ชีวิตบนเรือสำราญ สำราญจริงหรือ? ฉบับหมดเปลือก


ติดตามเรื่องราวอื่นๆได้ครับที่เพจนี้ Never Ending Wanderlust
Facebook : https://www.facebook.com/Never-Ending-Wanderlust-333202827168152/
Instagram : https://www.instagram.com/wanderlust_neverending/

ชีวิตบนเรือสำราญ สำราญจริงหรือ? ภาคต่อ ตอน 2 https://ppantip.com/topic/37615183
ชีวิตบนเรือสำราญ สำราญจริงหรือ? ภาค 3 https://ppantip.com/topic/37665346
ชีวิตบนเรือสำราญ สำราญจริงหรือ? ตอน 4 ฑูตวัฒนธรรมบนเรือสำราญ https://ppantip.com/topic/37688092

สวัสดีครับ สิ่งที่ผมกำลังจะเขียนต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตผม ให้ประสบการณ์ชีวิตที่ไม่อาจหาได้ที่ไหนอีกแล้ว มีทั้งทุกข์(มากก) สุข(นิดนึง ฮ่าๆๆ)
นั่นคือการทำงานบนเรือสำราญ อาชีพในฝันของคนหลายต่อหลายคน ได้ทำงานเมืองนอก ได้เที่ยวรอบโลก ตื่นมาเรือก็พาไปประเทศใหม่แล้ว น่าอิจฉาจัง

กระทู้นี้จึงเป็นกระทู้พลีชีพที่ผมอยากจะมาเล่าสู่กันฟัง เผื่อจะเป็นแนวทางหากใครอยากจะไปทำงานเรือสำราญ

การผจญภัยของผมเริ่มต้นมาจาก ก่อนที่จะตัดสินใจไปทำงานบนเรือสำราญ ผมเป็นมัคคุเทศก์หรือว่าไกด์นำเที่ยวนั่นเอง ทำมาเกือบสิบปี จนอยู่มาวันนึงความเบื่อหน่ายหลายประการกับสิ่งที่ทำมาเกือบสิบปีได้ผลักดันให้ผมหาวิถีทางใหม่ จึงได้ไปปรึกษาเพื่อนคนหนึ่งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งเพื่อนของผมคนนี้ทำงานบนเรือสำราญมาก่อนผมและทำมานานแล้วเกือบสิบปีเป็นบาริสต้า

เพื่อนผมคนนี้ได้เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับงานนี้อย่างหมดเปลือก นั่นคือ...งานบนเรือน่ะ คนในอยากออก(มาก) คนนอกก็อยากเข้า(มาก)เช่นกัน เวลาที่คนลงรูปในเฟซบุ๊คอะไรก็แล้วแต่ ก็มีแต่รูปที่ได้ไปเที่ยว ไม่เหมือนไปทำงานเลย ซึ่งนั่นคือเรื่องที่...ผิด

ผมสมัครไปเป็นบริกรในห้องอาหาร เพราะตำแหน่งนี้รับเยอะและมีโอกาสติดสูงมากกว่าตำแหน่งอื่น ซึ่งผมก็ได้ตำแหน่งนี้จริงๆ แต่ใช่ว่าปุบปับจะไปได้เลยนะครับ ทุกอย่างมันย่อมมีขั้นตอน ซึ่งจะไปทำงานที่อเมริกาย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย

ผมใช้เวลาในการวิ่งเต้นเอกสารทั้งหมดประมาณครึ่งปีได้ หากเป็นคนที่ทำงานประจำ นั่งออฟฟิศทั่วไปคงจะลำบาก เพราะต้องวิ่งเต้นหลายอย่าง ทั้งเรื่องอบรมก่อนลงเรือ วิ่งเอกสารในเวลาทำการ วีซ่า ตรวจร่างกาย และอีกมากมายจิปาถะมาก แต่ผมเป็นไกด์อิสระที่ไม่ได้ทำประจำให้กับบริษัทเดียวจึงได้เปรียบคนอื่นหน่อยนึง

ก่อนอื่นเลยหากคุณต้องการจะทำงานบนเรือ คุณต้องสมัครก่อนแน่นอน แต่จะสมัครที่ไหนล่ะ? เรื่องนั้นหาเองนะครับ เดี๋ยวจะพาดพิง

ทางบริษัทจะมีข้อสอบวัดความรู้ให้ทำ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ เมื่อคุณผ่านขั้นตอนนั้นมาได้ ขั้นตอนต่อไปคือการสัมภาษณ์ ซึ่งจะแยกออกเป็นสองรอบ และหากท่านผ่านการสัมภาษณ์ทั้งสองรอบแล้ว คุณจะต้องไปเข้าคอร์อบรมวิชาความรู้เกี่ยวกับเรือ จำได้ลางๆว่าต้องไปเข้าห้องเรียนประมาณอาทิตย์นึง หลังจากนั้นคุณจะได้ใบประกาศนียบัตรจากสถาบัน

ขั้นตอนต่อไปคุณจะต้องไปตรวจร่างกาย ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือเป็นจุด Climax ของเรื่องนี้เลย ฮ่าๆๆ เพราะผมทำให้ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลนึงต้องออกมาขอโทษเลยทีเดียว

คือก่อนที่คุณจะลงเรือ ทางเรือจะต้องมั่นใจว่าคุณสะอาด นั่นหมายความว่าเขาจะตรวจทั้งร่างกาย หัวจรดเท้า ตรวจทั้งเลือด ปัสวะ ตวามดัน บลาๆๆ ซึ่งทางบริษัทตัวแทนของทางเรือแจ้งมาว่าคุณจะต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลนี้ แห่งนี้เท่านั้นในกรุงเทพ ไม่ว่าคุณจะอยู่เชียงใหม่หรืออยู่หาดใหญ่ คุณก็ต้องเดินทางมาที่นี่เท่านั้น ในความเป็นจริงการตรวจร่างกายอาจจะไม่เสร็จภายในครั้งเดียวด้วยซ้ำ

กลับมาที่การตรวจร่างกายของผมแล้วกันนะครับ ตอนนั้นผมก็เดินทางไปที่โรงพยาบาลแห่งนี้ที่เขาแจ้งมา ต้องอดข้าวไปก่อนเหมือนการตรวจแบบทั่วไป หลังจากการตรวจ ทางพยาบาลก็แจ้งว่าให้ผมไปทานข้าวได้แล้วกลับมาฟังผลในอีกหนึ่งชั่วโมง พอผ่านไปหนึ่งชั่วโมงผมก็กลับไป เขาได้ส่งผมเข้าห้องเพื่อพบหมอคนเดิมที่ตรวจผม หมอแจ้งผมว่าเลือดของผมมีโอกาสติดเชื้อสูงมาก นั่นคือเชื้อ Thalassemia และ Syphilis ผมก็อ้าปากค้าง หน้าซีด ช๊อคมาก แล้วผมก็ถามกลับว่า ผมเนี่ยนะมีเชื้อที่ว่ามา ผมเคยบริจาคเลือด แล้วผมจะเป็น Thalassemia ได้ยังไง แล้วผมก็ไม่ได้มั่วไปทั่วด้วย 555 หากผลตรวจของคุณมีปัญหา การตรวจซ้ำไปซ้ำมา จ่ายค่าตรวจเพิ่ม ไปๆมาๆโรคอาจจะหายไปเองก็ได้ เดี๋ยวนะ...555 และตับผมก็มีปัญหา ต้องเอกซ์เรย์อีกรอบ และต้องจ่ายเพิ่มอีก เฮ้อ...

หลังจากที่ผมฟังผลตรวจแล้ว ยอมรับว่าผมเครียดมาก เพราะผมมานั่งใคร่ครวญคิดแล้วคิดอีกว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราติดโรคเหรอ เฮ้ย...ตอนไหนวะ? กลายเป็นว่าผมอยู่ในภาวะวิตกกังวลเลย แต่พอคิดไปคิดมา ผมก็ฟันธงว่ายังไงผมก็ไม่เชื่อเด็ดขาด ผมจะไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลอื่นแล้วเอาผลตรวจมายัน แต่ตอนนั้นผมทานข้าวไปแล้วตอนที่รอผลตรวจ วันนั้นจึงทำอะไรไม่ได้ ต้องรอวันต่อไป

รุ่งขึ้นผมก็ไปตรวจเลือดกับอีกสองโรงพยาบาล ผลออกมาปรากฏว่าเลือดผมมีสุขภาพดีมาก ไม่มีวี่แววว่าจะติดเชื้ออะไรเลย วันนั้นผมเลยกลับไปที่โรงพยาบาลแรกอีกรอบเพื่อเอาผลตรวจไปยัน หลังจากนั้นผมก็นั่งยันนอนยันกับทางโรงพยาบาลและจะเอาเรื่อง จนในที่สุดทางโรงพยาบาลจึงเอาเลือดไปตรวจอีกรอบและผลออกมาคือ...ไม่ติดเชื้อ สุขภาพดีจ้า หึหึหึ

ตัดภาพมาที่งานเรือเหมือนเดิม 555 ขั้นตอนต่อไปก็คือการขอวีซ่ากับทางสถานฑูตอเมริกา ซึ่งออกง่ายมากเพราะขอผ่านทางบริษัทตัวแทนเรือ

เมื่อเอกสารทุกอย่างครบ ใจพร้อม กายพร้อม รออะไรล่ะ...ไปสิ ไปอเมริกากัน เย้!

ติดตามตอนต่อไปแล้วกันนะครับ ขอกลับบ้านก่อน มาทำให้อยากแล้วจากไป 555
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่