***Incredible India!*** รีวิว(เล่าเรื่อง) ประสบการณ์ครั้งแรกที่ดินแดนภารตะ (Delhi - Agra)
***Incredible India!*** รีวิว(เล่าเรื่อง) ประสบการณ์ครั้งแรกที่ดินแดนภารตะ (Leh) Part 3
หลังจากได้สู้รบ ตบตีผจญภัยกับแขกอินเดียเป็นเวลา 5 วันเต็ม และแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเราสามคนจะเปลี่ยนบรรยากาศ
จากเมืองที่มีแต่ความวุ่นวาย รถติดแออัด เสียงแตรดังอู้อี้จากทุกทิศทางในเมืองหลวงของอินเดีย
เปลี่ยนมาชมวิว ร่องเรือชิคาร่าในทะเลสาบ
ดูวิวภูเขาที่ยอดปกคลุมด้วยหิมะอันแสนสวยงามอย่างกับอยู่ สวิตเซอแลนด์ อย่างไงอย่างงั้น (พูดอย่างกับเคยไปมาแล้ว 55555)
สิ่งแรกที่มาถึงยังสนามบิน Srinagar International Airport
ก็คือการลงทะเบียนที่จุด tourist information ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนจำเป็นต้องลง เพราะพื้นที่ Jammu & Kashmir ซึ่งรวม Ladakh อยู่ด้วยนั้นเป็นพื้นที่การปกครองของอินเดีย ที่ประเทศปากีสถานนั้นเคลมว่าตนเองมีสิทธิ์ปกครอง เลยเกิดการก่อการร้ายบ่อยครั้งในเขตพื้นที่นี้ ซึ่งไม่แปลกเลยที่ทางเจ้าหน้าที่สนามบินจะต้องจำเป็นต้องตรวจอย่างเข้มงวดกับชาวต่างชาติที่มายังพื้นที่นี้
ซึ่งแบบฟอร์มจะต้องระบุข้อมูลทั่วไป ไฟล์ทบิน ที่อยู่ ต่างๆ (ผมไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะสนามบินเป็นเขตห้ามถ่าย)
*** สิ่งสำคัญคือ จำเป็นต้องเก็บ Boarding Pass ไว้กับตัวเสมอเมื่อมาถึงปลายทาง เพราะเจ้าหน้าที่จะขอตรวจทุกครั้ง! ***
หลังจากออกมาจากสนามบิน โชว์เฟอร์ของเราก็มายืนรอพวกเราแล้ว พร้อมกับชูป้ายถามหากลุ่มของเจ๊กทั้งสาม...
(ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเป็นคนดัง ไงก็ไม่รู้มีคนมารอรับถึงหน้าสนามบินกันเลยทีเดียว 555555555)
สองข้างทางระหว่างนั่งรถไปโรงแรมนั้นจะเห็นได้ว่า จะมีทหารถือปืน ประจำอยู่ทุกที่ และรถหุ้มเกราะจอดกันเต็มไปหมดดด
(ตอนนั้นเริ่ม ไม่มั่นใจละ นี่ตูมาพื้นที่แนว สามจังหวัดเลยรึปะเนี่ย ยิ่งโดนแทกซี่ที่เดลี แหย่อีกว่า
" ที่บ้านยูรู้กันรึยังว่าจะไป Kashmir ถ้ารู้เดี๋ยวเค้าคงเตรียมกรอบรูปใหญ่ๆ ไว้แล้วมั้งงง ฮ่าๆๆๆ"
ที่พูดมานี่ ให้กำลังใจตูมากเลยยยยย นี่ขนาดตามข่าวตลอด ยังรู้สึกเสียวๆ บอกไม่ถูก
คุณลุงโชว์เฟอร์ของเรา
ไม่ได้มีเฉพาะลาล้า แต่เป็นเหมือนกันทั้งประเทศ!
Dal lake ทะเลสาบที่มี boathouse ที่เราจองไว้
ในที่สุดก็มาถึง Dal lake ทะเลสาบที่ค่อยข้างจะมีชื่อเสียงมากๆของ Kashmir บริเวณในทะเลสาบจะมีแพบ้าน ให้นักท่องเที่ยวจองกันเรียงรายเต็มไปหมด
ซึ่งการคมนาคมในทะเลสาบนั้น จะต้องนั่งเรือ ชิคาล่า (เรือพายอารมณ์เดียวกันกับกอนโดล่า พูดอย่างกับเคยไปเวนิซอีกละ555555) ข้ามฝั่งไปยังเรือแพของเรา ซึ่งจะมีเหมือนท่าระบุไว้แต่ละท่า จะช่วยให้เราจำได้ว่า โรงแรมที่เราพักนั้น อยู่ตรงข้ามกับท่าน้ำไหน จะได้ง่ายต่อการบอกตุ๊กๆ แท๊กซี่ ที่จะมาส่งเรายังที่พัก
ลุงแขกเจ้าของเรือ นั่งแอคท่าให้ถ่าย
ญาติของเจ้าของเรือแพ คนนี้มีหน้าที่ส่งเราข้ามฟาก เวลาจะออกไปข้างนอก
คาริม เจ้าของเรือแพ คนที่จะคอยติดต่อหารถไปยัง Ladakh ให้กับพวกเรา
ชาแคชเมียร์ หอมมกลิ่นขิง หวานรสน้ำผึ่งมาก ลืมถามคาริมว่ามันชื่อชาอะไร เสียดาย TT
หลังจากเก็บของกันเสร็จเรียบร้อย เราก็มานั่งคุยกับคาริม เรื่องค่ารถที่จะไปยัง Kargil (เมืองก่อนถึงเขต Ladakh)
ซึ่งคาริมก็ ติดต่อหารถให้เราจนได้ ด้วยความที่มี connection เยอะในระแวกนี้ ด้วยราคา 13000 รูปี
เป็นราคาที่ถูกกว่าที่คาดไว้ซะอีก เพราะจากที่หาข้อมูลทำการบ้านมาจากเว็ป Tripadvisor นั้นขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 16000 รูปี
ซึ่งยังต้องต่ออีก กว่าจะได้ราคาที่เหมาะสม พวกเราตกลงจะจ้างรถคันนี้ ซึ่งจริงๆ คาริมตอนนั้นก็พยายามรบเร้า
ให้พวกเรา พักที่ Kashmir ต่ออีกสักหน่อย
" ลาดั้กมันไม่มีอะไรหรอก เมื่อก่อนสวยกว่านี้ซะอีก แต่ไม่กี่ปีมานี่ คนเริ่มไปเที่ยวกันเยอะ ทำให้หลายๆอย่างดูไม่เหมือนเดิม
ลาดั้กมีแต่ฝุ่นมีแต่ภูเขาแห้งแล้ง ไม่มีอะไรเลยนะ แต่ที่แคชเมียร์ มีทุกอย่าง อากาศก็ไม่หนาวเกินไป หายใจก็สะดวก
ไม่แห้งแล้งเหมือนลาดั้กไหนจะมี Sonamarg Gulmarg ให้พวกยูไปเล่นสเก็ต ไปขี้ม้า หรือจะถ่ายรูป
สวยกว่าลาดั้กเป็นไหนๆ ไม่สนจะอยู่ต่อหน่อยเหรอ? " คาริมพูด
และคาริมก็พูดจริงครับ (ในความคิดผม) เพราะแคชเมียร์ สวยกว่าลาดั้กมากมาก ถ้าไม่ติดว่าลาดั้กมีพุทธหินยาน คงอยู่ต่อละแหละ 55555
ข้าวมื้อแรก เป็นข้าวผัดสไตล์แคชเมียร์
หลังจากกินข้าวกันเสร็จพวกเราก็เลยออกมา ไปเที่ยวในตลาดซะหน่อย
ผู้คนที่นี้ น่ารักและเฟรนรี่มากมากก
(ถึงแม้พวกพี่แก เหมือนจะหลุดออกมาจากหนังสงครามของฮอลลี่วู๊ดเลยก็เถอะ 55555 และไม่ค่อยตื้อเหมือนแขกอินเดียด้วย)
มีดพี่นี่มัน.. อื้อหือออ
[CR]***Incredible India!*** รีวิว(เล่าเรื่อง) ประสบการณ์ครั้งแรกที่ดินแดนภารตะ (Delhi - Agra, Srinagar - Leh) Part 1
https://ppantip.com/topic/36610838
ใครยังไม่ได้อ่าน Part 1 กดตามลิงค์นี้ได้เลยครับ
[CR] ***Incredible India!*** รีวิว(เล่าเรื่อง) ประสบการณ์ครั้งแรกที่ดินแดนภารตะ (Delhi - Agra, Srinagar - Leh) Part 2 #สายแชะ
https://ppantip.com/topic/36646278
หลังจากได้สู้รบ ตบตีผจญภัยกับแขกอินเดียเป็นเวลา 5 วันเต็ม และแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเราสามคนจะเปลี่ยนบรรยากาศ
จากเมืองที่มีแต่ความวุ่นวาย รถติดแออัด เสียงแตรดังอู้อี้จากทุกทิศทางในเมืองหลวงของอินเดีย
เปลี่ยนมาชมวิว ร่องเรือชิคาร่าในทะเลสาบ
ดูวิวภูเขาที่ยอดปกคลุมด้วยหิมะอันแสนสวยงามอย่างกับอยู่ สวิตเซอแลนด์ อย่างไงอย่างงั้น (พูดอย่างกับเคยไปมาแล้ว 55555)
สิ่งแรกที่มาถึงยังสนามบิน Srinagar International Airport
ก็คือการลงทะเบียนที่จุด tourist information ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคนจำเป็นต้องลง เพราะพื้นที่ Jammu & Kashmir ซึ่งรวม Ladakh อยู่ด้วยนั้นเป็นพื้นที่การปกครองของอินเดีย ที่ประเทศปากีสถานนั้นเคลมว่าตนเองมีสิทธิ์ปกครอง เลยเกิดการก่อการร้ายบ่อยครั้งในเขตพื้นที่นี้ ซึ่งไม่แปลกเลยที่ทางเจ้าหน้าที่สนามบินจะต้องจำเป็นต้องตรวจอย่างเข้มงวดกับชาวต่างชาติที่มายังพื้นที่นี้
ซึ่งแบบฟอร์มจะต้องระบุข้อมูลทั่วไป ไฟล์ทบิน ที่อยู่ ต่างๆ (ผมไม่ได้ถ่ายรูปมา เพราะสนามบินเป็นเขตห้ามถ่าย)
*** สิ่งสำคัญคือ จำเป็นต้องเก็บ Boarding Pass ไว้กับตัวเสมอเมื่อมาถึงปลายทาง เพราะเจ้าหน้าที่จะขอตรวจทุกครั้ง! ***
หลังจากออกมาจากสนามบิน โชว์เฟอร์ของเราก็มายืนรอพวกเราแล้ว พร้อมกับชูป้ายถามหากลุ่มของเจ๊กทั้งสาม...
(ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเป็นคนดัง ไงก็ไม่รู้มีคนมารอรับถึงหน้าสนามบินกันเลยทีเดียว 555555555)
สองข้างทางระหว่างนั่งรถไปโรงแรมนั้นจะเห็นได้ว่า จะมีทหารถือปืน ประจำอยู่ทุกที่ และรถหุ้มเกราะจอดกันเต็มไปหมดดด
(ตอนนั้นเริ่ม ไม่มั่นใจละ นี่ตูมาพื้นที่แนว สามจังหวัดเลยรึปะเนี่ย ยิ่งโดนแทกซี่ที่เดลี แหย่อีกว่า
" ที่บ้านยูรู้กันรึยังว่าจะไป Kashmir ถ้ารู้เดี๋ยวเค้าคงเตรียมกรอบรูปใหญ่ๆ ไว้แล้วมั้งงง ฮ่าๆๆๆ"
ที่พูดมานี่ ให้กำลังใจตูมากเลยยยยย นี่ขนาดตามข่าวตลอด ยังรู้สึกเสียวๆ บอกไม่ถูก
ในที่สุดก็มาถึง Dal lake ทะเลสาบที่ค่อยข้างจะมีชื่อเสียงมากๆของ Kashmir บริเวณในทะเลสาบจะมีแพบ้าน ให้นักท่องเที่ยวจองกันเรียงรายเต็มไปหมด
ซึ่งการคมนาคมในทะเลสาบนั้น จะต้องนั่งเรือ ชิคาล่า (เรือพายอารมณ์เดียวกันกับกอนโดล่า พูดอย่างกับเคยไปเวนิซอีกละ555555) ข้ามฝั่งไปยังเรือแพของเรา ซึ่งจะมีเหมือนท่าระบุไว้แต่ละท่า จะช่วยให้เราจำได้ว่า โรงแรมที่เราพักนั้น อยู่ตรงข้ามกับท่าน้ำไหน จะได้ง่ายต่อการบอกตุ๊กๆ แท๊กซี่ ที่จะมาส่งเรายังที่พัก
หลังจากเก็บของกันเสร็จเรียบร้อย เราก็มานั่งคุยกับคาริม เรื่องค่ารถที่จะไปยัง Kargil (เมืองก่อนถึงเขต Ladakh)
ซึ่งคาริมก็ ติดต่อหารถให้เราจนได้ ด้วยความที่มี connection เยอะในระแวกนี้ ด้วยราคา 13000 รูปี
เป็นราคาที่ถูกกว่าที่คาดไว้ซะอีก เพราะจากที่หาข้อมูลทำการบ้านมาจากเว็ป Tripadvisor นั้นขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 16000 รูปี
ซึ่งยังต้องต่ออีก กว่าจะได้ราคาที่เหมาะสม พวกเราตกลงจะจ้างรถคันนี้ ซึ่งจริงๆ คาริมตอนนั้นก็พยายามรบเร้า
ให้พวกเรา พักที่ Kashmir ต่ออีกสักหน่อย
" ลาดั้กมันไม่มีอะไรหรอก เมื่อก่อนสวยกว่านี้ซะอีก แต่ไม่กี่ปีมานี่ คนเริ่มไปเที่ยวกันเยอะ ทำให้หลายๆอย่างดูไม่เหมือนเดิม
ลาดั้กมีแต่ฝุ่นมีแต่ภูเขาแห้งแล้ง ไม่มีอะไรเลยนะ แต่ที่แคชเมียร์ มีทุกอย่าง อากาศก็ไม่หนาวเกินไป หายใจก็สะดวก
ไม่แห้งแล้งเหมือนลาดั้กไหนจะมี Sonamarg Gulmarg ให้พวกยูไปเล่นสเก็ต ไปขี้ม้า หรือจะถ่ายรูป
สวยกว่าลาดั้กเป็นไหนๆ ไม่สนจะอยู่ต่อหน่อยเหรอ? " คาริมพูด
และคาริมก็พูดจริงครับ (ในความคิดผม) เพราะแคชเมียร์ สวยกว่าลาดั้กมากมาก ถ้าไม่ติดว่าลาดั้กมีพุทธหินยาน คงอยู่ต่อละแหละ 55555
หลังจากกินข้าวกันเสร็จพวกเราก็เลยออกมา ไปเที่ยวในตลาดซะหน่อย
[CR]***Incredible India!*** รีวิว(เล่าเรื่อง) ประสบการณ์ครั้งแรกที่ดินแดนภารตะ (Delhi - Agra, Srinagar - Leh) Part 1
https://ppantip.com/topic/36610838
ใครยังไม่ได้อ่าน Part 1 กดตามลิงค์นี้ได้เลยครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น