The Phantom ( Maxim de Winter at Manderley ภาค 3 ) บทที่ 8 – 10

The Phantom ( Maxim de Winter at Manderley ภาค 3 ) บทที่ 8

คืนนี้ดึกแล้ว แต่มาดามโรสยังไม่หลับ เธอเองรู้สึกว่าในหัวกำลังมีหลายสิ่งแล่นไปมา
เธอกำลังคิดถึงชีวิตก่อนหน้าที่ตกระกำลำบากเลือดตาแทบกระเด็น แต่พอมีโดโรธี ทุกอย่างจึงดีขึ้น
โดโรธีจึงเหมือนนางฟ้าตัวน้อย ๆ ของเธอ เมื่อทุกอย่างมันดีขึ้นเรื่อย ๆ
เธอจึงไม่อยากพลาดหวังกับอนาคตที่สดใส เธอรู้แน่แก่ใจว่าจอมพลเฉียนให้เธอได้
เขามีทุกอย่างที่เธอต้องการ ทั้งเงิน อำนาจ บารมี บางครั้งก็รวมถึงการอยู่เหนือกฏหมาย
อีกไม่นานจอมพลเฉียนก็น่าที่จะขอเธอแต่งงาน พอวันนั้นมาถึง ความมั่งคั่งทุกอย่างก็จะตามมา

แต่ เอ อีกอย่างหนึ่งที่เธอกำลังคิดถึงมาก ๆ คือมนต์เสน่ห์ของแม็ก เธอเองอยู่คนเดียวมานาน
เธอก็อยากที่จะหาที่พึ่งทางใจเหมือนกัน ช่วงสองสามวันมานี้ เธอรู้สึกแปลก ๆ กับแม็กโดยที่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน
เธอกำลังตัดสินใจว่าจะวางเขาให้อยู่ในฐานะของอะไรดี
น่าแปลกที่เธอเพิ่งจะมาพิศวาสแม็กเมื่อไม่กี่วันมานี้ทั้ง ๆ ที่รู้จักกันมานาน
ตอนนี้เธอรู้สึกมึนหัวมาก ๆ จึงลุกจากเตียงแล้วเดินลงไปหาอะไรดื่มข้างล่าง

พอเดินมาถึงชั้นล่าง มาดามโรสก็เดินตรงไปที่ครัวทันที เธอเดินไปเปิดตู้เย็น
แล้วหยิบน้ำเปล่าออกมาชวดหนึ่งเพื่อจะดื่ม เธอเพิ่งสังเกตว่าที่ห้องรับแขกเหมือนจะมีใครยืนอยู่ตรงนั้น
พอเขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ เธอก็เห็นหน้าเขาชัดขึ้น
“หมอ” เธอร้องออกไป เธอสังเกตสภาพของหมอแล้ว เขาดูอิดโรยมาก
“ปีเตอร์ต้องไม่ใช่แบบนี้” เธอคิดในใจเมื่อเห็นเขาในสภาพที่ย่ำแย่ หนวดเคราไม่โกน
หน้าตาดูโทรมมาก ๆ ปีเตอร์มองเธอโดยที่ยังไม่ได้พูดอะไร เธอจึงชิงพูดก่อน
“หมอรู้ใช่ไหมว่าหมอพลาดอะไรไป”
ปีเตอร์พยายามเล่าเรื่องของแมรี่ให้เธอฟัง แล้วพยายามจะบอกว่าเขาปิดปากแมรี่ด้วยวิธีใด
“นั่นมันเรื่องของหมอ ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
ปีเตอร์ยืนนิ่งเมื่อเธอตัดสินใจพูดแบบนั้น
“แล้วหมอเข้ามาในนี้ได้ยังไง”
“คุณท่านคงลืมไปแล้วว่าผมสนิทกับ รปภ มากแค่ไหน”
“งั้นรออยู่ตรงนี้ก่อน”

เธอหายขึ้นไปชั้นบนครู่ใหญ่ ๆ แล้วเดินลงมาพร้อมเงินปึกหนึ่ง เธอยื่นให้ปีเตอร์
“หมอควรจะหายไปสักพักหนึ่ง คงเข้าใจนะ”
ปีเตอร์รับเงินมาแล้วก็เดินออกจากคฤหาสน์หลังงาม เขารู้สึกผิดคาดที่รูปการออกมาเป็นแบบนี้
เขาหวังจะได้เงินมากกว่านี้ด้วยผลงานที่เขาได้สังหารแมรี่ด้วยความซื่อสัตย์
แต่ดูเหมือนมาดามโรสไม่ได้เห็นค่ากับสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปเลย
ขณะที่เขาขับรถออกไปจากคฤหาสน์หลังงาม เขาหารู้ไม่ว่าแมรี่เองยังคงนั่งกอดเข่าอยู่ที่เบาะหลัง
หล่อนยังตะโกนสุดเสียง เพียงแต่ว่าไม่มีใครได้ยิน
.................................................

หลินรู้สึกหัวเสียมาก การที่มีคนสามคนหายไปจากโรงพยาบาลในเวลาไล่เลี่ยกันถือเป็นเรื่องใหญ่
แต่หมอคนใหม่ไม่เห็นด้วยกับการไปแจ้งตำรวจ เขาไม่ไว้ใจทั้งตำรวจและสื่อของลิเดีย
เกรงว่าจะทำให้ชื่อเสียงของโรงพยาบาลเสียหาย
สิ่งที่หลินพอจะทำได้คือการแจ้งข่าวให้น้องชายของแมรี่และน้องสาวของปีเตอร์รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แล้วก็เชิญทั้งอังตวนและเจอราดีนมาที่โรงพยาบาลเพื่อปรึกษาปัญหา
พอเจอทั้งคู่ในห้องประชุม หลินเล่าทุกอย่างที่เล่าได้ อังตวนฟังด้วยใจสงบ
แต่ทางเจอราดีนดูตื่นตระหนกเหมือนกับรับบางอย่างไม่ได้ อังตวนเห็นดังนั้นจึงจับมือของเจอราดีนไว้
เธอรู้ได้ทันทีว่าอังตวนพยายามจะปลอบใจเธอโดยที่ไม่ได้คิดร้ายกับเธอแต่ประการใด
หลินเห็นทั้งสองเข้ากันได้ดีและไม่ตื่นตระหนกก็เบาใจ เธอเครียดมานานกับเหตุการณ์นี้
เธอเองก็อยากพบทั้งหมอ แมรี่และลิเดีย แต่ก็ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทั้งสามอยู่ที่ไหน
พอออกจากโรงพยาบาล อังตวนชวนให้เจอราดีนมานั่งรถของเขา แล้วก็ขับไปนั่งที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“คุณจะทำอย่างไรต่อไป” อังตวนถามเจอราดีน แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวกำลังหวั่นวิตกในอะไรบางอย่าง
“คุณครับ”
เจอราดีนมีสติมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่ดังกว่าปกติของเขา
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ”
“คุณจะทำอย่างไรต่อไปครับ”
“เออ ... ฉันยังไม่แน่ใจค่ะ พี่ปีเตอร์เป็นทุกสิ่งของฉัน เราอยู่กันเพียงสองคน พอเขามาหายไปแบบนี้ ฉันก็คิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ”
อังตวนยังถามต่อด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“แล้วเรื่องเรียนละครับ”
“เออ ... ฉันคงต้องหยุดไว้ก่อน คือฉัน ...”
แล้วเธอก็เงียบไป

อังตวนเองก็นิ่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ถ้าคุณไม่รังเกียจ คุณไปอยู่ที่บ้านผมก่อนก็ได้นะครับ”
เจอราดีนมองหน้าเขาแปลก ๆ
“คุณไม่ต้องห่วงครับ ที่บ้านผมยังมีแม่อยู่อีกคน”
อังตวนไม่แน่ใจว่าเขาเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า แต่แม่คิดถึงแมรี่มาก ๆ ถ้าพาเจอราดีนไปอยู่ด้วย
แม่เองก็คงดีขึ้นไม่มากก็น้อย เจอราดีนเองตอนนี้ก็ไม่มีใคร ถ้าปล่อยให้อยู่คนเดียวก็คงฟุ้งซ่าน
ตอนแรกเขาไม่แน่ใจว่าเธอจะไว้ใจเขารึเปล่า แต่เจอราดีนคงไม่มีใครจริง ๆ เลยตามอังตวนไป
อังตวนคิดในหัวตลอดเวลาว่าเขาจะตามหาปีเตอร์กับแมรี่ได้ที่ไหน หรือเขาจะแจ้งตำรวจให้ช่วยตามดี
ถึงสัญญากับหลินไว้แล้วว่าจะไม่แจ้งตำรวจ แต่ถ้าเขาทนไม่ไหวจริง ๆ ก็ไม่เห็นความสำคัญที่ต้องไปรักษาสัญญาปากเปล่าให้เสียเวลาเลย.


The Phantom ( Maxim de Winter at Manderley ภาค 3 ) บทที่ 9


วันนี้ชานนท์มารับลิเดียออกจากโรงพยาบาล หล่อนอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะพาหล่อนไปที่ไหน
“เราจะไปไหนกันคะ”
“เราจะไปเมืองมาเซ่นกันครับ ผมมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ที่นั่น เขาน่าจะช่วยเราได้”
ลิเดียเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่มีพรมแดนติดกับบัลแกเรีย กรีซ ตุรกีและเซอร์เจียร์
มาเซ่นเองเป็นเมืองชายแดนที่ติดกับเซอร์เจียร์ เป็นเมืองที่ยังไม่ค่อยเจริญมากนัก แต่ก็มีคนอาศัยอยู่พอสมควร

ขณะนั่งอยู่ในรถ ชานนท์เปรยขึ้นมาว่า
“โชคดีมากเลยที่เรายังพอมีเวลาที่จะคิดว่าเราควรทำยังไงต่อไป”
“เวลา”
“ใช่ เวลา ตอนนี้มาดามโรสคงยังไม่ตัดสินใจหรอกว่าจะทำยังไงกับเราดี
สิ่งที่เขาต้องตัดสินใจก่อนคือเรื่องการแต่งงานระหว่างเขากับจอมพลเฉียน”
ลิเดียคิดตามชานนท์
“แสดงว่าเรายังมีเวลา”
“ใช่ เรายังมีเวลาว่าเราจะหนีต่อหรือจะทำยังไงดี”
“เราไม่ต้องหนีไปไหนหรอก เราแค่เผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็พอแล้ว”

ชานนท์หยุดรถ
“คุณพูดว่ายังไงนะ”
ลิเดียหันมามองหน้าเขา
“ฉันเข้าใจมาดามโรสนะคะ ฉันสูญเสียพ่อแม่ไปในขณะที่มาดามโรสต้องเสียลูกสาวที่รัก
ฉันไม่สงสัยหรอกค่ะว่าทำไมเขาจึงอยากทำร้ายฉัน เพียงแต่เราพยายามชี้แจงว่าทั้งหมดนั่นมันเป็นอุบัติเหตุ ปัญหาต่าง ๆ ก็คงจะคลี่คลายไปได้”
ชานน์แสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย
“คนอย่างมาดามโรสไม่มีวันเข้าใจหรอก โดโรธีเป็นทุกอย่างของเขา เมื่อต้องเสียโดโรธีไปแล้ว
เขาก็ต้องทำทุกอย่างให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น จริง ๆ แล้วมันก็ไม่ต่างจากการแก้แค้นหรอกนะ”
ลิเดียไม่อยากเถียงกับเขา จริง ๆ แล้วเขาอาจจะถูกก็ได้ หล่อนอาจจะมองโลกในแง่ดีจนเกินไป
“เราจะไปหาใครคะ”
“เกาสง เพื่อนของผมครับ เขาทำธุรกิจเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ที่มาเซ่น”

แต่พอไปถึงจริง ๆ ธุรกิจที่เกาสงทำก็ใหญ่อยู่เหมือนกัน
เขาทำหน้าที่เหมือนพ่อค้าคนกลางให้กับคนแถวนี้เกือบทั้งหมด ชานนท์เล่าทุกอย่างให้เกาสงฟังโดยไม่ปิดบัง เกาสงฟังแล้วก็เข้าใจ
“นายกับลิเดียอยู่ที่นี่ได้นะ ในโกดังมีห้องตรงชั้นลอย นายกับลิเดียเข้าไปพักได้”
เกาสงเสนองานบางอย่างเพื่อแลกกับอาหาร งานของลิเดียคือการทำบัญชีเล็ก ๆ น้อย ๆ
ส่วนงานของชานนท์คือการส่งของ ทั้งสองต้องปรับตัวอยู่พอสมควรเหมือนกันกว่าทุกอย่างจะลงตัว
พอมีเวลาว่างชานนท์กับเกาสงก็หาเวลามาดื่มกัน ตอนนั้นลิเดียขอตัวไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านแถวนั้นเพื่อทำความรู้จัก
“นายบอกว่ามีเวลาเหรอ” เกาสงถามขึ้นก่อน
“ใช่ ตอนนี้มาดามโรสคงกำลังยุ่งเรื่องของเขากับจอมพลเฉียน ทางเราจะได้มีเวลาพอที่จะคิดแผนการบางอย่าง”
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราว่านายกับลิเดียอยู่ที่นี่ไปก่อนได้ พวกนั้นไม่น่าที่จะส่งคนมาถึงมาเซ่น”
“เกาสง นายไม่รู้หรอกว่ามาดามโรสทำได้ทุกอย่างตามแต่ว่าเขาจะต้องการอะไร”


The Phantom ( Maxim de Winter at Manderley ภาค 3 ) บทที่ 10


คนที่มักจะเดินเร็วกว่าคนอื่นก้าวนึงเสมอก็คือโจนาธาน นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาชวนแม็กไปว่ายน้ำด้วยกัน
เขาทั้งสองคนสนิทกันไวมาก ทางแม็กเองที่สนิทกับโจนาธานได้ไวเพราะเขาเองตอนนี้ก็ไม่มีเพื่อนเลย
เขาเองสนิทกับชานนท์มาก แต่พอชานนท์มาทำให้เสียแผน เขาก็ไม่มีเพื่อนที่ไหนอีก
แม่ของแม็กรวยมากและมักจะไปเลี้ยงข้าวกลางวันที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอยู่บ่อย ๆ นั่นทำให้แม็กได้พบกับชานนท์  
ทั้งสองสนิทกันอย่างรวดเร็ว ทางแม็กจึงให้ชานนท์ย้ายไปอยู่ด้วยกัน ทางครอบครัวของแม็กเห็นดี
ชานนท์เองก็เป็นเด็กที่น่ารัก แม็กเองก็เป็นลูกชายคนเดียว พอชานนท์ไปอยู่ด้วย แม็กจะได้มีเพื่อน

พอย่างเข้าวัยหนุ่ม แม็กก็รู้จักกับโดโรธี ทั้งสองชอบพอกัน น่าเสียดายที่โดโรธีต้องมาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ มาดามโรสทนไม่ได้ที่ลิเดียยังอยู่แบบลอยนวล อัยการสั่งไม่ฟ้องหล่อน มาดามโรสก็ไม่อยากฟ้องเองด้วยเห็นแก่ภาพลักษณ์ เธอจึงได้เรียกแม็กกับชานนท์มาวางแผนชั่วเพื่อที่จะปั่นหัวให้ลิเดียเป็นบ้าแล้วค่อยจัดการให้หายแค้น

อาจเพราะเหงาและไม่เจอเพื่อนรัก แม็กกับโจนาธานจึงสนิทสนมกันเร็วมาก
แม็กเองเห็นโจนาธานเป็นเพื่อนตาย เขาไมได้สงสัยอะไรเลยเพราะบุคลิกภายนอก
โจนาธานก็เหมือนผู้ชายทั่วไป แม็กเองก็อ่อนหัดกับเรื่องพวกนี้ ทำให้เขาไม่ได้สงสัยแม้แต่น้อย
ในทางกลับกัน โจนาธานตกหลุมรักแม็กอย่างหัวปักหัวปำยากที่จะหักห้ามได้ เพียงแต่ตอนพบกัน
เขาวางตัวเหมือนเพื่อน แต่พอห่างกัน ความโหยหาก็บังเกิดขึ้นในทุกอณูแห่งหัวใจ

นานวันเข้า โจนาธานจึงกุเรื่องขึ้นว่าจอมพลเฉียนไว้ใจโทนี่ ลูกชายคนโตมาก
ส่วนลูกคนสุดท้องอย่างคามินก็โอ๋จนเสียผู้เสียคน ลูกคนกลางอย่างเขาจึงกลายเป็นหมาหัวเน่า
“แล้วทำไมไม่หาแฟนสักคนล่ะ” แม็กถามเขา
“ก็อยากหาอยู่หรอก แต่ทหารอย่างเราเนี่ย จีบสาวไม่เป็นหรอกนะ เรื่องรักไม่ประสา ชำนาญแต่เรื่องรบ”
ทั้งเลิกเรียกพี่เรียกน้องกันแล้ว พวกเขาสนิทกันจนกระทั่งต้องเปลี่ยนสรรพนามมาใช้เรากับนายแทน
“เราว่าหล่อ ๆ อย่างนายอ่ะ หาแฟนไม่ยากหรอก”
แต่โจนาธานกลับคิดในใจว่า แฟนเราอยู่ตรงหน้าแล้วไง ก็นายนี่แหละ

วันหนึ่งแม็กได้พาโจนาธานมาเที่ยวที่คฤหาสน์มาดามโรส นั่นเป็นวันแรกที่วีนัสได้พบกับโจนาธาน
พอเจอกันครั้งแรก รักแรกพบก็เกิดขึ้นในหัวใจของวีนัสทันที เธอแอบมองโจนาธานทุกครั้งที่มีโอกาส
ส่วนมาดามโรสเองก็รู้สึกดีกับทั้งแม็กและโจนาธาน
มันยิ่งทำให้โจนาธานกลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้านของแม็กและคฤหาสน์ของมาดามโรสอย่างไม่ยากเย็น
เรื่องเลยกลายเป็นว่าวีนัสตกหลุมรักโจนาธานอย่างจัง ส่วนมาดามโรสก็รู้สึกว่าชอบทั้งแม็กและโจนาธาน
ตัวโจนาธานเองก็หลงเสน่ห์แม็กจนหัวปักหัวปำ มีเพียงแม็กคนเดียวที่ไม่ได้ตกบ่วงอะไร กับวีนัสเอง
เขาก็แค่เจ้าชู้ไปตามเรื่อง แต่ไม่ได้คิดอะไรจริงจัง

ทั้งมาดามโรสและวีนัสต่างไม่ระแคะระคายเลยว่าโจนาธานมีใจให้กับแม็กเพราะเขาแอบซ่อนไว้อย่างมิดชิดจนยากที่จะมองเห็น
โจนาธานอยากจะหาเวลาส่วนตัวกับแม็กมากขึ้น อยากไปอยู่กันสองต่อสองในสถานที่ ๆ ห่างไกลผู้คน
จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น มันเลยถึงเวลาที่เขาต้องสร้างเรื่องอีกแล้ว
เขาไปเล่าให้แม็กฟังว่าช่วงนี้พ่อชอบอารมณ์เสียกับเขา เขาอยากจะหนีไปให้พ้น
ถ้าอยู่ใกล้กันตอนนี้ก็เหมือนน้ำกับน้ำมัน มันช่างเข้ากันไม่ได้เอาซะเลย
“งั้นเอาอย่างงี้มั้ย เราไปเที่ยวกันไกล ๆ หน่อย ให้ลืมเรื่องวุ่น ๆ ของนายไปเลย”


แม็กติดกับเข้าจนได้
“แล้วเราจะไปที่ไหนกันดีล่ะ”
โจนาธานถามอย่างใจเย็น
“อืม ถ้าอยากไปไกล ๆ เราคงต้องไปให้ไกลจากเมืองมัวร์ให้มาก ๆ เลย
เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวเราจะพานายไปพักที่เมืองไกล ๆ เลย เรามีเพื่อนอยู่ที่นั่น รับรองว่านายจะสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลย”
“แล้วนายจะพาเราไปที่ไหนเพื่อน”
แม็กยิ้มอย่างมีเสน่ห์
“ไปเมืองมาเซ่น เรามีเพื่อนอยู่ที่นั่น เขาชื่อเกาสง ถ้านายรู้จัก นายจะชอบเขามากเลย”

โปรดติดตามตอนต่อไป
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่