จิตรกรรมฝาผนัง - วัดห้วยแก้ว อ.บางกระทุ่ม พิษณุโลก

โบสถ์เก่า ที่วัดห้วยแก้ว อ.บางกระทุ่ม พิษณุโลก









มีรูปปั้นตำรวจด้านหน้าโบสถ์





จิตรกรรมฝาผนัง ด้านหน้าเป็นพระพุทธรูปยืน

















หลวงพ่อท่านกำลังจะไปทำพิธีบวชพระที่โบสถ์ใหม่
เห็นเราเดินถ่ายรูปรอบโบสถ์ ก็เข้ามาถามไถ่
ท่านก็เมตตาให้พระเอากุญแจมาไขให้เข้าไปภายใน
ปัจจุบันทางวัดได้ถอนเสมาย้ายไปที่โบสถ์ใหม่ที่ด้านหลังแล้ว
โบสถ์เก่าก็จะเก็บรักษาเป็นโบราณสถาน
ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังน่าสนใจ ระบุปีที่วาดภาพเก่าที่สุดคือ พ.ศ. 2489





*ภาพด้านหลัง ขวามือของพระประธาน*


ด้านล่างเขียนว่า ชั้นที่ 1 จาตุมหา ภชิกรยืน 500 ปี ทิพย์บริวาร
จาตุมหาราชิกา เป็นสวรรค์ชั้นที่ 1 จัดอยู่ในกามภพ เป็นปรโลกฝ่ายสุคติภูมิ





เขียนว่า
สวรรค์ชั้นที่ 2 ชื่อดาวดึงส์ อายุยืนพันปีทิพย์ พระเจดีย์จุฬามณีอยู่ชั้นที่ 2





*ด้านหลังพระประธาน ตรงกลาง*


เขียนว่า สวรรค์ชั้น 4 ชั้นดุสิต และชั้น 5 นิมมานนรดี
ชั้น 6 อาจเป็นวิมานแถวบนสุด





*ภาพด้านหลัง ขวามือของพระประธาน*


พระมาลัยและนรกภูมิ
พระมาลัยเป็นพระอริยะที่มีฤทธิ์มาก รองจากพระโมคคลานะ
เคยโปรดสัตว์ในนรกภูมิ ได้เห็นว่านรกเป็นอย่างไร
เคยไปไหว้เจดีย์จุฬามณี เห็นว่าสวรรค์เป็นอย่างไร
นำเรื่องสวรรค์ และนรกมาสั่งสอน




*ผนังด้านขวามือของพระประธาน ... ทิศใต้ ... เป็นภาพพระพุทธประวัติ*


ด้านบนเหนือหน้าต่าง
ประสูติ






เจ้าชายประทับนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นชมพูพฤกษ์ หรือ ต้นหว้า
ขณะที่พระราชบิดาทรงทำพระราชพิธีพระนังคัลแรกนาขวัญ โดยเสด็จแรกนาด้วยพระองค์เอง
พระสหาย พระพี่เลี้ยง และมหาดเล็กไม่ได้อยู่เฝ้าเพราะไปชมพระราชพิธีแรกนา
เจ้าชายได้รับความวิเวกก็เกิดเป็นสมาธิขั้นแรกที่เรียกว่า ปฐมฌาน
แรกนาเสร็จตอนบ่าย เงาไม้ยังอยู่ที่เดิมเหมือนเวลาเที่ยงวัน ไม่คล้อยตามตะวัน






พราหมณ์โกณฑัญญะ ทายว่าพระราชกุมารนี้
ถ้าอยู่ในเพศฆราวาส จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ
ถ้าออกบวชจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดาเอกในโลก





เจ้าชายสิทธัตถะเรียนศิลปวิทยาที่ วิศวามิตรจนจบ
เจ้าชายได้แสดงความสามารถที่เรียนมา โดยยิง สหัสถามธนู
แปลว่า ธนูที่มีน้ำหนัก ขนาดที่คนจำนวนหนึ่งพันคนจึงจะยกขึ้นได้
ทรงยิงขนหางทรายจามรีในระยะหนึ่งโยชน์ ขาดตรงกลางพอดี
พระญาติวงศ์จึงยอมถวายพระนางพิมพายโสธรา เพื่อคัดเลือกและอภิเษกเป็นพระชายา






เจ้าชายสิทธัตถะทรงทอดพระเนตร คนแก่ ตนเจ็บ คนตาย จึงหนีเพื่อออกบวช





พระสิทธัตถะหนีไปบวช เทวดาเปิดประตูเมืองให้ พญามารห้ามแต่ยั้งไม่ได้





ด้านล่างระหว่างช่องหน้าต่าง
ที่อุรุเวลาเสนานิคม
นางสุชาดาบวงสรวงขอบุตรชายต่อเทวดาประจำต้นไทร เมื่อสมประสงต์ ได้นำข้าวมธุปายาสถวาย
แม้ท่านสิทธัตถะจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่นางยังยืนยันถวายข้าวนั้น
เมื่อฉันแล้วได้นำถาดไปอธิษฐานแล้วลอยไปในแม่น้ำเนรัญชรา เพื่อเสี่ยงทายว่าจะตรัสรู้ได้หรือไม่
ชณะกำลังบำเพ็ญเพียรมีฝนตก พญานาคมาจึวแผ่พังพานบังฝนให้





ธิดาพญามารยั่วยวน





มารมาขอที่ประทับใต้ต้นโพธิ์คืน พระองค์จึงเอามือชี้ที่ดิน ปรากฏพระแม่ธรณีหลั่งน้ำท่วมหมูมาร





ยมกปาฏิหาริย์ ที่ต้นมะม่วง
ยมก แปลว่าคู่หรือสอง
เพราะมีลัทธิต่าง ๆ อวดอ้างว่าตนเป็นอรหันต์
เพราะเศรษฐีผู้หนึ่งต้องการทราบว่าใครเป็นอรหันต์จึงนำบาตรไม้แก่นจันทน์แขวนที่ปลายไผ่สูง 15 เมตร ซึ่งไม่มีใครเอาลงมาได้
เพราะชาวเมืองดูหมิ่นพระพุทธศาสนา ว่าไม่มีพระอรหันต์ในโลก พระมหาโมคคัลลานะจึงให้พระปิณโฑลภารทวาช แสดงอิทฤทธิ์ไปเอาลงมาได้
เพราะพระพุทธองค์เห็นว่าไม่ควร จึงบัญญัติสิกขาบท
ห้ามภิกษุแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ หากฝ่าฝืนต้องอาบัติทุกกฎ
ห้ามใช้บาตรไม้ หากภิกษุใช้ ต้องอาบัติทุกกฎ
เพราะเดียรถีย์ทราบว่าพระพุทธองค์ห้ามภิกษุแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ จึงท้าทาย
พระพระเจ้าพิมพิสารกังวลใจ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า สวนผลไม้ที่ห้ามไม่ให้คนอื่นเด็ดไปกินไม่ได้ห้ามเจ้าของไม่ได้เด็ดกิน
เพราะพระพุทธองค์ตรัสว่าจะใช้ต้นมะม่วงแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ เดียรถีย์จึงโค่นต้นมะม่วงหมดเมือง
เพราะมีผู้นำผลมะม่วงสุกมาถวาย พระพุทธองค์
ทรงฉันเสร็จแล้วรับสั่งให้ปลูกเมล็ดลงดิน
พระองค์ทรงใช้น้ำที่ล้างพระหัตถ์รด เม็ดมะม่วงก็เจริญเติบโตออกผลเต็มต้น
ทรงเนรมิตจงกรมแก้วในอากาศเหนือต้นมะม่วง แล้วเสด็จขึ้นสู่ที่จงกรมนั้น
ทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ (อ่านว่า ยะ - มะ - กะ - ปา - ติ - หาน) คือ
มีท่อน้ำและท่อไฟพุ่งมา จากส่วนต่าง ๆ ของพระวรกายสลับกันไป
มีพระรูปของพระองค์ออกมาเป็นคู่ ๆ





ทรงโปรดพระพุทธมารดา





*ภาพบนผนังตรงข้ามพระประธาน*


ทรงผบวช





ชาวเมืองต่างโจษจันกันถึงนักบวชหนุ่มผู้ทรงความสง่างาม ผิดจากนักบวชอื่น
พระเจ้าพิมพิสารกษัตริย์แห่งแคว้นมคธ จึงทรงสั่งให้เจ้าพนักงานไปสืบความดู





พระมหาบุรุษทรงรับอาหารบิณฑบาตพอควรจากชาวเมืองแล้ว
ทรงเสวยอาหารที่คละระคนปนกันทุกชนิดในบาตร
พระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปเฝ้าและตรัสเชิญพระมหาบุรุษให้เสด็จอยู่ครองเมืองด้วยกัน
พระมหาบุรุษทรงปฏิเสธและทรงแจ้งถึงความแน่วแน่ในพระทัยจะแสวงหาความตรัสรู้
พระเจ้าพิมพิสารจึงตรัสขอปฏิญาณว่า ถ้าได้ตรัสรู้แล้วขอให้เสด็จมาโปรด
พระมหาบุรุษทรงรับปฏิญาณนั้น





ช้างปาลิไลยกะ ละจากฝูงช้างมาจากป่ามาปฏิบัติองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระอินทร์ดีดพิณ ... เตือนให้เดินทางสายกลาง
พระมหาบุรุษทรงรับหญ้าคา 8 กำที่พราหมณ์โสตถิยะถวาย ทรงนำไปปูเป็นอาสนะประทับที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์
ปัญจวัคคีหนีไป คิดว่าพระองค์ละความเพียรแล้ว





ด้านล่างข้างประตู

พระเจ้าพิมพิสารทรงถวายเวฬุวันนาราม แด่พระพุทธเจ้าแล้ว
แต่ไม่ได้ทรงอุทิศส่วนกุศลใดๆ ในครั้งนั้น
พวกเปรตซึ่งเมื่อเป็นมนุษย์ได้ทุจริตคอรัปชั่น เคยเป็นพระญาติของพระเจ้าพิมพิสาร
มาคอยรับส่วนบุญที่จากพระเจ้าพิมพิสาร แต่เมื่อผิดหวัง
รุ่งขึ้นพระเจ้าพิมพิสารจึงเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อทราบความ
จึงทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ถวายอาหารและจีวรแก่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์
แล้วทรงหลั่งน้ำ ทักษิโณทก ... ทักษิณา คือของที่มาทำบุญ , อุทก คือน้ำ
หมายถึงการหลั่งน้ำเพื่อยกให้ คือการกรวดน้ำว่า
อิทัง (บุญนี้) เม (ของข้าพเจ้า) ญาตีนัง (แก่ญาติทั้งหลาย) โหตุ (จงมี)





นายจุนทะได้ถวายสูกรมัททวะ ให้พระพุทธเจ้า

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่