สวัสดีชาวพันทิปค่ะ ตอนนี้ใกล้ถึงวันวิสาขบูชา วันสำคัญวันนึงของชาวพุทธนะคะ จขกท.เลยขอถือโอกาสเล่าประสบการณ์การเดินทางไปนมัสการ 4 สังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดียและเนปาล เพื่อให้หลายๆคนที่คิดอยากจะไปแต่ก็ยังไม่กล้าจะไป ได้รู้ว่า มันไม่ได้ลำบากอย่างที่คิดเลยค่ะ  จขกท.ไปกับทัวร์นะคะ เป็นกรุ้ปใหญ่พอสมควรค่ะ เรื่องวีซ่าทางทัวร์เค้าก็จะช่วยเตรียมให้ก่อน แล้วเราต้องไปยื่นเอกสารที่สถานทูตตรงแถวอโศก ใช้เวลาไม่นานค่ะ ไปตอนเช้า...ประมาณ  10 โมงก็เรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลยค่ะ

          เช้าวันเดินทาง เดินทางด้วยสายการบินภูฏานแอร์ไลน์ บินตรง BKK-GAYA การ check in ตรวจเช็คอะไรต่างๆ ไม่มีปัญหาอะไรพิเศษ บินเครื่องเล็กขนาดเท่ากับเวลาที่เราบินภายในประเทศ ก็แคบประมาณนึงแต่อาศัยว่าบินแค่ 2 ชั่วโมงครึ่ง เลยไม่เมื่อยมาก ส่วนอาหารบนเครื่องนั้นต้องเสี่ยงดวงเล็กน้อย ตัวเจ้าของกระทู้เลือก omelette ได้ออกมาเป็นดังรูป ...ที่เห็นราดอยู่บนนั้นตอนแรกเข้าใจว่าเป็นนมข้นหวาน 555 แต่จริงๆคือ ชีสสสส รสชาติถือว่าอร่อยใช้ได้เลย แต่พี่ที่มาด้วยกันโชคร้ายหน่อย เหลือแต่ vegetarian แล้ว เลยได้มาเป็น นานกับแกงกะหรี่ ซึ่งนานนั้น คงทิ้งไว้มานานนนสมชื่อ จึงเหนียวหนืดซ้าาาและแกงกะหรี่ก็มีแต่กะหล่ำปลี รวมๆแล้วไม่เวิร์ค

        

        พอมาถึงตรวจคนเข้าเมืองไม่มีอะไรยุ่งยาก ข้ามไปเลยแล้วกัน มีรถมารับไปเก็บของที่โรงแรม ตื่นเต้นกับสภาพ รร.เล็กน้อย ....รร.แรก.....สภาพถือว่าโอเค คุยกันว่ารอดแล้ว 1 คืน 5555

        
        เก็บของเข้าที่พักเสร็จ ลงมาที่ห้องอาหาร มีคนอินเดียเอาเงินแบงค์ย่อยมาให้แรก ตอนแรกก็คิดว่าดีจัง เพราะหาจากที่ไทยไม่ได้ ...แต่ปรากฏว่าเรทในการแลกแพงเกินไป เราเลยไม่แลกค่า กะว่าเดี๋ยวไปดูตามวัดก่อนว่าเรทเป็นอย่างไรแล้วค่อยตัดสินใจอีกที ขออธิบายเรื่องแลกเงินนิดนึงนะคะ ก่อนมาเราตระเวนไปแลกเงินแต่ละที่ทั้ง superrich ส้ม เขียว และก็ siam exchange เรททุกที่ก็พอๆกัน แต่ superrich สาขาตามห้างตาม BTS ส่วนใหญ่จะต้องจองไว้ก่อน เราเลยไปแลกที่ siam exchange เพราะแลกได้เลย วันที่ไปแลกได้แบงค์ 500 และ 1000 รูปี มาทั้งหมด ผ่านไปหนึ่งวันนึกได้ว่าน่าจะเอาแบงค์ย่อยติดไปทำบุญเลยเดินกลับไปแลกใหม่อีกรอบ ได้แบงค์ 100 มาประมาณ 40 ใบ นั่นคือทั้งหมดที่เค้ามีในวันนั้น โชคดีที่เราเก็บใบเสร็จเมื่อวานไว้เค้าเลยให้แลกโดยไม่เปลี่ยนเรท เราเดินไปถามหาแบงค์ย่อยที่ superrich อีก 2 ที่ ที่สีส้มไม่มีให้ ส่วนที่สีเขียวมีให้ประมาณ 40 ใบ แต่ถ้าเอาแบงค์อินเดียแบงค์ใหญ่ที่มีมาแลก ต้องเสียเรทนิดหน่อย เลยยังไม่เอา (แต่ถ้าเทียบกับมาแลกแบงค์ย่อยที่อินเดียก็ถือว่าคุ้มกว่า) ตอนแรก จขกท อยากได้แบงค์ 20 รูปี จะได้เอาไปหยอดตามตู้ต่างๆได้เยอะๆหลายๆที่ แต่สุดท้ายแล้วใช้แบงค์ 100 รูปี ก็คิดว่าสะดวกดีค่ะ ไม่ต้องหยิบทีละหลายๆใบ ถ้าตรงไหนอยากทำนิดหน่อยก็รวมกันสองคนกับพี่สาว


อาหารของโรงแรม

      โปรแกรมวันแรก คือ ไปพุทธคยา สถานที่ที่พระบรมศาสดาตรัสรู้ แต่ก่อนจะไปถึงจะมีแวะไปสถูปของนางวิสาขา ผู้ที่ทำข้าวมธุปายาสถวายแด่พระพุทธเจ้า นับเป็นภัตตาหารมื้อแรกหรือ การถวายอันสำคัญก่อนที่พระบรมโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ได้นำถาดทองที่รับถวายมาจากนางวิสาขาลอยไปยังแม่น้ำเนรัญชรา และตั้งจิตอธิษฐานว่าหากพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้ถาดทองลอยทวนกระแสน้ำ... ก่อนจะไปถึงพุทธคยา พวกเราก็แวะไปที่แม่น้ำเนรัญชรา ซึ่งในสมัยพุทธกาล ลุ่มแม่น้ำสายนี้เป็นบริเวณที่พระพุทธเจ้าประทับนานถึง 6 ปี ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาและเปลี่ยนมาทรงปฏิบัติตามหลักมัชฌิมาปฏิปทาจนได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ....น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ แม่น้ำสายนี้แห้งเหือดจนกลายเป็นที่ว่าง (ถ้าไม่บอกว่า คือ แม่น้ำ เราก็ไม่รู้เลยค่ะ) ไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนในสมัยก่อน

               พุทธคยา...ที่นี่ห้ามนำโทรศัพท์มือถือเข้า ipad สายชาร์จ หูฟัง อะไรต่างๆ ห้ามหมด กล้องถ่ายรูปสามารถนำเข้าได้แต่ต้องจ่ายค่า ticket 100 รูปี ...ต้องขอบคุณรีวิวจากกระทู้ในพันทิป ที่บอกกันไว้ เลยได้พกกล้องมาด้วย ไม่งั้นจะอดได้รูปสวยๆเป็นที่ระลึก

        แถวตรวจเข้าด้านในจะแบ่งชายหญิง และแบ่งเป็นแถวผู้ที่มีสัมภาระกับไม่มี ตอนที่ไปแถวผู้หญิงมีสัมภาระจะคิวยาวสุด เพราะงั้น ถ้าใครมาด้วยกันก็อาจจะฝากระเป๋าไปกับแถวผู้ชาย แล้วตัวเองก็ไปเดินผ่านทางช่องผู้หญิงที่ไม่มีสัมภาระก็อาจจะร่นระยะเวลาได้หน่อยนึงค่ะ

        ด้านในของพุทธคยาไม่อนุญาตให้ใส่รองเท้านะคะ จขกท เลยเตรียมใส่ถุงเท้าที่คาดว่าจะใส่แล้วทิ้งมาเลย และขอหนานิดนึงจะได้ไม่เจ็บเท้าจนเกินไป ทริปนี้เตรียมถุงเท้ามาเป็นโหล กะใส่แล้วทิ้งรัวๆไปเลยค่า

        จุดหลักๆ ในพุทธคยา ขอเริ่มจากไปนั่งสมาธิใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ สถานที่ที่พระบรมศาสดาประทับขณะตรัสรู้ จากทางเข้าเดินไปทางซ้ายมือ บริเวณที่นั่งเป็นพื้นกระเบื้องสะอาดนั่งได้ แต่คนส่วนใหญ่ก็จะพกพาเบาะมานั่งด้วย...มาที่นี่แน่นอนว่าหลายคนก็อยากจะได้ใบโพธิ์ที่ร่วงหล่นมาจากต้นนี้กันทั้งนั้น บางคนนั่งสมาธิแน่วแน่มากจนกระทั่งใบโพธ์ร่วงหล่นลงมาตรงหน้าก็ยังไม่ออกจากสมาธิ จขกท.แอบเห็นคนแถวนั้นรีบมาเก็บไปก็มี แอบอยากได้บ้าง555
                จุดหลักอีกที่ คือ พระพุทธเมตตา ซึ่งผู้คนนิยมไปกราบไหว้ จุดนี้มีคนแนะนำให้จขกท. เตรียมผ้าไตรจีวรมาห่มผ้าให้องค์พระด้วย ทางเราก็ขนมาจากเมืองไทยกันเลยทีเดียว ให้พระท่านที่อยู่ในบริเวณนั้นช่วยจัดการให้ เรียบร้อยตามที่เห็นค่า

                
        หลังจากแยกย้ายจากกรุ้ปและเดินชมตามอัธยาศัย จขกท.บังเอิญญญไปพบกับมัคคุเทศก์ชั้นนำ...ด.ช.ณเดชน์ สัญชาติอินเดีย แต่พูดไทยคล่องเชียว5555 เด็กหรือวัยรุ่นชายที่ทำงานและคอยรับทิปจากคนไทยในบริเวณนี้จะชื่อณเดชน์กันหลายคนมาก ประมาณว่าจะได้เอาใจนักท่องเที่ยวไทย ด.ช.ณเดชน์คนนี้โม้เบาๆว่าเคยเจอณเดชน์ตัวจริง แม่แก้ว และญาญ่ามาหมดแล้ว บอกเดือนที่เค้ามาได้อีกด้วยแหนะ เห็นพูดเก่งนักเลยยอมให้พาทัวร์ในบริเวณพุทธคยาสักหน่อย ด.ช.ณเดชน์ก็พาไปตามจุดสัตตะมหาสถานต่างๆ คือที่ที่พระพุทธเจ้าประทับในแต่ละสัปดาห์ภายหลังตรัสรู้ สัปดาห์ที่ 1 ก็ใต้ต้นพระศรีมหาโพธ์นั่นเอง / สัปดาห์ที่ 2 อนิมิสเจดีย์ แนะนำให้ไปกราบกันค่ะ / สัปดาห์ที่ 3 รัตนจงกรมเจดีย์ / สัปดาห์ที่ 4 รัตนฆรเจดีย์ / สัปดาห์ที่ 5 ใต้ต้นไทร / สัปดาห์ที่ 6 ใต้ต้นจิก ปัจจุบันเป็นสระน้ำมีพระพุทธรูปปางนาคปรกอยู่ ตามเรื่องเล่าว่า พญานาคมุจลินท์ได้ใช้ร่างตนบังฝนให้แก่พระพุทธเจ้าขณะเสวยวิมุตติสุขที่นี่ / สัปดาห์ที่ 7 ใต้ร่มไม้เกด จบการนำเสนอก็ให้ทิปแก่เด็กน้อยนิดหน่อยพอเป็นสินน้ำใจ

        อีกจุดนึงที่ จขกท. ไป คือ butter lamp house เป็นที่ที่มีตะเกียงมากมายให้เราจุด จะจุดกี่ดวง 100 ดวง 200 ดวง ก็บอกเค้าไป ดวงละ 25 รูปี ค่ะ มีคนช่วยนำทางและถ่ายรูปให้ ชื่อณเดชน์อีกเช่นกันค่ะ 555

        
        หลังชมพุทธคยาครบทุกจุดแล้ว เจ้าของกระทู้ก็ออกมาด้านหน้าเพื่อรอเวลาที่ทัวร์นัดหมาย ตรงด้านหน้านี้จะมีร้านขายของต่างๆ ที่คนไทยนิยมกันก็คือ พวกผ้าต่างๆ กระเป๋า ร้าน Himalaya ที่มีพวกเครื่องสำอางค์ ยาดมยาหม่อง ราคาถูก คุณภาพก็ถือว่าใช้ได้เลย

        ขณะรอรถบัสมารับตามจุดนัดหมายจะเป็นช่วงเวลาที่พวกเราโดนรุมกระหน่ำจากบรรดาคนขายของต่างๆ มีตั้งแต่ขายใบโพธิ์เคลือบพลาสติก ขายผ้าคลุมไหล่ ขายของที่ระลึกอะไรต่อมิอะไร ราคาก็จะเริ่มจากแพงก่อนแล้วค่อยๆลดลง และจะถูกที่สุดเมื่อคุณกำลังจะขึ้นรถบัส555 เนื่องจากเรามีโปรแกรมมาที่พุทธคยาในวันแรกและวันสุดท้ายก่อนกลับ ในวันแรกจึงเหมือนเป็นการดูเชิงดูราคาไปก่อน ค่อยมาซื้อวันหลัง แต่ถ้าใครมีโปรแกรมมาแค่ครั้งเดียวก็คงต้องอาศัยวิทยายุทธการต่อรองราคามาใช้กันโดยด่วนค่า

        กลับถึง รร. ประมาณ  2 ทุ่ม ก็มีอาหารของ รร. ตามภาพเลยค่า
        
        วันที่ 2 เป้าหมายของเราคือเดินทางไปเมืองกุสินารา โดยจะผ่านเมืองไวสาลี เพื่อแวะรับประทานอาหารกลางวัน วันนี้ทั้งวันเลยได้แต่นั่งในรถบัส ผ่านไปตามถนนหนทางต่างๆ กว่าจะถึงกุสินาราก็เกือบเที่ยงคืน และในวันนี้เองปัญหาเรื่องการเข้าห้องน้ำระหว่างทางจึงบังเกิดขึ้น 555

        ขอรีวิวเรื่องการชิ้งฉ่องสำหรับทริปนี้ซะหน่อยนะคะ เชื่อว่าเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้หลายๆคนยังกล้าๆ กลัวๆที่จะมาที่สังเวชนียสถานค่ะ เนื่องจากบางครั้งต้องนั่งรถไปยังสถานที่ไกลๆ ห้องน้ำข้างทางที่มี อาจสู่ห้องน้ำธรรมชาติไม่ได้ ทางคณะทัวร์เค้าจึงเตรียมกระโจมแบบในรูปไว้ให้ค่ะ ก็หาทำเลเหมาะๆ แล้วก็ตั้งไว้ แล้วก็ปฏิบัติภารกิจกันไปค่ะ แต่ส่วนตัวไม่อยากจะปล่อยของเสียลงพื้นดินสักเท่าไร เลยสรรหาอุปกรณ์มาจากเมืองไทย แถ่น แท๊นนนน นี่เลยค่า

        “ห้องน้ำมือถือ” มีลักษณะเป็นถุงยาวๆ ด้านบนก็เป็นเหมือนกรวยพลาสติกค่า พอเราฉี่ลงไปในถุงมันก็จะกลายสภาพเป็นเจลๆค่ะ ไม่ต้องห่วงในเรื่องของการพกพาค่ะ มีซิปล็อคด้านบนด้วยค่ะ เอาจริงๆ ถุงนึงน่าจะใช้ได้ 2-3 ครั้ง แต่ จขกท ก็ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งไปเลยค่ะ เนื่องจากเตรียมมาหลายอัน และนานๆ จะต้องใช้สักทีค่ะ สรุปว่าก็เอาเจ้าสิ่งนี้เข้าไปในกระโจมแล้วก็ปฏิบัติภารกิจได้อย่างสะดวกสบายค่า แต่ถ้าใครไม่มีกระโจม ในเซ็ทนี้มีผ้าคลุมไว้ให้ด้วยนะคะ ประมาณว่าถ้าปวดชิ้งฉ่องบนรถก็สามารถใช้ได้เลยค่ะ


ก่อนถึงที่พัก คณะทัวร์ของเราได้แวะวัดไทยชื่อ.....เหนื่อยจากการเดินทางกันมาก หลายคนก็ได้แวะเติมพลังด้วยมาม่าบ้าง น้ำเต้าหู้บ้าง แวะเข้าห้องน้ำด้วย ....ตลอดทริปนี้ เมื่อไรเจอวัดไทยแปลว่าเจอสวรรค์แล้ววว น้ำท่า อาหาร และห้องน้ำชั้นดีเยี่ยมรอเราอยู่ ที่พักคืนนี้ไม่ดีเท่าคืนแรก แต่ก็พออยู่ได้ มีน้ำอุ่นไม่ไหลบ้างปะปรายจ้า แต่โดยรวมก็โอเคค่ะ