เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาไปเชียงใหม่-เชียงราย-แม่ฮ่องสอน 17 วัน
มีโอกาสไปกินที่ร้านสวนผักโอ้กะจู๋ทั้งที่สาขาสันทรายและสาขานิ่มซิตี้
มีเพียงสาขานิ่มซิตี้เท่านั้นที่ต้องรอคิวประมาณครึ่งชั่วโมง
เมื่อมาเปิดที่สยามสแควร์ซอย 7 รู้สึกว่าจะมาแทนที่ร้านนิวไลท์ แต่ได้ยินว่าคิวโหด รออย่างน้อย 3 ชั่วโมง
จึงไม่คิดที่จะไปกินแม้ว่าจะไม่ไกลบ้าน ต้นเดือนมีนาคมรอรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยาม เพื่อไปตลาดพลู
ระหว่างรอรถไฟฟ้าบนชานชาลา เห็นสาขาใหม่ในสยามสแควร์วัน
วันอาทิตย์ที่ 15-3-18 ลองใช้แอพฯ จองโต๊ะชื่อ Queq
มีแจ้งว่าต้องรอกี่คิว แต่ไม่ให้จอง ต้องอยู่ใกล้ร้านมากกว่านี้
ถ้าห่างร้านแค่สอง กม.จองไม่ได้ปิดแอพฯ ไปเลยดีกว่า
วันจันทร์ที่ 16 ยังอยู่ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ แต่ไม่มีการเล่นน้ำแล้ว ยังคงจองคิวผ่านแอพฯ ไม่ได้
ตั้งใจว่าจะไปสาขาสยามสแควร์วันตั้งแต่สิบโมงเช้าที่เปิดร้าน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรอนาน
แต่ติดต่อน้องสาวไม่ได้จนบ่าย จึงนัดเจอกันที่ลานสยามสแควร์วัน 4 โมงเย็น
เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสไปที่สถานีสยาม
ออกทางด้านทางออกที่ 4 ซึ่งเชื่อมต่อกับลานสยามสแควร์วัน ขึ้นบันไดเลื่อนทางด้านขวาสุดไปชั้น 3
ประมาณสิบเมตรถึงร้านโอ้กะจู๋ ซึ่งเดิมเป็นร้านเพลินวาน
สาขานอกจสกสาขาสันทรายไม่ใช้คำว่าสวนผัก เพราะเฉพาะสาขาสันทรายเท่านั้นที่มีสวนผัก
และใช้เวลารอประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จึงจองโต๊ะสำหรับสามคน
ปรากฏว่าได้โต๊ะเกือบหนึ่งทุ่ม รวมเวลารอ 3 ชั่วโมง เกือบทิ้งคิวไปกินอย่างอื่นหลายครั้ง
แต่การบริหารจัดการดี รู้ดีว่าลูกค้ารอโต๊ะนานแต่ควรได้อาหารเร็ว
เมื่อประกาศเรียกคิว อันหมายถึงมีลูกค้าเรียกเก็บเงินและอยู่ระหว่างเคลียร์โต๊ะ
จะเรียกลูกค้าเพื่อให้สั่งอาหารก่อน ซึ่งมีสมุดรายการอาหารให้ลูกค้าเลือกอาหารล่วงหน้า
รอนานได้โต๊ะเกือบหนึ่งทุ่ม แต่ได้โต๊ะถูกใจริมถนนพระรามที่ 1 ติดสถานีรถไฟฟ้าสยาม
มีแคชเชียร์ย่อยกระจายอยู่ตามส่วนที่นั่ง เพื่อความรวดเร็วเมื่อเรียกเก็บเงินเหมือนที่เชียงใหม่
การสั่งอาหารล่วงหน้าควรตัดสินใจให้ดี เพราะทางครัวจะเริ่มทำอาหารทันที
เปลี่ยนใจจากสเต็กซี่โครงสะพานโค้ง เป็นเลดี้ซี่โครงอ่อนซอสเชียงใหม่
ซึ่งมีเฉพาะสาขาใน กทม.จึงไม่ทัน แม้ว่าจะสั่งเพิ่ม แต่พนักงานแนะนำให้สั่งทีหลัง
เพราะที่สั่งอยู่แล้วอาจกินไม่หมด เนื่องจากที่สั่งไปนั้น แต่ละจานใหญ่มาก
นับว่าเป็นเรื่องดีที่พนักงานให้คำแนะนำ ไม่ได้หวังยอดขายเพิ่มอีก 525 บาท แต่ลูกค้ากินไม่หมดต้องห่อกลับ
ของตัวเองสั่งไปสามรายการ ซุปหัวหอมไม่มาแต่ลืม
เมื่อพนักงานมาถามว่าอาหารได้ครบหรือยัง จึงตอบว่าครบแล้ว
สอบถามที่หน้าร้านกลัวสลัดผลไม้จะหมด เพราะกินที่เชียงใหม่ 3 ครั้งหมดทุกครั้ง
แต่ระหว่างที่กินสองชั่วโมงเห็นมีเสิรฟ์ตลอด การตกแต่งต่างจากที่เห็นในภาพ เพราะมาทรงสูงกลัวล้ม
และเห็นโต๊ะอื่นกินที่เชียงใหม่ คือ มาเป็นทรงสูง ราคาต่างจากที่เชียงใหม่ จาก 185 บาท เป็น 240 บาท+
เป็นสลัดผลไม้ที่เหมาะกับการกินหลายคนเพราะเยอะมาก
เสิร์ฟมาบนเมล่อนครึ่งลูก ผลไม้หลักคือเมล่อน ที่คว้านเป็นลูกกลม
เสริมด้วยแอ๊ปเปิ้ลแดงและเขียว สับปะรด แก้วมังกร สตอเบอรี่ มะม่วง กีวี
แม้ว่าจะเข้าฤดูลิ้นจี่แต่ไม่ใส่ ประดับยอดด้วยเชอรี่แดงเชื่อมและยอดอ่อนต้นทานทะวัน
ราดน้ำสลัดหวานปนเค้ม โรยโดยรอบด้วยลูกเกคุ มะม่วงหิมพานต์และวอลนัทแทนอัลมอนด์
กินคนเดียวคงกินเหลือ เพราะกินนานเลี่ยน
ฟิชทาโก้อโวคาโด้ 215 บาท+
เสิร์ฟมาสามชิ้นคนละชิ้นพอดี เนื้อปลากะพงชุบแป้งทอดห่อด้วยแป้งทาโก้เม็กซิกันแผ่นเล็ก
เสียบด้วยไม้ปลายแหลมสองข้างกันกระจาย เพราะใช้แป้งทาโก้แบบนิ่ม
ไส้ในเป็นสลัดผลไม้และถั่วชิกพี ปรุงรสอร่อยไม่ต้องบีบมะนาว
แต่ชอบแป้งทาโก้แบบกรอบมากกว่า เพราะแบบนิ่มเวลาหยิบกินไส้ในกระจาย
ของแฟน สเต๊กปลาแซลม่อนซอสบีทรูท 395 บาท+
เครื่องเคียงเลือกเป็นมันหวานทอดเพราะมันบดหมด
ปลาแซลม่อนติดหนังชิ้นหนาทอด รองด้วยผักโขมอบชีส
ราดด้วนบนด้วยซอสบีทรู้ทสีบานเย็นรสไทย ๆ ชุ่ม ๆ อร่อยมาก
สลัดผักสดกรอบ ๆ
ซึ่งถือเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของร้านนี้ สมกับชื่อสวนผักเพราะปลูกผักเอง
มันหวานหั่นเส้นทอด กรอบนอกนุ่มในรสหวาน
เครื่องดื่มของแฟน มิกซ์เบอรี่ปั่น 95 บาท+
เครื่องดื่มของน้องสาว แอ๊บเปิ้ลกีวี่ปั่น 95 บาท+
เครื่องดื่มของตัวเอง มะม่วงปั่นไม่หวาน 125บาท+
ใส่นมสด ไม่หอมมะม่วง เลี่ยน ไม่อร่อย
หน้าตาไม่เหมือนที่เชียงใหม่ เครื่องดื่มหลายอย่างต่างจากที่เชียงใหม่
น้ำแตงโมปั่นไม่มี มีแต่น้ำแตงโมเสร์ฟเป็นโถดื่มได้หลายคนพร้อมถ้วยเล็กเสียบแตงโม
รายการอาหารบางอย่างมีแต่ที่เชียงใหม่ เช่น สเต๊กแกะตุ๋น
จานของน้องสาว สเต็กซี่โครงสะพานโค้งจานเล็ก เชียงใหม่ 265 บาท กรุงเทพฯ 325 บาท+
เลือกเครื่องเคียงเป็นข้าวอบขมิ้นแต่หมด เปลี่ยนเป็นมันหวานทอด
สะพานไม่โค้งสวย แต่เนื้อติดซี่โครงหนามาก
มีคนบ่นว่าสาขานี้เนื้อติดซึ่โครงไม่นุ่ม แต่วันนี้นุ่มมาก มีส่วนติดมันชุ่มซอสอร่อยมาก
ผักสลัดเหมือนที่เชียงใหม่ แต่เพิ่มเบบี้แครอทกรอบ ๆ อีกสองหัว
แฟนอยากกินสปาเก็ตตี้ตั้งแต่ก่อนเข้าร้าน
เอาใจด้วยสปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล 195 บาท+ แบ่งกันกินสามคน
ของทะเลมีแค่กุ้งสดเด้ง และหมึกสดกรอบ ๆ น่าจะมีหอยแมลงภู่
ใส่ข้าวโหดหวาน พริกไทยสด มะเขือเทศราชินี ถั่วฝักยาว
ใบกะเพราและเห็ดเออรินจิกรอบ ๆ กินกับผักสลัดสด ๆ
รสจัดจนพนักงานแวะมาถามว่าเผ็ดไปหรือไม่
ร้านมีขนาดค่อนข้างเล็ก น่าจะเล็กที่สุดจากทั้งหมด 3 สาขาในกรุงเทพฯ ณ ปัจจุบัน
รองจากสาขาสยามสแควร์ซอย 7 และสาขาThe Circle ราชพฤกษ์
ที่เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา และเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้
การเรียกเก็บเงินเร็วมาก เพราะมีแคชเชียร์ย่อยของแต่ละส่วน
แต่พอต้องแก้ไข กลับต้องใช้เวลานานมาก เพราะต้องไปแก้ไขที่แคชเชียร์ใหญ่ก่อน
มื้อนี้สามคนกับเวลารอโต๊ะ 3 ชั่วโมง นั่งกินจนอืดอีกสองชั่วโมง
รวมภาษี 7% เป็นเงิน 1,890.90 บาท ตัดเป็นตัวเลขกลม ๆ เหลือ 1,890 บาท
เกิน 1,500 บาทรับบัตรเครดิต รูดไป ปัจจุบันแม้แต่ที่เชียงใหม่ ไม่มีแถมผักสลัดเมื่อจ่ายเงิน
เกือบสามทุ่ม พนักงานประจำส่วนโค้งนอบน้อม อวยพรให้มีสุขภาพดี
ความจริงอยากลองอีกหลายจาน เช่น สลัดน้ำพริกหนุ่ม แต่คงต้องเก็บไว้มีอารมณ์รอคิววันหลัง
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่เพจ "เที่ยวไปกินไป by laser"
https://th-th.facebook.com/เที่ยวไปกินไป-by-laser-458383970993701
ที่เอาไว้รวบรวมเรื่องเที่ยวเรื่องกิน ที่สั้นเกินกว่าจะนำมาลงเป็นบทความ
[CR] เที่ยวไปกินไป by laser @ โอ้กะจู๋ สยามสแควร์วัน
มีโอกาสไปกินที่ร้านสวนผักโอ้กะจู๋ทั้งที่สาขาสันทรายและสาขานิ่มซิตี้
มีเพียงสาขานิ่มซิตี้เท่านั้นที่ต้องรอคิวประมาณครึ่งชั่วโมง
เมื่อมาเปิดที่สยามสแควร์ซอย 7 รู้สึกว่าจะมาแทนที่ร้านนิวไลท์ แต่ได้ยินว่าคิวโหด รออย่างน้อย 3 ชั่วโมง
จึงไม่คิดที่จะไปกินแม้ว่าจะไม่ไกลบ้าน ต้นเดือนมีนาคมรอรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยาม เพื่อไปตลาดพลู
ระหว่างรอรถไฟฟ้าบนชานชาลา เห็นสาขาใหม่ในสยามสแควร์วัน
วันอาทิตย์ที่ 15-3-18 ลองใช้แอพฯ จองโต๊ะชื่อ Queq
มีแจ้งว่าต้องรอกี่คิว แต่ไม่ให้จอง ต้องอยู่ใกล้ร้านมากกว่านี้
ถ้าห่างร้านแค่สอง กม.จองไม่ได้ปิดแอพฯ ไปเลยดีกว่า
วันจันทร์ที่ 16 ยังอยู่ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ แต่ไม่มีการเล่นน้ำแล้ว ยังคงจองคิวผ่านแอพฯ ไม่ได้
ตั้งใจว่าจะไปสาขาสยามสแควร์วันตั้งแต่สิบโมงเช้าที่เปิดร้าน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรอนาน
แต่ติดต่อน้องสาวไม่ได้จนบ่าย จึงนัดเจอกันที่ลานสยามสแควร์วัน 4 โมงเย็น
เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสไปที่สถานีสยาม
ออกทางด้านทางออกที่ 4 ซึ่งเชื่อมต่อกับลานสยามสแควร์วัน ขึ้นบันไดเลื่อนทางด้านขวาสุดไปชั้น 3
ประมาณสิบเมตรถึงร้านโอ้กะจู๋ ซึ่งเดิมเป็นร้านเพลินวาน
สาขานอกจสกสาขาสันทรายไม่ใช้คำว่าสวนผัก เพราะเฉพาะสาขาสันทรายเท่านั้นที่มีสวนผัก
และใช้เวลารอประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จึงจองโต๊ะสำหรับสามคน
ปรากฏว่าได้โต๊ะเกือบหนึ่งทุ่ม รวมเวลารอ 3 ชั่วโมง เกือบทิ้งคิวไปกินอย่างอื่นหลายครั้ง
แต่การบริหารจัดการดี รู้ดีว่าลูกค้ารอโต๊ะนานแต่ควรได้อาหารเร็ว
เมื่อประกาศเรียกคิว อันหมายถึงมีลูกค้าเรียกเก็บเงินและอยู่ระหว่างเคลียร์โต๊ะ
จะเรียกลูกค้าเพื่อให้สั่งอาหารก่อน ซึ่งมีสมุดรายการอาหารให้ลูกค้าเลือกอาหารล่วงหน้า
รอนานได้โต๊ะเกือบหนึ่งทุ่ม แต่ได้โต๊ะถูกใจริมถนนพระรามที่ 1 ติดสถานีรถไฟฟ้าสยาม
มีแคชเชียร์ย่อยกระจายอยู่ตามส่วนที่นั่ง เพื่อความรวดเร็วเมื่อเรียกเก็บเงินเหมือนที่เชียงใหม่
การสั่งอาหารล่วงหน้าควรตัดสินใจให้ดี เพราะทางครัวจะเริ่มทำอาหารทันที
เปลี่ยนใจจากสเต็กซี่โครงสะพานโค้ง เป็นเลดี้ซี่โครงอ่อนซอสเชียงใหม่
ซึ่งมีเฉพาะสาขาใน กทม.จึงไม่ทัน แม้ว่าจะสั่งเพิ่ม แต่พนักงานแนะนำให้สั่งทีหลัง
เพราะที่สั่งอยู่แล้วอาจกินไม่หมด เนื่องจากที่สั่งไปนั้น แต่ละจานใหญ่มาก
นับว่าเป็นเรื่องดีที่พนักงานให้คำแนะนำ ไม่ได้หวังยอดขายเพิ่มอีก 525 บาท แต่ลูกค้ากินไม่หมดต้องห่อกลับ
ของตัวเองสั่งไปสามรายการ ซุปหัวหอมไม่มาแต่ลืม
เมื่อพนักงานมาถามว่าอาหารได้ครบหรือยัง จึงตอบว่าครบแล้ว
สอบถามที่หน้าร้านกลัวสลัดผลไม้จะหมด เพราะกินที่เชียงใหม่ 3 ครั้งหมดทุกครั้ง
แต่ระหว่างที่กินสองชั่วโมงเห็นมีเสิรฟ์ตลอด การตกแต่งต่างจากที่เห็นในภาพ เพราะมาทรงสูงกลัวล้ม
และเห็นโต๊ะอื่นกินที่เชียงใหม่ คือ มาเป็นทรงสูง ราคาต่างจากที่เชียงใหม่ จาก 185 บาท เป็น 240 บาท+
เป็นสลัดผลไม้ที่เหมาะกับการกินหลายคนเพราะเยอะมาก
เสิร์ฟมาบนเมล่อนครึ่งลูก ผลไม้หลักคือเมล่อน ที่คว้านเป็นลูกกลม
เสริมด้วยแอ๊ปเปิ้ลแดงและเขียว สับปะรด แก้วมังกร สตอเบอรี่ มะม่วง กีวี
แม้ว่าจะเข้าฤดูลิ้นจี่แต่ไม่ใส่ ประดับยอดด้วยเชอรี่แดงเชื่อมและยอดอ่อนต้นทานทะวัน
ราดน้ำสลัดหวานปนเค้ม โรยโดยรอบด้วยลูกเกคุ มะม่วงหิมพานต์และวอลนัทแทนอัลมอนด์
กินคนเดียวคงกินเหลือ เพราะกินนานเลี่ยน
ฟิชทาโก้อโวคาโด้ 215 บาท+
เสิร์ฟมาสามชิ้นคนละชิ้นพอดี เนื้อปลากะพงชุบแป้งทอดห่อด้วยแป้งทาโก้เม็กซิกันแผ่นเล็ก
เสียบด้วยไม้ปลายแหลมสองข้างกันกระจาย เพราะใช้แป้งทาโก้แบบนิ่ม
ไส้ในเป็นสลัดผลไม้และถั่วชิกพี ปรุงรสอร่อยไม่ต้องบีบมะนาว
แต่ชอบแป้งทาโก้แบบกรอบมากกว่า เพราะแบบนิ่มเวลาหยิบกินไส้ในกระจาย
ของแฟน สเต๊กปลาแซลม่อนซอสบีทรูท 395 บาท+
เครื่องเคียงเลือกเป็นมันหวานทอดเพราะมันบดหมด
ปลาแซลม่อนติดหนังชิ้นหนาทอด รองด้วยผักโขมอบชีส
ราดด้วนบนด้วยซอสบีทรู้ทสีบานเย็นรสไทย ๆ ชุ่ม ๆ อร่อยมาก
สลัดผักสดกรอบ ๆ
ซึ่งถือเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของร้านนี้ สมกับชื่อสวนผักเพราะปลูกผักเอง
มันหวานหั่นเส้นทอด กรอบนอกนุ่มในรสหวาน
เครื่องดื่มของแฟน มิกซ์เบอรี่ปั่น 95 บาท+
เครื่องดื่มของน้องสาว แอ๊บเปิ้ลกีวี่ปั่น 95 บาท+
เครื่องดื่มของตัวเอง มะม่วงปั่นไม่หวาน 125บาท+
ใส่นมสด ไม่หอมมะม่วง เลี่ยน ไม่อร่อย
หน้าตาไม่เหมือนที่เชียงใหม่ เครื่องดื่มหลายอย่างต่างจากที่เชียงใหม่
น้ำแตงโมปั่นไม่มี มีแต่น้ำแตงโมเสร์ฟเป็นโถดื่มได้หลายคนพร้อมถ้วยเล็กเสียบแตงโม
รายการอาหารบางอย่างมีแต่ที่เชียงใหม่ เช่น สเต๊กแกะตุ๋น
จานของน้องสาว สเต็กซี่โครงสะพานโค้งจานเล็ก เชียงใหม่ 265 บาท กรุงเทพฯ 325 บาท+
เลือกเครื่องเคียงเป็นข้าวอบขมิ้นแต่หมด เปลี่ยนเป็นมันหวานทอด
สะพานไม่โค้งสวย แต่เนื้อติดซี่โครงหนามาก
มีคนบ่นว่าสาขานี้เนื้อติดซึ่โครงไม่นุ่ม แต่วันนี้นุ่มมาก มีส่วนติดมันชุ่มซอสอร่อยมาก
ผักสลัดเหมือนที่เชียงใหม่ แต่เพิ่มเบบี้แครอทกรอบ ๆ อีกสองหัว
แฟนอยากกินสปาเก็ตตี้ตั้งแต่ก่อนเข้าร้าน
เอาใจด้วยสปาเก็ตตี้ขี้เมาทะเล 195 บาท+ แบ่งกันกินสามคน
ของทะเลมีแค่กุ้งสดเด้ง และหมึกสดกรอบ ๆ น่าจะมีหอยแมลงภู่
ใส่ข้าวโหดหวาน พริกไทยสด มะเขือเทศราชินี ถั่วฝักยาว
ใบกะเพราและเห็ดเออรินจิกรอบ ๆ กินกับผักสลัดสด ๆ
รสจัดจนพนักงานแวะมาถามว่าเผ็ดไปหรือไม่
ร้านมีขนาดค่อนข้างเล็ก น่าจะเล็กที่สุดจากทั้งหมด 3 สาขาในกรุงเทพฯ ณ ปัจจุบัน
รองจากสาขาสยามสแควร์ซอย 7 และสาขาThe Circle ราชพฤกษ์
ที่เพิ่งเปิดเมื่อวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา และเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้
การเรียกเก็บเงินเร็วมาก เพราะมีแคชเชียร์ย่อยของแต่ละส่วน
แต่พอต้องแก้ไข กลับต้องใช้เวลานานมาก เพราะต้องไปแก้ไขที่แคชเชียร์ใหญ่ก่อน
มื้อนี้สามคนกับเวลารอโต๊ะ 3 ชั่วโมง นั่งกินจนอืดอีกสองชั่วโมง
รวมภาษี 7% เป็นเงิน 1,890.90 บาท ตัดเป็นตัวเลขกลม ๆ เหลือ 1,890 บาท
เกิน 1,500 บาทรับบัตรเครดิต รูดไป ปัจจุบันแม้แต่ที่เชียงใหม่ ไม่มีแถมผักสลัดเมื่อจ่ายเงิน
เกือบสามทุ่ม พนักงานประจำส่วนโค้งนอบน้อม อวยพรให้มีสุขภาพดี
ความจริงอยากลองอีกหลายจาน เช่น สลัดน้ำพริกหนุ่ม แต่คงต้องเก็บไว้มีอารมณ์รอคิววันหลัง
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่เพจ "เที่ยวไปกินไป by laser"
https://th-th.facebook.com/เที่ยวไปกินไป-by-laser-458383970993701
ที่เอาไว้รวบรวมเรื่องเที่ยวเรื่องกิน ที่สั้นเกินกว่าจะนำมาลงเป็นบทความ