จากละครฟีเวอร์ บุพเพสันนิวาส มีอีกหนึ่งตัวละคร ที่ปรากฏให้เห็นคือ พระปีย์ หรือออกพระปีย์ โอรสบุญธรรมในพระนารายณ์ ที่รับบทโดยนักร้องหนุ่มมากความสามารถ เก่ง ธชย
พระปีย์ มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ และมีบทบาทสำคัญ นามพระปีย์ มีความหมายว่า ผู้เป็นที่รัก เป็นบุตรชายของขุนไกรสิทธิศักดิ์ เป็นขุนนางผู้น้อยในเมืองพิษณุโลก พระปีย์ได้เข้าถวายตัวแด่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชด้วยวัยที่ยังเล็ก และมีรูปร่างพิการตัวเตี้ยและหลังค่อม จึงทำให้พระนารายณ์ทรงเรียกว่า อ้ายเตี้ย ด้วยความที่พระปีย์พูดจาไพเราะเสนาะหู ทำให้พระนารายณ์ทรงโปรดและเอ็นดูเป็นที่สุด โดย พระปีย์ มีส่วนร่วมในการก่อกบฏมักกะสัน จนทำให้ถูกลอบฆ่าโดยการผลักตกจากหน้าต่างและโดนสำเร็จโทษโดยพระเพทราชา
ส.สีมา ผู้เขียนในศิลปวัฒนธรรม อ้างถึงในจดหมายเหตุฯ ถึงพระปีย์ และเขียนถึงพระปีย์ ในฐานะเหยื่อรัฐประหาร ผู้เป็นราชบุตรบุญธรรมที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์ แต่ตกเป็นเหยื่อรัฐประหาร โดยพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ ผู้กระทำการเป็นฝ่ายชนะ พระปีย์ตกเป็นเหยื่อ ถูกประหารชีวิต อันเป็นรัฐประหารยุคแรกๆ ของชาวสยามที่รู้จักกันดีในต่างประเทศ
พระปีย์ เป็นบุตรของขุนไกรสิทธิศักดิ์ แห่งบ้านแก้ง พิษณุโลก ได้รับการดูแลอบรมบ่มเลี้ยงแบบชาววังและแบบแผนแห่งราชบุตรมาตั้งแต่เด็ก ทรงรับชุบเลี้ยงเชิดชูให้เป็นราชบุตรบุญธรรม อาจเรียกว่าเป็นราชโอรสในอุดมคติที่จงรักภักดี รับใช้ใกล้ชิด หลับนอนแทบฐานพระแท่นบรรทม เฝ้าคอยประคับประคองให้ทรงลุกนั่งบนพระที่
สำหรับพระเพทราชา แรกๆ เป็นความสัมพันธ์ที่ดีมาก เป็นเช่นเดียวกันกับสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งน่าจะทำให้พระปีย์เต็มไปด้วยความหวังอย่างยิ่ง แต่ภายหลังเกิดหมางกันขึ้น โดยพระปีย์ไม่รู้เท่าทันกลเกมอำนาจ ขณะเดียวกันพระอาการพระโรคของสมเด็จพระนารายณ์กำเริบทรุดหนักมากขึ้น พระเพทราชา (โดยมีหลวงสรศักดิ์เป็นกำลังหลัก) ก็เร่งกระทำการรัฐประหารทันที ตัดหน้าพระยาวิไชยเยนทร์ ซึ่งก็เตรียมการยึดอำนาจอยู่เหมือนกันเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2231 โดยเข้าล้อมพระราชวัง (พระนารายณ์ราชนิเวศน์) กับกักขังสมเด็จพระนารายณ์ไว้ในพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ พร้อมแพทย์หลวงกับข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิด 2-3 คนเท่านั้น
เพียง 2 วันที่การรัฐประหารเริ่มต้น พระปีย์ก็ถูกฆ่าอย่างไม่ปรานีและโดยทันทีแถบประตูกำแพงแก้ว พระที่นั่งสุทธาสวรรย์นั่นเอง โดยที่ทูลกระหม่อมแก้ว คือสมเด็จพระนารายณ์ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลยหลังจากหลบหนีภัยมาหลบซ่อนอาศัยพระบารมีชั่วข้ามคืน
พระปีย์จึงเป็นเหยื่อรัฐประหารรายแรกที่หลั่งเลือดเซ่นคมดาบรัฐประหาร โดยสมเด็จพระนารายณ์สวรรคตในวาระสุดท้ายที่ทรงทราบจากแพทย์หลวงว่าพระปีย์ได้ถูกประหารชีวิตแล้ว และครั้งหนึ่งเมื่อทอดพระเนตรเห็นพระเพทราชาเข้าเฝ้า ก็ทรงพิโรธจัดจนเสด็จสู่วิสัญญีภาพโดยทันที ครั้นทรงฟื้นคืนพระองค์ได้ก็ตรัสบริภาษสาปแช่งพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ด้วยประการต่างๆ นับแต่เวลานั้นสมเด็จพระนารายณ์ทรงเศร้าซึมและพระอาการพระโรคก็ทรุดเสื่อมลงจนถึงที่สุด เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2231 ทิ้งช่วงเวลาการจากไปของพระปีย์เกือบ 2 เดือน
ที่มา
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_898421
เปิดประวัติ ‘พระปีย์’ โอรสคนโปรด พระนารายณ์
พระปีย์ มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ และมีบทบาทสำคัญ นามพระปีย์ มีความหมายว่า ผู้เป็นที่รัก เป็นบุตรชายของขุนไกรสิทธิศักดิ์ เป็นขุนนางผู้น้อยในเมืองพิษณุโลก พระปีย์ได้เข้าถวายตัวแด่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชด้วยวัยที่ยังเล็ก และมีรูปร่างพิการตัวเตี้ยและหลังค่อม จึงทำให้พระนารายณ์ทรงเรียกว่า อ้ายเตี้ย ด้วยความที่พระปีย์พูดจาไพเราะเสนาะหู ทำให้พระนารายณ์ทรงโปรดและเอ็นดูเป็นที่สุด โดย พระปีย์ มีส่วนร่วมในการก่อกบฏมักกะสัน จนทำให้ถูกลอบฆ่าโดยการผลักตกจากหน้าต่างและโดนสำเร็จโทษโดยพระเพทราชา
ส.สีมา ผู้เขียนในศิลปวัฒนธรรม อ้างถึงในจดหมายเหตุฯ ถึงพระปีย์ และเขียนถึงพระปีย์ ในฐานะเหยื่อรัฐประหาร ผู้เป็นราชบุตรบุญธรรมที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์ แต่ตกเป็นเหยื่อรัฐประหาร โดยพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ ผู้กระทำการเป็นฝ่ายชนะ พระปีย์ตกเป็นเหยื่อ ถูกประหารชีวิต อันเป็นรัฐประหารยุคแรกๆ ของชาวสยามที่รู้จักกันดีในต่างประเทศ
พระปีย์ เป็นบุตรของขุนไกรสิทธิศักดิ์ แห่งบ้านแก้ง พิษณุโลก ได้รับการดูแลอบรมบ่มเลี้ยงแบบชาววังและแบบแผนแห่งราชบุตรมาตั้งแต่เด็ก ทรงรับชุบเลี้ยงเชิดชูให้เป็นราชบุตรบุญธรรม อาจเรียกว่าเป็นราชโอรสในอุดมคติที่จงรักภักดี รับใช้ใกล้ชิด หลับนอนแทบฐานพระแท่นบรรทม เฝ้าคอยประคับประคองให้ทรงลุกนั่งบนพระที่
สำหรับพระเพทราชา แรกๆ เป็นความสัมพันธ์ที่ดีมาก เป็นเช่นเดียวกันกับสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งน่าจะทำให้พระปีย์เต็มไปด้วยความหวังอย่างยิ่ง แต่ภายหลังเกิดหมางกันขึ้น โดยพระปีย์ไม่รู้เท่าทันกลเกมอำนาจ ขณะเดียวกันพระอาการพระโรคของสมเด็จพระนารายณ์กำเริบทรุดหนักมากขึ้น พระเพทราชา (โดยมีหลวงสรศักดิ์เป็นกำลังหลัก) ก็เร่งกระทำการรัฐประหารทันที ตัดหน้าพระยาวิไชยเยนทร์ ซึ่งก็เตรียมการยึดอำนาจอยู่เหมือนกันเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2231 โดยเข้าล้อมพระราชวัง (พระนารายณ์ราชนิเวศน์) กับกักขังสมเด็จพระนารายณ์ไว้ในพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ พร้อมแพทย์หลวงกับข้าราชบริพารผู้ใกล้ชิด 2-3 คนเท่านั้น
เพียง 2 วันที่การรัฐประหารเริ่มต้น พระปีย์ก็ถูกฆ่าอย่างไม่ปรานีและโดยทันทีแถบประตูกำแพงแก้ว พระที่นั่งสุทธาสวรรย์นั่นเอง โดยที่ทูลกระหม่อมแก้ว คือสมเด็จพระนารายณ์ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้เลยหลังจากหลบหนีภัยมาหลบซ่อนอาศัยพระบารมีชั่วข้ามคืน
พระปีย์จึงเป็นเหยื่อรัฐประหารรายแรกที่หลั่งเลือดเซ่นคมดาบรัฐประหาร โดยสมเด็จพระนารายณ์สวรรคตในวาระสุดท้ายที่ทรงทราบจากแพทย์หลวงว่าพระปีย์ได้ถูกประหารชีวิตแล้ว และครั้งหนึ่งเมื่อทอดพระเนตรเห็นพระเพทราชาเข้าเฝ้า ก็ทรงพิโรธจัดจนเสด็จสู่วิสัญญีภาพโดยทันที ครั้นทรงฟื้นคืนพระองค์ได้ก็ตรัสบริภาษสาปแช่งพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ด้วยประการต่างๆ นับแต่เวลานั้นสมเด็จพระนารายณ์ทรงเศร้าซึมและพระอาการพระโรคก็ทรุดเสื่อมลงจนถึงที่สุด เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2231 ทิ้งช่วงเวลาการจากไปของพระปีย์เกือบ 2 เดือน
ที่มา
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_898421