ซ่อนรักพรางใจ (ตอนที่ 1)

>>>ขอทักทายสวัสดีผู้ที่กดเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ  #ซ่อนรักพรางใจ  เคยลงในเว็ปนิยายแห่งหนึ่งตั้งแต่ปี 59 [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้และตัดสินใจรีไรท์ลงอีกทั้งในเว็ปและลองมาที่พันทิปอีกช่องทางเพราะอยากดูความคิดเห็นของนักอ่านหลายๆท่าน  สำหรับคนที่กดเข้ามาอ่านแล้วก็ขอให้สนุกกับนิยายนะคะ
(ยังไม่ได้เป็นนักเขียนค่ะ  แต่ชอบเขียน ฮ่าๆ)

***************************************************************************************************************

ซ่อนรักพรางใจ  

ตอนที่  1   วัยช่างฝัน


…..สายลมหนาวปลายเดือนธันวาคมพัดพาความหนาวเย็นมาสัมผัสร่างกายของหญิงสาววัยใสที่กำลังเร่งรีบสาวเท้าตรงเข้ามายังตึกคณะจิตรกรรมที่ภายนอกร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยรายล้อม  ลมเย็นกำลังพัดพาเอาเศษใบไม้แห้งกรอบจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลร่วงปลิวตามแรงลมลงมาเป็นสายอย่างงดงามในความคิดและจินตนาการของ
ปณาลี หญิงสาวร่างสูงระหงในชุดนักศึกษาสีขาวและกระโปรงรัดรูปสีดำสั้นเหนือเข่า  สองเท้าหยุดชะงักกับภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์หวานแหววก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วจึงรีบก้มหน้าก้มตาสาวเท้าเดินต่ออย่างรีบเร่งสุดๆจนไม่ทันมองคนหรือวัตถุใดๆตรงหน้า

“ ว้าย! ”  แล้วก็ตามมาด้วยเสียงดังตุ้บ!  ปณาลีล้มจุ้มปุ้กกับพื้นแบบหมดสภาพ  ผมเผ้าที่ไม่ได้รวบไว้ปลิวกระจายปิดหน้าปิดตาจนเกือบมิด
“ เฮ้ย! ” เสียงร้องตกใจของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเดินถอยหลังออกมาแล้วชนร่างนุ่มนิ่มของใครบางคนจนต้องรีบหันกลับไปมองก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะอย่างกลั้นไม่ไหว
“ ฮ่าๆๆ นึกว่าใคร  ยัยหนูลีจอมซุ่มซ่ามนี่เอง ” อคิน  ชายหนุ่มร่างกระทัดรัดใบหน้าหล่อตี๋หัวเราะจนตาหยีก่อนจะช่วยพยุงร่างของรุ่นน้องสาวขึ้นมาแต่ก็ต้องเอียงตัวหลบกรงเล็บคมๆของจอมซุ่มซ่าม
“ โหย  พี่คินอ่ะ  พี่ถอยหลังมาชนหนูลีเองนะยังจะมาหัวเราะอีก ” ปณาลีบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะรีบคว้าเอากระเป๋าแบบถุงย่ามใบใหญ่ที่อคินเคยเปรียบเทียบว่าลวดลายเหมือนเครื่องลายครามขึ้นมาสะพายไหล่ไว้อย่างรวดเร็ว  
“ ไอ้ที่ถอยหลังมาชนเมื่อกี๊คงไม่มีอะไรยุบนะ ”  อคินเอ่ยเย้าก่อนจะได้รับคำตอบเป็นสายตาค้อนๆของปณาลีกลับมา
“ โอ้ย ไม่คุยด้วยแล้ว  ว่าแต่พี่คินมาทำอะไรที่คณะเนี่ย  อย่าบอกนะว่าจะกลับมาเรียนต่อ ”  ปณาลีถามอย่างแปลกใจเพราะอคินเป็นรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้ว  ซึ่งตอนที่ปณาลีเข้ามาเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งอคินก็เป็นรุ่นพี่เอกทัศนศิลป์ปีสุดท้ายพอดี  ซึ่งตอนนี้รุ่นพี่หนุ่มเรียนจบออกไปเปิดแกลลอรี่ภาพวาดของตนเองอย่างสมใจ  แม้จะเรียนจบไปหลายปีอคินก็ยังคงติดต่อและแวะเวียนมาเจอรุ่นน้องทุกคนเรื่อยๆ  แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะมาสนิทสนมกันอย่างตอนนี้  ปณาลีกับอคินเคยปะทะฝีปากกันมาตั้งแต่สมัยรับน้องในตอนที่เธอเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องของวิชาเอก  ลุคของปณาลีนั้นดูสวยเปรี้ยวไม่ติสท์แบบนักศึกษาคนอื่นๆจึงถูกอคินจิกปากว่าเฉพาะเธอว่าเอาแต่สวยคงไม่มีน้ำอดน้ำทนเรียนได้จนเกิดสงครามเชือดเฉือนฝีปากย่อมๆขึ้นมา  บรรดารุ่นพี่จึงต้องวางแผนให้เธอจับสลากได้อคินเป็นพี่เทคคอยดูแลเรื่องการเรียนและแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย  จากที่เคยกระทบกระทั่งกันแบบคู่กัดกันมาตลอดทั้งคู่ก็กลายมาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทรักใคร่กันอย่างไม่น่าเชื่อแม้แต่ตัวทั้งคู่เองก็ตาม

“ มาตามหาเรานั่นแหละ  โทรไปก็ไม่รับลืมชาจต์แบตเหมือนเดิมล่ะสิ  เห็นรีบๆมีเรียนแน่เลย  รีบไปเรียนเลยพี่จะรอเราที่ร้านนมเจ๊หนิง ”  อคินร่ายยาวบ่นอย่างกับเป็นบิดาบังเกิดเกล้าจนปณาลีตาโตตอบคำถามแทบไม่ทันก่อนจะถูกรุ่นพี่หนุ่มดันหลังเข้าตึกไปแบบงงๆ



“ หูย…ชาเขียวเย็น  รู้ใจกันสุดๆเลย  รักพี่คินจัง ”  ปณาลีเอ่ยเสียงหวานหยดก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ไม้ตรงข้ามอคินที่กำลังกดโทรศัพท์แบบสีหน้าเคร่งเครียด  ปณาลีเบะปากหมั่นไส้ก่อนที่จะเอื้อมมือไปแย่งโทรศัพท์มาพร้อมกับเสียงโวยวายของอคิน
“ อะไรๆ มาหาหนูลีไม่ใช่หรอ  มัวแต่จิ้มกับสาวอยู่ได้ ”  ปณาลีหัวเราะคิกคักเมื่ออคินแย่งมือถือคืนไปได้แล้วก็หันมาสนใจแก้วชาเขียวต่อ
“ เฮ่อ…ยัยหนูลีจะไปรู้อะไรกับเขานะเรา ”  อคินบ่นเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง
“ บ่นอะไรน่ะพี่คิน  แกลลอรี่เจ๊งหรอ ”
“ นั่นปากใช่ไหม  ถ้าเจ๊งจริงเราก็ตกงานตั้งแต่ยังไม่สมัครน่ะสิ ”  เห็นท่าทางสดใสมีความสุขของรุ่นน้องสาวแล้วอคินก็ถอนหายใจปล่อยให้ปณาลีเพลิดเพลินกับการเล่าเรื่องความสนุกในช่วงการเรียนเทอมสุดท้ายไปก่อนแล้วอคินก็รีบเข้าเรื่องที่ตั้งใจมาในวันนี้ทันที
“ ดีนะที่ฝึกงานตอนซัมเมอร์แล้ว ใบจบออกก็รีบไปสมัครที่แกลลอรี่พี่เลยนะ  ถึงจะมีเส้นแต่พี่ก็ต้องทำตามกฎระเบียบ  เข้าใจมั้ยยัยจอมยุ่ง ”  อคินเอื้อมมือมายีผมคนที่เอ็นดูเหมือนน้องสาวตัวป่วน
“ ค๊า…คุณอคินสุดหล่อ  ดิฉันปณาลีจะรีบไปกอบโกย เอ้ย ! สมัครงานที่  Akin Art Gallery  ทันทีเลยค่ะ ”  ปณาลีจีบปากจีบคอพูดอย่างสนุก
“ อืม ดีแล้ว  พี่เห็นว่าเรามีความสามารถนะถึงได้อยากให้ไปช่วยงาน ”  อคินพูดถึงตำแหน่งออกแบบลายเส้นและสีสันที่เขานั่งคิดนอนคิดและตัดสินใจเปิดเพื่อรับงานจากลูกค้าเพิ่ม  ซึ่งรูปแบบงานจะเป็นการออกแบบลวดลายบนผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น วอลเปเปอร์  ผ้าม่าน แก้ว เซรามิก ฯลฯ  ปณาลีมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสูงเพราะเขาเคยเห็นผลงานมาก่อนจึงเกิดเป็นไอเดียนี้ขึ้นมา  รุ่นพี่อย่างเขาจึงอยากช่วยสนับสนุน  และ…

“ แหม…หนูลีช่วยทำเงินให้พี่คินด้วยน่ะสิ  เชอะ ”

  ปณาลีเคยหยิกเขาไว้  แต่อคินหรือจะรู้สึกเจ็บปวด
“ ลายผ้าม่านชุดก่อนลูกค้าชอบใหญ่เลยล่ะ  เห็นว่าอยากได้อีกสักแบบแต่พี่ขอเวลาลูกค้าไว้ก่อนเพราะเราใกล้สอบ ”  
แล้วอคินก็เห็นประกายตาปลื้มปริ่มของปณาลีที่ภาคภูมิใจกับฝีมือตัวเอง
“ เดี่ยวสอบเสร็จหนูลีจัดให้เลย ”  แล้วอคินก็ตบรางวัลด้วยการสั่งชาเย็นให้อีกแก้ว
“ เอ้อ  หนูลีกับนินาเป็นยังไงมั่ง ”  อคินถามถึงสาวสวยหน้าหวาน

ลัลนา  เพื่อนสนิทของปณาลีที่เรียนคณะคหกรรม  และที่จริงลัลนาต้องเรียนจบก่อนหน้าปณาลีไปหนึ่งปีแต่เพราะว่าช่วงเทอมสองของปีสี่ลัลนาเกิดประสบอุบัติเหตุจากรถเมล์ที่นั่งไปชนกับรถบรรทุกทำให้ผู้โดยสารหลายคนบาดเจ็บรวมทั้งลัลนาที่ต้องพักรักษาตัวไปหลายเดือนและต้องดรอปเรียนไป  เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาปณาลีเก็บหน่วยกิตวิชานอกที่ต้องลงเรียนหมดแล้วอาจารย์ที่ปรึกษาจึงส่งไปฝึกงานในบริษัทออกแบบเพื่อหาประสบการณ์และถือโอกาสแสดงฝีมือไปในตัว  พอถึงเทอมสุดท้ายก็กลายเป็นว่าสองสาวจะเรียนจบและรับปริญญาพร้อมกันพอดี

“ ก็เจอกันเรื่อยๆ ”  รุ่นน้องสาวตอบ
“ เออ  นินาต้องเรียนจบไปตั้งนานแล้วแต่ก็ต้องมานอนแซ่วป่วยเสียหลายเดือน  นี่เรียนจบพร้อมกันเฉยเลย ”
“ แต่พอหายเจ็บนินาก็อ่อนแอลงมากนะพี่คิน  พาเที่ยวตะลอนแบบเดิมไม่ได้อ่ะ ”  ปณาลีสงสารเพื่อน
“ แล้วนี่เจ้าตัวเขาไปไหนเสียล่ะ ”  อคินถามหา
“ คงไปไหนมาไหนกับแฟนเขาสิ  ก็พี่เต็มเล่นตามประกบตั้งแต่เปิดเทอม  หนูลีเป็นเพื่อนสนิทยังได้เจอกันอาทิตย์ละไม่กี่วันเอง ”  น้ำเสียงซึมๆของรุ่นน้องสาวนั้นอคินเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเพราะอะไร  ปณาลีหลงรักเหมรัศนิ์  
ซึ่งเป็นแฟนกับลัลนาเพื่อนสนิทตัวเองมาเกือบห้าปีแล้ว  และชายหนุ่มที่พูดถึงก็เป็นเพื่อนสนิทเขาเสียอีก  

เหมรัศนิ์นั้นเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆในมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่เข้าเรียน  ด้วยบุคลิกหน้าตาที่หล่อเหลา ร่างสูงใหญ่  ฐานะดี  เรียนเอกบริหาร เป็นลูกชายคนเล็กของบ้านที่พ่อแม่หมายมั่นให้ช่วยสืบทอดธุรกิจร้านอาหารไทยกับพี่สาวคนโต  เป็นสุภาพบุรุษตามสเปคในฝันของสาวๆเลยก็ว่าได้  สำหรับปณาลีนั้นเหมรัศนิ์เป็นความฝันแสนหวานของเธอเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆแต่ความรู้สึกที่อคินสัมผัสได้คือมันลึกล้ำและงดงามฝังแน่นในหัวใจ

“ ถ้าหนูลีออกตัวแรงตอนนั้นก็ได้เป็นแฟนกับไอ้เต็มตั้งนานแล้ว ”  อคินย้ำเป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้
“ ถ้าพี่เต็มจะรักหนูลีก็คงรักไปตั้งนานแล้วล่ะพี่คิน  ไม่ว่าจะมีนินาหรือไม่ก็ตาม ”  ในแววตาของปณาลีมีแค่เงาของเหมรัศนิ์เสมอมา  แต่เจ้าเพื่อนตัวดีของเขาจะไม่เคยมองเห็นแววตานั้นบ้างเลยเหรอนี่เป็นสิ่งที่อคินคิดมาตลอด
“ หนูลีรู้หรือยัง…ว่าทำไมไอ้เต็มมันถึงตามประกบนินาตลอดช่วงนี้ ”  อคินเลียบเคียงถาม
“ คนเป็นแฟนกันไม่เห็นจะแปลกนี่คะ  นินาก็จะเรียนจบแล้วพี่เต็มคงจะอยากออกตัวแรง ”   ปณาลีหันไปสนใจแก้วชาเย็นที่อคินสั่งเพิ่มให้
“ … ”  อคินพูดไม่ออกได้แต่มองดูหน้าปณาลีอย่างเห็นใจเงียบๆ

“ เต็มมัน…ให้ที่บ้านไปสู่ขอนินาไว้แล้ว  รับปริญญาปีหน้าเสร็จก็จะแต่งงานเลย ”   อคินหันไปคว้านิตยาสารสักเล่มมาเปิดดูเพื่อที่จะไม่ต้องมองเห็นแววตาตื่นตระหนกและปวดร้าวของปณาลี  แค่เสียงลมหายใจที่สะดุดของรุ่นน้องสาวและความเงียบในร้านกาแฟช่างบีบคั้นอารมณ์เสียเหลือเกิน  ผ่านสักพักอคินจึงได้ยินเสียงแผ่วเบาของปณาลี
“ ก็ดีแล้วนี่คะ  เขาสองคนรักกัน ”   ชาเย็นหอมหวานตรงหน้าให้รสชาติจืดชืดและขมคอสำหรับปณาลีจนต้องวางแก้วลงก็พอดีกับที่เสียงเรียกเข้ามือถือของเธอดังขึ้น  เป็นลัลนาที่โทรมาชวนทานข้าวเที่ยงจึงตอบตกลงไปก่อนจะนัดเจอกันที่ร้านกาแฟเจ้าประจำข้างตึกเรียน



…ยี่สิบนาทีต่อมา  ลัลนาสาวน้อยใบหน้าสวยหวานก็เดินแกมวิ่งเข้ามาหาปณาลีด้วยใบหน้าแจ่มใส
“ หนูลี...พี่คินก็อยู่ด้วยทานข้าวด้วยกันนะคะ  วันนี่พี่เต็มเลี้ยง ”   ลัลนาหันไปสวัสดีอคิน
“ แหม ดีเลย  ว่าแต่คนเลี้ยงอยู่ไหนล่ะ ”  อคินรับไหว้ก่อนจะถามยิ้มๆ
“ อะไรวะไอ้คิน  ทำไมวันนี้ทิ้งแกลลอรี่มาได้ ”  เสียงทุ้มของชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงสแล็คสีน้ำตาลเข้มก้าวเข้ามาอย่างมาดมั่น  ดวงตาลึกล้ำของเหมรัศนิ์หันไปสบตาหญิงสาวอีกคนที่ลุกขึ้นยืนสวัสดีพร้อมกับรอยยิ้มหวานเหมือนเคยเขาจึงหันไปทักทาย
“ ไอ้พี่คินของหนูลีคงมาตื๊อไปทำงานด้วยสินะ  เล่นตัวเอาเงินเดือนสูงๆไว้ล่ะ ”
“ เฮ่ยๆๆ ไอ้เต็มแกอย่ามายุยัยหนูลีเดี๋ยวฉันซวย ”  อคินหันไปเบรกเพื่อนสนิท
“ นินาบอกว่าพี่เต็มจะเลี้ยงใช่ไหมคะวันนี้ ”  ปณาลีเอ่ยถาม
“ ใช่จ๊ะ พี่ให้แม่ครัวทำของโปรดเราด้วยนะ นินาบอกว่าหนูลีชอบปลาช่อนทอดกรอบราดน้ำพริกมะขาม ”  เหมรัศนิ์ยิ้มเมื่อเห็นดวงตาโตๆของปณาลี
“ หูย…วันนี้มีแต่คนเอาใจ  หนูลีปลื้ม  เดี๋ยวนะ! นินาจะหึงหนูลีไหมเนี่ย ”  หันมาหาเพื่อนสนิท
“ โอ้ย...ให้นินาหึงหนูลีน่ะเหรอ  น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนเหอะ ”  ลัลนาหัวเราะ
“ อ้าว  รออะไรละครับสาวๆเจ้าของร้านจัดเต็มเราก็รีบไปกันเถอะ ”  อคินลุกขึ้นแล้วชักชวนทุกคนออกไป
“ รีบอย่างกับเป็นร้านตัวเองเลยนะไอ้คิน ”  เหมรัศนิ์ชกไหล่เพื่อนสนิทเบาๆไม่จริงจังนัก

ทั้งสี่คนเดินไปยังลานจอดรถโดยสองสาวเดินจูงมือคุยกันสนุกสนานนำหน้าไป  สองหนุ่มจึงเดินสบายๆตามหลัง  
สักครู่เหมรัศนิ์ก็รู้สึกว่าอคินเดินช้าลงจึงชะลอฝีเท้าถอยลงมาถาม
“ อะไรเหรอคิน ”  แล้วเขาก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของอคิน
“ ฉันก็แค่…..คิดว่าแกไม่รู้สึกจริงๆน่ะเหรอ ”   แล้วอคินก็เดินนำหน้าไปทิ้งให้คนที่ยังไม่ตอบเก็บคำถามนั้นไว้ถามตัวเอง

.

.

.  
รู้สึกเหรอ ? …..เขารู้สึกสิ                  





**************************************************************************************************************

กระทู้แรกอาจจะแท็กหรือลงแบบงงๆบ้างนะจ๊ะ
ซ่อนรักพรางใจ  เป็นนิยายแนวรักสามเศร้าค่ะ  (คอมเม้นต์ในเว็ปโดนเละเลย ฮือๆ  แต่ก็ยังรีไรท์ลงอีก  อิอิ)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
มุกตามัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่