The Phantom ( Maxim de Winter at Manderley ภาค 3 ) บทที่ 11 – 12

The Phantom ( Maxim de Winter at Manderley ภาค 3 ) บทที่ 11

เมื่อมาดามโรสรู้ว่าแม็กกับโจนาธานนัดกันที่จะไปเมืองมาเซ่น ตอนแรกเธอก็อยากไปด้วย
ไม่อยากจะทิ้งโอกาสงาม ๆ แบบนี้ แต่พอคิดอีกที เธอไม่อยากเป็นก้างขวางคอของแม็กกับโจนาธาน
เธอเองรู้สึกว่าเขาทั้งสองสนิทสนมกันมาก ซึ่งก็น่าจะดีแล้ว เวลาทั้งคู่มาที่คฤหาสน์ของเธอ
เธอเองก็เหมือนได้รับโชคสองชั้น ปล่อยให้พวกเขาสนิทกันให้มากขึ้น
มันก็เป็นผลดีกับเธอทั้งขึ้นทั้งล่อง  เธอเลยไม่อยากไปยุ่งกับสองคนนั้น

ตอนนี้มาดามโรสกลับมาคิดถึงความสัมพันธ์กับเธอกับจอมพลเฉียน
เธอคิดว่าตอนที่สองคนนั้นไม่อยู่ เธอควรจะกระชับสัมพันธ์กับจอมพลเฉียนให้แน่นแฟ้น
จึงชวนเขาให้ไปพักผ่อนกับเธอที่บ้านพักในเมืองบรูค ที่นั้น เธอมีคนรู้จักอยู่
ก็อาจจะเชิญเขามากินข้าวเย็นด้วยก็นับว่าดี คนรู้จักคนนี้
จริง ๆ แล้วก็เหมือนเป็นแม่บ้านที่คอยดูแลบ้านให้กับป้าของเธอ
พอป้าเสีย เธอก็ให้เขามาอยู่บ้านใกล้ ๆ กันที่เมืองบรูค มันก็ดีเหมือนกันที่เธอจะชวนคน ๆ นี้มากินข้าวเย็นด้วย
มันทำให้จอมพลเฉียนเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่โอบอ้อมอารีมากขนาดไหน
พอแจ้งทุกอย่างให้จอมพลเฉียนรู้ เขาเองก็เห็นด้วยที่จะไปเมืองบรูคกับมาดามโรสสองต่อสอง

คนที่เซ็งมาก ๆ ก็เห็นจะเป็นโทนี่กับคามิน พอจอมพลเฉียนกับโจนาธานไม่อยู่
ทั้งบ้านก็จะมีเขาอยู่กันแค่สองคน โทนี่ออกอาการเบื่อ ๆ ก่อนคามิน
“หรือเราจะไปเมืองบรูคกับพ่อดีไหม ขอไปด้วยพ่อคงไม่ว่าหรอก”
แต่คามินไม่เห็นด้วยอย่างแรง
“อย่าเลย จะไปเป็นก้างขวางคอพวกเขาทำไมกัน”
โทนี่หน้าบูดก่อนจะมีสีหน้าอารมณ์ดีขึ้นมาอีกครั้ง
“อ๋อ หรือเราจะขอแม็กกับไอ้โจไปเที่ยวมาเซ่นด้วย”
แต่คามินก็ไม่เห็นด้วยอีก
“จะไปทำไมกันมาเซ่น เมืองกันดารขนาดนั้น อยู่ที่มัวร์น่าจะดีกว่าอยู่แล้ว
เอาอย่างนี้ ถ้าพี่เบื่อมากละก็ ผมว่าเราไปเที่ยวกลางคืนกันตามประสาผู้ชายน่าจะดีกว่านะ ว่ามั้ย”
โทนี่มีสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาอีกครั้ง
“โอเค เห็นด้วยเลยไอ้น้องรัก”

ตอนที่ชานนท์ไม่อยู่ ลิเดียมักจะสังเกตว่าบ้านพักแขกที่อยู่ไม่ไกลโกดังนักมีคนอาศัยอยู่
หล่อนถามเกาสงว่าใครอาศัยอยู่ที่นั่น เกาสงบอกสั้น ๆ ว่าเป็นญาติของเขาซึ่งเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
พอลิเดียรู้ หล่อนรับอาสาที่จะทำอาหารไปให้คุณตาคนนั้น

หล่อนรู้มาว่าคนงานคนหนึ่งมีหน้าที่ซื้ออาหารไปให้คุณตา
และก็รู้ด้วยว่าอาหารที่คนงานซื้อมาให้ไม่ค่อยสะอาด
ลิเดียจึงขอเกาสงว่าจะทำอาหารให้คุณตารับประทานเอง เกาสงก็เห็นดีด้วย
ที่ลิเดียทำแบบนี้เพราะรู้สึกว่าความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุด หล่อนเลยอยากจะดูแลคุณตาดี ๆ เพื่อให้คุณตาไปสู่สุคติ
หล่อนไม่คิดเหมือนคนงานที่จะให้อาหารอะไรก็ได้ให้คุณตากิน
แค่คิดว่าอีกไม่นานคุณตาก็ตายแล้ว หล่อนเองไม่คิดอย่างนั้นโดยเด็ดขาด

หลังจากนำอาหารไปให้คุณตาด้วยตนเองทำให้ลิเดียสนิทกับคุณตามากขึ้น
ทำให้คุณตารู้สึกดีขึ้น แล้วก็ดูแข็งแรงมากขึ้น
“อาหารที่หนูทำให้ตามันดีจริง ๆ แล้วยังอร่อยด้วย”
ลิเดียยิ้มแบบอาย ๆ
“คุณตากินเยอะ ๆ นะคะ จะได้มีแรง”
ตอนนี้ร่างกายของคุณตาผอมมาก หน้าตาแกก็เหมือนพวกแขก
ลิเดียไม่กล้าถามว่าแกมีครอบครัวไหม และก็ไม่กล้าถามเรื่องส่วนตัวของคุณตาด้วย
บางวันก็แค่พูดปลอบใจในตอนที่คุณตาดูอ่อนแอมาก ๆ
“คุณตาอย่าคิดมากนะคะ ทำใจให้สบาย แล้วทุกอย่างจะดีเองค่ะ”

ในความคิดของลิเดีย หล่อนคิดว่าคนทุกคนต้องตายอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าจะช้าหรือเร็ว
มนุษย์จึงไม่ควรกลัวความตาย มนุษย์ควรเข้าใจว่าเมื่อถึงคราว เราก็ต้องตายด้วยกันทุกคน
ไม่มีใครสามารถหลีกหนีความตายไปได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราควรรับมือกับมันอย่างไรต่างหาก


The Phantom ( Maxim de Winter at Manderley ภาค 3 ) บทที่ 12


ดูเหมือนว่ามาดามโรสจะลืมนึกถึงลิเดียไปพักหนึ่ง เธอกำลังวุ่นอยู่กับการวางแผนจับจอมพลเฉียนให้อยู่หมัด
ยิ่งจอมพลเฉียนเป็นตัวเก็งของนายกรัฐมนตรีคนต่อไปแล้ว เธอเองก็ยิ่งจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้
อย่าปล่อยให้หลุดมือไปได้ พอได้แต่งงานกับจอมพลเฉียนแล้ว เงินทองกับอำนาจวาสนาก็จะไหลมาเทมา
มาดามโรสเฝ้าฝันถึงวันนั้น การเดินทางไปเมืองบรูคจึงสำคัญสำหรับมาดามโรสมาก

เช้าตรู่ของวันที่นัดกัน จอมพลเฉียนมารับมาดามโรสแต่เช้า วันนั้นขบวนของจอมพลเฉียนมีรถทั้งหมด 6 คน
เป็นของผู้ติดตามห้าคันซึ่งถือว่าน้อยมาก ถ้าไปแบบเป็นทางการ คณะผู้ติดตามต้องไม่ต่ำกว่าสิบคน
มาดามโรสมองเห็นขบวนรถของจอมพลเฉียนตั้งแต่เธออยู่บนชั้นสองของคฤหาสน์
เห็นเพียงแค่นี้เธอก็รู้สึกมีความสุขมากแล้ว อีกไม่นานทั้งอำนาจ บารมีและทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดจะต้องตกเป็นของเธอ
เมื่อนำมารวมกับทรัพย์สินเดิม เธอก็จะต้องติดห้าอันดับแรกของผู้ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในลิเดีย มาดามโรสอยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ

ระหว่างทางมีสื่อของลิเดียสองสามช่องมาทำข่าวด้วย
ตอนนี้ข่าวลือหนาหูมากว่าจอมพลเฉียนน่าจะวางแผนขอมาดามโรสแต่งงานในไม่ช้านี้
มาดามโรสเป็นผู้หญิงที่สวยมาก เอวบางร่างน้อย สวยกว่าอดีตภรรยาของจอมพลเฉียนไม่รู้กี่เท่า

สื่อของลิเดียก็เริ่มเต้าข่าวกันแล้วว่างานแต่งงานต้องมีแน่ พยายามเดากันไปต่าง ๆ นานา
การได้เป็นข่าวบ้างทำให้มาดามโรสมีความสุขมาก แต่เมื่อเธอมีความสุขทีไรก็มักจะกลับไปคิดถึงโดโรธีทุกครั้ง
ถ้าโดโรธียังมีชีวิตอยู่ เธอจะมีความสุขมาก

แต่พอคิดอีกที โดโรธีก็ไปสบายแล้ว ทิ้งแม็กไว้ให้กับเธอ เรื่องที่เธอมีใจให้แม็กจะต้องปิดเป็นความลับให้เงียบที่สุด
เพราะถ้าจอมพลเฉียนรู้ เขาเอาเธอตายแน่ เรื่องนี้จะต้องอยู่กับเธอเพียงคนเดียว
คนอื่นห้ามรู้โดยเด็ดขาด ไม่งั้นอนาคตที่สดใสจะต้องย่อยยับแน่

พอเข้าเขตที่มีดอกไม้สวย ๆ ขบวนรถก็จอดนิ่ง รวมถึงรถของนักข่าวที่ตามมาด้วย
“จอดรถทำไมคะ”
มาดามโรสถามด้วยความสงสัย
“มุมนี้สวนดอกไม้สวยมาก เราลงไปดูกันหน่อยไหม”
พอพูดจบ จอมพลเฉียนก็ลงจากรถทันที มาดามโรสจึงต้องลงไปโดยปริยาย
“สวยจริง ๆ ด้วยค่ะ”

ดูเธอจะพอใจกับวิวทิวทัศน์ละแวกนี้มาก
พอเธอหันมา จอมพลเฉียนก็นั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วเอาแหวนเพชรเม็ดงามขึ้นมาให้มาดามโรสเห็นกันแบบชัด ๆ
“แต่งงานกับผมนะที่รัก”
ตอนนั้นเธอเองก็ตกใจมาก สื่อลิเดียที่ตามมาก็เข้ามาถ่ายรูปกันใหญ่ รวมทั้งชาวบ้านแถวนั้นด้วย
ดูเหมือนจะมีหลายคนที่รู้เหตุการณ์นี้ล่วงหน้า มีเพียงมาดามโรสเท่านั้นที่ไม่รู้ พอเธอเรียกสติกลับคืนมาได้จึงตอบตกลงไป
“ค่ะ”
เสียงปรบมือดังสนั่น เธอยิ้มแก้มปริ ดีใจมากที่สิ่งที่เธอรอคอยได้มาถึงแล้ว ตอนกลับมาขึ้นรถใหม่ เธอยิ้มแก้มไม่หุบ
“ร้ายนักนะคะ”
“ผมไม่ปล่อยให้โอกาสดี ๆ อย่างนี้หลุดมือไปหรอก”
มาดามโรสกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ “อีกไม่นานแล้ว ทุกอย่างก็จะเป็นของเรา”

ความอยากของมนุษย์ ช่างมีไม่สิ้นสุดจริง ๆ
พอถึงบ้านพักตากอากาศที่เมืองบรูค ทั้งคู่ก็หาโอกาสพลอดรักกัน มาดามโรสเอาหัวซบไปที่ไหล่ของจอมพลเฉียน
เธอหลับตาพริ้ม และคิดฝันไปเองว่ากำลังซบไหล่ของแม็ก

มื้อค่ำเป็นมื้อที่หรูหรามาก
“ฉันเชิญลูซี่มาด้วย แม่บ้านที่เคยเล่าให้คุณฟังอ่ะค่ะ”
จอมพลเฉียนได้แต่ยิ้มรับ
อีกไม่นานลูซี่ หญิงแก่ร่างท้วมก็เดินเข้ามา แต่หล่อนไม่ได้มาคนเดียว มีคนติดสอยห้อยตามหล่อนมาด้วย
“ใครกันจ๊ะลูซี่” มาดามโรสถามด้วยความสงสัย
“คนซ้ายนี่ ลูกชายฉันเองชื่ออังตวนค่ะคุณท่าน ส่วนถัดไปเป็นเพื่อนของเขาค่ะชื่อเจอราดีน”

โปรดติดตามตอนต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่