ตอนก่อนหน้า>>
https://ppantip.com/topic/37671896
ระหว่างที่ขับรถออกจากสนามบินกลับสู่รีสอร์ท ปีกุนยังคงเลือกใช้ถนนเส้นรอบเกาะสายยาว บรรยากาศช่วงบ่ายภายนอกรถร้อนอบอ้าว บรรยากาศภายในยิ่งแย่กว่า เพราะนอกจากเสียงแอร์จะดังครืนๆ อยู่ตลอดเวลาแล้ว ผู้โดยสารทั้งสองตรงเบาะหลังยังคงนั่งเงียบเชียบอึมครึม ปีกุนแม้จะรู้สึกเสียวสันหลังเป็นพักๆ แต่ก็ไม่วายแอบชำเลืองมองพวกเขาผ่านกระจกอย่างวิเคราะห์เจาะลึก
เริ่มต้นที่นายอ่ำ บอดี้การ์ดของคุณช้าง เอนหลังยาวๆ ของตัวเองราบไปกับพนักพิง โดยที่แขนข้างหนึ่งของเขาพับขึ้นหนุนท้ายทอย และแขนอีกข้างวางทอดขนานไปกับขอบล่างของหน้าต่างด้วยท่าทีสบายๆ สายตาคู่เข้มภายใต้คิ้วดกหนาของเขามองออกไปข้างนอก ซึ่งเป็นทัศนียภาพสวนยางพาราสีเขียวเข้ม ถูกปลูกซ้อนสลับกับสับปะรดสายพันธุ์ท้องถิ่น
ส่วนคุณช้าง เจ้านายหนุ่มหน้าตี๋ของเธอ นั่งหลังตรงตั้งฉากติดพนัก สายตาเขากำลังแน่วแน่อยู่กับหน้าจอแท้บเล็ทในมือ นิ้วจิ้มบนทัชสกรีนจนเกิดเสียงป๊อบๆ อยู่ตลอดเวลา ทีท่าของเขาดูเคร่งเครียดเอาจริงเอาจัง
หากเป็นเธอ ไหนๆ ก็เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกลแบบนี้แล้ว เธอจะเลือกนั่งทอดหุ่ย มองวิวสบายๆ อย่างที่นายอ่ำทำ ส่วนงานน่ะหรือ ค่อยว่ากันหลังจากได้กินมื้อเที่ยงอร่อยๆ และได้นอนตากแอร์ฉ่ำๆ สักงีบ เพราะยังมีเวลาอีกเป็นชาติให้ทำงาน ...งานที่รอให้เขามาสะสางน่ะ บอกเลยว่าเพียบ ดีไม่ดีต่อจากนี้เขาอาจแทบไม่มีเวลาได้เงยหน้ามองเดือนมองตะวันเลยเชียวล่ะ!
พี่เอ๋ หัวหน้าแผนกช่าง พนักงานเก่าแก่นับแต่รุ่นบุกเบิกเล่าว่า ตำแหน่งผู้บริหารของที่นี่ล้วนแต่มีอาถรรพ์ แม้กับคุณธเนศ สามีเจ้าของรีสอร์ทซึ่งเคยลงมาบริหารด้วยตัวเองยังอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องวางมือและรีบกลับกรุงเทพฯไปเหมือนกับหลายๆคนโดยไม่ทราบสาเหตุ
ผู้บริหารรายถัดมาชื่อคุณอานนท์ ดูอาวุโสและมากประสบการณ์ เก่งทั้งงานมาร์เก็ตติ้งและงานแมนเนจเม้นท์ แต่เพียงหกเดือนคุณอานนท์ก็หมดท่าแพ้บายลาออกไป
คุณสมยศ ผู้บริหารรายที่สาม สามารถต่องานจากคุณอานนท์ได้ไม่เลว และทนทำได้นานเป็นปีๆ แต่เจอพิษไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เข้าไป ยอดนักท่องเที่ยวตกฮวบ ค่าใช้จ่ายไม่พอกับงบประมาณน้อยนิด เลยต้องยอมยกธงขาวลาออกไปอีกคน
ผู้บริหารหรือควรเรียกว่า 'เหยื่อ' รายถัดมา ชื่อว่า คุณทาเคชิ คนนี้อิมพอร์ตมาไกลจากแดนอาทิตย์อุทัย ผลงานโดดเด่นเป็นที่ชื่นชมของเจ้าของโรงแรม แต่อาถรรพ์อีกตามเคย เขาอยู่เพียงสองปี จู่ๆ ก็ลาออกไปปุบปับแบบที่ยังไม่ได้ต่อมือส่งงานให้ใครเลยสักคน พี่เอ๋เรียกการลาออกปุบปับนี้ว่า 'วิ่งทุ่มเกือก' พี่เขียวแปลให้ว่า คืออาการวิ่งแบบไม่คิดชีวิต!
ผู้บริหารรายถัดๆ มาก็ประสพเหตุคล้ายคลึงกัน ซึ่งต่อให้บริหารเก่งแค่ไหนก็ดูจะแพ้พ่ายต่อปัญหาเร้นลับบางอย่างที่คนเบื้องล่างอย่างเธอไม่รู้ ขนาดพี่เอ๋ที่ว่าเป็นคนเก่า ยังเดาสาเหตุไม่ออก... แกเคยพูดทีเล่นทีจริงว่า น่าจะผีเจ้าที่แรง!
เรื่องแบบนี้ใครถ้าไม่ได้สัมผัสกับตัวเองคงยากจะเชื่อ โดยเฉพาะคนไม่เคยเชื่อเรื่องเร้นลับงมงายอย่างปีกุน เธอคิดว่าสาเหตุที่ผู้บริหารพากันลาออก เป็นเพราะปัญหาขาดสภาพคล่อง ที่ผ่านการหมักหมมมาอย่างยาวนาน ดูตอนPOขอสั่งซื้ออะไรทีต้องรออนุมัตินานเป็นชาติ ยกตัวอย่างง่ายๆ ชุดฟิวส์ของระบบล่อฟ้าแค่สองตัวที่แผนกช่างเคยขอสั่งซื้อราคาไม่กี่หมื่น รออนุมัติมาตั้งนานแล้ว นานมากถึงขนาดที่ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อตั้งท้อง จนนี่คลอดลูกชายออกมาเรียบร้อย เผลอๆ กว่าPOจะได้รับการอนุมัติ คงจะตอนลูกชายของพี่แกบวชเณรภาคฤดูร้อนนู่นล่ะ
นี่ไง เธอถึงได้บอก ในห้วงเวลานี้แทนที่จะตั้งหน้าทำงาน เธอแนะนำว่าให้เขาเก็บกักแบ็ตเตอรี่ชีวิตเอาไว้ ด้วยการนั่งปล่อยใจสบายๆ รอกินข้าวให้อิ่ม นอนพักให้หนำใจ ก่อนจะต้องเริ่มเผชิญหน้ากับงานและปัญหาเป็นตั้งๆ สมใจอยาก ชนิดที่แทบไม่มีเวลาเงยหน้าดูเดือนดูตะวันกินลมชมวิวทอดสายตามองฟ้าให้สบายอารมณ์ได้อีก
นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสองโมง เสียงท้องของคนใดคนหนึ่งในรถครวญขึ้นผ่านความเงียบ ปีกุนคิดว่าบางทีคงเป็นเสียงท้องของเธอเอง เพราะตั้งแต่กินโจ๊กสำเร็จรูปไปหนึ่งซองในมื้อเช้าก่อนเดินทางไปทำงาน จนกระทั่งบัดนี้ ท้องของเธอก็ยังไม่มีสารอาหารใดๆ ตกลงไป คงจะมีบ้างก็คือน้ำเปล่าขนาด 0.6 ลิตร ที่ถูกดื่มเกลี้ยงกริ๊บไปแล้วหมดขวด ซึ่งตอนนี้ลำคอเธอกำลังแห้งผาก ความกระหายน้ำบวกกับความกระหายหิวอาหารทำให้เธอเผลอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตัวเองเป็นรอบที่สองหลังจากได้กลิ่นหอมจางๆ ของนมสดรสจืดที่โชยอ่อนๆ มาจากผู้โดยสารท่านหนึ่งตรงเบาะหลัง
หญิงสาวเหลือบมองผ่านกระจก เห็นนายอ่ำซึ่งยังคงนั่งเอนกายสบายอารมณ์อยู่ในอิริยาบถเดิม ในมือของเขาถือนมสดรสจืดตราวัวแดง เธอแอบกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว ขณะที่เสียงการดูดของเหลวจากในกล่องดังเป็นเฮือกสุดท้ายก่อนที่มันจะเหลือแต่เสียงดูดลมในกล่องที่ว่างเปล่า ชายหนุ่มเลื่อนกระจกหน้าต่างฝั่งตัวเอง ก่อนจะทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิดด้วยการโยนกล่องนมเปล่าออกไปข้างนอก แล้วเลื่อนปิดกระจกกลับมานั่งผิวปากสบายอารมณ์อย่างกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ไอ้ที่ไม่ช่วยเธอเข็นกระเป๋าใส่รถก็ว่าแย่แล้ว นายอ่ำยังแสดงพฤติกรรมแย่ๆ ด้วยการทิ้งขยะลงกลางถนน... มันจะมากเกินไปแล้ว!
อารมณ์สตรีผู้รักสิ่งแวดล้อมเพราะถูกปลูกฝังความหัวอนุรักษ์อยู่ในสายเลือดของปีกุนพุ่งพล่านขึ้นทันที เธออดรนทนไม่ไหว ต้องโพล่งขึ้นอย่างลืมตัวว่า
“นี่คุณ! โตมาเนี่ยไม่เคยมีใครสั่งสอนหรือไงคะว่าควรทิ้งขยะให้ถูกที่...นิสัยไม่ดี” เธอพึมพำงึมๆเฉพาะท่อนประโยคสุดท้าย
คุณช้างชะงักมือจากแท้บเล็ทเงยหน้าขึ้นมองสวนมาทางกระจกทันที ดวงตาดุร้ายนั้นทำเอาคนโดนมองต้องรีบหลบสายตากลับไปยังท้องถนนตามเดิม
นายอ่ำยิ้มมุมปาก “ก็โยนออกไปนอกรถแล้วไง ยังไม่ถูกที่อีกเหรอ แล้วไอ้ที่ว่าทิ้งให้ถูกที่เนี่ย มันคือต้องทิ้งไว้ในรถแบบนี้สินะ” เขาพูดพร้อมๆ กับการใช้มือเขี่ยบรรดาห่อขนมกับเปลือกลูกอมหลากสีสันจากพื้นรถขึ้นมาโปรยกระทบกับสายลมจากช่องแอร์จนปลิวว่อนเป็นการประชด
ปีกุนกำลังจะหันหน้าอ้าปากตอบโต้ แต่ต้องหุบฉับเมื่อสายตาดุๆ ของคุณช้างมองเขม็งผ่านกระจกมาอีก
"เธอ! เป็นแค่คนขับรถ กับคนของฉันพูดจาให้มันดีๆ" สายตาตำหนิจริงจังนั้นทำเอาเธอหน้าหงอคอหด... ออกโรงปกป้องขนาดนี้ ถ้าไม่คิดว่านายอ่ำเป็นบอดี้การ์ด เธอคงคิดว่าเขาเป็นคู่ขาของคุณช้างแน่ๆ
และระหว่างที่กำลังขบคิดว่านายอ่ำเป็นคู่ขาของคุณช้าง กับคิดว่านายอ่ำต่างหากที่เป็นคุณช้างตัวจริงปลอมตัวมาแบบในละครที่เคยดู ปีกุนก็ต้องสะดุ้ง หลุดออกจากความคิดทั้งปวง เพราะคุณช้างแผดเสียงตวาดตำหนิออกมาเป็นฉากๆ อย่างต่อเนื่อง
“เธอ! คนที่นี่เค้าทำงานกันแบบนี้เหรอ ฉันอดทนนั่งดูสภาพเธอมาตั้งนานแล้ว ว่าจะไม่บ่น แต่อดไม่ได้จริงๆ” คุณช้างพูด แววตาท่าทางคล้ายองค์เจ้าแม่กาลีอวตารลงประทับร่างไปแล้วครึ่งซีก
“อยู่แผนกทรานสปอร์ตแต่กลับปล่อยให้รถสกปรก เต็มไปด้วยขยะ แถมเหม็นอับอย่างกับรถที่ไม่เคยใช้งานมาเป็นสิบปี แล้วยังจะเสื้อผ้ายูนิฟอร์มของเธออีก ดูได้ซะที่ไหน ใครเป็นคนออกแบบชุดพนักงานให้เนี่ย เป็นคนขับรถแต่แต่งตัวเหมือนคนซ่อมท่อ"
คนโดนกล่าวหากำลังจะหันไปอธิบายตามความจริงว่าเธออยู่แผนกช่าง ไอ้ที่ต้องมาทนขับรถตู้เส็งเคร็งบริการรับส่งผู้โดยสารแบบนี้ก็เพราะถูกบังคับ แต่ไม่ทันได้เอ่ยอะไร เสียงฉอดๆ ของคุณช้างก็ตวาดใส่มาอีก
"นี่ฉันยังไม่ได้ตำหนิเรื่องป้ายต้อนรับแขกที่สนามบินเลยนะ ทำลงไปได้ยังไง เขียนชื่อแขกใส่กระดาษยับๆ กระจอก! โลว์คลาสที่สุด!!! ถึงว่าสิ ภาพลักษณ์รีสอร์ทถึงได้ต่ำลงๆ"
คนที่เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ แถมถูกด่าซะเละขนาดนี้อย่างเธอ แทบต้องใช้พลังลมปราณทั้งหมดข่มอารมณ์โกรธเอาไม่ให้พุ่งพล่าน สะกดใจบอกกับตัวเองว่า... นั่นเจ้านาย ...ท่องไว้ลูกหมู ท่องไว้... ในขณะที่เสียงคุณช้างบ่นตำหนิเธอ ตำหนิแผนกทรานสปอร์ต และตำหนิสภาพย่ำแย่ภายในรถยังคงดังฉอดๆ ล่องลอยข้ามเบาะนั่งของเธอมาเป็นระยะ ซึ่งเธอคาดว่าเจ้าแม่กาลีอวตารคงประทับร่างเจ้านายหน้าตี๋ของเธอเต็มทั้งตัวไปแล้วเรียบร้อย
แต่ไม่ต้องห่วงว่าปีกุนจะตอบโต้หรือใช้ความรุนแรงอย่างที่เธอเคยถนัด! ในฐานะเป็นสตรีเพียงนางเดียวของแผนกช่าง ตลอดเกือบหนึ่งปีที่ทำงาน เธอได้รับการอบรมบ่มนิสัยจากพี่เอ๋ 'นายอำนวย เอื้อสะอาด' หัวหน้าแผนกช่างมาแล้วเป็นอย่างดี ดังนั้นในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ เธอทำมันได้ดีพอๆ กับการผสมหัวเชื้อจุลินทรีย์ก่อนเติมลงบ่อบำบัด เธอต้องใช้ไม้ยาวๆ จ้วงลงหนักๆ แต่เบามือและทะนุถนอม ค่อยๆ ละเลียดคนวนไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งเห็นว่าหัวเชื้ออันเหนียวข้นของมันถูกผสมกลมกลืนเข้ากันดีแล้วกับน้ำหมัก หลังจากนั้นจึงค่อยๆ เทมันทั้งหมดลงไปในบ่อเกรอะที่อุดมไปด้วยอาหารอันโอชะของเหล่าเพื่อนพ้องจุลินทรีย์... เอาเหอะ คิดซะว่านี่เธอกำลังคุยอยู่กับ ‘ของเสีย’ ในบ่อเกรอะก็แล้วกัน อีกเดี๋ยวเดียวมันก็จะค่อยๆ ถูกจุลินทรีย์เพื่อนรัก ย่อยสลายไปจนหมดเกลี้ยง!...
หลังจากพยายามคิดบวก และสะกดจิตเตือนตัวเองว่าคำดุด่าทั้งปวงที่หลุดออกมาจากปากฉอดๆ ของคุณช้างก็เป็นเพียงแค่สิ่งปฏิกูลชนิดหนึ่งซึ่งไม่ควรเก็บเอามาใส่ใจ เพราะมันจะทำให้เธอจิตตกเปล่าๆ สู้เธอยอมทนนั่งนิ่งๆ แล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปให้ถึงที่หมายเพื่อจะได้พักกินข้าวเที่ยงให้หนำใจจะดีกว่า ในที่สุดทักษะวิชานิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวของเธอ ก็ทำให้คุณช้างเงียบเสียงเลิกบ่นไปได้เอง
เธอเหลือบสายตามองผ่านกระจกอีกที พบว่าผู้โดยสารทั้งสองนายหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว ...ฮึ! นี่คงบ่นเองแล้วก็เหนื่อยเอง... จริงดั่งคำโบราณว่า พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง เหมือนกับตำลึงทองที่กำลังจะหล่นลงมาใส่ปากเธอเร็วๆ นี้ ซึ่งตอนที่เธอพารถเลี้ยวเข้าสู่อาณาเขตกว้างขวางของธารทะเลเอราวรรณ รีสอร์ทแอนด์สปาสุดที่รัก วิญญาณเธอก็แทบจะหลุดออกจากร่างลอยด่องๆ ไปยังอาหารกลางวันอร่อยๆ ฝีมือป้ากุ๊กแม่ครัวแคนทีน ซึ่งเธอกำชับผ่านพี่เขียวให้ป้าแกช่วยเก็บมื้อเที่ยงเอาไว้ชุดใหญ่ๆ หนึ่งชุดสำหรับเธอ และตอนนี้มันคงกำลังรอคอยเธออยู่
แต่ทว่า ตอนที่รถกำลังเคลื่อนตัวเข้าไปในพื้นที่ของรีสอร์ทด้วยความนุ่มนวลชวนหลับใหล รถกลับถูกเบรกกึกเพราะลูกแมวหลงทางจากไหนไม่รู้กระโดดพรวดพราดตัดหน้ามา ก่อนจะหายวับไปหลังพุ่มชาฮกเกี้ยนหนาทึบอย่างว่องไว ความที่รถเก่าทั้งคัน ไม่ว่าจะลมยางที่อ่อนร่อแร่และโช้ครถที่หลวมจนท้องรถแทบจะห้อยติดถนนก็ครูดเอากับพื้นเสียงดังแคร๊ด! พวงมาลัยรถถูกหักหลบอย่างกะทันหัน หัวรถแทบพุ่งไปจูบกับขอบฟุตบาท
"ว๊าย!"
เสียงร่างอวตารเจ้าแม่กาลีกรีดร้องพร้อมๆ กับที่คนส่งเสียงดีดตัวตั้งขึ้น บอดี้การ์ดหน้าเข้มข้างกายเขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นเช่นกัน
"ขะ...ขอโทษค่ะ" ปีกุนละล่ำละลักบอก "บังเอิญลูกแมวมันวิ่งตัดหน้า"
"อะไรนะ!? แมววิ่งตัดหน้า" คุณช้างตะคอกถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ "นี่มันรีสอร์ทห้าดาว หรือว่าวัดร้างกลางป่าช้ากันแน่ถึงได้มีหมาแมววิ่งเพ่นพ่าน แย่! ห่วยแตกที่สุด!"
แล้วเสียงก่นด่าเรื่องหมาแมวก็ดังแว้ดๆ ตลอดทางที่รถตู้เคลื่อนตัวจากป้อมรปภ.ประตูหน้าและเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดหน้าล็อบบี้ของรีสอร์ท
ปีกุนอดสงสัยไม่ได้ว่านายอ่ำแอบยัดสำลีหรือมีเอียร์ปลั๊กอุดอยู่ในรูหูหรืออย่างไร เขาถึงได้ไม่รู้สึกหนวกหูรำคาญเสียงของเจ้านายเหมือนที่เธอกำลังเป็นอยู่เนี่ย?
แต่อย่ากระนั้นกระนี้อีกเลย เพราะทันทีที่รถตู้จอดสนิท ปีกุนเปิดประตูรถได้ก็แทบจะวิ่งทุ่มเกือกหนีไม่คิดชีวิตไปให้ไกลๆ จากคนทั้งสอง แต่ทำแบบนั้นตอนนี้ไม่ได้ เพราะยังทำหน้าที่ขี้ข้าไม่เสร็จ
กระเป๋าสัมภาระสี่ห้าหกใบทยอยถูกเธอลำเลียงออกจากท้ายรถตู้ลงสู่รถเข็น โดยมีพี่หนึ่ง เบลบอยคนเดียวที่เหลืออยู่คอยช่วยแบกอีกแรง พี่เจี๊ยบหัวหน้าแผนกแม่บ้าน ซึ่งวันนี้ทำหน้าที่ฝ่ายต้อนรับแทนพี่แดนนี่ที่ลากิจออกเวรก่อนเวลารับช่วงดูแลเจ้านายผู้ประเสริฐต่อ และหลังจากเห็นว่าสองหนุ่มคล้อยหลังตามพนักงานต้อนรับเฉพาะกิจเพื่อขึ้นสู่ห้องพักไปแน่ๆกับตา ปีกุนจึงผ่อนลมหายใจโล่งปอดได้อีกครั้ง
ซ่อมให้ไหม? หัวใจ Boss is trouble - 3
ระหว่างที่ขับรถออกจากสนามบินกลับสู่รีสอร์ท ปีกุนยังคงเลือกใช้ถนนเส้นรอบเกาะสายยาว บรรยากาศช่วงบ่ายภายนอกรถร้อนอบอ้าว บรรยากาศภายในยิ่งแย่กว่า เพราะนอกจากเสียงแอร์จะดังครืนๆ อยู่ตลอดเวลาแล้ว ผู้โดยสารทั้งสองตรงเบาะหลังยังคงนั่งเงียบเชียบอึมครึม ปีกุนแม้จะรู้สึกเสียวสันหลังเป็นพักๆ แต่ก็ไม่วายแอบชำเลืองมองพวกเขาผ่านกระจกอย่างวิเคราะห์เจาะลึก
เริ่มต้นที่นายอ่ำ บอดี้การ์ดของคุณช้าง เอนหลังยาวๆ ของตัวเองราบไปกับพนักพิง โดยที่แขนข้างหนึ่งของเขาพับขึ้นหนุนท้ายทอย และแขนอีกข้างวางทอดขนานไปกับขอบล่างของหน้าต่างด้วยท่าทีสบายๆ สายตาคู่เข้มภายใต้คิ้วดกหนาของเขามองออกไปข้างนอก ซึ่งเป็นทัศนียภาพสวนยางพาราสีเขียวเข้ม ถูกปลูกซ้อนสลับกับสับปะรดสายพันธุ์ท้องถิ่น
ส่วนคุณช้าง เจ้านายหนุ่มหน้าตี๋ของเธอ นั่งหลังตรงตั้งฉากติดพนัก สายตาเขากำลังแน่วแน่อยู่กับหน้าจอแท้บเล็ทในมือ นิ้วจิ้มบนทัชสกรีนจนเกิดเสียงป๊อบๆ อยู่ตลอดเวลา ทีท่าของเขาดูเคร่งเครียดเอาจริงเอาจัง
หากเป็นเธอ ไหนๆ ก็เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกลแบบนี้แล้ว เธอจะเลือกนั่งทอดหุ่ย มองวิวสบายๆ อย่างที่นายอ่ำทำ ส่วนงานน่ะหรือ ค่อยว่ากันหลังจากได้กินมื้อเที่ยงอร่อยๆ และได้นอนตากแอร์ฉ่ำๆ สักงีบ เพราะยังมีเวลาอีกเป็นชาติให้ทำงาน ...งานที่รอให้เขามาสะสางน่ะ บอกเลยว่าเพียบ ดีไม่ดีต่อจากนี้เขาอาจแทบไม่มีเวลาได้เงยหน้ามองเดือนมองตะวันเลยเชียวล่ะ!
พี่เอ๋ หัวหน้าแผนกช่าง พนักงานเก่าแก่นับแต่รุ่นบุกเบิกเล่าว่า ตำแหน่งผู้บริหารของที่นี่ล้วนแต่มีอาถรรพ์ แม้กับคุณธเนศ สามีเจ้าของรีสอร์ทซึ่งเคยลงมาบริหารด้วยตัวเองยังอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องวางมือและรีบกลับกรุงเทพฯไปเหมือนกับหลายๆคนโดยไม่ทราบสาเหตุ
ผู้บริหารรายถัดมาชื่อคุณอานนท์ ดูอาวุโสและมากประสบการณ์ เก่งทั้งงานมาร์เก็ตติ้งและงานแมนเนจเม้นท์ แต่เพียงหกเดือนคุณอานนท์ก็หมดท่าแพ้บายลาออกไป
คุณสมยศ ผู้บริหารรายที่สาม สามารถต่องานจากคุณอานนท์ได้ไม่เลว และทนทำได้นานเป็นปีๆ แต่เจอพิษไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เข้าไป ยอดนักท่องเที่ยวตกฮวบ ค่าใช้จ่ายไม่พอกับงบประมาณน้อยนิด เลยต้องยอมยกธงขาวลาออกไปอีกคน
ผู้บริหารหรือควรเรียกว่า 'เหยื่อ' รายถัดมา ชื่อว่า คุณทาเคชิ คนนี้อิมพอร์ตมาไกลจากแดนอาทิตย์อุทัย ผลงานโดดเด่นเป็นที่ชื่นชมของเจ้าของโรงแรม แต่อาถรรพ์อีกตามเคย เขาอยู่เพียงสองปี จู่ๆ ก็ลาออกไปปุบปับแบบที่ยังไม่ได้ต่อมือส่งงานให้ใครเลยสักคน พี่เอ๋เรียกการลาออกปุบปับนี้ว่า 'วิ่งทุ่มเกือก' พี่เขียวแปลให้ว่า คืออาการวิ่งแบบไม่คิดชีวิต!
ผู้บริหารรายถัดๆ มาก็ประสพเหตุคล้ายคลึงกัน ซึ่งต่อให้บริหารเก่งแค่ไหนก็ดูจะแพ้พ่ายต่อปัญหาเร้นลับบางอย่างที่คนเบื้องล่างอย่างเธอไม่รู้ ขนาดพี่เอ๋ที่ว่าเป็นคนเก่า ยังเดาสาเหตุไม่ออก... แกเคยพูดทีเล่นทีจริงว่า น่าจะผีเจ้าที่แรง!
เรื่องแบบนี้ใครถ้าไม่ได้สัมผัสกับตัวเองคงยากจะเชื่อ โดยเฉพาะคนไม่เคยเชื่อเรื่องเร้นลับงมงายอย่างปีกุน เธอคิดว่าสาเหตุที่ผู้บริหารพากันลาออก เป็นเพราะปัญหาขาดสภาพคล่อง ที่ผ่านการหมักหมมมาอย่างยาวนาน ดูตอนPOขอสั่งซื้ออะไรทีต้องรออนุมัตินานเป็นชาติ ยกตัวอย่างง่ายๆ ชุดฟิวส์ของระบบล่อฟ้าแค่สองตัวที่แผนกช่างเคยขอสั่งซื้อราคาไม่กี่หมื่น รออนุมัติมาตั้งนานแล้ว นานมากถึงขนาดที่ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อตั้งท้อง จนนี่คลอดลูกชายออกมาเรียบร้อย เผลอๆ กว่าPOจะได้รับการอนุมัติ คงจะตอนลูกชายของพี่แกบวชเณรภาคฤดูร้อนนู่นล่ะ
นี่ไง เธอถึงได้บอก ในห้วงเวลานี้แทนที่จะตั้งหน้าทำงาน เธอแนะนำว่าให้เขาเก็บกักแบ็ตเตอรี่ชีวิตเอาไว้ ด้วยการนั่งปล่อยใจสบายๆ รอกินข้าวให้อิ่ม นอนพักให้หนำใจ ก่อนจะต้องเริ่มเผชิญหน้ากับงานและปัญหาเป็นตั้งๆ สมใจอยาก ชนิดที่แทบไม่มีเวลาเงยหน้าดูเดือนดูตะวันกินลมชมวิวทอดสายตามองฟ้าให้สบายอารมณ์ได้อีก
นาฬิกาบอกเวลาบ่ายสองโมง เสียงท้องของคนใดคนหนึ่งในรถครวญขึ้นผ่านความเงียบ ปีกุนคิดว่าบางทีคงเป็นเสียงท้องของเธอเอง เพราะตั้งแต่กินโจ๊กสำเร็จรูปไปหนึ่งซองในมื้อเช้าก่อนเดินทางไปทำงาน จนกระทั่งบัดนี้ ท้องของเธอก็ยังไม่มีสารอาหารใดๆ ตกลงไป คงจะมีบ้างก็คือน้ำเปล่าขนาด 0.6 ลิตร ที่ถูกดื่มเกลี้ยงกริ๊บไปแล้วหมดขวด ซึ่งตอนนี้ลำคอเธอกำลังแห้งผาก ความกระหายน้ำบวกกับความกระหายหิวอาหารทำให้เธอเผลอแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตัวเองเป็นรอบที่สองหลังจากได้กลิ่นหอมจางๆ ของนมสดรสจืดที่โชยอ่อนๆ มาจากผู้โดยสารท่านหนึ่งตรงเบาะหลัง
หญิงสาวเหลือบมองผ่านกระจก เห็นนายอ่ำซึ่งยังคงนั่งเอนกายสบายอารมณ์อยู่ในอิริยาบถเดิม ในมือของเขาถือนมสดรสจืดตราวัวแดง เธอแอบกลืนน้ำลายอย่างลืมตัว ขณะที่เสียงการดูดของเหลวจากในกล่องดังเป็นเฮือกสุดท้ายก่อนที่มันจะเหลือแต่เสียงดูดลมในกล่องที่ว่างเปล่า ชายหนุ่มเลื่อนกระจกหน้าต่างฝั่งตัวเอง ก่อนจะทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิดด้วยการโยนกล่องนมเปล่าออกไปข้างนอก แล้วเลื่อนปิดกระจกกลับมานั่งผิวปากสบายอารมณ์อย่างกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ไอ้ที่ไม่ช่วยเธอเข็นกระเป๋าใส่รถก็ว่าแย่แล้ว นายอ่ำยังแสดงพฤติกรรมแย่ๆ ด้วยการทิ้งขยะลงกลางถนน... มันจะมากเกินไปแล้ว!
อารมณ์สตรีผู้รักสิ่งแวดล้อมเพราะถูกปลูกฝังความหัวอนุรักษ์อยู่ในสายเลือดของปีกุนพุ่งพล่านขึ้นทันที เธออดรนทนไม่ไหว ต้องโพล่งขึ้นอย่างลืมตัวว่า
“นี่คุณ! โตมาเนี่ยไม่เคยมีใครสั่งสอนหรือไงคะว่าควรทิ้งขยะให้ถูกที่...นิสัยไม่ดี” เธอพึมพำงึมๆเฉพาะท่อนประโยคสุดท้าย
คุณช้างชะงักมือจากแท้บเล็ทเงยหน้าขึ้นมองสวนมาทางกระจกทันที ดวงตาดุร้ายนั้นทำเอาคนโดนมองต้องรีบหลบสายตากลับไปยังท้องถนนตามเดิม
นายอ่ำยิ้มมุมปาก “ก็โยนออกไปนอกรถแล้วไง ยังไม่ถูกที่อีกเหรอ แล้วไอ้ที่ว่าทิ้งให้ถูกที่เนี่ย มันคือต้องทิ้งไว้ในรถแบบนี้สินะ” เขาพูดพร้อมๆ กับการใช้มือเขี่ยบรรดาห่อขนมกับเปลือกลูกอมหลากสีสันจากพื้นรถขึ้นมาโปรยกระทบกับสายลมจากช่องแอร์จนปลิวว่อนเป็นการประชด
ปีกุนกำลังจะหันหน้าอ้าปากตอบโต้ แต่ต้องหุบฉับเมื่อสายตาดุๆ ของคุณช้างมองเขม็งผ่านกระจกมาอีก
"เธอ! เป็นแค่คนขับรถ กับคนของฉันพูดจาให้มันดีๆ" สายตาตำหนิจริงจังนั้นทำเอาเธอหน้าหงอคอหด... ออกโรงปกป้องขนาดนี้ ถ้าไม่คิดว่านายอ่ำเป็นบอดี้การ์ด เธอคงคิดว่าเขาเป็นคู่ขาของคุณช้างแน่ๆ
และระหว่างที่กำลังขบคิดว่านายอ่ำเป็นคู่ขาของคุณช้าง กับคิดว่านายอ่ำต่างหากที่เป็นคุณช้างตัวจริงปลอมตัวมาแบบในละครที่เคยดู ปีกุนก็ต้องสะดุ้ง หลุดออกจากความคิดทั้งปวง เพราะคุณช้างแผดเสียงตวาดตำหนิออกมาเป็นฉากๆ อย่างต่อเนื่อง
“เธอ! คนที่นี่เค้าทำงานกันแบบนี้เหรอ ฉันอดทนนั่งดูสภาพเธอมาตั้งนานแล้ว ว่าจะไม่บ่น แต่อดไม่ได้จริงๆ” คุณช้างพูด แววตาท่าทางคล้ายองค์เจ้าแม่กาลีอวตารลงประทับร่างไปแล้วครึ่งซีก
“อยู่แผนกทรานสปอร์ตแต่กลับปล่อยให้รถสกปรก เต็มไปด้วยขยะ แถมเหม็นอับอย่างกับรถที่ไม่เคยใช้งานมาเป็นสิบปี แล้วยังจะเสื้อผ้ายูนิฟอร์มของเธออีก ดูได้ซะที่ไหน ใครเป็นคนออกแบบชุดพนักงานให้เนี่ย เป็นคนขับรถแต่แต่งตัวเหมือนคนซ่อมท่อ"
คนโดนกล่าวหากำลังจะหันไปอธิบายตามความจริงว่าเธออยู่แผนกช่าง ไอ้ที่ต้องมาทนขับรถตู้เส็งเคร็งบริการรับส่งผู้โดยสารแบบนี้ก็เพราะถูกบังคับ แต่ไม่ทันได้เอ่ยอะไร เสียงฉอดๆ ของคุณช้างก็ตวาดใส่มาอีก
"นี่ฉันยังไม่ได้ตำหนิเรื่องป้ายต้อนรับแขกที่สนามบินเลยนะ ทำลงไปได้ยังไง เขียนชื่อแขกใส่กระดาษยับๆ กระจอก! โลว์คลาสที่สุด!!! ถึงว่าสิ ภาพลักษณ์รีสอร์ทถึงได้ต่ำลงๆ"
คนที่เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ แถมถูกด่าซะเละขนาดนี้อย่างเธอ แทบต้องใช้พลังลมปราณทั้งหมดข่มอารมณ์โกรธเอาไม่ให้พุ่งพล่าน สะกดใจบอกกับตัวเองว่า... นั่นเจ้านาย ...ท่องไว้ลูกหมู ท่องไว้... ในขณะที่เสียงคุณช้างบ่นตำหนิเธอ ตำหนิแผนกทรานสปอร์ต และตำหนิสภาพย่ำแย่ภายในรถยังคงดังฉอดๆ ล่องลอยข้ามเบาะนั่งของเธอมาเป็นระยะ ซึ่งเธอคาดว่าเจ้าแม่กาลีอวตารคงประทับร่างเจ้านายหน้าตี๋ของเธอเต็มทั้งตัวไปแล้วเรียบร้อย
แต่ไม่ต้องห่วงว่าปีกุนจะตอบโต้หรือใช้ความรุนแรงอย่างที่เธอเคยถนัด! ในฐานะเป็นสตรีเพียงนางเดียวของแผนกช่าง ตลอดเกือบหนึ่งปีที่ทำงาน เธอได้รับการอบรมบ่มนิสัยจากพี่เอ๋ 'นายอำนวย เอื้อสะอาด' หัวหน้าแผนกช่างมาแล้วเป็นอย่างดี ดังนั้นในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ เธอทำมันได้ดีพอๆ กับการผสมหัวเชื้อจุลินทรีย์ก่อนเติมลงบ่อบำบัด เธอต้องใช้ไม้ยาวๆ จ้วงลงหนักๆ แต่เบามือและทะนุถนอม ค่อยๆ ละเลียดคนวนไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งเห็นว่าหัวเชื้ออันเหนียวข้นของมันถูกผสมกลมกลืนเข้ากันดีแล้วกับน้ำหมัก หลังจากนั้นจึงค่อยๆ เทมันทั้งหมดลงไปในบ่อเกรอะที่อุดมไปด้วยอาหารอันโอชะของเหล่าเพื่อนพ้องจุลินทรีย์... เอาเหอะ คิดซะว่านี่เธอกำลังคุยอยู่กับ ‘ของเสีย’ ในบ่อเกรอะก็แล้วกัน อีกเดี๋ยวเดียวมันก็จะค่อยๆ ถูกจุลินทรีย์เพื่อนรัก ย่อยสลายไปจนหมดเกลี้ยง!...
หลังจากพยายามคิดบวก และสะกดจิตเตือนตัวเองว่าคำดุด่าทั้งปวงที่หลุดออกมาจากปากฉอดๆ ของคุณช้างก็เป็นเพียงแค่สิ่งปฏิกูลชนิดหนึ่งซึ่งไม่ควรเก็บเอามาใส่ใจ เพราะมันจะทำให้เธอจิตตกเปล่าๆ สู้เธอยอมทนนั่งนิ่งๆ แล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปให้ถึงที่หมายเพื่อจะได้พักกินข้าวเที่ยงให้หนำใจจะดีกว่า ในที่สุดทักษะวิชานิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวของเธอ ก็ทำให้คุณช้างเงียบเสียงเลิกบ่นไปได้เอง
เธอเหลือบสายตามองผ่านกระจกอีกที พบว่าผู้โดยสารทั้งสองนายหลับปุ๋ยไปเสียแล้ว ...ฮึ! นี่คงบ่นเองแล้วก็เหนื่อยเอง... จริงดั่งคำโบราณว่า พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง เหมือนกับตำลึงทองที่กำลังจะหล่นลงมาใส่ปากเธอเร็วๆ นี้ ซึ่งตอนที่เธอพารถเลี้ยวเข้าสู่อาณาเขตกว้างขวางของธารทะเลเอราวรรณ รีสอร์ทแอนด์สปาสุดที่รัก วิญญาณเธอก็แทบจะหลุดออกจากร่างลอยด่องๆ ไปยังอาหารกลางวันอร่อยๆ ฝีมือป้ากุ๊กแม่ครัวแคนทีน ซึ่งเธอกำชับผ่านพี่เขียวให้ป้าแกช่วยเก็บมื้อเที่ยงเอาไว้ชุดใหญ่ๆ หนึ่งชุดสำหรับเธอ และตอนนี้มันคงกำลังรอคอยเธออยู่
แต่ทว่า ตอนที่รถกำลังเคลื่อนตัวเข้าไปในพื้นที่ของรีสอร์ทด้วยความนุ่มนวลชวนหลับใหล รถกลับถูกเบรกกึกเพราะลูกแมวหลงทางจากไหนไม่รู้กระโดดพรวดพราดตัดหน้ามา ก่อนจะหายวับไปหลังพุ่มชาฮกเกี้ยนหนาทึบอย่างว่องไว ความที่รถเก่าทั้งคัน ไม่ว่าจะลมยางที่อ่อนร่อแร่และโช้ครถที่หลวมจนท้องรถแทบจะห้อยติดถนนก็ครูดเอากับพื้นเสียงดังแคร๊ด! พวงมาลัยรถถูกหักหลบอย่างกะทันหัน หัวรถแทบพุ่งไปจูบกับขอบฟุตบาท
"ว๊าย!"
เสียงร่างอวตารเจ้าแม่กาลีกรีดร้องพร้อมๆ กับที่คนส่งเสียงดีดตัวตั้งขึ้น บอดี้การ์ดหน้าเข้มข้างกายเขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นเช่นกัน
"ขะ...ขอโทษค่ะ" ปีกุนละล่ำละลักบอก "บังเอิญลูกแมวมันวิ่งตัดหน้า"
"อะไรนะ!? แมววิ่งตัดหน้า" คุณช้างตะคอกถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ "นี่มันรีสอร์ทห้าดาว หรือว่าวัดร้างกลางป่าช้ากันแน่ถึงได้มีหมาแมววิ่งเพ่นพ่าน แย่! ห่วยแตกที่สุด!"
แล้วเสียงก่นด่าเรื่องหมาแมวก็ดังแว้ดๆ ตลอดทางที่รถตู้เคลื่อนตัวจากป้อมรปภ.ประตูหน้าและเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดหน้าล็อบบี้ของรีสอร์ท
ปีกุนอดสงสัยไม่ได้ว่านายอ่ำแอบยัดสำลีหรือมีเอียร์ปลั๊กอุดอยู่ในรูหูหรืออย่างไร เขาถึงได้ไม่รู้สึกหนวกหูรำคาญเสียงของเจ้านายเหมือนที่เธอกำลังเป็นอยู่เนี่ย?
แต่อย่ากระนั้นกระนี้อีกเลย เพราะทันทีที่รถตู้จอดสนิท ปีกุนเปิดประตูรถได้ก็แทบจะวิ่งทุ่มเกือกหนีไม่คิดชีวิตไปให้ไกลๆ จากคนทั้งสอง แต่ทำแบบนั้นตอนนี้ไม่ได้ เพราะยังทำหน้าที่ขี้ข้าไม่เสร็จ
กระเป๋าสัมภาระสี่ห้าหกใบทยอยถูกเธอลำเลียงออกจากท้ายรถตู้ลงสู่รถเข็น โดยมีพี่หนึ่ง เบลบอยคนเดียวที่เหลืออยู่คอยช่วยแบกอีกแรง พี่เจี๊ยบหัวหน้าแผนกแม่บ้าน ซึ่งวันนี้ทำหน้าที่ฝ่ายต้อนรับแทนพี่แดนนี่ที่ลากิจออกเวรก่อนเวลารับช่วงดูแลเจ้านายผู้ประเสริฐต่อ และหลังจากเห็นว่าสองหนุ่มคล้อยหลังตามพนักงานต้อนรับเฉพาะกิจเพื่อขึ้นสู่ห้องพักไปแน่ๆกับตา ปีกุนจึงผ่อนลมหายใจโล่งปอดได้อีกครั้ง