Kashmir if you can : The Great lakes trekking

นานแล้วไม่ได้มาเขียนรีวิวพักใหญ่เลยค่ะ แต่ด้วยความที่นี่ประทับใจมาก และเราอยากแนะนำสถานที่ใหม่ ๆ ให้ทุกคนได้ลองออกไปท่องเที่ยวดู 
ช่วงเวลาการเดินทาง 11 กค. - 19 กค. 2019

ปฐมบทการเดินทาง
แคชเมียร์ เป็นหนึ่งในชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่คุ้นหู เราเจอรูปทุ่งดอกไม้ สวนทิวลิปที่คุ้นตา เรามักได้ยินคำกล่าวที่ว่า ดินแดนแคชเมียร์เหมือนสวิซเซอร์แลนด์ ของอินเดียบ่อยๆ  สำหรับเรา สวิซเซอร์แลนด์ ก็สวยในแบบของมัน ส่วนแคชเมียร์ก็อาจจะสวยในแบบฉบับของอินเดีย เมื่อสามปีก่อน เราไปเลห์ ลาดัก การเดินทางไปครั้งนั้นก็ยังคงอยู่ในความทรงจำดีๆ และเราอยากลองไปสถานที่ใหม่ๆ บ้าง

การเทรคกิ้งในอินเดีย ยังไม่เป็นที่นิยมเท่ากับเส้นทางการเดินเทรคในเนปาล เราหาข้อมูลรีวิวจากคนไทยได้บางส่วนจากพันทิพและรีวิวต่างๆ ซึ่งการเทรคที่นี่เข้ามาเป็นจุดสนใจของเราได้ไม่ยาก จากรูปทะเลสาบสีฟ้าและทุ่งหญ้าสีเขียว ส่วนจุดอื่นๆ รวมถึงเส้นทางการเดินยากลำบากขนาดไหน ก็ยังไม่มีใครพูดถึง

แต่เอาเป็นว่า เราว่ามันก็ไม่ยากเท่ากับรูท EBC ที่เราเคยไปแล้วมั๊ง...

กว่าจะได้ไปแคชเมียร์ 
ช่วงก่อนหน้านั้น มีข่าวเครื่องบินอินเดีย โดนปากีสถานยิงตกแถวๆ พรมแดนแถบนี้ เราก็เลยรอ และชั่งใจว่าปีนี้เราจะได้ไปที่นี่กันรึเปล่า ตั๋วโปรโมชั่นของเจ็ทแอร์เวย์ ก็ผ่านมาให้เห็นบ่อยๆ ล่อตากันจริงๆ ระหว่างที่อยู่ในช่วงตัดสินใจเราก็มองไปจุดท่องเที่ยวเส้นอื่นบ้าง ทั้งจอร์เจีย มองโกเลีย ซินเจียงแถบตอนใต้ รวมถึงปากีสถาน

เราตัดสินใจรูทนี้ได้ หลังจากที่ข่าวความขัดแย้งเริ่มเงียบลง และโชคดีที่เราไม่ได้กดจองตั๋วของ Jet airways ไป ในช่วงโปรโมชั่นที่ผ่านมา เพราะมีข่าวว่าสายการบินยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด และสายการบินขาดทุน 

เพื่อนในกรุ๊บเป็นคนจัดการติดต่อหาทัวร์เทรคกิ้ง โดยเราเอาข้อมูลแต่ละบริษัทที่คนไทยเคยไปรวมถึงเจ้าที่น่าเชื่อถือใน TripAdvisor มารวบรวมดูราคา แต่ละบริษัทจะมีกำหนดการเดินทางแตกต่างกันไป บางเจ้าที่เราติดต่อไปก็คนใกล้เต็ม จนในที่สุดมดก็เลือกเจ้าที่เข้าใจเราที่สุดมาให้ 

" Kashmir mountain adventures " 
เราตัดสินใจเลือกจากอะไรหนะเหรอ ? 

เค้ามีนอนทะเลสาบวันท้ายๆ ตั้งสองคืนหนะ ! แล้วเราก็เลือกได้ว่าเราจะไปวันไหน มีม้าแบกของ ราคาทุกอย่างรวมไว้หมดแล้ว รวมถึงรถรับส่งสนามบิน ที่พัก อาหาร บ้านเรือและจิปาถะ

ทริปนี้ เราชวนเพื่อนคนอื่นที่ไม่ใช่ขาเทรคไม่ได้ หลังจากตกลงกันเรื่องการเดินทางเรียบร้อย เราก็เริ่มจองตั๋วเครื่องบิน ที่ SpiceJET กว่าจะได้ตั๋วมาเรียบร้อย ก็ทำเราปวดหัวไปสองสามวัน เพราะมีปัญหาเรื่องชื่อคนเดินทางผิดจากระบบการจองกว่าจะแก้ ก็ต้องส่งเมลล์หากันหลายวัน 

เอกสารการเดินทางที่จำเป็น
- วีซ่าอินเดีย แบบ On arrival กรอกออนไลน์จ่ายไปราว 82 USD
- เอกสารการจองทัวร์และตั๋วเครื่องบิน เวลาเข้าออก สนามบิน เช็คอิน ต้องโชว์บุกกิ้งถึงจะทำการเข้าออกได้ 
- ใบรับรองแพทย์ ที่ให้แพทย์กรอกว่าสภาพร่างกายเราพร้อมเดินทางเพื่อไปทำใบ permit ซึ่งทัวร์ขอให้เราสแกนส่งไปก่อนล่วงหน้าพร้อมกับการโอนค่ามัดจำ
- สำเนาพาสปอร์ต เอาไปเผื่อได้ใช้ในกรณีจำเป็น 

อุปกรณ์ ( น้ำหนักกระเป๋าให้ม้าแบกไม่ควรเกิน 8 กิโลกรัม )
- ไลเนอร์ถุงนอน สำหรับคนขี้หนาว ใครมีถุงนอนขนเป็ดให้เอาไปเองด้วยจะดีมาก ทางทัวร์เตรียมถุงนอนให้แต่มันไม่อุ่นสำหรับเราเลย หรือไม่ก็แจ้งทางทัวร์ให้จัดหาให้ก่อน 
- ไฟฉายคาดหัวคือสิ่งจำเป็นมาก เพราะแคมป์ไม่มีไฟฟ้าใช้ค่ะ 
- เสื้อกันลม เสื้อกันฝน เสื้อฟลีท เสื้อขนเป็ด ผ้าบัฟ กางเกงเทรค ถุงเท้าวูล รองเท้าแตะ ลองจอน รองเท้าเทรคกันน้ำ หมวกกันแดด  ครีมกันแดด หมวกไหมพรม ถุงมือ อุปกรณ์อาบน้ำแปรงฟัน ชุดทำแผล และยาต่างๆ รวมถึง Diamox
- เทรคกิ้งโพล 1 คู่ ( จำเป็นมาก ) เพราะทางเดินเป็นหิมะ และทางค่อนข้างลื่น 
- อุปกรณ์กรองน้ำ เนื่องจากการเทรคทัวร์ก็หาตาน้ำสะอาดให้เราใช้แหละ แต่บางทีก็เหมือนจะสะอาดไม่พอ เตรียมไปกรองเองก็สบายใจกว่า
- ขนม ช็อคโกแลต บะหมี่ โจ๊ก น้ำพริก ถ้วยพกพา แล้วแต่จะเตรียมไป สำหรับเรากล้วยตากคือที่สุดของการพาวเวอร์อัพจากการเดิน 
- กระบอกน้ำดื่มและกระเป๋าเดย์แพค 
- พาวเวอร์แบงค์ และอุปกรณ์ถ่ายรูป เนื่องจากระหว่างการเดินไม่มีไฟฟ้าใช้ ก็ต้องชาร์จทุกอย่างกับพาวเวอร์แบงค์ของเราเอง 
- ถ้าใครมี Duffel bag ควรเอาไปด้วยหรืออย่างน้อยควรมีอะไรไว้หุ้มเป้ เผื่อเวลาฝนตก

ระหว่างทาง ม้าแบกของจะไม่หยุดให้เอาของได้เพราะขบวนม้าเดินเร็วกว่าคน เราต้องมีของจำเป็นติดตัวไว้เอง 

ขั้นตอนการเตรียมอื่น ๆ ไม่มีอะไรมากนอกจาก ออกกำลังกาย ! 
รูทการเดินทาง คร่าวๆ ตามนี้นะคะ 

DAY 1: ARRIVAL IN SRINAGAR THE CAPITAL CITY OF KASHMIR
DAY 2: SRINAGAR – SONAMARG (2-3 HOURS DRIVE) – NICHINAI (3-5 HOURS
TREK)
DAY 3: NICHINAI – VISHANSAR – KRISHANSAR (4-6 HOURS TREK)
DAY 4: VISHANSAR – KRISHANSAR – GADSAR (4-6 HOURS TREK)
DAY 5: GADSAR – SATSAR – MEGANDOAB (4-5 HOURS TREK)
DAY 6: SATSAR – GANGABAL (4-6 HOURS TREK)
DAY 7: GANGABAL
DAY 8: GANGABAL – NARANAG (5-6 HOURS TREK) – SRINAGAR
DAY 9: DEPARTURE – AIRPORT

เดินจริง นาฬิกานับจำนวนก้าวได้ตามนี้ค่ะ เป็นการเดินบนเขา 7 วัน 6 คืน 

การเดินทาง 
Day 1. Bkk - Srinagar
เริ่มต้นวันเดินทาง ด้วยข้อความจากสายการบินส่งเข้ามาในอีเมล์บอกว่า เครื่องล่าช้าไป 1 ชม. ซึ่งไม่มีผลอะไรมากกับการต่อเครื่องบินจาก Delhi ไป Srinagar ซึ่งตี 5 ออกเดินทาง

ถึงเดลลี รอรับกระเป๋า จากนั้นเราต้องเปลี่ยนเครื่องจาก Terminal 3 เพื่อไป Terminal 1 ซึ่งสนามบินที่นี่จะมีรถชัตเตอร์บัสรับส่งฟรี แต่ต้องเข้าไปโชว์เอกสารการต่อเครื่องให้ที่เคาเตอร์แล้วเค้าจะปรินท์ตั๋วให้เราฟรี 
** แนะนำ ควรเผื่อเวลาต่อเครื่องซัก 4-6 ชม. 
หลังจากนั้นเราเข้าไปทำการเช็คอินสายการบินในประเทศต่อ แล้วหาของกินในสนามบินต่อไป 

เที่ยวบินไป Srinagar ออกตรงเวลา
พอใกล้ถึงเวลาเครื่องแลนดิ้ง พนักงานประกาศ กรุณาปรับพนักที่นั่งเก้าอี้ รัดเข็มขัด และ " ปิดหน้าต่างเครื่องบิน ไม่อนุญาตให้ทำการถ่ายรูปใดๆ ในสนามบิน " เรารอรับกระเป๋าแล้วมีคุณลุงมายื่นเอกสารให้เรากรอกแบบงงๆ เหมือนเป็นจุดสำหรับให้ชาวต่างชาติกรอกข้อมูลการท่องเที่ยวในเขตนี้ว่าจะไปไหนบ้าง 

หลังจากยื่นเอกสาร ก็เดินออกไป … ลุงคนขับรถของเอเจนซี่ที่เราติดต่อมายืนโบกมือให้ พร้อมชูป้ายคนติดต่อ 
รถขับออกไป เสียงแตรปี๊น ปี๊น คือสัญญาณบอกว่า เรามาถึงอินเดียกันแล้ว ลุงขับพาไปที่ท่าเรือ มีเรือของที่พักมารอรับเรา เรือพาเข้าซอยเล็กๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงโรงแรมบ้านเรือของเรา 


เอเจนซี่ทัวร์รอเราอยู่ที่นี่ เค้าเข้ามาทักทาย ถามถึงการเดินทาง และที่พักในคืนนี้มีแต่พวกเรา เราจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ ล้างหน้า เตรียมของสำหรับการไปเทรคกิ้งในวันถัดมา ในตอนแรกเหมือนว่าจะมีกรุ๊บคนไทยไปกับเราเพิ่มอีกกรุ๊บแต่เวลาไม่ลงตัว ก็เลยเหลือเพียงแค่คนอินเดีย 2 คน ซึ่งพวกเราโอเคหมด  ตกเย็นมี เรือมารับพวกเราไปเที่ยว Dal lake พร้อมบอกเราว่าจะมีพาไปแวะร้านขายงานไม้ ขายผ้า กระดาษสานะ เราก็โอเค … ไปก็ไป พอกลับมาเราก็กินข้าวเย็นที่ที่พัก แล้วแยกย้ายกันไปนอนค่ะ 

Day 2 : Srinagar - Sonamarg - Nichinai camp 
วันแรกของการเดินเทรค เราฝากของที่ไม่จำเป็นไว้ที่ที่พัก กระเป๋าเบาลงไปเยอะมาก เอเจนซี่เตรียมข้าวกล่องมาให้เราพกไว้กินระหว่างเดิน จากนั่น เรานั่งเรือออกมารับสมาชิกทัวร์ 2 คน และทำความรู้จักกันซักเล็กน้อย แล้วออกเดินทางโดยรถยนต์ เอเจนซี่และทุกคนนั่งรถไปส่งที่ก่อนทางขึ้นรูทเทรค ที่ Sonamarg 

เราแวะผ่านตลาด แวะซื้อขนม ไอติม กล้วยและซื้อ Daimox เพิ่มให้ตัวเอง จากนั้นก็นั่งรถต่อไป Sonamarg เราเริ่มออกอาการปวดหัวร้าวท้ายทอยด้านหลัง ตอนแรกคิดว่าหิวข้าวหรือไม่ก็คิดว่า AMS ระดับ 3000 มาเยี่ยม เราก็เลยกิน Diamox ไปก่อนคนแรก จากนั้น อาการก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

ไกด์มาเจอเราที่จุดนี้ รวมถึงขบวนม้าขนสัมภาระต่างๆ ก็มารอเจอที่นี่ 
สัมภาระต่าง ๆ ถูกแยกออกตามน้ำหนัก สำหรับม้าแต่ละตัว ทุกอย่างถูกมัดรวมไว้เป็นกระสอบมัดบนหลังม้า จากนั้นเราก็พร้อมออกเดินทาง 

เริ่มเดิน 11 โมงเช้า…วันนี้เป็นวัน Uphill ของแท้ เดินไปซักพักใหญ่ ก็ผ่านจัดตรวจทหาร เรานั่งพักกินข้าวกล่อง ที่นั่น ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปค่ายทหาร วิววันนี้ก็สวยแปลกตาดี … แต่เดินไปก็คิดว่า เมื่อไหร่จะถึง  ผ่านแคมป์ต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในใจเห็นเต็นท์คนอื่นก็ดีใจว่าถึงแล้ว แต่ป่าวเลย กว่าจะถึงขาล้ามาก ทางเดินเป็นทั้งหิมะ ทางหิน ทางขึ้น ไต่ข้ามโน่นนี่

กว่าจะถึงก็เกือบทุ่มตรง ช่วงนี้พระอาทิตย์ตกราวๆ เกือบสองทุ่มค่ะ พอถึงที่พักก็รีบถอดรองเท้า แช่เท้าในน้ำเย็น…เย็นกว่าน้ำในตู้เย็นอีก 

เตนท์ต่างๆ ถูกกางเรียงไว้ 4 หลัง 1 หลังใหญ่เป็นของทีมไกด์ ครัวและทีมงานดูแลม้า

Day 3 : Nichinai camp - Vishansar camp 
เดินเทรควันที่ 2  ตีห้าครึ่งก็เริ่มเช้าแล้ว พ่อครัวทำไข่เจียวและขนมปังให้เป็นอาหารเช้า ผ้าใบถูกปูไว้รองชั้นแรกบนพื้นหญ้า ชั้นสองเป็นผ้านุ่มๆ ให้เรานั่งกิน ทุกอย่างถูกเสริฟมาให้พร้อมกัน พร้อมกับชานมร้อนๆ  หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เราก็เตรียมเก็บของ ถุงนอน เตนท์ถูกช่วยกันเก็บกับทีมทุกคน อย่างน้อยก็ช่วยถอดสมอที่ปักอยู่บนพื้นออกกันคนละไม้ละมือ ดีกว่ามองดูอยู่เฉยๆ 

การเดินของเช้านี้ ไกด์บอกว่าเราต้องเดินข้ามธารน้ำ … เราถึงขั้นร้องอุทานว่า ห๊ะ ! แช่เท้าในน้ำเมื่อวานไม่ถึง 5 วิ ก็เท้าชาแล้ว  ให้เราเดินเท้าเปล่าข้ามเนี่ยนะ ไม่มีทาง นี่มันเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็งอีกนะ ! แล้วเราก็มองเห็นกรุ๊บก่อนหน้านั่งม้าข้ามไป อ่าดีจัง
หลังจากนั้นไกด์ก็จัดเตรียมอะไรบางอย่าง ไกด์จูงม้า 5 ตัวใส่อาน ถอดถุงเท้า รองเท้า ถกขากางเกงขึ้น… ไกด์และทีมจะพาพวกเรานั่งบนม้าแล้วจูงม้าข้ามไป
ม้าเริ่มก้าวเท้าลงข้ามน้ำ แค่ราวๆ 5 นาทีเราก็ข้ามมาได้ อย่างปลอดภัย
เส้นทางการเดินวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นการเดินขึ้นบนหิมะลื่นๆ เพื่อข้ามพาส สลับกับทางราบ จากนั้นเป็นการเดินลงเพื่อไปจุดตั้งแคมป์ที่ 3  นี่เป็นการข้าม Nichnai pass ที่ระดับความสูง 4000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ไม่ได้ยากเกินไปเมื่อเทียบกับวันแรกที่ผ่านมา

วิวเริ่มสวยแปลกตาไปจากวันก่อน เดินลงบนทางหิมะมันลำบาก อิดออดไม่อยากใช้ตูดไถลไป ก็เลยค่อยๆ เดินไปอย่างต้วมเตี้ยม  จากนั้นทางเริ่มเป็นทางราบ ไกด์ชี้ให้ดูที่พักที่อยู่อีกจุดและบอกเราว่า จะพาเดินไปที่ทะเลสาบก่อน อยู่ข้างหน้านี่เอง…
และนี่คือ ทะเลสาบแรกของเรา  “ Vishansar lake “ 

เราเดินกลับที่พักก่อนแต่ พอเดินถึงไม่ทันไร รีบวิ่งเข้าเตนท์เพราะอยู่ดีๆ ฝนก็มาพร้อมกับลมแรง จนเต็นท์แทบพัง และเต๊นท์เรามีน้ำซึมเข้ามาในเต๊นท์  เรานั่งฟังเสียงลมพัดอยู่ในเต๊นท์  ซักพักฝนเริ่มซา ก็เดินไปเดินมาอยู่รอบๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่