จิตมีลักษณะเกิดดับต่อเนื่องกันไป ผ่านภวังคจิต เห็นได้และรู้ขัดถึงจิต3ประเภทนี้เป็นอย่างน้อยจึงจะเข้าใจภาวนา,สติปัฐฐาน4จุติจิต-จิตดวงสุดท้ายจากภพชาติก่อน ปฏิสนธิจิต-จิตเริ่มภพชาติใหม่ ชวนะจิต-จิตที่แล่

ภพ ชาติ ชรา มรณะ อยู่ในกาลที่เคลื่อนจากปัจจุบัน คือ จิตตกภวังค์ก็คือภพหนึ่งภพ รักษาภพไว้ วิญญาณรับผลกรรมก็เป็นชาติหนึ่ง ในปฏิจจสมุปบาท เกิดดับในขณะนั้นก็ถือว่าเป็นภพหนึ่ง ชาติหนึ่ง ชราเซลล์เกิดตายไปทุ

ตายแล้ววิญญาณไม่ได้ออกจากร่างล่องลอยไปไหน  เป็นความเข้าใจที่ผิด ตามหลักพระพุทธศาสนาตายแล้วเกิดใหม่ทันที   คือเมื่อจุติจิตดับปุ๊บ ปฏิสนธิจิตก็เกิด ใหม่ติดต่อกันทันทียกตัวอย่าง เช่น นาย ด

อากาสานัญจายตนฌาน     ผู้ต้องการถึงอากาสานัญจายตนฌานต้องกระทำอากาสบัญญัติที่ได้มาจากการเพิกกสิณทั้ง 9 (เว้นอากาสกสิณ) ให้เป็นอารมณ์อากาสบัญญัติที่ได้มาจากการเพิกกสิ

ฟังคนที่มีความรู้สอนกระผมก็จะสามารถทำความเข้าใจได้รวดเร็ว  ก็เหมือนการคุยกับคนที่มีความรู้ดีมากแหละครับทำให้เราสามารถประหยัดเวลาได้เยอะแยะเลยเข้าใจได้ไวขึ้นและต่อยอดได้ไกล ก็เรียนไปจนตายชักหมดสติ

จากกระทู้นี้ คห. ที่ 7-2 -->https://ppantip.com/topic/36448037 ----------------------------------------------------------------------------- เรียนท่าน 3369215 ...จิตสุดท้ายในแต่ละภพ เรียกว่า จุติจิ

ในทางพุทธศาสนา การอธิบายการเกิดในชาติแรกมีความเกี่ยวข้องกับหลัก **ปฏิจจสมุปบาท** (อิทัปปัจจยตา) ซึ่งเป็นหลักธรรมที่อธิบายการเกิดขึ้นของทุกสิ่งตามเหตุและปัจจัย โดยกล่าวว่า 

ปฏิจจสมุปบาท นับแต่อวิชชาเป็นปัจจัยไปจนถึงชาติชรามรณะ เกิดขึ้นโดยมีลำดับก่อนหลังหรือว่าเกิดขึ้นพร้อมกันเป็นปัจจุบันธรรม หากว่า เป็นไปตามลำดับก่อนหลัง ตามอุปมาน้ำขึ้นน้ำลงใน อุปยสูตร ตาม คห.

ฟังเสียงสอนที่ 811- มหาตัณหาสังขยสูตร1 สาติภิกษุเห็นผิดว่าวิญญานวนเวียน ฉบับมหาจุฬาฯ -------เริ่มนาทีที่ 4.00