นามัสเต๊ เนื่องจากช่วงปลายเดือน พ.ค. และ ต้นเดือน มิ.ย. 2560 ที่ผ่านมา
ผมได้มีโอกาส ได้ไปสัมผัส ประเทศ อินเดีย! ครั้งแรกในชีวิตต เลยอย่างลองกระทู้นี้กระทู้แรกรีวิว เล่าเรื่องเรื่อยเปื่อยเผื่อจะใครมาอ่าน
แล้วอยากลงไปสัมผัส ความแขกที่อินเดียเหมือนผมบ้างสักครั้งในชีวิต
ขอเกลิ่นนำเล็กๆ น้อยๆ ก่อนเข้าเรื่องนิดนึง
จริงๆซึ่งทริปนี้ ใจจริงสมัยเป็นเด็กเล็กๆ ไม่เคยคิดมันหรอกครับว่าจะได้ไปสัมผัสถึงดินแดนภารตะของจริงเห็นจริงด้วยตาตัวเอง
คิดว่าไงง ก็จะไม่ไปมันแน่นอน ไม่ไปเด็ดขาด! เพราะคนไทยส่วนใหญ่ นึงถึงชาวแขก นึกถึงอะไรอย่างแรกครับ...
"เจองูเจอแขก ให้ตีแขกก่อน" ใช่ครับ ประโยคนี้ได้ยินกันทุกคนผมพนันได้เลย
แต่แล้ว... มาวันหนึ่งครับ มีหนังเรื่องนึงที่ทำให้ผมดูแล้ว รู้สึกว่า
"เห้ย หนังเรื่องนี้มันที่สุดวะ คิดได้ไง" ใช่ครับ ไม่ใช่หนังนอกกระแสอะไร เรื่องนั้นคือเรื่อง "Slumdog millionaire" ครับ
บวกกับช่วงเข้ามหาลัยใหม่ๆ เห็นเพื่อนโพสรูปในเฟสบุค ตอนไปเที่ยวเนปาล ไปเทรคกิ้ง Annapurna base camp
ตอนกดๆ เลื่อนๆดูไป ตอนนั้นคิดว่า
"เห้ย แม่* สวยวะ โคตรสวยเลย ต้องไปเห็นด้วยตาสักครั้งในชีวิตละวะ เทือกเขาหิมาลัย ธงมนตร์ พุธนิกายมหายาน"
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหนังไทยเรื่องนึงครับ ที่ผมชอบมากๆ ฟีลนี้เลย เรื่องนั้นชื่อเรื่อง "ซัมบาลา" ครับ
ผมเป็นคนชอบดูหนังครับ ชอบดูหนังที่ติดกระแสสมัยก่อน แต่ไม่ดังแล้วในสมัยนี้ ด้วยความที่ว่างครับ มีช่วงนึงอยากทำตัวว่าง
ไปเฟ้นหาหนังมาดูครับ เรื่องนึง ชื่อว่า "3 idiots"
หลายคนที่ชอบดูหนังคงรู้จักดี เป็นหนังอินเดียที่ทำรายได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ Bollywood
ตั้งแต่นั้นผมก็ชอบในความเป็นหนังแขกครับ ใครบอกหนังเรื่องอะไรดี ก็ดูหมด ไม่ว่าจะเป็น PK, Lunch Box และ Lion
หลังจากซึมซับความแขกอยู่หลายเดือน พร้อมๆกับเห็นกระทู้ไปเที่ยว Ladakh กันเยอะผมก็ตัดสินใจ
"เอาวะสักครั้งในชีวิต ต้องลองดูหน่อย แขกกับเจ๊กเอเชีย ใครมันจะเจ๋งกว่ากัน ไม่ยอมโดนหลอกง่ายๆนะเว่ยเฮ่ย ฮ่าๆ"

---

*แผนการเดินทางตลอด 14 วัน*

---

---

1. ป้องกันตัวเองจากการโดยแขกหลอก! : ก่อนเดินทางเราก็ต้องเตรียมตัวกันนิดนึง รู้ๆกันอยู่แล้วอินเดียนั้นขึ้นชื่อเหลือเกินเรื่องการหลอกนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก่อนเดินทางผมก็เลยสรรหา กระทู้พันทิพ ที่ชอบเล่าเรื่องการไปเที่ยวอินเดียแล้วศึกษาเป็นกรณีตัวอย่าง แต่มีเว็ปไซต์นึงที่ผมอยากจะแนะนำซึ่งเว็ปนี้เหมือนหนังสือเฉลยการบ้านเลยก็ว่าได้ ชนิดที่แบบว่า แขกมาแนวไหน รู้ทันหมด! (ในที่นี้ต้องวัดไหวพริบของแต่ละคนในการแก้สถานการณ์ของแต่ละคนด้วย 5555)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://hippie-inheels.com/common-tourist-scams-in-india/
2. ยาสามัญทั่วไป : ยาขาดไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งไปนานๆ ควรพกไป ไม่ได้ใช้อย่างน้อยก็อุ่นใจ ยิ่งอินเดียขึ้นชื่อเรื่องสุขอนามัยด้วย บางคนน่าจะคุ้นกับคำว่า Delhi belly กันบ้างบางคนถึงกับแนะนำให้ไปฉีดวัคซีนกันก่อนไปกันเลยทีเดียว ซึ่งยาก็แบ่งเป็นหมวดๆ ตามนี้ครับ
          2.1 ยาแก้ท้องเสีย ยาธาตุน้ำขาว (บรรเทาอาการปวดท้อง)
          2.2 ยาฆ่าเชื้อ แอนตี้ไบออติก (กรณีเกิดอาการท้องเสียหนัก ขั้นท้องร่วง) + เกลือแร่
          2.3 ผงเม็ดคาร์บอน
          2.4 ยาแก้แพ้
          2.5 ยาแก้ปวด (กรณีเป็นไข้ ใช้ช่วยบรรเทาได้)
          2.6 ยาปรับความดันอากาศ (ชื่อการค้า Diamox) กรณีคนจะไปเที่ยวแถบ Ladakh ที่บินตรงไปเลย ควรจะมี
*** ในที่นี้ควรศึกษาการใช้ยา ปริมาณและผลข้างเคียงให้รอบคอบ ***
3. หมั่นเช็คข่าวในพื้นที่ๆเราจะไป : อย่างกรณี จขกท. บินตรงไปเมือง Srinagar ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้น Kashmir ซึ่งเป็นพื้นที่ภิพาทระหว่าง อินเดียและปากีสถาน ซึ่งมีภายในเมืองปลอดภัย แต่ภายนอกเมืองอันตราย มีการยิงกันตลอดเป็นไปได้อย่าออกไปนอกเมือง (จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ Tourist Info  ประจำกรุงนิวเดลี)
4. วางแผนการเดินทาง : การเดินทางระหว่าง Kashmir -> Ladakh นั้นมีหลายแบบ ไม่ว่า Private taxi, Shared taxi, Bus ขึ้นอยู่กับสไตล์การเดินทางเราเป็นแบบไหน ลองติดต่อ เจ้าของโรงแรมที่เราจะไปพักเค้าสามารถโทรนัดกับเจ้าของรถให้มารับเราได้ ได้ราคาถูกกว่าไปติดต่อเองซะด้วย
4.1 การเดินทางใน Ladakh นั้นจะมีอัตราค่ารถที่ฟิคซ์ไว้แล้ว ตามลิงค์นี้ ซึ่งจะมีอัพเดทตลอดทุกปี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://devilonwheels.com/leh-ladakh-taxi-rates-2016-17/

---

*รูปถ่ายทั้งหมดมาจากกล้อง DSLR และ iPhone7*

เป็นภาพแรกที่ได้เห็นหลังจากออกมาจากแอร์พอร์ทลิ้งค์ ลงมาถึงข้ามถนนก็จะเจอกับ New Delhi Railway Station
ซึ่งเราจะต้องเดินทะลุไปอีกฝั่งหนึ่งของสถานีเพื่อที่จะไปเก็บของเข้าที่พักในย่าน Paharganj

วันแรกของการเดินทาง...
          วันแรกจขกท. ได้นั่งรถไฟจากสถานี มายัง New Delhi Railway Station ซึ่งเป็นศูนย์รวมสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในกรุงนิวเดลี ใกล้ๆ กับแถบที่พักสำหรับ Backpackers ชื่อว่า Paharganj (ออกเสียงยังไง จขกท. ทุกวันนี้ยังออกเสียงแบบงงๆอยู่เลย 55555) ซึ่งอารมณ์จะคล้ายๆ ถนนข้าวสารบ้านเราที่มีแต่นั่งท่องเที่ยวต่างชาติ
บรรยาศระหว่างเดินทางไป ที่พัก ทุกๆ 10 เมตรที่เดินไป จะมีแขกเข้ามาทักเราตลอดไม่ว่าจะเป็น..

ทุกๆคน ล้วนแต่เฟรนรี่หมดครับ บ้างมาชวนคุย บ้างมาเสนอโรงแรมใกล้ๆราคาถูกให้ บ้างมาขอจับมือ ถามว่ามาอินเดียครั้งแรกหรอ
ชวนคุยได้ทุกเรื่องครับ ถ้าเราจองโรงแรมไว้แล้ว ก็เดินๆผ่านไปได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไร คุยด้วยได้ไม่ใช่มิจฉาชีพอะไรที่ต้องกังวล

คนอินเดียเป็นคนน่ารักมากครับและ ชอบการ(โดน)ถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ สังเกตได้จากการที่เห็นแขกมาเที่ยวบ้านเราครับ
ถ้าสักเกตดีๆ แกจะชอบเซลฟี่มากกกกกก
อย่างเช่นพี่เสื้อชมพูคนนี้ เห็นผมสะพายกล้องหน่อย พี่แกวิ่งมาจากไหนไม่รู้มาสะกิดหลังผม ละก็เก๊กท่าให้มาอย่างนี้...
สังเกตพี่เสื้อขาวข้างหลังดีๆ แกเห็นกล้องผมกำลังถ่ายพี่เสื้อชมพูที่กำลังเก๊กท่าให้ผมอยู่ ใช่ครับอย่างที่คิด ว่าแล้วแกก็กวักมือเรียกผมให้มาถ่ายแกอีกก!
หลังจากเดินทางออกจากเมืองไทยเหนื่อย และหิวมากครับ จขกท.เลยแวะหาไรกินแล้วนั้นก่อนไปเที่ยวกัน บรรยากาศทางเดินสองข้างทางมีแต่ร้านอาหาร
แขกแถวนั้น ก็แข่งกันใหญ่ พยายามทุกวิถีทางเรียกแขกไปกินร้านพวกแกให้ได้ บางเจ้าถึงกับทำหน้าตาน้ำเสียงอ้อนวอน จนผมคิดว่า นิตูจะมาหาร้านข้าวกินนะเว้ย ต้องฮาร์ดเซลกันขนาดนี้เลยหรออ
จนในที่สุดพวกผมก็หาที่นั่งกินกันได้ครับ เลือกของกินร้านไหนคนเยอะ เอาร้านนั้นเลย
สังเกตดีๆจะเห็นว่า เขียงแกไม่ใช้!! หั่นกันสดบนโต๊ะนี่เลยเน้นความเร็ว!

หลังจากกินข้าวกันเสร็จ พวกเราก็วางแผนกันว่าจะไปเที่ยวแถวเมือง เบาๆ ก่อนพรุ่งนี้เตรียมนั่งรถไฟไป Agra เที่ยวเช้ามืด
เลยใช้บริการตุ๊กตุ๊กแถวนั้น เราโบกตุ๊กๆ ไปที่ Red fort ซึ่งอยู่ไกลจากแถบที่พักพอสมควร
ระหว่างนั่งรถไปติดไฟแดง ถ้าเค้าเห็นคนต่างชาติ เค้าจะทักตลอด ไม่ทักก็ยิ้มให้ บ้างก็เก๊กให้ถ่ายรูปตลอดทาง
มาถึง Red Fort ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าในรูปเสียอีก แต่สงสัยทำไมมีที่ขั้นไม่ให้เข้า... ซึ่งถามคนแถวนั้นพึ่งรู้ว่า! ปิดวันจันทร์! มาเก้ออออ อ่าวเก้ออสิทำไง
ด้วยความที่ไม่ศึกษาเสียก่อน แต่ไม่เป็นไรครับ พวกเราถ่ายคู่กับรั้วฉากหลังเป็นกำแพงจะเป็นไรไป
เฮียแกมีความเท่ห์มากเลยครับ มาผิดวันเหมือนกันสิท่า
ด้วยความที่ไม่มีที่ไป แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นกับผิดหวังที่ไม่ได้เข้า Red Fort (ถึงขั้นลืมถ่าย Red Fort มาเลยทีเดียว) พวกเราก็เลยเดินไปเรื่อยๆ
ซึ่งแถบนั้นคือแถบ Old Delhi ซึ่งจะมีความแตกต่างกับ New Delhi อย่างเห็นได้ชัด
พี่คนนี้ถึงกับขับริคชอว์(สามล้อปั่น) เบรกรถมาเพื่อแอคท่าให้ถ่ายรูป
[img]https://f.ptcdn.info/108/052/000/os7vqlwdxK