ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 1/5/2018 (แรงงานไทย-ฟันเฟืองสำคัญที่มักถูกลืม)

กระทู้คำถาม


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น





สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน


สุขสันต์วันแรงงานค่ะ วันนี้เพื่อนหลายคนอาจได้หยุด บางคนก็ไม่ได้หยุด บางคนอาจยิ่งต้องใช้แรงงานกว่าเดิม

ที่จริงแล้ววันแรงงานเป็นวันสำคัญที่มากไปกว่าวันหยุด อยากให้สังคมได้ตระหนักถึงความสำคัญผู้ใช้แรงงานให้มากๆ



ประวัติวันแรงงานแห่งชาติ

แรกเริ่มนั้นประเทศแถวยุโรปจะถือเอาวันเมย์เดย์ (May Day) เป็นวันเริ่มต้นฤดูใหม่ทางเกษตรกรรม
มีพิธีเฉลิมฉลองขอให้ปลูกพืชได้ผลดี รวมถึงขอให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข
บางแห่งจะมีการจัดงานรอบกองไฟในวันนี้ด้วย ในอังกฤษก็ยังมีสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันนี้

จากตอนแรกที่เป็นเพียงวันหยุดพักผ่อนประจำปี
ต่อมาประเทศอุตสาหกรรมหลายประเทศได้ถือเป็นวันหยุดตามประเพณีทั่วไป
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตือนใจให้ประชาชนตระหนักถึงผู้ใช้แรงงานที่ได้ทำประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศ
จนเมื่อปี พ.ศ. 2433 ได้มีการเรียกร้องในหลายประเทศให้ถือเอาวันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงานสากล




ประวัติวันแรงงานแห่งชาติในประเทศไทย

ในประเทศไทยเมื่ออุตสาหกรรมได้ขยายตัวขึ้น ก็มีปัญหาผู้ใช้แรงงานมากขึ้น
จนปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยก็ได้เริ่มมีการจัดการบริหารแรงงาน
ซึ่งเป็นการจัดสรรและพัฒนาแรงงานรวมถึงคุ้มครองดูแลสภาพการทำงาน
เพื่อสร้างรากฐานและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง

โดยในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2499 คณะกรรมการการจัดงานที่ระลึกแรงงาน ได้จัดประชุมขึ้น
และกำหนดให้วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันระลึกถึงแรงงานไทย จนเป็นที่มาของวันกรรมกรแห่งชาติ
และต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็นวันแรงงานแห่งชาติ

และในปี พ.ศ. 2500 ก็ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกำหนดวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน
ซึ่งได้กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิ์หยุดงานในวันแรงงานแห่งชาติด้วย

แต่ พรบ. ฉบับดังกล่าวก็มีอายุเพียงแค่ 18 เดือนก็ถูกยกเลิกไป โดยมีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 19 มาแทนที่
และมีการให้อำนาจกระทรวงมหาดไทยออกประกาศกำหนดเรื่องการคุ้มครองแรงงาน
และกำหนดวันกรรมกรให้เป็นวันหยุดตามประเพณี

แต่เนื่องจากสถานการณ์ในขณะนั้นมีการผันแปร จึงมีคำชี้แจงออกมาในแต่ละปี
เพื่อเตือนนายจ้างให้ลูกจ้างหยุดงานในวันที่ 1 พฤษภาคม
แต่ก็มีการขอร้องไม่ให้มีการเฉลิมฉลองเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

จนกระทั่งปี พ.ศ. 2517 ได้เปิดให้มีการฉลองตามสมควร
จึงมอบให้กรมแรงงานที่ขณะนั้นสังกัดกระทรวงมหาดไทยจัดงานฉลองวันแรงงานแห่งชาติขึ้นที่สวนลุมพินี
โดยมีการทำบุญตักบาตร มีนิทรรศการแสดงความรู้ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย



บ้านเรามีพิพิธภัณฑ์แรงงานไทยด้วยนะ ใครยังไม่รู้จัก ตามมาเลยค่ะ




พิพิธภัณฑ์จะแบ่งเป็นห้องๆ ตามยุคต่างๆ ของแรงงานไทย เช่น

ห้อง 1: แรงงานบังคับ ไพร่ – ทาส  (Corvee and Slave Labour)
สังคมไทยโบราณปกครองในระบอบศักดินา มีแรงงาน ไพร่-ทาส ซึ่งเป็นแรงงานบังคับหรือแรงงานเกณฑ์
เป็นผู้ดำเนินการผลิตทุกด้านของสังคม ทั้งการเกษตร การก่อสร้าง ตลอดจนเป็นทหารป้องกันประเทศ



ถือว่าแรงงานเป็นรากฐานสำคัญของประเทศเรามาช้านาน



ห้อง 2: กุลีจีน (Chinese Coolies)
ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากสังคมศักดินาสู่ระบบทุนนิยม
ชาวสยามยังเป็นแรงงานบังคับในระบบไพร่ ไม่มีอิสระที่จะไปรับจ้าง จึงมีการใช้แรงงานจีน หรือ กุลีจีน
ซึ่งเป็นแรงงานต่างชาติ ถือว่าชาวจีนเป็นแรงงานรับจ้างรุ่นแรกๆ ของสังคมไทย




ห้อง 3: แรงงานกับการปฏิรูปประเทศ (Labour and The Reforms)
ในสมัยล้นเกล้า รัชการลที 5 ถือเป็นยุคแห่งการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในหลายๆ ด้าน
ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

การปฏิรูประบบสาธารณูปการได้สร้างความสะดวกสบาย นำความกินดีอยู่ดีมาสู่ประชาชนสยาม
เช่น การขุดคูคลองเพื่อการคมนาคมขนส่งและการชลประทาน สร้างสะพาน ถนนหนทาง
เส้นทางรถไฟ การประปา ไฟฟ้า ไปรษณีย์ โทรเลข และโทรศัพท์

มีผู้ใช้แรงงานจำนวนมากมายทุ่มเททำงานและพลีชีพเพื่อความสำเร็จของโครงการปฏิรูป
เป็นการปูพื้นฐานเพื่อการพัฒนาประเทศในยุคต่อๆมา




ห้อง 4: แรงงานกับการเปลี่ยนแปลง 2475 (Labour and the 1932 Change in Government)
เป็นยุคที่สิทธิเสรีภาพของชนชั้นล่างได้รับการยอมรับมากขึ้น  กรรมกรจึงเริ่มมีปากมีเสียง
สมาคมกรรมกรรถรางแห่งสยาม ที่นำโดย นายถวัติ  ฤทธิเดช  ได้รับการจดทะเบียนเป็นแห่งแรก



รัฐบาลคณะราษฎร เริ่มก้าวแรกของนโยบายเกี่ยวกับกรรมกร โดยออกกฎหมายการจัดหางานขึ้น  
และมีนโยบายให้รัฐเข้าไปดำเนินกิจการอุตสาหกรรมแทนที่ชาวต่างชาติที่เรียกว่าทุนนิยมโดยรัฐ  
เกิดหน่วยงาน “รัฐพานิชย์”  ซึ่งก็คือรัฐวิสาหกิจในยุคต่อๆมานั่นเอง




ห้อง 5: จากสงครามโลกสู่สงครามเย็น (From World War to the cold War)
แม้นโยบายของคณะราษฎรที่เปิดกว้างในเรื่องสิทธิเสรีภาพ จะทำให้เกิดองค์กรแรงงานที่เข้มแข็ง
อย่างสมาคมสหอาชีวะกรรมกรแห่งประเทศไทย ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
และต่อมาก็มี กรรมกร 16 หน่วย ที่ผลักดันให้เกิด พระราชบัญญัติกฎหมายแรงงานฉบับแรก เมื่อ พ.ศ.2499  

แต่อิทธิพลของรัฐบาลเผด็จการทหารในช่วงเวลาต่อมา ก็ทำให้สิทธิเสรีภาพของคนงานถูกริดรอนอย่างหนัก




ห้อง 6: ห้องศิลปวัฒนธรรมกรรมกร จิตร ภูมิศักดิ์ (Jit Phumisak Worker Cultural Room)
จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นผู้เสนอแนวคิด ศิลปะเพี่อชีวิต ศิลปะเพื่อประชน และได้สร้างบทเพลงขึ้นมากมาย
เช่น มาร์ชชาวนาไทย, มาร์ชกรรมกร, ศักดิ์ศรีของแรงงาน, รำวงวันเมย์เดย์, ฯลฯ
จนถือเป็นต้นกำเนิด และมีอิทธิพลอย่างมากต่อเพลงเพื่อชีวิตในยุคต่อมาที่รับอิทธิพลเพลงประท้วงสงคราม
เพลงเพื่อเสรีภาพจากตะวันตกเข้ามาผสมผสานด้วย




ห้อง 7: จาก 14 ตุลาฯ ถึง วิกฤติเศรษฐกิจ (From October Up Rising to the Economic Crisis)
การขาดเอกภาพในขบวนการแรงงาน ทำให้ขบวนการแรงงานไทยขาดความเข้มแข็ง ขาดอำนาจต่อรอง
จึงทำให้กระทั่งถึงทุกวันนี้ ชีวิตของผู้ใช้แรงงานไทยส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในสภาพที่ขาดความมั่นคงในการทำงาน
ค่าจ้าง สวัสดิการต่ำ และทำงานในสภาพที่ไม่ปลอดภัย

ผู้ใช้แรงงานยังต้องอยู่ในสภาพของผู้ที่ถูกสังคมลืมเลือนตลอดมา





ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
http://hilight.kapook.com/view/23219
http://thailabourmuseum.org/
http://www.oknation.net/blog/paaru/2015/03/23/entry-1


....................................................................


ที่ผ่านมาแรงงานมักถูกมองเป็นเพียงผู้ทำงานแลกกับค่าจ้าง เป็นชนชั้นล่างของสังคมไทย
แต่ที่จริงแล้วผู้ใช้แรงงานล้วนเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม

ปัจจุบันแทนที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น แต่พวกเขากลับถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายทุนที่เห็นแก่ได้
มีปัญหาแรงงานเด็ก หรือหรือภาวะแวดล้อมกันทำงานที่มาตรฐานความปลอดภัยต่ำ ขาดสุขอนามัยที่ดี
ขาดสวัสดิการ ขาดแม้แต่เวลาพักผ่อนที่เพียงพอ

และเราก้าวผ่านยุคต่างๆ มาไกลแล้ว ขอให้มีแต่ก้าวไปข้างหน้า อย่าได้ย้อนกลับหลังไปอีก

ในหลายประเทศมีการเรียกร้องให้สร้างความเสมอภาคให้แก่แรงงาน
เขาควรได้ทำงานวันละ 8 ชั่วโมง พักผ่อน 8 ชั่วโมง และเวลาศึกษาหาความรู้อีก 8 ชั่วโมง
เพื่อพัฒนาตนเอง พัฒนาฝีมือ ดังนั้นเราควรให้ความสำคัญ ให้สิทธิที่เท่าเทียมแก่กำลังของชาติด้วยเช่นกัน


ทุกคนล้วนเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศ
สิ่งสำคัญไม่ใช่ตำแหน่ง อำนาจ บารมี หัวโขน หรือความเก่งกาจแต่ไร้น้ำใจ

แต่คือจิตสำนึกรับผิดชอบในงานของตน และสร้างสรรค์สิ่งดีงามให้สังคม

สยามพาเหรด - พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร

https://www.youtube.com/watch?v=Ud49oOQMTJw
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

อยากจะเป็นกำลังสำคัญ ทุกคืนวันเติบโตช้าช้า
ต้องไม่หวั่นบุกบั่นและฟันฝ่า ตอบแทนแดนดินเมืองไทย
กำเนิดเราลืมตาขึ้นมา ไม่เคยลืมค่าความเป็นไทย
ขอพิสูจน์บทหนึ่ง ของความในใจของเรา

อาจจะเป็นเพียงคนร้องเพลง ฉันบรรเลงด้วยความจริงใจ
ขอเป็นส่วนประกอบสังคมไทย ใส่ใจสร้างความดีงาม
กลั่นจากใจกลายเป็นสำเนียง เปล่งเป็นเสียงร้อง
ร้องและร้องตาม บุญคุณเมืองสยามถึงตายไม่ลืม

ฉันไม่มีระบ่งระเบิด ไม่ทำลายแผ่นดินที่เกิด
แต่มีวิญญาณจะร้องเพลง ร้องเพลงเพื่อคนไทย
โลกจะเอาเราเป็นพยาน สร้างตำนานให้มันยิ่งใหญ่
ให้เราภาคภูมิในหัวใจ ว่าฉันคนไทย เมืองยิ้ม


คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 80
สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามไปนอกจากค่าแรงแล้วนั่นก็คือความปลอดภัยในการทำงาน รวมถึงผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ทำงานด้วย  ตอนทำงาน 4 ปีแรก เพื่อนร่วมงานที่เป็นรุ่นพี่ตายไป 4 คน ส่วนใหญ่จะทำงานเกี่ยวกับงานเชื่อม ซึ่งสิ่งที่ทำให้ตายนี่มาจากควันเชื่อมอาร์กอน ซึ่งส่งผลต่อผิวหนัง ดวงตา ระบบทางเดินหายใจ และอวัยวะภายใน บางครั้งทำงานในที่อับอากาศเราก็ไม่รู้จะหนีมันไปทางไหน ได้แต่พึ่งอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคลที่เขาจัดมาให้ จึงอยากให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ป้องกันภัยเหล่านี้ให้มันปกป้องได้ 100% จริงๆ แม้จะแพงขึ้นมาหลายเท่าแต่ถ้าเทียบกับชีวิตคนมันก็คุ้ม ดีกว่าเอางบประมาณออกไปสัมนาหรือจัดเลี้ยง จัดกิจกรรมตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

ช่วงที่มีการ morning talk ควรให้เวลาและความสำคัญกับ จนท ความปลอดภัยหรือ จป ให้มากๆ บางทีเจอพวกโฟร์แมนขาลุยหรือวิศวกรห่ามๆ จป เข้าไปทำอะไรมากก็ไม่ได้ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาก็ซวยกันถ้วนหน้าทั้ง จป และทีมงานเอง  นักรบแรงงานมันจะต่างจากตำรวจ-ทหารตรงที่บาดเจ็บจากการทำงานแล้วตำรวจ-ทหารอาจได้ปูนบำเน็จ แต่แรงงานนี่ตรงข้ามเลย ต้องโดนสอบ เขียนรายงาน และอาจแป๊กขั้นเงินเดือนได้  เพราะฉะนั้นแล้วความปลอดภัยในการทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เขาถึงตั้งเป้าไว้ว่าอุบัติเหตุจากการทำงานต้องเป็นศูนย์เท่านั้น แม้ในความเป็นจริงจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่