ผมขอบอกใว้ก่อนนะครับ ผมไม่รู้ ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่สนใจพระพุทธศาสนา และสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ นั่นคือจักรวาลวิทยา ภพภูมิ สังสารวัฎ จึงมีตามที่พระองค์ตรัสเอาใว้ทุกอย่าง ทีนี้ นิพพานคืออะไร ? ผมใช้ตรรกะตรงนี้ ค้นหาพระนิพพาน ก็ในเมื่อสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ คือความจริงของจักรวาล ดังนั้นนิพพานก็คือส่วนใดส่วนหนึ่งของจักรวาลนี้แหละ !
ในพระไตยปิฏก ท่านกล่าวเกี่ยวกับนิพพานเอาใว้ว่า
รูปนาม ดับสนิท
ธาตุทั้ง 4 ไม่อาจหยั่งลงไปได้
ความหนา ความบาง ความสั้น ความยาว ไม่อาจหยั่งลงไปได้
ความสวย ความงาม ไม่อาจหยั่งลงไปได้
ไม่มีพื้นที่ว่างให้ตั้งอยู่
หาอารมณ์ไม่ได้
เมื่อพิจรณาดูดีๆแล้ว ดูเหมือนว่า นิพพานจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ที่แน่ๆ นิพพานไม่มีที่ว่างให้วัตถุใดๆตั้งอยู่อย่างแน่นอน ตรงนี้ตั้งสมมุติฐานข้อแรกได้ว่า
นิพพาน พ้นออกไปจาก Space
จากวิชาดาราศาสตร์และทฤษฎีสัมพัธภาพของไอน์สไตน์ที่ผมเรียนมา space จะตั้งอยู่โดดๆ ไม่ได้ มันจะมีเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ตรงนี้สามารถตั้งสมมุติฐานข้อที่สองได้ว่า
นิพพาน พ้นออกไปจาก Space และ Time
Space Time คืออะไร ? Space time คือที่ว่างและเวลา ที่เราเห็นมันว่างๆน่ะ ความจริงมันไม่ได้ว่างนะครับ เพียงแต่ว่า มันไม่มีวัตถุใดๆ ไปจับจองพื้นที่และเวลานั้นๆ มันเลยดูเหมือนว่าง Space time จะยุบตัวลง ตามความหนาแน่นของมวลสาร ที่จับจองพื้นที่ว่างนั้นๆ
ทีนี้ถ้ามีวัตถุชนิดหนึ่ง ที่มีความหนาแน่นสูงมากๆ ไปวางใว้บน Space time จะเกิดอะไรขึ้น ?
Space time จะยุบตัวลงและบิดเบี้ยวมากๆ เวลาจะเดินช้าลง และมันจะดูดทุกสิ่งเข้าหาใจกลางวัตถุนั้นๆ
แล้วถ้ามีวัตถุใดๆ ที่มีความหนาแน่นสูงมากๆ
จนกระทั่งมันบิด Space time ให้ขาดกระจุย จะเกิดอะไรขึ้น ?
Space time นั้นจะฉีกขาด และกลายเป็นรู ที่มีชื่อเรียกว่าหลุมดำ !
หลุมดำเป็นสิ่งเดียวในจักรวาล ที่อยู่พ้นออกไปจาก พื้นที่และเวลา (Space time) แม้แต่แสงที่มีความเร็วสูงสุดในจักรวาล ยังไม่สามารถออกมาจากหลุมดำได้เลย จึงเป็นเหตุผลที่ว่าไม่มีมนุษย์คนไหน เห็นว่าข้างในหลุมดำมีอะไรอยู่
พระพุทธเจ้าตรัสใว้ว่า
สาวกของพระองค์ จะเห็นเราตถาคต ก็ต่อเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ เมื่อเราตถาคต ปรินิพพานไปแล้ว จะไม่มีใคร ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทวดา จะไม่มีใครเห็นเราตถาคตอีกต่อไป
สมมุติฐานข้อที่ 3 หลุมดำคือ " หน้าต่าง " ไปสู่นิพพาน แต่ข้างในหลุมดำนั่นน่ะ มีอยู่ 1 เดียว ที่เรียกว่านิพพาน
หลุมดำจึงมีกี่หลุมก็ได้ เพราะถ้าเข้าไปแล้ว ก็พบเจอสภาวะเดียวกัน นั่นคือสภาวะ ที่พ้นออกไปจาก Space Time นิพพานจึงมีอยู่ " หนึ่งเดียว "
ถ้า " เป็นจริง " ตาม สมมุติฐาน ทั้ง 3 ข้อ นิพพาน ไม่มีสูง ไม่มีต่ำ ไม่มีซ้าย ไม่มีขวา แต่นิพพาน คือ Background ของจักรวาล พูดง่ายๆก็คือ รอยฉีกขาดของจักรวาลนั่นเอง
พระพุทธเจ้ามีพระสัพพัญญูตญาณ พระองค์ล่วงรู้ทุกสิ่งในจักรวาล โดยการสาดญาณไปทั่วทั้งจักรวาล พระองค์จึงล่วงรู้ทุกสิ่ง ตามแต่พระองค์ปรารถนาที่จะรับรู้ แต่มีสิ่งเดียวที่ญาณของพระองค์ สาดส่องไปไม่ถึง นัน่คือ รอยฉีกขาดของจักรวาล นี้เอง
ถามว่าข้างในหลุมดำ เป็นอย่างไร ? ไม่มีใครรู้ เพราะมันดูดแสงเข้าไป จึงไม่มีใครเห็นมัน หลุมดำจึงมืดสนิท แต่สามารถเห็นการมีอยู่ของมันได้ ด้วยวิธีการอื่นเช่น ตรวจจับคลื่นแรงโน้มถ่วง หรือดูมันขณะที่มันกำลังดูดกลืนดาวฤกษ์เข้าไป แต่ก็เห็นแค่สีดำๆ
ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าข้างในหลุมดำมีสภาพเป็นอย่างไร
การถกเถียงกันเรื่องนิพพานเป็น อัตตา หรือ อนัตตา เถียงกันมาหลายพันปีแล้ว แต่ถ้าสมมุติฐานของผมถูกต้อง ผม " เดาว่า " นิพพานน่าจะเป็นอนัตตา เพราะผมไม่เชื่อว่า ข้างในหลุมดำจะมีดินแดนอยู่อย่างแน่นอน ผมเชื่อไม่ลงจริงๆ
เพิ่มเติมครับ
พระโสดาบัน คือผู้ที่เข้าถึงกระแส ของพระนิพพาน กล่าวคือ เมื่อเข้าสู่กระแสไปแล้ว จะไม่มีวันกลับออกมาได้ จะเกิดในสุขคติภูมิอีกไม่เกิน 7 ชาติ แล้วจะนิพพานอย่างแน่นอน
อันนี้ผมคัดลอกมาครับ
ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ขอบฟ้าเหตุการณ์ (อังกฤษ: event horizon) คือขอบเขตของปริภูมิ-เวลา ซึ่งโดยมากมักเป็นพื้นที่โดยรอบหลุมดำ ที่ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ไม่อาจส่งออกมาถึงผู้สังเกตการณ์ภายนอกได้ แสงที่แผ่ออกมาจากภายในขอบฟ้าเหตุการณ์จะไม่มีวันเดินทางมาถึงผู้สังเกต และวัตถุใดๆ ที่ล่วงผ่านขอบฟ้าเหตุการณ์ไปจากฝั่งของผู้สังเกต จะมีสภาวะที่ช้าลงและดูเหมือนจะไม่สามารถข้ามผ่านขอบฟ้าเหตุการณ์ไปได้
ผม " คิดว่า " โสดาบัน คือผู้ที่ล่วงเข้าสู่เส้นขอบฟ้าเหตุการณ์ไปแล้ว (Stream Enterer) และไม่อาจกลับออกมาได้
ผมไม่รู้ถูกผิดอย่างไรนะครับ
ผมมีสมมุติฐาน เกี่ยวกับ นิพพาน
ในพระไตยปิฏก ท่านกล่าวเกี่ยวกับนิพพานเอาใว้ว่า
รูปนาม ดับสนิท
ธาตุทั้ง 4 ไม่อาจหยั่งลงไปได้
ความหนา ความบาง ความสั้น ความยาว ไม่อาจหยั่งลงไปได้
ความสวย ความงาม ไม่อาจหยั่งลงไปได้
ไม่มีพื้นที่ว่างให้ตั้งอยู่
หาอารมณ์ไม่ได้
เมื่อพิจรณาดูดีๆแล้ว ดูเหมือนว่า นิพพานจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ แต่ที่แน่ๆ นิพพานไม่มีที่ว่างให้วัตถุใดๆตั้งอยู่อย่างแน่นอน ตรงนี้ตั้งสมมุติฐานข้อแรกได้ว่า นิพพาน พ้นออกไปจาก Space
จากวิชาดาราศาสตร์และทฤษฎีสัมพัธภาพของไอน์สไตน์ที่ผมเรียนมา space จะตั้งอยู่โดดๆ ไม่ได้ มันจะมีเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ ตรงนี้สามารถตั้งสมมุติฐานข้อที่สองได้ว่า
นิพพาน พ้นออกไปจาก Space และ Time
Space Time คืออะไร ? Space time คือที่ว่างและเวลา ที่เราเห็นมันว่างๆน่ะ ความจริงมันไม่ได้ว่างนะครับ เพียงแต่ว่า มันไม่มีวัตถุใดๆ ไปจับจองพื้นที่และเวลานั้นๆ มันเลยดูเหมือนว่าง Space time จะยุบตัวลง ตามความหนาแน่นของมวลสาร ที่จับจองพื้นที่ว่างนั้นๆ
ทีนี้ถ้ามีวัตถุชนิดหนึ่ง ที่มีความหนาแน่นสูงมากๆ ไปวางใว้บน Space time จะเกิดอะไรขึ้น ?
Space time จะยุบตัวลงและบิดเบี้ยวมากๆ เวลาจะเดินช้าลง และมันจะดูดทุกสิ่งเข้าหาใจกลางวัตถุนั้นๆ
แล้วถ้ามีวัตถุใดๆ ที่มีความหนาแน่นสูงมากๆ จนกระทั่งมันบิด Space time ให้ขาดกระจุย จะเกิดอะไรขึ้น ?
Space time นั้นจะฉีกขาด และกลายเป็นรู ที่มีชื่อเรียกว่าหลุมดำ !
หลุมดำเป็นสิ่งเดียวในจักรวาล ที่อยู่พ้นออกไปจาก พื้นที่และเวลา (Space time) แม้แต่แสงที่มีความเร็วสูงสุดในจักรวาล ยังไม่สามารถออกมาจากหลุมดำได้เลย จึงเป็นเหตุผลที่ว่าไม่มีมนุษย์คนไหน เห็นว่าข้างในหลุมดำมีอะไรอยู่
พระพุทธเจ้าตรัสใว้ว่า
สาวกของพระองค์ จะเห็นเราตถาคต ก็ต่อเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ เมื่อเราตถาคต ปรินิพพานไปแล้ว จะไม่มีใคร ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทวดา จะไม่มีใครเห็นเราตถาคตอีกต่อไป
สมมุติฐานข้อที่ 3 หลุมดำคือ " หน้าต่าง " ไปสู่นิพพาน แต่ข้างในหลุมดำนั่นน่ะ มีอยู่ 1 เดียว ที่เรียกว่านิพพาน
หลุมดำจึงมีกี่หลุมก็ได้ เพราะถ้าเข้าไปแล้ว ก็พบเจอสภาวะเดียวกัน นั่นคือสภาวะ ที่พ้นออกไปจาก Space Time นิพพานจึงมีอยู่ " หนึ่งเดียว "
ถ้า " เป็นจริง " ตาม สมมุติฐาน ทั้ง 3 ข้อ นิพพาน ไม่มีสูง ไม่มีต่ำ ไม่มีซ้าย ไม่มีขวา แต่นิพพาน คือ Background ของจักรวาล พูดง่ายๆก็คือ รอยฉีกขาดของจักรวาลนั่นเอง
พระพุทธเจ้ามีพระสัพพัญญูตญาณ พระองค์ล่วงรู้ทุกสิ่งในจักรวาล โดยการสาดญาณไปทั่วทั้งจักรวาล พระองค์จึงล่วงรู้ทุกสิ่ง ตามแต่พระองค์ปรารถนาที่จะรับรู้ แต่มีสิ่งเดียวที่ญาณของพระองค์ สาดส่องไปไม่ถึง นัน่คือ รอยฉีกขาดของจักรวาล นี้เอง
ถามว่าข้างในหลุมดำ เป็นอย่างไร ? ไม่มีใครรู้ เพราะมันดูดแสงเข้าไป จึงไม่มีใครเห็นมัน หลุมดำจึงมืดสนิท แต่สามารถเห็นการมีอยู่ของมันได้ ด้วยวิธีการอื่นเช่น ตรวจจับคลื่นแรงโน้มถ่วง หรือดูมันขณะที่มันกำลังดูดกลืนดาวฤกษ์เข้าไป แต่ก็เห็นแค่สีดำๆ
ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าข้างในหลุมดำมีสภาพเป็นอย่างไร
การถกเถียงกันเรื่องนิพพานเป็น อัตตา หรือ อนัตตา เถียงกันมาหลายพันปีแล้ว แต่ถ้าสมมุติฐานของผมถูกต้อง ผม " เดาว่า " นิพพานน่าจะเป็นอนัตตา เพราะผมไม่เชื่อว่า ข้างในหลุมดำจะมีดินแดนอยู่อย่างแน่นอน ผมเชื่อไม่ลงจริงๆ
เพิ่มเติมครับ
พระโสดาบัน คือผู้ที่เข้าถึงกระแส ของพระนิพพาน กล่าวคือ เมื่อเข้าสู่กระแสไปแล้ว จะไม่มีวันกลับออกมาได้ จะเกิดในสุขคติภูมิอีกไม่เกิน 7 ชาติ แล้วจะนิพพานอย่างแน่นอน
อันนี้ผมคัดลอกมาครับ
ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ขอบฟ้าเหตุการณ์ (อังกฤษ: event horizon) คือขอบเขตของปริภูมิ-เวลา ซึ่งโดยมากมักเป็นพื้นที่โดยรอบหลุมดำ ที่ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ ไม่อาจส่งออกมาถึงผู้สังเกตการณ์ภายนอกได้ แสงที่แผ่ออกมาจากภายในขอบฟ้าเหตุการณ์จะไม่มีวันเดินทางมาถึงผู้สังเกต และวัตถุใดๆ ที่ล่วงผ่านขอบฟ้าเหตุการณ์ไปจากฝั่งของผู้สังเกต จะมีสภาวะที่ช้าลงและดูเหมือนจะไม่สามารถข้ามผ่านขอบฟ้าเหตุการณ์ไปได้
ผม " คิดว่า " โสดาบัน คือผู้ที่ล่วงเข้าสู่เส้นขอบฟ้าเหตุการณ์ไปแล้ว (Stream Enterer) และไม่อาจกลับออกมาได้
ผมไม่รู้ถูกผิดอย่างไรนะครับ