบบิวท์อินสองชั้น
ส่วนในกล่องกระดาษA4 ตรงปลายเตียง เจ้ามะเดื่อพอกินอาหารแมวเด็กจนอิ่มก็หลับปุ๋ยไปอีกครา
หน้าต่างบานเล็กถูกเปิดไว้ ปล่อยสายลมยามบ่ายพัดเอื่อยเข้ามาภายในห้อง คนบนเตียงนั่งอ่านตำราระบบไฟฟ้ากำลังอยู่อย่างตั้งใจ
ปีกุนมาดมั่นว่าปลายเดือนนี้เธอจะเข้าสอบ ก.ว. ขอใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม เพื่อใช้ต่อยอดงานของเธอในอนาคต
เธอวาดฝันว่าเมื่อมีเงินออมสักก้อนหนึ่ง จะลาออกแล้วไปเปิดบริษัทรับเหมางานวางระบบ เธอมีเพื่อนสนิทอย่างพี่โจ้ก ที่พร้อมจะร่วมเป็นหุ้นส่วนงานนี้อยู่แล้ว
ซึ่งถ้าวันนั้นมาถึง เธอจะให้แม่ขอคุณธเนศลาออก ถึงแม้คุณท่านจะแสนดีและมีบุญคุณมายาวนาน แต่เธอไม่ได้อยากให้แม่ต้องคอยรับใช้คุณธเนศไปจนชั่วชีวิตหรอกนะ หากมีกิจการของตัวเองแล้ว เธอจะพาแม่กับน้องออกมาอยู่ข้างนอก เพื่อจะได้มีชีวิตเป็นอิสระเหมือนคนอื่นสักที
หลังจากอ่านทบทวนตำราเตรียมสอบอย่างคร่าวๆ ไปจนครบสองรอบ เธอก็มั่นใจว่าต้องทำได้ อีกอย่างการสอบก็สามารถเอาเอกสารตำรับตำราเข้าไปด้วยได้ เดารูปการณ์แล้ว การจะได้ใบอนุญาต ก.ว. ของเธอไม่น่าจะมีอุปสรรคอะไร
นอกหน้าต่างบานเล็กเหนือเตียงนอนชั้นล่าง หญิงสาวเห็นเหมือนรถเช่าของโรงแรมเคลื่อนตัวผ่านสายตาออกไปทางด้านหลังของโรงซักรีด ยี่ห้อและรูปพรรณสันฐานรถ คล้ายคันที่คุณช้างใช้งาน หากเมื่อเพ่งมองให้ดีๆ อีกทีจึงพบว่าตรงตำแหน่งคนขับเป็นนายอ่ำจริงๆ ด้วย เธอจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเขามีนัดกับป้านวลเข้าดูงานโรงซัก ด้วยความอยากรู้เธอจึงรีบดีดตัวลงจากเตียง ออกจากห้องลงไปหาป้านวลที่โรงซักรีดอย่างว่องไว
ป้านวลที่เพิ่งเสร็จจากการพาลูกชายเจ้าของโรงแรมพร้อมผู้ติดตามเที่ยวชมโรงซัก และกำลังจะเดินมาสแกนนิ้วเพื่อเลิกงาน พอเห็นปีกุนวิ่งเข้ามาหาก็คันปากอยากเมาท์ขึ้นมาทันที
"เอ็งมานี่ก็ดีแล้วลูกหมู พรุ่งนี้ไปทำงานอย่าลืมบอกเพื่อนทีมช่างของเอ็งให้ระวังตัวเอาไว้ให้ดีๆล่ะ"
คนโดนหมายเตือนดวงตาลุกวาวขึ้นอย่างอยากรู้อยากเห็น
"ทำไมเหรอป้า! มันมีอะไรไม่ชอบมาพากลอีกแล้วใช่ไหม"
"ก็คุณช้างกับคนรับใช้นะสิวะ ดูโรงซักของข้า ซักนู่นซักนี่ แล้วก็ถามลามไปถึงแผนกเอ็ง ว่าทีมช่างเคยเข้ามาบำรุงรักษาเครื่องจักรโรงซักมั่งไหม ทำไมมันถึงได้เก่าเส็งเคร็งขนาดนี้ คอยดูนะ เอ็งเอ๊ยนังลูกหมู พรุ่งนี้เขาคงแห่กันไปถล่มแผนกเอ็งแน่ๆ"
ปีกุนมุ่ยหน้ายกมือเท้าเอว
"เอ้า! แล้วกัน จะมาเอาเรื่องอะไรกับแผนกฉันล่ะ ไปเฉ่งเอากับฝ่ายจัดซื้อโน่น สั่งซื้ออะไหล่ซ่อมอะไรต่อมิอะไรไม่เคยอนุมัติ"
"เออ นี่ป้าก็เหมือนกันว่ะ แจ้งขอเปลี่ยนเกรดน้ำยา ฝ่ายจัดซื้อไม่ยอมอนุมัติ บอกว่าแพง ไม่มีงบ" ป้ายกเอาปัญหาแผนกตนมาผสมโรง
"ก็นั่นดิ อ้างเรื่อยว่าไม่มีงบ ฉันเห็นแขกจองเข้าพักทุกวัน ถ้าไม่มาพักฟรี แล้วรายได้ไปไหนหมด หรือว่าฝ่ายการเงินเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง"
ป้านวลรีบยกนิ้วขึ้นจุ๊ปากตัวเองเร็วจี๋ กระซิบบอกกับเธอ นัยน์ตาล่อกแล่ก
"อย่าเอะอะไปเชียวนังลูกหมู คุณแดงหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อกับคุณอี๊ดฝ่ายการเงินเส้นใครเอ็งก็รู้ เค้าเป็นถึงเพื่อนซี้สมัยเรียนของคุณวรรณณ์ เค้าไม่มีทางฉ้อโกงโรงแรมของเพื่อนตัวเองหรอก"
หือ... น้อยไปสิ! ปีกุนเอามือกอดอก
"สัจจะไม่มีในหมู่โจรฉันใด เพื่อนแท้ก็ไม่มีในโลกธุรกิจฉันนั้น" ปีกุนรำพึง เพราะความที่เห็นข่าวพี่น้องฆ่ากันเพื่อแย่งสมบัติและข่าวเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดมาเยอะ เผลอๆ จะได้เห็นของจริงที่นี่แหละ
เมาท์มอยเรื่องเจ้านายจนหายคันปากแล้วป้านวลก็สแกนนิ้วเลิกงานกลับบ้าน ปีกุนกลับเข้าห้องมาดูเจ้ามะเดื่อ มันก็เหมือนเด็กเล็กๆ นอนแล้วตื่นมากิน กินแล้วก็วิ่งซนเปะปะไปทั่วห้อง เผลอแป๊บเดียวก็เห็นมันนอนหงายท้องอยู่กลางพื้นห้อง ท้องของมันกลมอืด จับดูก็แข็งโป๊ก ทีแรกนึกว่ามันกินเยอะจนจุกตายซะแล้ว ที่ไหนได้ แค่อิ่มจัด ง่วง แล้วก็ผล็อยหลับไป
ความที่ปีกุนพักอยู่ห้องนี้เพียงลำพัง ไม่มีรูมเมทร่วมห้อง การมีเจ้ามะเดื่อเข้ามาในชีวิตราวกับช่วยอุดรอยรั่วให้กับหัวใจที่เหงาหงอยของเธอได้อย่างดี
พูดเรื่องรอยรั่วในหัวใจ ปีกุนก็นึกขึ้นได้ว่าห้องน้ำรวมของหอพักพื้นรั่วเพราะยาแนวกระเบื้องหลุดร่อน รับปากกับตัวเองว่าวันหยุดจะยาแนวใหม่ให้ เพราะโบราณว่าอยู่บ้านท่านแม้ไม่ฟรีก็อย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น เธอเลยเดินไปหยิบผงกาวยาแนว เกรียงเหล็กกับแผ่นฟองน้ำ พร้อมถังใบเล็ก ที่หยิบติดมือมาจากสโตร์แผนกช่างเมื่อวาน เปิดประตูเดินออกจากห้องพัก มุ่งหน้ายังพื้นที่เป้าหมาย
พลันเสียงโทรศัพท์มือถือบนหัวเตียงดังขึ้นเมื่อร่างบางพ้นประตูออกไปเพียงเสี้ยวนาที
ห้องน้ำพนักงานในช่วงเย็น ผู้คนไม่พลุกพล่านมากเท่าช่วงเช้า และห้องน้ำหญิงที่นี่ก็มีอยู่ตั้งสี่ห้อง ปีกุนจับจองเพื่อทำการซ่อมแซมเพียงหนึ่งห้องก็ไม่กระทบกับผู้ใช้งานเท่าไหร่นัก
หลังจัดการทำความสะอาดพื้นแล้ว เธอใช้เกรียงเหล็กขูดซากยาแนวเก่าที่หมดประสิทธิภาพ มือขูดไปปากก็ส่งเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ลอกยาแนวเก่าจนสะอาดเอี่ยมก็ลงมือผสมกาวยาแนว ทิ้งไว้เพียง 5 นาทีพร้อมใช้งานในทันใด
ขณะกำลังปาดกาวหยอดลงตามร่องกระเบื้องให้ครบถ้วนทุกซอกรอยต่อแต่ละแผ่น เธอก็คิดขึ้นได้ว่าควรเขียนข้อความแปะหน้าหองเอาไว้ เผื่อใครไม่รู้ทะเล่อทะล่าเปิดเข้ามาใช้งาน
ระหว่างรอกาวยาแนวเซ็ตตัว เธอจึงลุกขึ้นเดินกลับมาที่ห้อง เพื่อจะหากระดาษเขียนข้อความ ซึ่งแค่เปิดประตูก้าวเข้ามาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ร้องลั่นอยู่บนหัวเตียง
ร่างบางปราดไปตะครุบหยิบเจ้าเศษเหล็กอันเล็กจากบนหัวเตียง รูดหน้าจอรับสายเรียกเข้าอย่างว่องไว แม้จะพบว่าเป็นเบอร์แปลก แต่ก็เหอะนะ เพื่อนๆ ของเธอมักจะเปลี่ยนเบอร์มือถือกันบ่อยเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว
"ฮัลโหล" ปีกุนกรอกเสียงใสปนกระหืดกระหอบลงไปในสาย
"มัวทำอะไรอยู่ ทำไมเพิ่งจะรับสาย" ต้นทางถามมาด้วยน้ำเสียงเข้มดุ อย่างเดียวที่เธอรู้คือเขาเป็นผู้ชาย แม้คลับคล้ายคลับคลาเสียงเข้มแบบนี้ แต่เธอก็ยังนึกหน้าเจ้าของเสียงไม่ออก
"ยาแนวห้องน้ำอยู่ ทำไม มีอะไรด่วนเหรอ ว่าแต่คุณน่ะใคร!?" เธอสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงขุ่นเข้ม ฟังดูดุยิ่งกว่าคนต้นทาง
ต้นสายเงียบไป เหมือนกำลังเงิบกับเสียงดุดันของเธอ ซึ่งแบบนี้ท่าจะไม่ใช่เพื่อนของเธอซะแล้วล่ะ อ้อ! ต้องเป็นพวกแก๊งค์ call center แน่ๆ พักนี้เธอเจอบ่อย วันก่อนก็ทีนึงแล้ว บอกเธอว่าคุณคือผู้โชคดี จะได้รับเงินรางวัลอะไรก็ไม่รู้ ฟังไม่จบ เธอตัดสายทิ้งไปเสียก่อน
"ว่าไงล่ะว่าไง! เป็นใคร? คุณน่ะ ถ้าไม่พูดจะวางแล้วนะ" ไม่ใช่แค่ขู่ เธอกำลังจะตัดสายทิ้งจริงๆ
แต่ต้นสายก็ส่งเสียงแทรกขึ้นมาได้ทัน
"เดี๋ยวลูกหมู! อย่าเพิ่งวาง นี่ผมเอง"
ผมเอง ผมไหน แต่เสียงคุ้นมาก... อ้อ! นึกออกแล้ว
"คุณอ่ำ!"
"ฮือ" เสียงขรึมพลันละมุนขึ้นทันใด
"มีอะไรรึเปล่าคะ เอ๊ะ! คุณทราบเบอร์โทร.ของฉันได้ยังไงเนี่ย"
"แค่เบอร์พนักงานในรีสอร์ทของตัวเอง... อย่างคุณช้าง ทำไมจะหามาไม่ได้" เขาตอบ ซึ่งเธอก็ไม่ได้ติดใจสงสัย
"แล้วโทร.มามีอะไรคะ" หวังว่าเขาจะไม่มาขอให้เธอช่วยเป็นไกด์ผีพาท่องราตรีนะ
"จะชวนทานข้าว" เสียงขรึมบอก "เอ่อ หมายถึงคุณช้างนะ อยากจะเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณ เรื่องที่ช่วยขับรถให้เมื่อเช้า"
"อ๋อ เรื่องนั้นเองเหรอ ฝากคุณบอกคุณช้างทีนะว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเลี้ยงข้าวตอบแทนหรอก แค่ตังค์ที่ให้ฉันมานั่นก็เยอะพอแล้ว"
"น่า... ไปเถอะ คุณช้างตั้งใจให้โทร.มาชวน นี่ก็จองโต๊ะไว้แล้วด้วย"
ปีกุนเหมือนโดนมัดมือชก ถึงเธอจะไม่อยากไป แต่นายอ่ำเล่นพูดมาซะขนาดนี้ ถ้ายังปฏิเสธเขาอีกก็คงดูเหมือนเธอไม่ให้เกียรติคุณช้าง
"อือๆ ไปก็ไป แต่ขอเวลาฉันกลับไปยาแนวห้องน้ำให้เสร็จเรียบร้อยก่อนนะคะ"
"ได้ครับ ตามสบายเลย ผมให้โควต้าในการรอคุณถึงเที่ยงคืน" เขาบอก น้ำเสียงคล้ายมีอารมณ์ขันเจือมา
"แหม มันก็ไม่นานขนาดนั้นหรอกค่ะ เอาเป็นว่าสองทุ่ม ไหวไหมคะ"
"โอเค แล้วผมจะเอารถมารับ"
"ตามนั้น" เธอบอก และจบการสนทนา
วางสายไปแล้ว ชายหนุ่มจอมวางแผนก็ยิ้มกระหยิ่มอย่างภาคภูมิใจให้กับความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเอง
...
ขอบคุณคนอ่านมากๆ ค่ะ