>>>ขอทักทายสวัสดีผู้ที่กดเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ #ซ่อนรักพรางใจ เคยลงในเว็ปนิยายแห่งหนึ่งตั้งแต่ปี 59
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://writer.dek-d.com/Niralai/writer/view.php?id=1477577และตัดสินใจรีไรท์ลงอีกทั้งในเว็ปและลองมาที่พันทิปอีกช่องทางเพราะอยากดูความคิดเห็นของนักอ่านหลายๆท่าน สำหรับคนที่กดเข้ามาอ่านแล้วก็ขอให้สนุกกับนิยายนะคะ
(ยังไม่ได้เป็นนักเขียนค่ะ แต่ชอบเขียน ฮ่าๆ)
***************************************************************************************************************
ซ่อนรักพรางใจ
ตอนที่ 1 วัยช่างฝัน
…..สายลมหนาวปลายเดือนธันวาคมพัดพาความหนาวเย็นมาสัมผัสร่างกายของหญิงสาววัยใสที่กำลังเร่งรีบสาวเท้าตรงเข้ามายังตึกคณะจิตรกรรมที่ภายนอกร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยรายล้อม ลมเย็นกำลังพัดพาเอาเศษใบไม้แห้งกรอบจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลร่วงปลิวตามแรงลมลงมาเป็นสายอย่างงดงามในความคิดและจินตนาการของ
ปณาลี หญิงสาวร่างสูงระหงในชุดนักศึกษาสีขาวและกระโปรงรัดรูปสีดำสั้นเหนือเข่า สองเท้าหยุดชะงักกับภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์หวานแหววก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วจึงรีบก้มหน้าก้มตาสาวเท้าเดินต่ออย่างรีบเร่งสุดๆจนไม่ทันมองคนหรือวัตถุใดๆตรงหน้า
“ ว้าย! ” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงดังตุ้บ! ปณาลีล้มจุ้มปุ้กกับพื้นแบบหมดสภาพ ผมเผ้าที่ไม่ได้รวบไว้ปลิวกระจายปิดหน้าปิดตาจนเกือบมิด
“ เฮ้ย! ” เสียงร้องตกใจของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเดินถอยหลังออกมาแล้วชนร่างนุ่มนิ่มของใครบางคนจนต้องรีบหันกลับไปมองก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะอย่างกลั้นไม่ไหว
“ ฮ่าๆๆ นึกว่าใคร ยัยหนูลีจอมซุ่มซ่ามนี่เอง ” อคิน ชายหนุ่มร่างกระทัดรัดใบหน้าหล่อตี๋หัวเราะจนตาหยีก่อนจะช่วยพยุงร่างของรุ่นน้องสาวขึ้นมาแต่ก็ต้องเอียงตัวหลบกรงเล็บคมๆของจอมซุ่มซ่าม
“ โหย พี่คินอ่ะ พี่ถอยหลังมาชนหนูลีเองนะยังจะมาหัวเราะอีก ” ปณาลีบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะรีบคว้าเอากระเป๋าแบบถุงย่ามใบใหญ่ที่อคินเคยเปรียบเทียบว่าลวดลายเหมือนเครื่องลายครามขึ้นมาสะพายไหล่ไว้อย่างรวดเร็ว
“ ไอ้ที่ถอยหลังมาชนเมื่อกี๊คงไม่มีอะไรยุบนะ ” อคินเอ่ยเย้าก่อนจะได้รับคำตอบเป็นสายตาค้อนๆของปณาลีกลับมา
“ โอ้ย ไม่คุยด้วยแล้ว ว่าแต่พี่คินมาทำอะไรที่คณะเนี่ย อย่าบอกนะว่าจะกลับมาเรียนต่อ ” ปณาลีถามอย่างแปลกใจเพราะอคินเป็นรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้ว ซึ่งตอนที่ปณาลีเข้ามาเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งอคินก็เป็นรุ่นพี่เอกทัศนศิลป์ปีสุดท้ายพอดี ซึ่งตอนนี้รุ่นพี่หนุ่มเรียนจบออกไปเปิดแกลลอรี่ภาพวาดของตนเองอย่างสมใจ แม้จะเรียนจบไปหลายปีอคินก็ยังคงติดต่อและแวะเวียนมาเจอรุ่นน้องทุกคนเรื่อยๆ แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะมาสนิทสนมกันอย่างตอนนี้ ปณาลีกับอคินเคยปะทะฝีปากกันมาตั้งแต่สมัยรับน้องในตอนที่เธอเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องของวิชาเอก ลุคของปณาลีนั้นดูสวยเปรี้ยวไม่ติสท์แบบนักศึกษาคนอื่นๆจึงถูกอคินจิกปากว่าเฉพาะเธอว่าเอาแต่สวยคงไม่มีน้ำอดน้ำทนเรียนได้จนเกิดสงครามเชือดเฉือนฝีปากย่อมๆขึ้นมา บรรดารุ่นพี่จึงต้องวางแผนให้เธอจับสลากได้อคินเป็นพี่เทคคอยดูแลเรื่องการเรียนและแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย จากที่เคยกระทบกระทั่งกันแบบคู่กัดกันมาตลอดทั้งคู่ก็กลายมาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทรักใคร่กันอย่างไม่น่าเชื่อแม้แต่ตัวทั้งคู่เองก็ตาม
“ มาตามหาเรานั่นแหละ โทรไปก็ไม่รับลืมชาจต์แบตเหมือนเดิมล่ะสิ เห็นรีบๆมีเรียนแน่เลย รีบไปเรียนเลยพี่จะรอเราที่ร้านนมเจ๊หนิง ” อคินร่ายยาวบ่นอย่างกับเป็นบิดาบังเกิดเกล้าจนปณาลีตาโตตอบคำถามแทบไม่ทันก่อนจะถูกรุ่นพี่หนุ่มดันหลังเข้าตึกไปแบบงงๆ
“ หูย…ชาเขียวเย็น รู้ใจกันสุดๆเลย รักพี่คินจัง ” ปณาลีเอ่ยเสียงหวานหยดก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ไม้ตรงข้ามอคินที่กำลังกดโทรศัพท์แบบสีหน้าเคร่งเครียด ปณาลีเบะปากหมั่นไส้ก่อนที่จะเอื้อมมือไปแย่งโทรศัพท์มาพร้อมกับเสียงโวยวายของอคิน
“ อะไรๆ มาหาหนูลีไม่ใช่หรอ มัวแต่จิ้มกับสาวอยู่ได้ ” ปณาลีหัวเราะคิกคักเมื่ออคินแย่งมือถือคืนไปได้แล้วก็หันมาสนใจแก้วชาเขียวต่อ
“ เฮ่อ…ยัยหนูลีจะไปรู้อะไรกับเขานะเรา ” อคินบ่นเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง
“ บ่นอะไรน่ะพี่คิน แกลลอรี่เจ๊งหรอ ”
“ นั่นปากใช่ไหม ถ้าเจ๊งจริงเราก็ตกงานตั้งแต่ยังไม่สมัครน่ะสิ ” เห็นท่าทางสดใสมีความสุขของรุ่นน้องสาวแล้วอคินก็ถอนหายใจปล่อยให้ปณาลีเพลิดเพลินกับการเล่าเรื่องความสนุกในช่วงการเรียนเทอมสุดท้ายไปก่อนแล้วอคินก็รีบเข้าเรื่องที่ตั้งใจมาในวันนี้ทันที
“ ดีนะที่ฝึกงานตอนซัมเมอร์แล้ว ใบจบออกก็รีบไปสมัครที่แกลลอรี่พี่เลยนะ ถึงจะมีเส้นแต่พี่ก็ต้องทำตามกฎระเบียบ เข้าใจมั้ยยัยจอมยุ่ง ” อคินเอื้อมมือมายีผมคนที่เอ็นดูเหมือนน้องสาวตัวป่วน
“ ค๊า…คุณอคินสุดหล่อ ดิฉันปณาลีจะรีบไปกอบโกย เอ้ย ! สมัครงานที่ Akin Art Gallery ทันทีเลยค่ะ ” ปณาลีจีบปากจีบคอพูดอย่างสนุก
“ อืม ดีแล้ว พี่เห็นว่าเรามีความสามารถนะถึงได้อยากให้ไปช่วยงาน ” อคินพูดถึงตำแหน่งออกแบบลายเส้นและสีสันที่เขานั่งคิดนอนคิดและตัดสินใจเปิดเพื่อรับงานจากลูกค้าเพิ่ม ซึ่งรูปแบบงานจะเป็นการออกแบบลวดลายบนผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น วอลเปเปอร์ ผ้าม่าน แก้ว เซรามิก ฯลฯ ปณาลีมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสูงเพราะเขาเคยเห็นผลงานมาก่อนจึงเกิดเป็นไอเดียนี้ขึ้นมา รุ่นพี่อย่างเขาจึงอยากช่วยสนับสนุน และ…
“ แหม…หนูลีช่วยทำเงินให้พี่คินด้วยน่ะสิ เชอะ ”
ปณาลีเคยหยิกเขาไว้ แต่อคินหรือจะรู้สึกเจ็บปวด
“ ลายผ้าม่านชุดก่อนลูกค้าชอบใหญ่เลยล่ะ เห็นว่าอยากได้อีกสักแบบแต่พี่ขอเวลาลูกค้าไว้ก่อนเพราะเราใกล้สอบ ”
แล้วอคินก็เห็นประกายตาปลื้มปริ่มของปณาลีที่ภาคภูมิใจกับฝีมือตัวเอง
“ เดี่ยวสอบเสร็จหนูลีจัดให้เลย ” แล้วอคินก็ตบรางวัลด้วยการสั่งชาเย็นให้อีกแก้ว
“ เอ้อ หนูลีกับนินาเป็นยังไงมั่ง ” อคินถามถึงสาวสวยหน้าหวาน
ลัลนา เพื่อนสนิทของปณาลีที่เรียนคณะคหกรรม และที่จริงลัลนาต้องเรียนจบก่อนหน้าปณาลีไปหนึ่งปีแต่เพราะว่าช่วงเทอมสองของปีสี่ลัลนาเกิดประสบอุบัติเหตุจากรถเมล์ที่นั่งไปชนกับรถบรรทุกทำให้ผู้โดยสารหลายคนบาดเจ็บรวมทั้งลัลนาที่ต้องพักรักษาตัวไปหลายเดือนและต้องดรอปเรียนไป เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาปณาลีเก็บหน่วยกิตวิชานอกที่ต้องลงเรียนหมดแล้วอาจารย์ที่ปรึกษาจึงส่งไปฝึกงานในบริษัทออกแบบเพื่อหาประสบการณ์และถือโอกาสแสดงฝีมือไปในตัว พอถึงเทอมสุดท้ายก็กลายเป็นว่าสองสาวจะเรียนจบและรับปริญญาพร้อมกันพอดี
“ ก็เจอกันเรื่อยๆ ” รุ่นน้องสาวตอบ
“ เออ นินาต้องเรียนจบไปตั้งนานแล้วแต่ก็ต้องมานอนแซ่วป่วยเสียหลายเดือน นี่เรียนจบพร้อมกันเฉยเลย ”
“ แต่พอหายเจ็บนินาก็อ่อนแอลงมากนะพี่คิน พาเที่ยวตะลอนแบบเดิมไม่ได้อ่ะ ” ปณาลีสงสารเพื่อน
“ แล้วนี่เจ้าตัวเขาไปไหนเสียล่ะ ” อคินถามหา
“ คงไปไหนมาไหนกับแฟนเขาสิ ก็พี่เต็มเล่นตามประกบตั้งแต่เปิดเทอม หนูลีเป็นเพื่อนสนิทยังได้เจอกันอาทิตย์ละไม่กี่วันเอง ” น้ำเสียงซึมๆของรุ่นน้องสาวนั้นอคินเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเพราะอะไร ปณาลีหลงรักเหมรัศนิ์
ซึ่งเป็นแฟนกับลัลนาเพื่อนสนิทตัวเองมาเกือบห้าปีแล้ว และชายหนุ่มที่พูดถึงก็เป็นเพื่อนสนิทเขาเสียอีก
เหมรัศนิ์นั้นเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆในมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่เข้าเรียน ด้วยบุคลิกหน้าตาที่หล่อเหลา ร่างสูงใหญ่ ฐานะดี เรียนเอกบริหาร เป็นลูกชายคนเล็กของบ้านที่พ่อแม่หมายมั่นให้ช่วยสืบทอดธุรกิจร้านอาหารไทยกับพี่สาวคนโต เป็นสุภาพบุรุษตามสเปคในฝันของสาวๆเลยก็ว่าได้ สำหรับปณาลีนั้นเหมรัศนิ์เป็นความฝันแสนหวานของเธอเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆแต่ความรู้สึกที่อคินสัมผัสได้คือมันลึกล้ำและงดงามฝังแน่นในหัวใจ
“ ถ้าหนูลีออกตัวแรงตอนนั้นก็ได้เป็นแฟนกับไอ้เต็มตั้งนานแล้ว ” อคินย้ำเป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้
“ ถ้าพี่เต็มจะรักหนูลีก็คงรักไปตั้งนานแล้วล่ะพี่คิน ไม่ว่าจะมีนินาหรือไม่ก็ตาม ” ในแววตาของปณาลีมีแค่เงาของเหมรัศนิ์เสมอมา แต่เจ้าเพื่อนตัวดีของเขาจะไม่เคยมองเห็นแววตานั้นบ้างเลยเหรอนี่เป็นสิ่งที่อคินคิดมาตลอด
“ หนูลีรู้หรือยัง…ว่าทำไมไอ้เต็มมันถึงตามประกบนินาตลอดช่วงนี้ ” อคินเลียบเคียงถาม
“ คนเป็นแฟนกันไม่เห็นจะแปลกนี่คะ นินาก็จะเรียนจบแล้วพี่เต็มคงจะอยากออกตัวแรง ” ปณาลีหันไปสนใจแก้วชาเย็นที่อคินสั่งเพิ่มให้
“ … ” อคินพูดไม่ออกได้แต่มองดูหน้าปณาลีอย่างเห็นใจเงียบๆ
“ เต็มมัน…ให้ที่บ้านไปสู่ขอนินาไว้แล้ว รับปริญญาปีหน้าเสร็จก็จะแต่งงานเลย ” อคินหันไปคว้านิตยาสารสักเล่มมาเปิดดูเพื่อที่จะไม่ต้องมองเห็นแววตาตื่นตระหนกและปวดร้าวของปณาลี แค่เสียงลมหายใจที่สะดุดของรุ่นน้องสาวและความเงียบในร้านกาแฟช่างบีบคั้นอารมณ์เสียเหลือเกิน ผ่านสักพักอคินจึงได้ยินเสียงแผ่วเบาของปณาลี
“ ก็ดีแล้วนี่คะ เขาสองคนรักกัน ” ชาเย็นหอมหวานตรงหน้าให้รสชาติจืดชืดและขมคอสำหรับปณาลีจนต้องวางแก้วลงก็พอดีกับที่เสียงเรียกเข้ามือถือของเธอดังขึ้น เป็นลัลนาที่โทรมาชวนทานข้าวเที่ยงจึงตอบตกลงไปก่อนจะนัดเจอกันที่ร้านกาแฟเจ้าประจำข้างตึกเรียน
…ยี่สิบนาทีต่อมา ลัลนาสาวน้อยใบหน้าสวยหวานก็เดินแกมวิ่งเข้ามาหาปณาลีด้วยใบหน้าแจ่มใส
“ หนูลี...พี่คินก็อยู่ด้วยทานข้าวด้วยกันนะคะ วันนี่พี่เต็มเลี้ยง ” ลัลนาหันไปสวัสดีอคิน
“ แหม ดีเลย ว่าแต่คนเลี้ยงอยู่ไหนล่ะ ” อคินรับไหว้ก่อนจะถามยิ้มๆ
“ อะไรวะไอ้คิน ทำไมวันนี้ทิ้งแกลลอรี่มาได้ ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงสแล็คสีน้ำตาลเข้มก้าวเข้ามาอย่างมาดมั่น ดวงตาลึกล้ำของเหมรัศนิ์หันไปสบตาหญิงสาวอีกคนที่ลุกขึ้นยืนสวัสดีพร้อมกับรอยยิ้มหวานเหมือนเคยเขาจึงหันไปทักทาย
“ ไอ้พี่คินของหนูลีคงมาตื๊อไปทำงานด้วยสินะ เล่นตัวเอาเงินเดือนสูงๆไว้ล่ะ ”
“ เฮ่ยๆๆ ไอ้เต็มแกอย่ามายุยัยหนูลีเดี๋ยวฉันซวย ” อคินหันไปเบรกเพื่อนสนิท
“ นินาบอกว่าพี่เต็มจะเลี้ยงใช่ไหมคะวันนี้ ” ปณาลีเอ่ยถาม
“ ใช่จ๊ะ พี่ให้แม่ครัวทำของโปรดเราด้วยนะ นินาบอกว่าหนูลีชอบปลาช่อนทอดกรอบราดน้ำพริกมะขาม ” เหมรัศนิ์ยิ้มเมื่อเห็นดวงตาโตๆของปณาลี
“ หูย…วันนี้มีแต่คนเอาใจ หนูลีปลื้ม เดี๋ยวนะ! นินาจะหึงหนูลีไหมเนี่ย ” หันมาหาเพื่อนสนิท
“ โอ้ย...ให้นินาหึงหนูลีน่ะเหรอ น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนเหอะ ” ลัลนาหัวเราะ
“ อ้าว รออะไรละครับสาวๆเจ้าของร้านจัดเต็มเราก็รีบไปกันเถอะ ” อคินลุกขึ้นแล้วชักชวนทุกคนออกไป
“ รีบอย่างกับเป็นร้านตัวเองเลยนะไอ้คิน ” เหมรัศนิ์ชกไหล่เพื่อนสนิทเบาๆไม่จริงจังนัก
ทั้งสี่คนเดินไปยังลานจอดรถโดยสองสาวเดินจูงมือคุยกันสนุกสนานนำหน้าไป สองหนุ่มจึงเดินสบายๆตามหลัง
สักครู่เหมรัศนิ์ก็รู้สึกว่าอคินเดินช้าลงจึงชะลอฝีเท้าถอยลงมาถาม
“ อะไรเหรอคิน ” แล้วเขาก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของอคิน
“ ฉันก็แค่…..คิดว่าแกไม่รู้สึกจริงๆน่ะเหรอ ” แล้วอคินก็เดินนำหน้าไปทิ้งให้คนที่ยังไม่ตอบเก็บคำถามนั้นไว้ถามตัวเอง
.
.
.
รู้สึกเหรอ ? …..เขารู้สึกสิ
**************************************************************************************************************
กระทู้แรกอาจจะแท็กหรือลงแบบงงๆบ้างนะจ๊ะ
ซ่อนรักพรางใจ เป็นนิยายแนวรักสามเศร้าค่ะ (คอมเม้นต์ในเว็ปโดนเละเลย ฮือๆ แต่ก็ยังรีไรท์ลงอีก อิอิ)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
มุกตามัน
ซ่อนรักพรางใจ (ตอนที่ 1)
(ยังไม่ได้เป็นนักเขียนค่ะ แต่ชอบเขียน ฮ่าๆ)
***************************************************************************************************************
ซ่อนรักพรางใจ
ตอนที่ 1 วัยช่างฝัน
…..สายลมหนาวปลายเดือนธันวาคมพัดพาความหนาวเย็นมาสัมผัสร่างกายของหญิงสาววัยใสที่กำลังเร่งรีบสาวเท้าตรงเข้ามายังตึกคณะจิตรกรรมที่ภายนอกร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยรายล้อม ลมเย็นกำลังพัดพาเอาเศษใบไม้แห้งกรอบจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลร่วงปลิวตามแรงลมลงมาเป็นสายอย่างงดงามในความคิดและจินตนาการของ
ปณาลี หญิงสาวร่างสูงระหงในชุดนักศึกษาสีขาวและกระโปรงรัดรูปสีดำสั้นเหนือเข่า สองเท้าหยุดชะงักกับภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์หวานแหววก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วจึงรีบก้มหน้าก้มตาสาวเท้าเดินต่ออย่างรีบเร่งสุดๆจนไม่ทันมองคนหรือวัตถุใดๆตรงหน้า
“ ว้าย! ” แล้วก็ตามมาด้วยเสียงดังตุ้บ! ปณาลีล้มจุ้มปุ้กกับพื้นแบบหมดสภาพ ผมเผ้าที่ไม่ได้รวบไว้ปลิวกระจายปิดหน้าปิดตาจนเกือบมิด
“ เฮ้ย! ” เสียงร้องตกใจของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเดินถอยหลังออกมาแล้วชนร่างนุ่มนิ่มของใครบางคนจนต้องรีบหันกลับไปมองก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะอย่างกลั้นไม่ไหว
“ ฮ่าๆๆ นึกว่าใคร ยัยหนูลีจอมซุ่มซ่ามนี่เอง ” อคิน ชายหนุ่มร่างกระทัดรัดใบหน้าหล่อตี๋หัวเราะจนตาหยีก่อนจะช่วยพยุงร่างของรุ่นน้องสาวขึ้นมาแต่ก็ต้องเอียงตัวหลบกรงเล็บคมๆของจอมซุ่มซ่าม
“ โหย พี่คินอ่ะ พี่ถอยหลังมาชนหนูลีเองนะยังจะมาหัวเราะอีก ” ปณาลีบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะรีบคว้าเอากระเป๋าแบบถุงย่ามใบใหญ่ที่อคินเคยเปรียบเทียบว่าลวดลายเหมือนเครื่องลายครามขึ้นมาสะพายไหล่ไว้อย่างรวดเร็ว
“ ไอ้ที่ถอยหลังมาชนเมื่อกี๊คงไม่มีอะไรยุบนะ ” อคินเอ่ยเย้าก่อนจะได้รับคำตอบเป็นสายตาค้อนๆของปณาลีกลับมา
“ โอ้ย ไม่คุยด้วยแล้ว ว่าแต่พี่คินมาทำอะไรที่คณะเนี่ย อย่าบอกนะว่าจะกลับมาเรียนต่อ ” ปณาลีถามอย่างแปลกใจเพราะอคินเป็นรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้ว ซึ่งตอนที่ปณาลีเข้ามาเป็นเฟรชชี่ปีหนึ่งอคินก็เป็นรุ่นพี่เอกทัศนศิลป์ปีสุดท้ายพอดี ซึ่งตอนนี้รุ่นพี่หนุ่มเรียนจบออกไปเปิดแกลลอรี่ภาพวาดของตนเองอย่างสมใจ แม้จะเรียนจบไปหลายปีอคินก็ยังคงติดต่อและแวะเวียนมาเจอรุ่นน้องทุกคนเรื่อยๆ แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะมาสนิทสนมกันอย่างตอนนี้ ปณาลีกับอคินเคยปะทะฝีปากกันมาตั้งแต่สมัยรับน้องในตอนที่เธอเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องของวิชาเอก ลุคของปณาลีนั้นดูสวยเปรี้ยวไม่ติสท์แบบนักศึกษาคนอื่นๆจึงถูกอคินจิกปากว่าเฉพาะเธอว่าเอาแต่สวยคงไม่มีน้ำอดน้ำทนเรียนได้จนเกิดสงครามเชือดเฉือนฝีปากย่อมๆขึ้นมา บรรดารุ่นพี่จึงต้องวางแผนให้เธอจับสลากได้อคินเป็นพี่เทคคอยดูแลเรื่องการเรียนและแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย จากที่เคยกระทบกระทั่งกันแบบคู่กัดกันมาตลอดทั้งคู่ก็กลายมาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทรักใคร่กันอย่างไม่น่าเชื่อแม้แต่ตัวทั้งคู่เองก็ตาม
“ มาตามหาเรานั่นแหละ โทรไปก็ไม่รับลืมชาจต์แบตเหมือนเดิมล่ะสิ เห็นรีบๆมีเรียนแน่เลย รีบไปเรียนเลยพี่จะรอเราที่ร้านนมเจ๊หนิง ” อคินร่ายยาวบ่นอย่างกับเป็นบิดาบังเกิดเกล้าจนปณาลีตาโตตอบคำถามแทบไม่ทันก่อนจะถูกรุ่นพี่หนุ่มดันหลังเข้าตึกไปแบบงงๆ
“ หูย…ชาเขียวเย็น รู้ใจกันสุดๆเลย รักพี่คินจัง ” ปณาลีเอ่ยเสียงหวานหยดก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ไม้ตรงข้ามอคินที่กำลังกดโทรศัพท์แบบสีหน้าเคร่งเครียด ปณาลีเบะปากหมั่นไส้ก่อนที่จะเอื้อมมือไปแย่งโทรศัพท์มาพร้อมกับเสียงโวยวายของอคิน
“ อะไรๆ มาหาหนูลีไม่ใช่หรอ มัวแต่จิ้มกับสาวอยู่ได้ ” ปณาลีหัวเราะคิกคักเมื่ออคินแย่งมือถือคืนไปได้แล้วก็หันมาสนใจแก้วชาเขียวต่อ
“ เฮ่อ…ยัยหนูลีจะไปรู้อะไรกับเขานะเรา ” อคินบ่นเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง
“ บ่นอะไรน่ะพี่คิน แกลลอรี่เจ๊งหรอ ”
“ นั่นปากใช่ไหม ถ้าเจ๊งจริงเราก็ตกงานตั้งแต่ยังไม่สมัครน่ะสิ ” เห็นท่าทางสดใสมีความสุขของรุ่นน้องสาวแล้วอคินก็ถอนหายใจปล่อยให้ปณาลีเพลิดเพลินกับการเล่าเรื่องความสนุกในช่วงการเรียนเทอมสุดท้ายไปก่อนแล้วอคินก็รีบเข้าเรื่องที่ตั้งใจมาในวันนี้ทันที
“ ดีนะที่ฝึกงานตอนซัมเมอร์แล้ว ใบจบออกก็รีบไปสมัครที่แกลลอรี่พี่เลยนะ ถึงจะมีเส้นแต่พี่ก็ต้องทำตามกฎระเบียบ เข้าใจมั้ยยัยจอมยุ่ง ” อคินเอื้อมมือมายีผมคนที่เอ็นดูเหมือนน้องสาวตัวป่วน
“ ค๊า…คุณอคินสุดหล่อ ดิฉันปณาลีจะรีบไปกอบโกย เอ้ย ! สมัครงานที่ Akin Art Gallery ทันทีเลยค่ะ ” ปณาลีจีบปากจีบคอพูดอย่างสนุก
“ อืม ดีแล้ว พี่เห็นว่าเรามีความสามารถนะถึงได้อยากให้ไปช่วยงาน ” อคินพูดถึงตำแหน่งออกแบบลายเส้นและสีสันที่เขานั่งคิดนอนคิดและตัดสินใจเปิดเพื่อรับงานจากลูกค้าเพิ่ม ซึ่งรูปแบบงานจะเป็นการออกแบบลวดลายบนผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น วอลเปเปอร์ ผ้าม่าน แก้ว เซรามิก ฯลฯ ปณาลีมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการสูงเพราะเขาเคยเห็นผลงานมาก่อนจึงเกิดเป็นไอเดียนี้ขึ้นมา รุ่นพี่อย่างเขาจึงอยากช่วยสนับสนุน และ…
“ แหม…หนูลีช่วยทำเงินให้พี่คินด้วยน่ะสิ เชอะ ”
ปณาลีเคยหยิกเขาไว้ แต่อคินหรือจะรู้สึกเจ็บปวด
“ ลายผ้าม่านชุดก่อนลูกค้าชอบใหญ่เลยล่ะ เห็นว่าอยากได้อีกสักแบบแต่พี่ขอเวลาลูกค้าไว้ก่อนเพราะเราใกล้สอบ ”
แล้วอคินก็เห็นประกายตาปลื้มปริ่มของปณาลีที่ภาคภูมิใจกับฝีมือตัวเอง
“ เดี่ยวสอบเสร็จหนูลีจัดให้เลย ” แล้วอคินก็ตบรางวัลด้วยการสั่งชาเย็นให้อีกแก้ว
“ เอ้อ หนูลีกับนินาเป็นยังไงมั่ง ” อคินถามถึงสาวสวยหน้าหวาน
ลัลนา เพื่อนสนิทของปณาลีที่เรียนคณะคหกรรม และที่จริงลัลนาต้องเรียนจบก่อนหน้าปณาลีไปหนึ่งปีแต่เพราะว่าช่วงเทอมสองของปีสี่ลัลนาเกิดประสบอุบัติเหตุจากรถเมล์ที่นั่งไปชนกับรถบรรทุกทำให้ผู้โดยสารหลายคนบาดเจ็บรวมทั้งลัลนาที่ต้องพักรักษาตัวไปหลายเดือนและต้องดรอปเรียนไป เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาปณาลีเก็บหน่วยกิตวิชานอกที่ต้องลงเรียนหมดแล้วอาจารย์ที่ปรึกษาจึงส่งไปฝึกงานในบริษัทออกแบบเพื่อหาประสบการณ์และถือโอกาสแสดงฝีมือไปในตัว พอถึงเทอมสุดท้ายก็กลายเป็นว่าสองสาวจะเรียนจบและรับปริญญาพร้อมกันพอดี
“ ก็เจอกันเรื่อยๆ ” รุ่นน้องสาวตอบ
“ เออ นินาต้องเรียนจบไปตั้งนานแล้วแต่ก็ต้องมานอนแซ่วป่วยเสียหลายเดือน นี่เรียนจบพร้อมกันเฉยเลย ”
“ แต่พอหายเจ็บนินาก็อ่อนแอลงมากนะพี่คิน พาเที่ยวตะลอนแบบเดิมไม่ได้อ่ะ ” ปณาลีสงสารเพื่อน
“ แล้วนี่เจ้าตัวเขาไปไหนเสียล่ะ ” อคินถามหา
“ คงไปไหนมาไหนกับแฟนเขาสิ ก็พี่เต็มเล่นตามประกบตั้งแต่เปิดเทอม หนูลีเป็นเพื่อนสนิทยังได้เจอกันอาทิตย์ละไม่กี่วันเอง ” น้ำเสียงซึมๆของรุ่นน้องสาวนั้นอคินเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเพราะอะไร ปณาลีหลงรักเหมรัศนิ์
ซึ่งเป็นแฟนกับลัลนาเพื่อนสนิทตัวเองมาเกือบห้าปีแล้ว และชายหนุ่มที่พูดถึงก็เป็นเพื่อนสนิทเขาเสียอีก
เหมรัศนิ์นั้นเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆในมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่เข้าเรียน ด้วยบุคลิกหน้าตาที่หล่อเหลา ร่างสูงใหญ่ ฐานะดี เรียนเอกบริหาร เป็นลูกชายคนเล็กของบ้านที่พ่อแม่หมายมั่นให้ช่วยสืบทอดธุรกิจร้านอาหารไทยกับพี่สาวคนโต เป็นสุภาพบุรุษตามสเปคในฝันของสาวๆเลยก็ว่าได้ สำหรับปณาลีนั้นเหมรัศนิ์เป็นความฝันแสนหวานของเธอเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆแต่ความรู้สึกที่อคินสัมผัสได้คือมันลึกล้ำและงดงามฝังแน่นในหัวใจ
“ ถ้าหนูลีออกตัวแรงตอนนั้นก็ได้เป็นแฟนกับไอ้เต็มตั้งนานแล้ว ” อคินย้ำเป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้
“ ถ้าพี่เต็มจะรักหนูลีก็คงรักไปตั้งนานแล้วล่ะพี่คิน ไม่ว่าจะมีนินาหรือไม่ก็ตาม ” ในแววตาของปณาลีมีแค่เงาของเหมรัศนิ์เสมอมา แต่เจ้าเพื่อนตัวดีของเขาจะไม่เคยมองเห็นแววตานั้นบ้างเลยเหรอนี่เป็นสิ่งที่อคินคิดมาตลอด
“ หนูลีรู้หรือยัง…ว่าทำไมไอ้เต็มมันถึงตามประกบนินาตลอดช่วงนี้ ” อคินเลียบเคียงถาม
“ คนเป็นแฟนกันไม่เห็นจะแปลกนี่คะ นินาก็จะเรียนจบแล้วพี่เต็มคงจะอยากออกตัวแรง ” ปณาลีหันไปสนใจแก้วชาเย็นที่อคินสั่งเพิ่มให้
“ … ” อคินพูดไม่ออกได้แต่มองดูหน้าปณาลีอย่างเห็นใจเงียบๆ
“ เต็มมัน…ให้ที่บ้านไปสู่ขอนินาไว้แล้ว รับปริญญาปีหน้าเสร็จก็จะแต่งงานเลย ” อคินหันไปคว้านิตยาสารสักเล่มมาเปิดดูเพื่อที่จะไม่ต้องมองเห็นแววตาตื่นตระหนกและปวดร้าวของปณาลี แค่เสียงลมหายใจที่สะดุดของรุ่นน้องสาวและความเงียบในร้านกาแฟช่างบีบคั้นอารมณ์เสียเหลือเกิน ผ่านสักพักอคินจึงได้ยินเสียงแผ่วเบาของปณาลี
“ ก็ดีแล้วนี่คะ เขาสองคนรักกัน ” ชาเย็นหอมหวานตรงหน้าให้รสชาติจืดชืดและขมคอสำหรับปณาลีจนต้องวางแก้วลงก็พอดีกับที่เสียงเรียกเข้ามือถือของเธอดังขึ้น เป็นลัลนาที่โทรมาชวนทานข้าวเที่ยงจึงตอบตกลงไปก่อนจะนัดเจอกันที่ร้านกาแฟเจ้าประจำข้างตึกเรียน
…ยี่สิบนาทีต่อมา ลัลนาสาวน้อยใบหน้าสวยหวานก็เดินแกมวิ่งเข้ามาหาปณาลีด้วยใบหน้าแจ่มใส
“ หนูลี...พี่คินก็อยู่ด้วยทานข้าวด้วยกันนะคะ วันนี่พี่เต็มเลี้ยง ” ลัลนาหันไปสวัสดีอคิน
“ แหม ดีเลย ว่าแต่คนเลี้ยงอยู่ไหนล่ะ ” อคินรับไหว้ก่อนจะถามยิ้มๆ
“ อะไรวะไอ้คิน ทำไมวันนี้ทิ้งแกลลอรี่มาได้ ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงสแล็คสีน้ำตาลเข้มก้าวเข้ามาอย่างมาดมั่น ดวงตาลึกล้ำของเหมรัศนิ์หันไปสบตาหญิงสาวอีกคนที่ลุกขึ้นยืนสวัสดีพร้อมกับรอยยิ้มหวานเหมือนเคยเขาจึงหันไปทักทาย
“ ไอ้พี่คินของหนูลีคงมาตื๊อไปทำงานด้วยสินะ เล่นตัวเอาเงินเดือนสูงๆไว้ล่ะ ”
“ เฮ่ยๆๆ ไอ้เต็มแกอย่ามายุยัยหนูลีเดี๋ยวฉันซวย ” อคินหันไปเบรกเพื่อนสนิท
“ นินาบอกว่าพี่เต็มจะเลี้ยงใช่ไหมคะวันนี้ ” ปณาลีเอ่ยถาม
“ ใช่จ๊ะ พี่ให้แม่ครัวทำของโปรดเราด้วยนะ นินาบอกว่าหนูลีชอบปลาช่อนทอดกรอบราดน้ำพริกมะขาม ” เหมรัศนิ์ยิ้มเมื่อเห็นดวงตาโตๆของปณาลี
“ หูย…วันนี้มีแต่คนเอาใจ หนูลีปลื้ม เดี๋ยวนะ! นินาจะหึงหนูลีไหมเนี่ย ” หันมาหาเพื่อนสนิท
“ โอ้ย...ให้นินาหึงหนูลีน่ะเหรอ น้ำท่วมหลังเป็ดก่อนเหอะ ” ลัลนาหัวเราะ
“ อ้าว รออะไรละครับสาวๆเจ้าของร้านจัดเต็มเราก็รีบไปกันเถอะ ” อคินลุกขึ้นแล้วชักชวนทุกคนออกไป
“ รีบอย่างกับเป็นร้านตัวเองเลยนะไอ้คิน ” เหมรัศนิ์ชกไหล่เพื่อนสนิทเบาๆไม่จริงจังนัก
ทั้งสี่คนเดินไปยังลานจอดรถโดยสองสาวเดินจูงมือคุยกันสนุกสนานนำหน้าไป สองหนุ่มจึงเดินสบายๆตามหลัง
สักครู่เหมรัศนิ์ก็รู้สึกว่าอคินเดินช้าลงจึงชะลอฝีเท้าถอยลงมาถาม
“ อะไรเหรอคิน ” แล้วเขาก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของอคิน
“ ฉันก็แค่…..คิดว่าแกไม่รู้สึกจริงๆน่ะเหรอ ” แล้วอคินก็เดินนำหน้าไปทิ้งให้คนที่ยังไม่ตอบเก็บคำถามนั้นไว้ถามตัวเอง
.
.
.
รู้สึกเหรอ ? …..เขารู้สึกสิ
**************************************************************************************************************
กระทู้แรกอาจจะแท็กหรือลงแบบงงๆบ้างนะจ๊ะ
ซ่อนรักพรางใจ เป็นนิยายแนวรักสามเศร้าค่ะ (คอมเม้นต์ในเว็ปโดนเละเลย ฮือๆ แต่ก็ยังรีไรท์ลงอีก อิอิ)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
มุกตามัน