ความบังเอิญมีจริงหรือไม่

กระทู้คำถาม
ผมลองพิจารณาสิ่งต่างๆ หลายๆ สิ่ง และเหตุการณ์ต่างๆ หลายๆ เหตุการณ์ ที่อยู่ใกล้ตัว
ไล่เรียงย้อนไปเรื่อยๆ กลับพบว่าทุกๆ สิ่ง ทุกๆ เหตุ ล้วนมีที่มาที่ไป

จึงฉุกคิดขึ้นว่า หากเรามาไล่เรียงทุกๆ สิ่ง ทุกๆ เหตุ บนโลกนี้แล้วเราจะสามารถไปถึงสาเหตุที่แท้จริงได้หรือไม่
หากไล่เรียงย้อนกลับไปจนถึงสาเหตุที่แท้จริงได้ ก็แสดงว่าทุกๆ สิ่ง ทุกๆ เหตุ ย่อมมีที่มา

จึงได้เกิดคำถามขึ้นมาว่า ความบังเอิญมีจริงหรือไม่
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
การเล่นตลกของสามัญสำนึก  กับ  มายาของภาษา


คำว่า บังเอิญ  คือ   สิ่งหรือเหตุการณ์ ที่ไม่คาดคิดมาก่อน  หรือ อธิบายไม่ได้ขณะนั้น

วิทยาศาสตร์ คือ  ความพยายามอธิบายโลกแห่งปรากฏการณ์  ด้วยการทดสอบซ้ำๆ  แล้วประยุกต์หลักการที่พบมาใช่ประโยชน์ในชปว.

ดังนั้น   พุทธฯ ก็พยายามอธิบายถึงหลักความเป็นสาเหตุ(อิทับปัตยตา)  
วิทยาศาสตร์ก็ใช่ดังว่ามาแล้ว    ซึ่งทำให้สรุปคร่าวๆว่า   พอเข้าโหมดศาสตร์ทางวิทย์ /พุทธฯ  ความบังเอิญก็หมดไป
รวมถึงเจตจำนงต่อชีวิตของทางศาสนา ก็เช่นกัน    ชีวิตจึงถูกกำหนดไว้แล้ว   แล้วเพียรไปให้ถึงเป้าที่ลิขิตไว้จากสวรรค์

สรุป  ก็คือ   มิติศาสนาต่างๆ  ไม่มีคำว่า บังเอิญ
วิทยาศาสตร์ก็ใช่  เพราะ  พยายามเข้าถึงความเป็นสาเหตุของสรรพสิ่ง โดยกระบวนการวิทย์ฯ จนถึงซิงกูลาริตี้

แต่ในพุทธฯ นั้น  เวลาเป็นวงกลม   ดังนั้น  จึงไม่อาจระบุจุดเริ่มต้นได้ ได้แต่ไล่สาเหตุเป็นลูปเรื่อยไปเป็นอนันต์
ในคริสต์และวิทย์  เวลาเป็นเส้นตรง   จึงเข้าถึงความเป็นสาเหตุได้ดีกว่า  มีปสภ.กว่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่