▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
เดินป่า
บันทึกนักเดินทาง
แคชเมียร์ (Kashmir)
เที่ยวอินเดีย
Trekking
KASHMIR GREAT LAKES TREK - The Beauty of Seven Lakes
บันทึกการเดินทาง trekking ที่อินเดียของเราหลังจากที่รอมานาน ย้อนไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เราได้วางแผนมาเทรคที่แคชเมียร์ แต่ไม่ได้ไปต่อ เพราะมีสถานการณ์ไม่สู้ดีที่ Jummu & Kashmir ทุกอย่างถูกชัตดาวน์ ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางไปเทรคที่ Hampta Pass ที่ Manali ซึ่งสวยมากไม่แพ้กัน ตามมาด้วยโรคระบายโควิด ทำให้แผนมาแคชเมียร์ต้องปิดลง และในวันที่ทุกอย่างเป็นใจเราก็เก็บกระเป๋าพร้อมออกเดินทางอีกครั้ง
Kashmir Great Lakes เป็นหนึ่งในเส้นทางที่สวยที่สุดในอินเดีย ที่เหล่านักเทรคกิ้งต้องมาสัมผัสให้ได้สักครั้ง และเราคนไทยไปด้วยกัน 7 คน (จอยทริปกับเราด้วยกันอีก 2 คน อินเดีย 1 ลาว 1) เราติดต่อบริษัททัวร์อินเดียโดยตรง เพราะมีความประทับใจในการดูแลลูกทัวร์เมื่อครั้งก่อน บริการดี อาหารอร่อย บริษัทที่พวกเราติดต่อ คือ Let’s Himalaya #Letshimalaya #Kashmirgreatlakestrek ใครสนใจแนวธรรมชาติแนะนำบริษัทนี้เลยค่า
Kashmir Great Lakes บอกได้เลยว่าสวยมากค่ะ สวยทุกตรงเลย ยิ่งได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง รูปที่ถ่ายมาว่าสวยแล้ว ของจริงสวยมากกว่าจริงๆค่ะ การเดินทางไปแคชเมียร์มีหลายสายการบิน แล้วแต่เราสะดวกเลยค่ะ เราเลือกเดินทางช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2022 โดยบินมาลงที่ Delhi ก่อน และต่อเครื่องมาที่ Srinagar เราใช้เวลาเทรคบนเขาจริงๆ 6 วัน อีก 2 วันเป็นการเดินทางไป-กลับ ค่า
แผนการเดินทาง
วันที่ 1: Bangkok to Delhi – Delhi to Srinagar – Srinagar to Sonmarg
วันที่ 2: Sonmarg to Nichnai via Shekdur
วันที่ 3: Nichnai to Vishansar via Nichnai Pass
วันที่ 4: Vishansar to Gadsar via Gadsar Pass
วันที่ 5: Gadsar to Satsar
วันที่ 6: Satsar to Gangabal via Zaj Pass
วันที่ 7: Gangabal to Naranag – Naranag to Srinagar
วันที่ 8: Srinagar to Delhi – Delhi to Bangkok
การเดินทาง
วันที่ 1: Bangkok to Delhi – Delhi to Srinagar – Srinagar to Sonmarg (Sithkadi) 2360m
พวกเราบินช่วง 5 ทุ่มครึ่ง มาถึงเดลีย์ประมาณตี 2 ครึ่ง (เวลาที่อินเดียช้ากว่าไทย 1.5 ชม. ค่ะ) พอถึงเดลีย์ กรอกฟอร์ม arrival card ต่อแถวผ่านตม.กันอย่างรวดเร็ว รับกระเป๋าสัมภาระ และต่อเครื่องมาที่ Srinagar ที่สนามบิน Srinagar หลังจากรับกระเป๋าแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้เรากรอก Registration Form for Foreign National “on arrival” สำหรับชาวต่างชาติ และเราก็ออกจากสนามบิน ที่สนามบินและระหว่างทางบางส่วนห้ามถ่ายรูป มีทหารตลอดเส้นทาง ทางบริษัททัวร์จัดรถมารับพวกเรา 2 คัน นั่งกันสบายๆ พี่คนขับพาเราแวะสวนแอปเปิ้ล ชิมกันอย่างเอร็ดอร่อย เลยซื้อมาแชร์กันที่แคมป์ 1 กล่อง ตลอดเส้นทางมีวิวทุ่งนา ภูเขาให้เราได้เห็นกัน ใช้เวลาประมาณ 2.5 ชม. ก็ถึงแคมป์แรกแล้ว วันแรกเรานอนกันที่ Sonmarg ยังไม่มีการเทรคแต่อย่างใด แต่พวกเราก็เดินขึ้นเนินเขาเล็กๆ เพื่อไปชมวิว แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว ยังไม่เริ่มต้นเดินจริงๆเลย จะไหวไหมเนี่ยเรา 55 อากาศช่วยบ่ายๆ ค่อนข้างร้อน พอตะวันกำลังจะลับฟ้า ลมเย็นมาเยือนทันที มื้อเย็นวันนี้เราได้กินแกงกะหรี่ไก่ ซุปถั่ว กับข้าวสวยเลียงเม็ด อร่อยมากเลย ซึ่งเรารู้มาว่าทางบริษัททัวร์ส่งตรงหัวหน้าเชฟมาจากมะนาลีกันเลย ทำอาหารอร่อยมากค่ะ รสชาติปรับให้เข้ากับคนไทย เครื่องเทศไม่แรงเกิน อิ่มมื้อเย็นไปแล้ว ทางไกด์ก็บีพเราเรื่องการเดินของวันพรุ่งนี้ และแน่อนอว่าเราจะไม่ได้อาบน้ำ และไม่มีสัญญานเน็ตตลอด 6 วันนี้ .... แล้วเจอกันค่ะ
วันที่ 2: Sonmarg to Nichnai 3500m via Shekdur Pass 3320m - 12km. 7-8 hours trek
เช้าวันแรกของการเดินเขาจริงๆ รู้สึกตื่นเต้น เราตื่นกันแต่เช้า ล้างหน้า แปรงฟัน กินมื้อเช้า เตรียมตัวพร้อมออกเดินทาง วันนี้ฟ้าเปิด แสงแดดยามเช้ากระทบกับยอดเขาหน้าแคมป์ สวยมากเลยค่ะ หลังมื้อเช้าเสร็จ ไกด์แจ้งให้พวกเราเปิดบัญชีทวีตเตอร์โดยเชื่อมเน็ตของทางไกด์ เพราะเราจะต้องโชว์ให้ทหารดู ว่าเราได้ติดตามพวกเค้าแล้ว เสร็จแล้วเราก็เริ่มต้นก้าวแรกของการเดินเขาเวลาประมาณ 8 โมงเช้า วันนี้ช่วงแรกเป็นการเดินขึ้นอย่างเดียว เดินสักพักมาถึงจุดเช็คพ็อตของพี่ทหาร ซึ่งพี่เค้าจะตรวจพาสปอร์ทของเรา และถ่ายรูปพวกเรา ซึ่งใช้เวลานานมากประมาณ 1.5 ชม. ประมาณ 10 โมงนิดๆ เราเริ่มเดินต่อ ซึ่งเป็นทางขึ้น ขึ้น แล้วก็ขึ้น เหนื่อยมากเลยค่า แล้วเราก็เดินมาถึงจุดพักกินข้าวเที่ยง Maggi point กินเสร็จเราก็เดินกันต่อไปเรื่อยๆ ตามสันเขา มีน้ำตก ลำธาร ตลอดทางช่วงบ่ายนี้ เป็นทางขึ้นลง ค่อยๆไต่ระดับกันไปค่ะ เราเดินมาถึงแคมป์ประมาณ 5 โมงเย็น และแน่นอนเราเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม เดินช้าแต่เดินถึงนะ 55 เดินเสร็จมีการยืดเส้นโดยครูโยคะในกรุ๊ปค่า นั่งรับแสงเย็น วิวสวยมากมาย
วันที่ 3: Nichnai to Vishansar 3650m via Nichnai Pass 3970m - 13km. 7-8 hours trek
วันนี้เราจะข้าม Nichnai Pass เราตื่นกันแต่เช้าเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดืมคือฝนตกช่วงเช้า ซึ่งไกด์แนะนำเราว่าควรรอดูสภาพอากาศก่อน และมีแผน A B ให้เราไว้แล้ว แผน A ถ้าฝนไม่หยุดตก เราจะนอนที่แคมป์นี้อีก 1 คืน แล้วอีกวันเดินควบ 2 วัน แผน B ถ้าฝนไม่หยุดตก เราจะเดินไปดู lake แล้วเดินกลับมานอนแคมป์เดิม และเดินกลับลงทางเดิม ซึ่งเราไม่อยากได้ทั้ง 2 แผน เราอยากเดินตามแผนปกติ และแล้วฟ้าก็เป็นใจ ฝนหยุดตก ทีม Let’s Himalaya ทีมไกด์ ทีมงานเก็บเตนท์และข้าวของเครื่องใช้กันอย่างรวดเร็ว เราออกเดินทางกันอีกครั้งเวลาประมาณ 8.30 น. ช่วงแรกเป็นทางค่อนข้างราบ และค่อยๆไต่ระดับความสูงจนข้ามพาส เราเหนื่อยมากเลย ทำไมไม่ถึงสักที แวะพักตลอดทาง ระหว่างทางวิวสวยเหมือนเดิม และตามคาด เดินถึงพาสเป็นคนสุดท้ายของกรุ๊ป 55 พอถึงพาสเป็นจุดแม็กกี้พอย์ท เราพักกินข้าวกันที่นี้ แล้วเดินทางต่อ หลังจากข้ามพาส จะเป็นทางลงไม่ชัน เดินลงไปเรื่อยๆ ผ่านจุดเช็คพอย์ทก็ถึงแคมป์ของเราประมาณ 4 โมงเย็น
วันที่ 4: Vishansar to Gadsar 4200m via Gadsar Pass 4200 - 17km. 9-10 hours trek
วันนี้เราจะข้าม Gadsar Pass และเป็นวันที่เดินในระดับความสูงที่สุด และระยะทางยาวที่สุดด้วย ตื่นเช้ามาฟ้าเปิด ดีใจที่ฝนไม่ตก เราออกเดินทางกันประมาณ 7.30 น. ทางเดินช่วงแรกค่อยๆไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ เดินสักพักก็มาถึง Vishansar Lake น้ำใส สวยมากๆ ค่ะ หยุดมองไม่ได้จริงๆ ถ่ายรูปกันได้สักพัก เราเดินต่อมาถึง Krishansar Lake ซึ่งเลคนี้มุมด้านล่างจะไม่ค่อยสวย แต่พอเดินขึ้นเพื่อข้ามพาสจะสวยเด่นชัดมาก เราหยุดทำใจก่อนเดินขึ้นต่อ มองไปข้างหน้าเป็นทางไต่ระดับเดินขึ้นเป็นแนวซิกแซก มีความชัน เราถึงพาสประมาณตอนเที่ยง และพักกินข้าวกันที่นี้ แล้วออกเดินทางต่อ เป็นทางลงและราบสลับกัน เดินไปเรื่อยๆ ก็มาเจอ Gadsar Lake เป็นเลคที่สวยอีกเลคเลย ลมพัดผ่านกระทบกับผิวน้ำ สวยมากค่ะ หลังจากนี้เป็นทางราบมีทุ่งหญ้า ดอกไม้ น้องแกะ ให้ถ่ายรูปตลอดเส้นทาง และเราก็เดิน เดิน เดิน มาถึงแคมป์เป็นคนสุดท้ายเหมือนเดิมเวลาประมาณ 18.30 น. เป็นวันที่ยาวนานที่สุด และเหนื่อยที่สุดเลยค่า