ลางบอกเหตุที่เข้าข่ายท้องลม ขอแชร์ประสบการณ์เกิดขึ้นจริงกับเรา
เรื่องที่คนเป็นแม่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง
เราตั้งครรภ์ท้องแรกตอนอายุ 23 ซึ่งผ่านฉลุยเพราะร่างกายยังแข็งแรง (ตอนนี้ลูกอายุ 14 ปี)
ครั้งที่ 2 เหตุการณ์ท้องลม ตั้งครรภ์ตอนอายุ 37 เพราะเราอายุมากขึ้น ร่างกายจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือ
สัญญาณเตือนท้องลม ได้เริ่มต้นขึ้น......
เมื่ออายุครรภ์เข้าสัปดาห์ที่ 5
1.เริ่มมีอาการเจ็บหน่วงที่ท้องน้อย จะเป็นมากเวลาเดิน ทำให้ต้องเดินช้าๆ เป็นเวลารวมๆ9วัน
2.อาการเป็นตะคริวฉับพลันที่ท้องน้อย เป็นเฉพาะตอนนอน เป็นติดกัน 4-5 วัน แค่ขยับตัวเร็วๆจะเจ็บจี๊ดๆที่ท้องน้อย การจามก็ทำให้ปวดจี๊ดที่ท้องน้อย
3.อาการเจ็บคัดเต้านม (ซึ่งเป็นอาการเดียวกับคนท้องเลย)
4.ช่วงนี้จะมีการแพ้ท้องร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ หรืออยากกินอะไรเปรี้ยวๆ เช่น มะม่วงเปรี้ยว
5.มีเลือดสีชมพูไหลออกมา เป็นหยดๆแค่เปื้อนแผ่นอนามัย 2-3 วันแล้วหยุด
เมื่ออายุครรภ์เข้าสัปดาห์ที่ 6
1.หมอจะเริ่มวินิจฉัยว่าเรา เข้าข่ายท้องลม และเราจะรับไม่ได้ น้ำตาเราจะตกใน เสียใจสะอื้นในอก
2.อัลตร้าซาวด์จะไม่เจอสัญญาณชีพจรเด็ก ไม่เจอถุงไข่แดง
3.อาการอ่อนเพลียอย่างมาก แม้ทำงานทั่วไป เดินขึ้นบันได (เราก็จะหลงคิดว่าเราแพ้ท้อง)
4.ช่วงนี้ยังเจ็บคัดเต้านมอยู่
เข้าสัปดาห์ที่ 7
1.ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจะหายไป เรารู้สึกเป็นปกติ
2.อาการแพ้ท้องเริ่มจะจางหายไป ไม่อยากกินอะไรเปรี้ยวๆแล้ว จะเบื่ออาหารแทน
3.หมอจะอัลตร้าซาวด์อีกครั้ง ถ้าไม่พบพัฒนาการเลย หมอจะวินิจฉัยว่าท้องลม แต่ตรวจตั้งครรภ์ ยังคงขึ้น 2 ขีดอยู่
4.เราเป็นเคสที่หมอวินิจฉัยว่าท้องลมครั้งนี้ ถุงตั้งครรภ์จะสามารถหลุดได้เองตามธรรมชาติ (บางคนต้องขูดมดลูก)
สัปดาห์ที่ 8 ความจริงจะเริ่มปรากฎ....
1.สัญญาณคืออาการเจ็บหน่วงที่ท้องน้อย
2.เริ่มมีเลือดไหลออกมา จะมีลักษณะคล้ายประจำเดือน แต่จะมีสีแดงสดกว่า คุณจะสังเกตุเห็นได้ถึงความแตกต่างของสีเลือด
3.อาการปวดท้องเหมือนประจำเดือน แต่จะปวดแผ่ไปถึงหลังช่วงล่างตรงเอว จะปวดมากกว่าปกติ
4.วันที่ 4 ที่เลือดออกทางช่องคลอด จะปวดท้องมากเวลานอน ปวดมากจนอยากร้องไห้ จากนั้นจะมีถุงลักษณะคล้ายพุงปลา หลุดรอดออกมาจากช่องคลอด ต้องพยายามสังเกตเวลาเข้าห้องน้ำ มันจะตกอยู่ในโถส้วม ลักษณะคล้ายก้อนเลือด คุณอาจต้องหาตะเกียบมาคีบเพื่อเช็คดูลักษณะก้อนเลือดว่าคล้ายถุงพุงปลาหรือป่าว (ใครโชคดี อาจหลุดออกมาให้เห็นบนผ้าอนามัย)
5.เมื่อก้อนเลือดหลุดออกมาหมด อาการปวดท้องปวดเอวจะหายปลิดทิ้ง ทำให้คุณประหลาดใจว่าอาการปวดมันหายไปภายในพริบตา
6.เลือดที่ออกเหมือนประจำเดือนจะค่อยๆลดลง แต่ลักษณะความแดงของเลือดจะแตกต่างจากสีเลือดประจำเดือน จะสีสดกว่า
ปล. สาเหตุไม่มีใครตอบได้ว่าทำไมท้องลม แต่หมอพูดว่า มันเป็นการคัดสรรของธรรมชาติ ตัวอ่อนที่ไม่แข็งแรง ก็ไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้
แต่เรามีข้อสังเกตุอีกอย่าง ช่วงสัปดาห์ที่ 5,6และ7 ของการตั้งครรภ์เรากินน้ำมะพร้าวเกือบทุกวัน โดยที่เราไม่รู้ว่าคนโบราณห้ามกินน้ำมะพร้าวตอนท้องอ่อนๆ อาจทำให้แท้งบุตรได้ เราขอเตือนแม่ๆให้หลีกเลี่ยงกินน้ำมะพร้าวตอนตั้งครรภ์ไตรมาสแรก เพราะไปหาข้อมูลเพิ่มเติม บทความนึงของแพทย์แผนจีนได้เขียนไว้ว่า "มดลูก เป็นบริเวณที่พลังยิน (ความเย็น) มากที่สุดของร่างกาย บริเวณนี้เกลียดกลัวความเย็น โดยเฉพาะช่วงที่มีประจำเดือน ยิ่งต้องระมัดระวังป้องกันการกระทบความเย็นเป็นพิเศษ ต้องรักษาความอบอุ่น การดื่มน้ำเย็น น้ำชา น้ำมะพร้าว จะทำให้พลังความเย็นลงสู่ด้านล่าง ทำให้ภาวะความเป็นยินมากขึ้น ทำให้มดลูกเย็น มีตกขาว ปวดประจำเดือน เกิดภาวะมีบุตรยาก เกิดก้อนเนื้องอกได้ง่าย" เราจึงคิดว่าฤทธิ์เย็นของน้ำมะพร้าว อาจเป็นองค์ประกอบที่ทำให้มดลูกถูกกระทบ ทำให้ตัวอ่อนหยุดเจริญความเติบโตค่ะ
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ***
ลางบอกเหตุท้องลม!! แชร์ประสบการณ์จริง ใครเป็นแบบเราบ้าง??
เรื่องที่คนเป็นแม่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง
เราตั้งครรภ์ท้องแรกตอนอายุ 23 ซึ่งผ่านฉลุยเพราะร่างกายยังแข็งแรง (ตอนนี้ลูกอายุ 14 ปี)
ครั้งที่ 2 เหตุการณ์ท้องลม ตั้งครรภ์ตอนอายุ 37 เพราะเราอายุมากขึ้น ร่างกายจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือ
สัญญาณเตือนท้องลม ได้เริ่มต้นขึ้น......
เมื่ออายุครรภ์เข้าสัปดาห์ที่ 5
1.เริ่มมีอาการเจ็บหน่วงที่ท้องน้อย จะเป็นมากเวลาเดิน ทำให้ต้องเดินช้าๆ เป็นเวลารวมๆ9วัน
2.อาการเป็นตะคริวฉับพลันที่ท้องน้อย เป็นเฉพาะตอนนอน เป็นติดกัน 4-5 วัน แค่ขยับตัวเร็วๆจะเจ็บจี๊ดๆที่ท้องน้อย การจามก็ทำให้ปวดจี๊ดที่ท้องน้อย
3.อาการเจ็บคัดเต้านม (ซึ่งเป็นอาการเดียวกับคนท้องเลย)
4.ช่วงนี้จะมีการแพ้ท้องร่วมด้วย เช่น คลื่นไส้ หรืออยากกินอะไรเปรี้ยวๆ เช่น มะม่วงเปรี้ยว
5.มีเลือดสีชมพูไหลออกมา เป็นหยดๆแค่เปื้อนแผ่นอนามัย 2-3 วันแล้วหยุด
เมื่ออายุครรภ์เข้าสัปดาห์ที่ 6
1.หมอจะเริ่มวินิจฉัยว่าเรา เข้าข่ายท้องลม และเราจะรับไม่ได้ น้ำตาเราจะตกใน เสียใจสะอื้นในอก
2.อัลตร้าซาวด์จะไม่เจอสัญญาณชีพจรเด็ก ไม่เจอถุงไข่แดง
3.อาการอ่อนเพลียอย่างมาก แม้ทำงานทั่วไป เดินขึ้นบันได (เราก็จะหลงคิดว่าเราแพ้ท้อง)
4.ช่วงนี้ยังเจ็บคัดเต้านมอยู่
เข้าสัปดาห์ที่ 7
1.ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจะหายไป เรารู้สึกเป็นปกติ
2.อาการแพ้ท้องเริ่มจะจางหายไป ไม่อยากกินอะไรเปรี้ยวๆแล้ว จะเบื่ออาหารแทน
3.หมอจะอัลตร้าซาวด์อีกครั้ง ถ้าไม่พบพัฒนาการเลย หมอจะวินิจฉัยว่าท้องลม แต่ตรวจตั้งครรภ์ ยังคงขึ้น 2 ขีดอยู่
4.เราเป็นเคสที่หมอวินิจฉัยว่าท้องลมครั้งนี้ ถุงตั้งครรภ์จะสามารถหลุดได้เองตามธรรมชาติ (บางคนต้องขูดมดลูก)
สัปดาห์ที่ 8 ความจริงจะเริ่มปรากฎ....
1.สัญญาณคืออาการเจ็บหน่วงที่ท้องน้อย
2.เริ่มมีเลือดไหลออกมา จะมีลักษณะคล้ายประจำเดือน แต่จะมีสีแดงสดกว่า คุณจะสังเกตุเห็นได้ถึงความแตกต่างของสีเลือด
3.อาการปวดท้องเหมือนประจำเดือน แต่จะปวดแผ่ไปถึงหลังช่วงล่างตรงเอว จะปวดมากกว่าปกติ
4.วันที่ 4 ที่เลือดออกทางช่องคลอด จะปวดท้องมากเวลานอน ปวดมากจนอยากร้องไห้ จากนั้นจะมีถุงลักษณะคล้ายพุงปลา หลุดรอดออกมาจากช่องคลอด ต้องพยายามสังเกตเวลาเข้าห้องน้ำ มันจะตกอยู่ในโถส้วม ลักษณะคล้ายก้อนเลือด คุณอาจต้องหาตะเกียบมาคีบเพื่อเช็คดูลักษณะก้อนเลือดว่าคล้ายถุงพุงปลาหรือป่าว (ใครโชคดี อาจหลุดออกมาให้เห็นบนผ้าอนามัย)
5.เมื่อก้อนเลือดหลุดออกมาหมด อาการปวดท้องปวดเอวจะหายปลิดทิ้ง ทำให้คุณประหลาดใจว่าอาการปวดมันหายไปภายในพริบตา
6.เลือดที่ออกเหมือนประจำเดือนจะค่อยๆลดลง แต่ลักษณะความแดงของเลือดจะแตกต่างจากสีเลือดประจำเดือน จะสีสดกว่า
ปล. สาเหตุไม่มีใครตอบได้ว่าทำไมท้องลม แต่หมอพูดว่า มันเป็นการคัดสรรของธรรมชาติ ตัวอ่อนที่ไม่แข็งแรง ก็ไม่สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้
แต่เรามีข้อสังเกตุอีกอย่าง ช่วงสัปดาห์ที่ 5,6และ7 ของการตั้งครรภ์เรากินน้ำมะพร้าวเกือบทุกวัน โดยที่เราไม่รู้ว่าคนโบราณห้ามกินน้ำมะพร้าวตอนท้องอ่อนๆ อาจทำให้แท้งบุตรได้ เราขอเตือนแม่ๆให้หลีกเลี่ยงกินน้ำมะพร้าวตอนตั้งครรภ์ไตรมาสแรก เพราะไปหาข้อมูลเพิ่มเติม บทความนึงของแพทย์แผนจีนได้เขียนไว้ว่า "มดลูก เป็นบริเวณที่พลังยิน (ความเย็น) มากที่สุดของร่างกาย บริเวณนี้เกลียดกลัวความเย็น โดยเฉพาะช่วงที่มีประจำเดือน ยิ่งต้องระมัดระวังป้องกันการกระทบความเย็นเป็นพิเศษ ต้องรักษาความอบอุ่น การดื่มน้ำเย็น น้ำชา น้ำมะพร้าว จะทำให้พลังความเย็นลงสู่ด้านล่าง ทำให้ภาวะความเป็นยินมากขึ้น ทำให้มดลูกเย็น มีตกขาว ปวดประจำเดือน เกิดภาวะมีบุตรยาก เกิดก้อนเนื้องอกได้ง่าย" เราจึงคิดว่าฤทธิ์เย็นของน้ำมะพร้าว อาจเป็นองค์ประกอบที่ทำให้มดลูกถูกกระทบ ทำให้ตัวอ่อนหยุดเจริญความเติบโตค่ะ
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ***