ทริป slow life สัมผัสอากาศหนาวเย็นที่ แคชเมียร์ ประเทศอินเดีย (Day 1)

ขอแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยว ณ แคชเมียร์ (ประเทศอินเดีย)

เป็นกระทู้แรก! โปรดให้อภัย ถ้าใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมคะ (ยืม log in ของแฟนมาใช้ ยิ้ม)

เราอยากไปอินเดียมานานแล้ว แต่ก็กลัวว่าอาหารจะไม่คุ้นเคย  นับได้ว่าเป็นโอกาสอันดี.....น้องจามีล่า ชักชวนหาเพื่อนร่วมแกงค์พอดีเลย
การจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก หา local guide ก็ยกให้เป็นหน้าที่ของน้องโก้ (จามีล่า, จัมมู) คนไม่ธรรมดา ชื่อเยอะจริงๆ
และสำหรับทริปนี้ .............เราก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ !

Firstly, ขอขอบคุณผู้ปลุกปั่นปั้นทริป -- น้องโก้
ขอบคุณเจ้านายคนสวย ที่อนุญาตให้ลางานได้พร้อมกัน แบบนานๆๆ กลับมา แทบจะลืม Password เข้าเครื่อง PC
ขอบคุณน้องจูน Madam Adventure ผู้มีความสามารถถ่ายวีดีโอคลิปสั้นๆ ขำๆมาได้ แม้กระทั่งนั่งอยู่บนหลังม้า และม้าเดินอยู่บนเส้นทางขึ้นสันเขา พร้อมหิมะที่ปกคลุมอย่างหนาแน่น กราบความมี balance ดีของน้องจูน
ขอบคุณคุณสามี และควบตำแหน่งช่างภาพประจำทริป มีรูปสวยๆมาลง

Day 1:  Ready! BKK -Delhi –Srinagar
ทุกคนมาพร้อมถึงสนามบิน แต่เช้าตรู่ 24Feb2018 : BKK-Delhi by TG และไปต่อเครื่องที่  สนามบินเดลลี
Domestic flight from Delhi –Srinagar by Indigo air
พอถึงเดลี ผ่านกระบวนการ ตม. ตรวจอย่างละเอียดแบบถึงเนื้อถึงตัว  ลูบยัน........
คิวยาววววกว่าสุวรรณภูมิ หลายเท่าตัว
จากนั้นก็มาหารถบัส เพื่อเดินทางไป domestic flight at terminal 2 by local bus (25 rupees each person) พวกเราออกจากสุวรรณภูมิมาแต่เช้า ถึงเดลีประมาณ 11 โมง เสียเวลาต่อเครื่องภายในประเทศ เพื่อจะไป Srinagar นานหน่อย  ถึง Srinagar ก็เป็นช่วงเวลาเย็นแล้ว

ย่างก้าวที่เหยียบลงสนามบิน Srinagar – Kashmir ก็พบกับความหนาวเย็น เย็นยะเยือก
สนามบินเล็กๆ เล็กกว่าสนามบินในหลายๆจังหวัดในบ้านเรา  มาถึงก็เย็นมาก พร้อมฝนตกปรอยๆ อากาศก็หนาวเหน็บ
มองรอบๆก็จะเห็นทหาร ถือปืนยาว  รักษาความปลอดภัย เป็นระยะๆ (ก็แอบกลัวๆนะ)
เราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพี่ทหาร พี่เค้าถือปืนยาวขนาด 2 ศอกเข้ามาสะกิด
“you you ไปกรอกเอกสารเข้าเมืองตรง counter โน้นนะ” ไอ้เราก็ไม่เข้าใจว่าจะรีบทำไม กระเป๋าชั้นยังมาไม่ถึงสายพานเลย
และแล้วก็มาถึงบางอ้อ........เพราะว่าเราถึงสนามบินเป็นไฟล์สุดท้ายของวัน ท่านพี่ๆเค้าก็ต้องรีบกลับบ้านกัน กรอกเอกสารยังไม่ทันจะเสร็จ ก็ปิดไฟพรึ๊บ
“เดี๋ยวกรอกแค่นี้พอ เซ็นต์ ๆ ได้ละ”  เร่งเราซะงั้น....อ้อ รีบกลับบ้าน หรือพวกเราหน้าตาเป็นมิตร ไม่ต้องกรอกเยอะ

พอออกจากสนามบิน ก็พบกับ local guide ซึ่งรออยู่นานแล้ว
น้องอิชชู ผู้หล่อเหลา (กระชากใจสาวๆคนไทยมานักต่อนักแล้ว) พร้อม พขร มากประสบการณ์ นามว่า  Mr. Mustafan และก็คนอีก 3 คนกุลีกุจอมาช่วยลากกระเป๋า  (ได้คนอีก 3 คนเนี่ย มาช่วยขนกระเป๋าจริงๆ และก็ bye พร้อมกับทิปจากพวกเราสินะ)

รถออกจากสนามบิน ก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นอีกละ เฮ้ย ทหารยิ้มยืนถือปืนทุกมุมตึกเลย  บ้านเมืองนี้ เป็นไรหว่า จะไม่สงบจริงๆ เหมือนข่าวรึไง
เมืองเงียบ เข้ากะอากาศเย็นยะเยือกมากกกก ..... ผ่านมาสักพักก็เริ่มใจชื้น เริ่มเห็นมีของขาย ผลไม้ เช่น ส้ม องุ่น มีให้เห็นตามข้างทาง ขายราคาไม่แพง  แวะซื้อกันมาซัก โลสองโล ชิมๆกัน  


อ้าว เล่าค้าง...มาถึงเรื่องความปลอดภัย  น้องไกด์สุดหล่อเราบอกว่าที่นี่ for  tourist 0% of criminal นะคะ ...เค้าอยู่กันได้เพราะนักท่องเที่ยว  เศรษฐกิจหลักมาจากนักท่องเที่ยว...เอากะเค้าสิ เพิ่งรู้นะเนี่ย
เราก็ กลัวนะ เห็นทหารอยู่เกือบทุกๆ หัวมุมเมือง ก็หวั่นๆ พออยู่ไปก็จะเริ่มชินและเข้าใจ

เออ.....ที่นี่ดี ไม่ต้องจ้าง รปภ. Haha พี่ทหารเค้าดูแลความปลอดภัยให้จ้า    (อย่าเผลอไปถ่ายรูปทหารเค้าล่ะ โดนบ้องปืนแน่)   คหสต ล้วนๆ อย่าไปคิดให้มีแก่นสาร

ถึงเรือที่พักชื่อ “The Shelter Group of Houseboats”  เรือลำไม่ใหญ่มาก จอดอยู่ตรงฝั่งของแม่น้ำ ใกล้กับ Foot Bridge ที่นี่มีที่เรือไม่มากนักเหมือน Dal lake บรรยากาศสบายๆ
(สำหรับที่พัก สามารถจองผ่าน page ที่พักได้เลย  www.shelterhouseboats.com ทริปของพวกเรา จามีล่า ก็แค่ติดต่อจองที่พักที่นี่ พร้อมทั้งให้เจ้าของเรือช่วยจัดการเรื่องทริปทั้งหมด เสร็จสรรพ กระบวนความได้จากคุณเจ้าของเรือได้เลย ที่พัก อาหารครบ รถส่วนตัว พร้อมคนขับและไกด์ เยี่ยม
บนเรือมีชานพัก ให้นั่งพักผ่อน ถัดเข้ามาในเรือ เป็น Living room, Dining room ถัดมาหน่อยก็โซนล้างจาน และถัดเข้าไปก็มีห้องนอนส่วนตัวอีก 3 ห้องนอน พร้อมห้องน้ำในตัว  ตกแต่งด้วยไม้ สะดวกสะบายกว่าที่คิด
เราและเพื่อนๆ ประทับใจการดูแลของเค้ามากๆ  ที่พักของเราไม่ได้หรูหรามาก แต่เป็นส่วนตัวสุดๆ เราโชคดีที่บนเรือมีแค่พวกเรา เพราะเรามาช่วงที่ไม่พีคมาก (24-28 Feb,2018)  ปลายฤดูหนาว นักท่องเที่ยวเลยยังไม่เยอะมาก ทั้งลำมีเราแค่ 4 คนที่พัก /ครอบครัวเจ้าของเรือก็จะเปลี่ยนเวรกันมาพักบนเรือ นอนในห้องนั่งเล่นนั่นแหละ พร้อม service 24 hrs.
เมื่อเหยียบย่างไปบนเรือ เป็นธรรมเนียมกับการต้อนรับด้วยการเสริฟชานมท้องถิ่น (chai tea), Masala chai tea พร้อมคุ๊กกี้
อากาศหนาวๆ ทำให้เราซดซะเกลี้ยง ไม่ติดปัญหาอะไรกับเรื่องกลิ่นชาที่ไม่คุ้นเคยเลย กินได้ตลอดทริป



สำหรับอากาศ  ประมาณ 5-8 องศาเซลเซียสที่ Srinagar  บนเรือก็รีบสุมไฟเพื่มความอบอุ่นโดยการทำ heater ธรรมชาติให้เราทันที
Natural heater ก็ลักษณะเหมือนหม้อลวกก๋วยเตี๋ยว ใส่ฟืนจุดไฟ แล้วก็ต่อท่อเป็นปล่องให้ควันออกมาภายนอกเรือ ด้วยความสงสัย ว่าทำไม่พวก you ไม่ใช่ heater แบบยุโรป ...ก็ได้คำตอบว่า  ในเฉพาะฤดูหนาว ไฟฟ้าจะดับทุกๆ 2 ชั่วโมง โดยใช้แต่ละฝั่งของแม่น้ำในการแบ่งกันใช้ไฟ ฝั่งตรงข้ามจะดับสลับกับอีกฝั่ง แบ่งกันใช้ไฟ เพราะหน้าหนาว น้ำเป็นน้ำแข็ง เลยไม่สามารถผลิดกระแสไฟฟ้าได้ทั่วถึงได้
เอาละวา....อินเตอร์เน็ตของเราก็จะใช้การไม่ได้ทุกๆ 2 ชั่วโมงนะจ๊ะ  
Roaming ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องเปิดนะ....อ้าวๆ ก็เปิดมาก็เท่านั้น มีข้อจำกัดจากผู้ให้บริการ (สามารถนำไปใช้งานที่ประเทศอินเดียบนเครือข่าย AirTel ได้ แต่ยกเว้นบางเมืองไม่สามารถใช้งานได้ ประกอบด้วย รัฐอัสสัม , รัฐอรุณาจัลประเทศ , รัฐมณีปุระ , รัฐเมฆาลัย , รัฐมิโซรัม , รัฐนาคาแลนด์ , รัฐตริปุระ , รัฐจัมมูและแคชเมียร์) ด้วยประการนี้แล

สำหรับอาหารการกิน  เรากินง่าย และกินได้อย่างสบายใจก็เพราะ Jamila ผู้คุ้นเคยเรื่องอาหารอินเดีย
ได้ที่แนะนำอาหารการกินของคนท้องถิ่น วัฒนธรรม และที่สำคัญนางส่งภาษาฮินดีได้เป็นอย่างดี สบายพวกเราไปแปดอย่าง ว้าวหู้ ....

และแล้วช่วงเวลาอาหารเย็น ก็มาถึง จัมมูตี ตีซี้กะเจ้าของเรือได้อย่างรวดเร็ว  (เรือเป็นธุรกิจครอบครัว พ่อบ้าน ชื่อ Shalfix ชาร์ฟิค ก็เป็นเจ้าของเรือด้วย  พี่น้องกับ Aijaz นี่เอง) เค้าจะถามเราว่าต้องการให้อาหารมาเสริฟตอนกี่โมง ด้วยความที่มหาราณีจัมมูเรา รู้อาหารและวัฒนธรรมของชาวอินเดีย (มุสลิม) ดี นางก็จะสั่งอาหารที่นางอยากกิน ...วันนี้ไก่มั่ง แพะมั่ง ปลามั่ง  จัมมูบอกว่า ปกติเค้าจะเสริฟ
1)    พวกข้าวหมก เช่น ข้าวหมกแพะ, ข้าวหมกไก่, ข้าวหมกปลา หรือถ้าไม่เอาข้าวหมก ก็จะพวกโรตี หรือนานก็ได้
2)    แกงกะหรี่ (แพะ,แกะ,ไก่)
3)    ดาล (ซุปข้น) มีหลายแบบ รสชาดไม่เหมือนกันซักวัน บางวันก็ถั่วมาเต็ม บางวันก็ดูผัก ... อันนี้เป็นอันที่เราไม่ชอบ เลยไม่ค่อยแตะ
4)    ซับซี (ผักสับๆ ละเอียด ผัดกับเนย อินเดีย (กี) อันนี้จะออกมันๆหน่อย แต่ก็อร่อย  บางวันก็ผักกระหล่ำปลี, กระหร่ำดอกมั่ง  อร่อยไปอีกแบบ
5)    เครื่องดื่มก็ คลักชาย (chai tea) หรือชาร้อนธรรมดา  มาเสริฟทุกวัน
ส่วนอาหารเย็นมื้อนี้  ก็เป็นข้าวหมกไก่มา จัดใส่ปิ่นโตเถา พร้อมกับบรรจุในกระติกพลาสติกเก็บความร้อน  พร้อมเสริฟร้อนๆให้เรากินกัน  พวกเราก็ไม่อยากให้พ่อครัวเสียน้ำใจ......คอดถ้วยชามกันเลยนะ  
อิ่มละ....ถึงช่วงเวลาที่รอคอย  หลังจากทานข้าวกันใต้แสงตะเกียงเจ้าพายุมาแล้ว และแล้วไฟฟ้าก็มา พวกเราก็พร้อมมาสุมหัวกันที่ห้องนั่งเล่น ซี่งมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่แรงที่สุด...

บนเรือมีบริการน้ำอุ่นนะคะ แต่เป็นการต้มน้ำโดยใช้ฟืน  ซึ่งหม้อต้มน่าจะอยู่ที่ไหนซักแห่งของเรือ เค้าจะถามเราว่าจะอาบน้ำรึยัง..>> เค้าจะไปสุมไฟหม้อต้มน้ำ และก็ไปทำ heater ในห้องนอนให้เรา เพิ่มความอบอุ่น ...
คหสต. ไอ้ heater นี่นะ ไม่เหมาะเลยกับคนเป็นภูมิแพ้ แพ้ควัน ถึงแม้จะต่อท่อให้ควันออกนอกห้อง แต่มันก็มีควันเล็ดลอดมาอยู่ดี เสื้อผ้า ไม่ต้องพูดถึง ควันอโรมาเทราปี  อบควันเทียนกันเบาๆ
หมดแค่นี้สำหรับคืนนี้...ราตรีสวัสดิ์ (อากาศหนาว ขอห่มผ้าห่มก่อน....อุ๊ย เตียงเค้าอุ่นน๊ะจ๊ะ เป็นเตียงไฟฟ้าเพิ่มความอุ่น จะอุ่นหัว ตัว เท้า มีปุ่มปรับได้น้า)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่