ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อมาดามเฉิง แต่ขอเรียกแทนตัวเองว่า มาด้าม
มาด้ามเป็นแม่บ้านไต้หวันค่ะ ไว้รอบหน้าจะมาเล่าถึงความเป็นมา กว่าจะมาเป็นแม่บ้านไต้หวัน ^^
สถานะปัจจุบันตอนนี้ เป็นคุณแม่ลูก 2 แล้วค่ะ คนโตชื่ออลิซ (Alice) ส่วนน้องเล็กที่เพิ่งออกมาลืมตาดูโลก ชื่อลูคัส (Lucas)
ยังไงขอฝากเพจ บันทึกมาดามเฉิง (Mrs. Cheng's diary) ไว้ด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/mrschengdiary/
วันนี้ขอประเดิมเรื่องการคลอดธรรมชาติในต่างแดน นั่นก็คือไต้หวันนั่นเอง
และถึงแม้ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 2 ของการคลอดแบบธรรมชาติ
แต่เชื่อไหมคะว่า ประสบการณ์ที่มาด้ามได้รับ มันต่างจากครั้งแรกโดยสิ้นเชิง เอ้า! ยังไง? มาค่ะ เดี๋ยวจะเม้าท์ให้ฟัง 😉
👶🏻จากครั้งล่าสุดที่ไปเจอคุณหมอแล้วพบว่ายังไร้วี่แววสัญญาณการคลอด พอกลับมาบ้าน มาด้ามก็เสริชหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการเร่งกระตุ้นการคลอดธรรมชาติบนอินเตอร์เน็ต จริงๆ มีหลากหลายวิธีเลยคะ ซึ่งจะได้ผลหรือไม่ ตอนนั้นมาด้ามเองก็ไม่แน่ใจ แต่ก็อยากลอง จึงเลือกวิธีที่เซฟตัวเองมากที่สุดไว้ก่อน อย่างแรกคือการบริหารร่างกาย มาด้ามจะทำ deep squats 10 ครั้ง 2 เซต และทานสับปะรด เพราะอ่านเจอมาว่า สารในสับปะรดจะทำให้มดลูกบีบตัวและเร่งให้ปากมดลูกเปิด ต่อมาก็คือ เดินค่ะ! จากที่คิดว่าเดินเยอะแล้ว มันยังไม่พอ ก็ต้องเดินให้เยอะยิ่งขึ้น ช่วงนี้อากาศดีด้วย เดินวนไปค่ะ แต่เดินช้าๆ นะคะ
⏰18:00 จนมาถึงวันเกิดเหตุ หลังมื้อเย็น มาด้ามก็นั่งพักผ่อน ทานผลไม้หลังอาหารกับอลิซตามปกติ สักพักเกิดอาการท้องแข็งและปวดท้องหน่วงๆ ในระดับที่ทนได้อยู่ ซึ่งวันก่อนหน้านี้ก็เป็น สักพักอาการต่างๆ ก็บรรเทาหายไป
⏰18:30 มันเริ่มปวดหนักขึ้น จนมาด้ามต้องชวนอลิซย้ายไปเล่นในห้องนอนแทน เพราะจะถือโอกาสเอนหลังพักไปด้วย ทว่ามันไม่ได้ช่วยให้อาการปวดท้องทุเลาลงเลย ความปวดเกิดขึ้นทุกๆ 10 นาที
⏰19:00 ผ่านไปครึ่ง ชม. อาการปวดทวีเพิ่มมากขึ้นและถี่ขึ้น เป็นทุกๆ 5 นาที ถึงตอนนี้มาด้ามตัดสินใจโทรหาพ่อบ้านเฉิง เพราะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองต้านทานความปวดไม่ไหวแล้ว ซึ่งในวันนั้น พ่อบ้านเฉิงมีคลาสสอนจนถึง 3 ทุ่ม แต่ฮีก็ยกเลิกคลาสทันที เพราะมาด้ามไม่ไหวแล้ว!!!
หลังจากรอพ่อบ้านเฉิงกลับมาบ้าน และโทรเรียก taxi มารับ ในส่วนนี้เป็นแผนที่เราวางไว้แล้วว่าจะใช้บริการ taxi แทนการขับรถไปโรงพยาบาลเอง จะได้ตัดปัญหาเรื่องหาที่จอดรถ และถึงแม้โรงพยาบาลจะอยู่ใกล้บ้านมาก หากเดินเท้าก็ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น แต่จังหวะนี้ เดินไม่ไหวแล้วค่ะ! แค่ต้องพยุงตัวเองเดินไปขึ้น taxi หน้าบ้านก็แย่แล้ว
⏰19:40 มาถึงโรงพยาบาล ก็รีบตรงดิ่งไปที่แผนกผดุงครรภ์ พยาบาลก็ตามเข้ามาเช็คความดันและเช็คว่าปากมดลูกเปิดหรือยัง ใช่ค่ะ! ปวดขนาดนี้ ปากมดลูกเปิดมา 3.5 ซม แล้วค่ะ พยาบาลก็ให้มาด้ามเปลี่ยนเสื้อผ้า นอนพักรอ รอ รอ คือตอนนี้ อาการปวดมันพุ่งสูงขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเดียวที่มาด้ามต้องทำคือ พยายามควบคุมสติตัวเองให้ได้ หายใจลึกๆ และผ่อนลมยาวๆ เพราะหากไม่ทำแบบนี้และปล่อยให้ตัวเองสติแตกไปกับความเจ็บปวด มันจะมีผลต่อทารกในครรภ์โดยตรงค่ะ อันนี้คุณหมอเคยบอกมาสมัยที่เจ็บท้องคลอดอลิซ ดังนั้น สภาพของมาด้ามจึงเป็นแบบนอนเกาะขอบเตียง เม้มปากแน่น น้ำตาหยดติ๋งๆ อย่างเงียบๆ ในห้องพักรอคลอด ระหว่างนั้น พยาบาลจะคอยมาตรวจว่าปากมดลูกเปิดกี่เซน ทุกๆ 10 นาที
⏰20:20 ได้เวลาแล้วค่ะ! พยาบาลเข้ามาตรวจปากมดลูกอีกครั้ง เสร็จก็ร้องเรียกให้มีการนำร่างอันบิดเบี้ยวของมาด้ามตรงไปยังห้องคลอดทันที เมื่อไปถึงก็จัดแจงท่าทางของมาด้ามเพื่อให้สะดวกต่อการทำคลอด และตรวจการเต้นของหัวใจของลูคัสเป็นระยะๆ อีก 10 นาทีต่อมา คุณหมอก็เข้ามาพร้อมกับพ่อบ้านเฉิง นั่นหมายความว่า ถึงเวลาเบ่งจริงๆ แล้ว สูดลมหายใจลึกๆ และเบ่งยาวๆ นับ 1-10 ในใจ กองเชียร์เยอะมากค่ะจังหวะนี้ มาด้ามได้ยินแต่คำว่า "push push push"
⏰20:37 และในที่สุด ตี๋น้อยลูคัสก็ออกมา พร้อมกับน้ำหนักตัว 3500 กรัม จังหวะที่รู้ว่าลูกออกมาครบสมบูรณ์ มันเหมือนความกังวลต่างๆ ที่เคยมีตอนตั้งครรภ์ได้ถูกปลดปล่อยออกไป ช่วงที่รอคุณหมอเย็บแผล พยาบาลก็นำลูคัสมานอนบนอกของมาด้าม (skin-to-skin) เพื่อเป็นการปรับสภาพและลดความตึงเครียดให้กับทารกแรกเกิด
😪เรียกได้ว่าการคลอดครั้งนี้ผ่านไปได้ดีและไวมาก! รวดเร็วจนมาด้ามเองก็งงไปหมด สุดท้ายต้องขอขอบคุณทีมคุณหมอและพยาบาลทำคลอดทุกคน พ่อบ้านเฉิงที่คอยอยู่ข้างๆ มาด้ามตลอดจนการคลอดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี 🙏🏻😘
อยากจะบอกว่า การคลอดธรรมชาติ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือติดขัดอะไร มาด้ามก็อยากแนะนำให้คลอดธรรมชาติ นอกจากจะทำให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วหลังคลอดแล้ว เรายังสามารถกินได้ทุกสิ่งอย่างแบบไม่ต้องงดอาหาร เรื่องกินเรื่องใหญ่ สำคัญมาก! 😂😂
แล้วพบกันใหม่กับบันทึกเรื่องราวสนุกๆ ของมาดามเฉิงในครั้งหน้านะคะ บายๆๆๆ
แชร์ประสบการณ์การคลอดธรรมชาติในต่างแดน (ไต้หวัน)
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อมาดามเฉิง แต่ขอเรียกแทนตัวเองว่า มาด้าม
มาด้ามเป็นแม่บ้านไต้หวันค่ะ ไว้รอบหน้าจะมาเล่าถึงความเป็นมา กว่าจะมาเป็นแม่บ้านไต้หวัน ^^
สถานะปัจจุบันตอนนี้ เป็นคุณแม่ลูก 2 แล้วค่ะ คนโตชื่ออลิซ (Alice) ส่วนน้องเล็กที่เพิ่งออกมาลืมตาดูโลก ชื่อลูคัส (Lucas)
ยังไงขอฝากเพจ บันทึกมาดามเฉิง (Mrs. Cheng's diary) ไว้ด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/mrschengdiary/
วันนี้ขอประเดิมเรื่องการคลอดธรรมชาติในต่างแดน นั่นก็คือไต้หวันนั่นเอง
และถึงแม้ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 2 ของการคลอดแบบธรรมชาติ
แต่เชื่อไหมคะว่า ประสบการณ์ที่มาด้ามได้รับ มันต่างจากครั้งแรกโดยสิ้นเชิง เอ้า! ยังไง? มาค่ะ เดี๋ยวจะเม้าท์ให้ฟัง 😉
👶🏻จากครั้งล่าสุดที่ไปเจอคุณหมอแล้วพบว่ายังไร้วี่แววสัญญาณการคลอด พอกลับมาบ้าน มาด้ามก็เสริชหาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการเร่งกระตุ้นการคลอดธรรมชาติบนอินเตอร์เน็ต จริงๆ มีหลากหลายวิธีเลยคะ ซึ่งจะได้ผลหรือไม่ ตอนนั้นมาด้ามเองก็ไม่แน่ใจ แต่ก็อยากลอง จึงเลือกวิธีที่เซฟตัวเองมากที่สุดไว้ก่อน อย่างแรกคือการบริหารร่างกาย มาด้ามจะทำ deep squats 10 ครั้ง 2 เซต และทานสับปะรด เพราะอ่านเจอมาว่า สารในสับปะรดจะทำให้มดลูกบีบตัวและเร่งให้ปากมดลูกเปิด ต่อมาก็คือ เดินค่ะ! จากที่คิดว่าเดินเยอะแล้ว มันยังไม่พอ ก็ต้องเดินให้เยอะยิ่งขึ้น ช่วงนี้อากาศดีด้วย เดินวนไปค่ะ แต่เดินช้าๆ นะคะ
⏰18:00 จนมาถึงวันเกิดเหตุ หลังมื้อเย็น มาด้ามก็นั่งพักผ่อน ทานผลไม้หลังอาหารกับอลิซตามปกติ สักพักเกิดอาการท้องแข็งและปวดท้องหน่วงๆ ในระดับที่ทนได้อยู่ ซึ่งวันก่อนหน้านี้ก็เป็น สักพักอาการต่างๆ ก็บรรเทาหายไป
⏰18:30 มันเริ่มปวดหนักขึ้น จนมาด้ามต้องชวนอลิซย้ายไปเล่นในห้องนอนแทน เพราะจะถือโอกาสเอนหลังพักไปด้วย ทว่ามันไม่ได้ช่วยให้อาการปวดท้องทุเลาลงเลย ความปวดเกิดขึ้นทุกๆ 10 นาที
⏰19:00 ผ่านไปครึ่ง ชม. อาการปวดทวีเพิ่มมากขึ้นและถี่ขึ้น เป็นทุกๆ 5 นาที ถึงตอนนี้มาด้ามตัดสินใจโทรหาพ่อบ้านเฉิง เพราะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองต้านทานความปวดไม่ไหวแล้ว ซึ่งในวันนั้น พ่อบ้านเฉิงมีคลาสสอนจนถึง 3 ทุ่ม แต่ฮีก็ยกเลิกคลาสทันที เพราะมาด้ามไม่ไหวแล้ว!!!
หลังจากรอพ่อบ้านเฉิงกลับมาบ้าน และโทรเรียก taxi มารับ ในส่วนนี้เป็นแผนที่เราวางไว้แล้วว่าจะใช้บริการ taxi แทนการขับรถไปโรงพยาบาลเอง จะได้ตัดปัญหาเรื่องหาที่จอดรถ และถึงแม้โรงพยาบาลจะอยู่ใกล้บ้านมาก หากเดินเท้าก็ใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น แต่จังหวะนี้ เดินไม่ไหวแล้วค่ะ! แค่ต้องพยุงตัวเองเดินไปขึ้น taxi หน้าบ้านก็แย่แล้ว
⏰19:40 มาถึงโรงพยาบาล ก็รีบตรงดิ่งไปที่แผนกผดุงครรภ์ พยาบาลก็ตามเข้ามาเช็คความดันและเช็คว่าปากมดลูกเปิดหรือยัง ใช่ค่ะ! ปวดขนาดนี้ ปากมดลูกเปิดมา 3.5 ซม แล้วค่ะ พยาบาลก็ให้มาด้ามเปลี่ยนเสื้อผ้า นอนพักรอ รอ รอ คือตอนนี้ อาการปวดมันพุ่งสูงขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเดียวที่มาด้ามต้องทำคือ พยายามควบคุมสติตัวเองให้ได้ หายใจลึกๆ และผ่อนลมยาวๆ เพราะหากไม่ทำแบบนี้และปล่อยให้ตัวเองสติแตกไปกับความเจ็บปวด มันจะมีผลต่อทารกในครรภ์โดยตรงค่ะ อันนี้คุณหมอเคยบอกมาสมัยที่เจ็บท้องคลอดอลิซ ดังนั้น สภาพของมาด้ามจึงเป็นแบบนอนเกาะขอบเตียง เม้มปากแน่น น้ำตาหยดติ๋งๆ อย่างเงียบๆ ในห้องพักรอคลอด ระหว่างนั้น พยาบาลจะคอยมาตรวจว่าปากมดลูกเปิดกี่เซน ทุกๆ 10 นาที
⏰20:20 ได้เวลาแล้วค่ะ! พยาบาลเข้ามาตรวจปากมดลูกอีกครั้ง เสร็จก็ร้องเรียกให้มีการนำร่างอันบิดเบี้ยวของมาด้ามตรงไปยังห้องคลอดทันที เมื่อไปถึงก็จัดแจงท่าทางของมาด้ามเพื่อให้สะดวกต่อการทำคลอด และตรวจการเต้นของหัวใจของลูคัสเป็นระยะๆ อีก 10 นาทีต่อมา คุณหมอก็เข้ามาพร้อมกับพ่อบ้านเฉิง นั่นหมายความว่า ถึงเวลาเบ่งจริงๆ แล้ว สูดลมหายใจลึกๆ และเบ่งยาวๆ นับ 1-10 ในใจ กองเชียร์เยอะมากค่ะจังหวะนี้ มาด้ามได้ยินแต่คำว่า "push push push"
⏰20:37 และในที่สุด ตี๋น้อยลูคัสก็ออกมา พร้อมกับน้ำหนักตัว 3500 กรัม จังหวะที่รู้ว่าลูกออกมาครบสมบูรณ์ มันเหมือนความกังวลต่างๆ ที่เคยมีตอนตั้งครรภ์ได้ถูกปลดปล่อยออกไป ช่วงที่รอคุณหมอเย็บแผล พยาบาลก็นำลูคัสมานอนบนอกของมาด้าม (skin-to-skin) เพื่อเป็นการปรับสภาพและลดความตึงเครียดให้กับทารกแรกเกิด
😪เรียกได้ว่าการคลอดครั้งนี้ผ่านไปได้ดีและไวมาก! รวดเร็วจนมาด้ามเองก็งงไปหมด สุดท้ายต้องขอขอบคุณทีมคุณหมอและพยาบาลทำคลอดทุกคน พ่อบ้านเฉิงที่คอยอยู่ข้างๆ มาด้ามตลอดจนการคลอดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี 🙏🏻😘
อยากจะบอกว่า การคลอดธรรมชาติ ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดนะคะ หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือติดขัดอะไร มาด้ามก็อยากแนะนำให้คลอดธรรมชาติ นอกจากจะทำให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วหลังคลอดแล้ว เรายังสามารถกินได้ทุกสิ่งอย่างแบบไม่ต้องงดอาหาร เรื่องกินเรื่องใหญ่ สำคัญมาก! 😂😂
แล้วพบกันใหม่กับบันทึกเรื่องราวสนุกๆ ของมาดามเฉิงในครั้งหน้านะคะ บายๆๆๆ