วันอาทิตย์ที่ 8 เม.ย. 2561 เริ่มออกเดินทางจากบ้าน 7 โมงเช้า

เช้าแวะเติมพลัง กินกะเพราเนื้อตุ๋นและเกาเหลาเนื้อตุ๋นร้านลุงหวังกะเพราพ่นไฟ อยู่แถวปากเกร็ด นนทบุรี กะเพรารสจัดจ้าน เกาเหลาหอมเครื่องยาจีน อร่อย ร้านนี้รวม ๆ จ่ายไป 120 บาท

จากนั้นขับรถยิงยาว ขึ้นปทุมธานี ผ่านอยุธยา สระบุรี โคราช วันที่ไปรถไม่เยอะ สบาย ๆ อากาศเย็น แวะพักเติมน้ำมันและยืดเส้นยืดสายแถวสีคิ้ว (เส้นอีสานนี่ดีมากในประเด็นนี้ ปั๊มเยอะ คนอัธยาศัยดี) แล้วแวะกินข้าวแถว อ.โชคชัย ร้านแรกที่กินที่นี่คือ สัมตำพันร้าน อยากกินเนื้อ เลยสั่งเนื้อทอดแดดเดียว เนื้อย่าง (สั่งส้มตำไปแต่เขาลืมทำ) อร่อยใช้ได้

ขับมาไม่ไกล กินร้านนี้อีกที่ เขาเขียนไว้ตามข้างทางว่าไก่อร่อยที่สุดในโลก ฉลองศรัทธาเขาหน่อย ร้าน ไก่ย่างท่าช้าง ที่นี่กินแต่ไก่ย่าง ก็อร่อยดี เนื้อเกือบแห้ง แต่หมักดี

มีแรงสุด ๆ ขับต่อเข้าบุรีรัมย์ ไปเดินปราสาทหินพนมรุ้งกัน ปราสาทที่นี่สวย รายละเอียดเยอะ ค่าเข้าถูก เจ้าหน้าที่พูดจาเพราะ

ขับผ่าน อ.ประโคนชัย เจอของฝากแปลก ๆ เลยลองดู สนใจกุ้งจ่อม เพิ่งรู้จัก คนขายพูดจาดี เลยอุดหนุนกระยาสาท 3 ถุง 100 กับกุ้งจ่อมแบบผัดน้ำพริกมาแล้ว 3 กระปุก 100 ไว้มาลุ้นกันว่าอร่อยมั้ย

เข้าสุรินทร์ ตอนแรกว่าจะนอนที่นี่ แต่เวลาเหลือเยอะ เลยลุยต่อไปนอนศรีสะเกษดีกว่า ไปนอนโรงแรมพรหมพิมานในเมือง คืนละ 700 บาท

จากโรงแรมเดินเลี้ยวขวาไม่ไกลเป็นตลาดโต้รุ่งศรีนครลำดวน ติดสถานีรถไฟ ของกินเยอะมาก น่ากินทั้งนั้น

เดินเล่นในเมืองศรีสะเกษ เดินไปเกือบ 2 ชั่วโมงเพราะตั้งใจหาถนนคนเดิน สรุปหาไม่เจอ กลับไปตลาดโต้รุ่ง จัดการลาบเป็ด น้ำตกเนื้อ และเนื้อย่าง มื้อนี้รวม ๆ 270 บาท

วันจันทร์ที่ 9 เม.ย. 2561 ตื่นตีห้าครึ่ง เริ่มต้นที่ศรีสะเกษ เป็นเช้าที่หนาวมาก

ขับรถไปหาอาหารเช้ากินที่ตลาดริมมูลที่อุบล ที่นี่เด่นอาหารญวน

ร้านแรกลองข้าวเปียกเส้น ขอความอุ่นจากน้ำซุปหน่อย รอบนี้ไปดันไม่ติดเสื้อหนาวไปเลย เจ้านี้ราคา 30 บาท

มาที่นี่ก็ต้องปากหม้อญวน เจ้านี้กินไป 4 ตัว 60 บาท

อีกเจ้ามีแบบกรอบด้วย ต้องลอง เจ๊ ๆ ที่นี่อัธยาศัยดี เจ้านี้แบบกรอบ 1 แบบนุ่ม 4 ตัว ราคา 55 บาท อร่อยมาก ไส้ดี ไม่เค็ม แบบกรอบนี่คือดีเลย เยี่ยม

ถามเจ๊เล่ถึงขนมถ้วย เจ๊แนะนำไปอีกร้าน เลยได้ชิม ตอนแรกเดินผ่านละแต่ไม่รู้คืออะไร โชคดีที่ได้ชิม เพราะอร่อยมาก หมูย่างอร่อย แป้งก็ดี 1 จานราคา 40 บาท

เดินไปอีก เจอขนมปังบาเก็ตไส้รวมพิเศษ 30 บาท ดีมากเช่นกัน

ปิดท้ายตลาดนี้ด้วยขนมรังผึ้ง ราคา 20 บาท (2 แผ่น)

มาอุบลก็แวะทุ่งศรีเมืองซะหน่อย

ลุยต่อไปมุกดาหาร ไปตลาดอินโดจีน ตลาดที่นี่ถ้ารวมทั้งข้างบนและใต้ดินก็ของเยอะอยู่ แต่คนไม่ค่อยเยอะ อาจเพราะเป็นวันจันทร์

ไปหาอาหารกลางวัน (บ่ายหน่อย ๆ) ที่สกลนคร มาที่นี่ก็แน่นอนว่าต้องเนื้อโพนยางคำ ตรงไปสหกรณ์เลย ไม่ผิดหวัง เนื้อเยี่ยม สั่งฟิลเลกับริบอายไป อร่อยมาก ดีงามสุด ๆ

เดินไปที่ขายเนื้อไม่ไกล ได้ของติดไม้ติดมือเป็นแหนมเนื้อและไส้กรอกเนื้อ (แหนมนี่ลองกินสด ๆ ตอนคืนวันที่สอง อร่อยมาก ไม่คาว เยี่ยม) จ่ายไปอีก 240 บาท

ออกจากสหกรณ์ เยื้อง ๆ กันมีร้านสเต๊กชื่อ ฟาร์มฮัก ลองชิมสเต็กพันธุ์คุณทองของเขาหน่อย
ที่นี่มีสั่งลิ้นย่างเพิ่มอีกที่ จานนี้อร่อยดี

อิ่มแล้วหาที่นอน ไปนอนที่อุดรดีกว่า ปรากฎว่าขับเข้าเมืองรถติดสุดขีด แย่กว่าสุขุมวิทอีก ติด 40 นาทีแค่แยก ๆ เดียว เคยมาเมื่อ 5 ปีก่อนไม่ขนาดนี้นะเนี่ย
ขับตระเวนหาที่นอน เอาที่นี่ละกัน เขาให้จ่ายคืนละ 600 บาท

ขับรถเที่ยวอุดรยามดึก ไปศาลเจ้า ปู่-ย่า และไปหนองประจักษ์ แต่ถ่ายรูปมาเฉพาะศาลเจ้า ปู่-ย่า ชอบที่ศาลเจ้า ปู่-ย่ามาก อากาศดี สงบ ดึก ๆ ยังมีคนมาทำบุญ

วันอังคารที่ 10 เม.ย. 2561 ตื่นตีสี่ครึ่ง อากาศไม่ค่อยเย็นละ เริ่มต้นกินอาหารเช้าที่อุดร ร้านคิงส์โอชา สั่งของขึ้นชื่อของเขา ราคารวม 130 บาท อร่อยดี

ตามด้วยร้าน ข้าวเปียก ก็แน่นอนว่าต้องกินข้าวเปียก เส้นออกจะอุด้ง ๆ หน่อย ซุปอร่อย กินขนมปังด้วย ราคารวม 60 บาท อร่อยดี

ที่ตื่นเช้าเพราะจะไปดูทะเลบัวแดงที่บ้านเดียม หนองหาน อ.กุมภวาปี ช่วงนี้ก็ไม่คาดหวังอะไรมากละ เพราะเลยหน้าเขาไปแล้ว แต่ก็ยังคงประทับใจ พี่คนขับเรือนิสัยดีมาก ช่วยพาไปหลายจุดโดยไม่ต้องร้องขอ และคนที่นี่ก็ดีทุกคน