สวัสดีเพื่อนๆนักอ่าน นักชิมทุกท่าน
กระทู้นี้เป็นกระทู้พันทิปแรกของเรา อาจจะมีข้อบกพร่อง ยังไงยินดีรับฟังค่ะ
จริงๆเคยลงรีวิวร้านนี้ไว้แล้วบนเฟสบุ๊คส่วนตัว สุดท้ายโดนลบไปแบบไม่มีสาเหตุ ไม่มีการแจ้งบอกใดๆ
และเราก็ไม่ได้เก็บขอมูลไว้ด้วย เลยตัดสินใจเขียนใหม่อีกครั้งลงพันทิปค่ะ
พอรู้ว่าจะได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เราก็ไม่รอช้า หาข้อมูลร้าน Sushi omakase หรือแบบเชฟจัดให้ เตรียมรอไว้เลย
Omakase หรือ chef's choice ก็คือชุดอาหารที่เชฟจะเลือกเสิร์ฟตามใจเชฟ ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ราคา และคุณภาพอาหารในช่วงนั้น ซึ่งแต่ละครั้งก็เมนูไม่เหมือนกัน เชฟจะเรียงลำดับการเสิร์ฟแต่ละจานไม่เหมือนกัน ซึ่งถือเป็นศิลปะอีกอย่างนึง เพราะ เชฟที่ดีจะเลือกเสิร์ฟแต่ละจานได้อย่างลงตัว ทำให้คนทานรู้สึกอร่อยในทุกๆคำ และรู้สึกอยากอาหารไปเรื่อยๆจนถึงคำสุดท้าย
เนื่องจากเป็นประเทศเจ้าถิ่น ร้านที่เจอก็มีหลากหลายให้เลือก แต่มันก็มีข้อจำกัดเยอะเหลือเกิน
บางร้านก็ราคาแพงหลักหมื่น บางร้านต้องใช้เวลาจอง 5-6เดือน บางร้านต้องโทรจองเท่านั้นแถมไม่มีคนรับสาย บางร้านไม่รับจองต้องไปเข้าแถวเอาเอง และอีกร้อยแปดพันเก้าข้อจำกัด
จนในที่สุด เราก็เจอร้านที่ถูกใจ เป็นมิตรกับสุขภาพขา(ไม่อยากต่อคิว) และเงินในกระเป๋า แถมไม่ต้องจองไว้ล่วงหน้านานๆ
นั่นก็คือร้าน
Mantensushi ตั้งอยู่ชั้น B1 ในห้าง Maru no Uchi ไม่ไกลจากย่านกินซ่าซักเท่าไหร่
ร้านนี้รับจองตั้งแต่ 1สัปดาห์ - 2 เดือนล่วงหน้า ที่สำคัญมีระบบจองผ่านเว็บไซต์ด้วย
ถ้าสนใจ คลิกเลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://yoyaku.toreta.in/mantensushi/
เราจองล่วงหน้าก่อน 2 เดือนเลย เพราะไปกันหลายคน และอยากได้ที่นั่งตรงเคาท์เตอร์หน้าเชฟ เรารู้สึกว่าเวลาได้ดูเชฟแล่ปลา ปั้นซูชิ มันทำให้เจริญอาหารมากขึ้น 5555
ทางร้านจะเสิร์ฟแต่แบบโอมากาเสะเพียงอย่างเดียว ราคาและจำนวนเสิร์ฟ ขอสรุปช่วงท้ายนะคะ
---------------------------------------------------
เริ่มที่การเดินทาง สะดวกมาก นั่งรถไฟใต้ดินสายสีเขียวมาลงที่สถานี Nijubashi-mae แล้วเดินไปอีกไม่ถึง 5 นาที
ถึงหน้าร้านแล้ว พนักงานก็ให้นั่งรอข้างหน้าร้าน เพื่อเตรียมความเรียบร้อยข้างใน
เมื่อเข้ามานั่งในร้าน วางกระเป๋า เชฟก็เสิร์ฟถ้วยเล็กๆขนาดเท่าจอกเหล้า ข้างในมีน้ำใสๆ
เราเห็นก็ตกใจนึกว่าเป็นแอลกอฮอล์ แต่คิดไปเองล้วนๆ เพราะมันคือ
1.
Asari no sumashijiru หรือ Clam soup เป็นซุปหอย เสิร์ฟมาแค่น้ำใสๆในจอกเหล้า ไม่มีหอย
ซดรวดเดียวเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย ให้ลิ้นคุ้นชินกับรสชาติทะเล
จานแรกนี่ยังตั้งตัวไม่ทัน เพราะนั่งปุ๊บ เสิร์ฟปั๊บ เลยไม่ทันถ่ายรูป ขออภัยทุกท่านด้วยค่ะ
---------------------------------------------------
2.
Bonito sushi หรือ ซูชิปลาทูน่ารมควัน
เชฟปั้นๆแล้ว เรารีบใช้มือหยิบเข้าปากทันที (กลัวไม่สด 555) และมันก็....อร่อยค่ะ เนื้อส่วนนอกจะสุกนิดๆ และหอมควันหน่อยๆ
---------------------------------------------------
3.
Hirame sashimi - เนื้อปลาตาเดียว แล่พอดีคำ
ปกติเราจะคุ้นกับ เอนกาวะ หรือ ครีบปลาตาเดียว แต่อันนี้คือส่วนเนื้อปลา
เชฟแกปาดซอสโชยุให้แล้วนิดๆ เราเอาเข้าปากได้เลย เนื้อของมันจะกรอบๆ ไม่เหนียว และทิ้งรสชาติหวานไว้ด้วย
---------------------------------------------------
4.
Spainish mackerel / aji sashimi ชื่อไทยคือปลาอินทรีบั้ง เป็นปลาตระกูลเดียวกับปลาทู แต่ตัวใหญ่กว่า
กรรมวิธีของเชฟคือ เอาไปรมควัน มันก็จะมีทั้งส่วนที่สุกและไม่สุก เนื้อจึงไม่แข็ง ไม่แห้ง
แน่นอนว่ายิ่งเอาไปรมควัน ยิ่งมีรสชาติหอมเพิ่มเข้าไปอีก อันนี้ทานคู่กับซอสหวาน เข้ากันดีสุดๆ
---------------------------------------------------
5.
Enoki sushi ซูชิเห็ดเข็มทองนี่เอง
คำนี้ถือว่าแปลกสำหรับเรา ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน ซึ่งซูชิเห็ดก็ไม่แย่เลยค่ะ แถมเชฟโรยเปลือกส้มไว้ข้างบนด้วย เฟรชมาก
---------------------------------------------------
6.
Saba sushi ซูชิปลาซาบะสด
ปลาซาบะมีอยู่ทั่วไปในไทย แต่น้อยคนนักที่เคยกินปลาซาบะสดๆ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นซาบะย่าง ซาบะดอง
คำนี้เราชอบมาก ได้รสปลาซาบะจริงๆ หวาน หอม ไม่มีกลิ่นคาวเลย
---------------------------------------------------
7.
Awabi หอยเป๋าฮื้อ
เราตื่นตาตื่นใจตั้งแต่เชฟเดินไปหยิบหอยออกมาเตรียมไว้หน้าเคาท์เตอร์แล้ว
จากนั้นเชฟก็ลงมือแกะหอยออกมา หั่นเป็นสองชิ้น พอดีคำ ปาดซอสโชยุเค็มนิดๆ
เข้าปากไปน้ำตาจะไหล หอยนุ่มมาก ไม่คาวเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คุยกับเชฟแกบอกว่า หอยเป๋าฮื้อที่กินไปอายุ 3ปี ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ที่แกเลือกหอยอายุ3ปี เพราะมันให้สัมผัสที่ดี
ถ้าอายุน้อยกว่านี้ก็จะนิ่มเกิน หรือแก่กว่านี้ก็แข็งเหนียว ไม่อร่อย
---------------------------------------------------
8.
kinmedai หรือ ซูชิปลากระพงแดง
ปลาชนิดนี้เราชอบอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เพราะเนื้อปลามีกลิ่นหอม บางที่จะเสิร์ฟแบบแล่หนังออก เพราะมันจะเหนียวนิดๆ
แต่เชฟที่นี่เอาไฟมาย่างที่หนังปลาแบบผ่านๆ ช่วยลดความเหนียวได้ ที่สำคัญ หอมกลิ่นหนังปลาเกรียมๆค่ะ
---------------------------------------------------
9.
akami ซูชิปลาทูน่า ส่วนเนื้อแดง
ปลาทูน่าส่วนที่มีไขมันน้อยที่สุด เนื้อปลาส่วนนี้จึงไม่นุ่มซะเท่าไหร่ เชฟจึงนำปลาไปหมักซอสข้ามคืน ให้เนื้อปลานุ่มขึ้นและรสชาติดีขึ้น
ซึ่งเชฟก็เก่งมากๆ ที่ทำให้ทูน่าเนื้อแดงทั่วไปที่เราแทบไม่แตะ กลายเป็นซูชิแสนอร่อยได้ มีแบบนี้อีกซัก 10คำก็ไม่เบื่อ
---------------------------------------------------
10.
Mentaiko - ไข่ปลาคอดย่างไฟอ่อนๆ
เข้าปากไปตอนแรก หอมกลิ่นย่างนำก่อนเลย จากนั้นถึงได้รสไข่ปลาคอดตามมา รสชาติอร่อยพอสมควร มันๆดี ควรลองอย่างยิ่ง กินคู่กับสาเกยิ่งอร่อยเลย
ภาพเบลอ ขออภัย
---------------------------------------------------
11.
kaki / oyster หรือหอยนางรม นั่นแหละ
หอยนางรมจากฮอกไกโด ตัวใหญ่มาก เสิร์ฟแบบสุกแล้ว แต่เป็นเสิร์ฟเย็นนะ
สำหรับเราอร่อยมาก ไม่ต้องพึ่งเครื่องเคียง น้ำจิ้มอะไรทั้งนั้น หอยมีความหวานอยู่ในตัว พูดแล้วก็อยากกินอีกหลายๆคำ
---------------------------------------------------
12.
Otoro หรือ ซูชิปลาทูน่าติดมัน
คำนี้ไม่ขอพูดมาก มันอร่อยลืมกลืนจริงๆ เนื้อปลานุ่มมาก ละลายในปากได้เลยค่ะ
---------------------------------------------------
13.
Mekajiki / Swordfish หรือ ปลากระโทง (ที่ปากบนจะแหลมๆเหมือนดาบ)
คำนี้เสิร์ฟแค่เนื้อปลา เอาไปย่าง หน้าตาดูงั้นๆ เหมือนจะแห้ง แต่รสชาติอยู่ครบค่ะ
---------------------------------------------------
เป็นยังไงบ้างคะ 13 เสิร์ฟแรกของร้าน Mantensushi
หวังว่าจะชอบกันนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไม่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังเหลืออีกครึ่งนึงให้ติดตามต่อ
แล้วจะขอสรุปค่าเสียหายในโพสต์ต่อไปรวบไปเลยค่ะ
ต้องขออภัย ถ้ารูปภาพบางรูปอาจจะไม่ชัดมาก ใช้มือถือทั่วไปถ่ายค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามมากๆค่ะ
ขอตัวไปกินข้าวก่อน แล้วเจอกันค่ะ ^^
[CR] Mantensushi, Tokyo - ซูชิขั้นเทพ ราคาไม่แพงอย่างที่คิด
กระทู้นี้เป็นกระทู้พันทิปแรกของเรา อาจจะมีข้อบกพร่อง ยังไงยินดีรับฟังค่ะ
จริงๆเคยลงรีวิวร้านนี้ไว้แล้วบนเฟสบุ๊คส่วนตัว สุดท้ายโดนลบไปแบบไม่มีสาเหตุ ไม่มีการแจ้งบอกใดๆ
และเราก็ไม่ได้เก็บขอมูลไว้ด้วย เลยตัดสินใจเขียนใหม่อีกครั้งลงพันทิปค่ะ
พอรู้ว่าจะได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เราก็ไม่รอช้า หาข้อมูลร้าน Sushi omakase หรือแบบเชฟจัดให้ เตรียมรอไว้เลย
Omakase หรือ chef's choice ก็คือชุดอาหารที่เชฟจะเลือกเสิร์ฟตามใจเชฟ ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ราคา และคุณภาพอาหารในช่วงนั้น ซึ่งแต่ละครั้งก็เมนูไม่เหมือนกัน เชฟจะเรียงลำดับการเสิร์ฟแต่ละจานไม่เหมือนกัน ซึ่งถือเป็นศิลปะอีกอย่างนึง เพราะ เชฟที่ดีจะเลือกเสิร์ฟแต่ละจานได้อย่างลงตัว ทำให้คนทานรู้สึกอร่อยในทุกๆคำ และรู้สึกอยากอาหารไปเรื่อยๆจนถึงคำสุดท้าย
เนื่องจากเป็นประเทศเจ้าถิ่น ร้านที่เจอก็มีหลากหลายให้เลือก แต่มันก็มีข้อจำกัดเยอะเหลือเกิน
บางร้านก็ราคาแพงหลักหมื่น บางร้านต้องใช้เวลาจอง 5-6เดือน บางร้านต้องโทรจองเท่านั้นแถมไม่มีคนรับสาย บางร้านไม่รับจองต้องไปเข้าแถวเอาเอง และอีกร้อยแปดพันเก้าข้อจำกัด
จนในที่สุด เราก็เจอร้านที่ถูกใจ เป็นมิตรกับสุขภาพขา(ไม่อยากต่อคิว) และเงินในกระเป๋า แถมไม่ต้องจองไว้ล่วงหน้านานๆ
นั่นก็คือร้าน Mantensushi ตั้งอยู่ชั้น B1 ในห้าง Maru no Uchi ไม่ไกลจากย่านกินซ่าซักเท่าไหร่
ร้านนี้รับจองตั้งแต่ 1สัปดาห์ - 2 เดือนล่วงหน้า ที่สำคัญมีระบบจองผ่านเว็บไซต์ด้วย
ถ้าสนใจ คลิกเลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราจองล่วงหน้าก่อน 2 เดือนเลย เพราะไปกันหลายคน และอยากได้ที่นั่งตรงเคาท์เตอร์หน้าเชฟ เรารู้สึกว่าเวลาได้ดูเชฟแล่ปลา ปั้นซูชิ มันทำให้เจริญอาหารมากขึ้น 5555
ทางร้านจะเสิร์ฟแต่แบบโอมากาเสะเพียงอย่างเดียว ราคาและจำนวนเสิร์ฟ ขอสรุปช่วงท้ายนะคะ
---------------------------------------------------
เริ่มที่การเดินทาง สะดวกมาก นั่งรถไฟใต้ดินสายสีเขียวมาลงที่สถานี Nijubashi-mae แล้วเดินไปอีกไม่ถึง 5 นาที
ถึงหน้าร้านแล้ว พนักงานก็ให้นั่งรอข้างหน้าร้าน เพื่อเตรียมความเรียบร้อยข้างใน
เมื่อเข้ามานั่งในร้าน วางกระเป๋า เชฟก็เสิร์ฟถ้วยเล็กๆขนาดเท่าจอกเหล้า ข้างในมีน้ำใสๆ
เราเห็นก็ตกใจนึกว่าเป็นแอลกอฮอล์ แต่คิดไปเองล้วนๆ เพราะมันคือ
1. Asari no sumashijiru หรือ Clam soup เป็นซุปหอย เสิร์ฟมาแค่น้ำใสๆในจอกเหล้า ไม่มีหอย
ซดรวดเดียวเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย ให้ลิ้นคุ้นชินกับรสชาติทะเล
จานแรกนี่ยังตั้งตัวไม่ทัน เพราะนั่งปุ๊บ เสิร์ฟปั๊บ เลยไม่ทันถ่ายรูป ขออภัยทุกท่านด้วยค่ะ
---------------------------------------------------
2. Bonito sushi หรือ ซูชิปลาทูน่ารมควัน
เชฟปั้นๆแล้ว เรารีบใช้มือหยิบเข้าปากทันที (กลัวไม่สด 555) และมันก็....อร่อยค่ะ เนื้อส่วนนอกจะสุกนิดๆ และหอมควันหน่อยๆ
---------------------------------------------------
3. Hirame sashimi - เนื้อปลาตาเดียว แล่พอดีคำ
ปกติเราจะคุ้นกับ เอนกาวะ หรือ ครีบปลาตาเดียว แต่อันนี้คือส่วนเนื้อปลา
เชฟแกปาดซอสโชยุให้แล้วนิดๆ เราเอาเข้าปากได้เลย เนื้อของมันจะกรอบๆ ไม่เหนียว และทิ้งรสชาติหวานไว้ด้วย
---------------------------------------------------
4. Spainish mackerel / aji sashimi ชื่อไทยคือปลาอินทรีบั้ง เป็นปลาตระกูลเดียวกับปลาทู แต่ตัวใหญ่กว่า
กรรมวิธีของเชฟคือ เอาไปรมควัน มันก็จะมีทั้งส่วนที่สุกและไม่สุก เนื้อจึงไม่แข็ง ไม่แห้ง
แน่นอนว่ายิ่งเอาไปรมควัน ยิ่งมีรสชาติหอมเพิ่มเข้าไปอีก อันนี้ทานคู่กับซอสหวาน เข้ากันดีสุดๆ
---------------------------------------------------
5. Enoki sushi ซูชิเห็ดเข็มทองนี่เอง
คำนี้ถือว่าแปลกสำหรับเรา ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน ซึ่งซูชิเห็ดก็ไม่แย่เลยค่ะ แถมเชฟโรยเปลือกส้มไว้ข้างบนด้วย เฟรชมาก
---------------------------------------------------
6. Saba sushi ซูชิปลาซาบะสด
ปลาซาบะมีอยู่ทั่วไปในไทย แต่น้อยคนนักที่เคยกินปลาซาบะสดๆ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นซาบะย่าง ซาบะดอง
คำนี้เราชอบมาก ได้รสปลาซาบะจริงๆ หวาน หอม ไม่มีกลิ่นคาวเลย
---------------------------------------------------
7. Awabi หอยเป๋าฮื้อ
เราตื่นตาตื่นใจตั้งแต่เชฟเดินไปหยิบหอยออกมาเตรียมไว้หน้าเคาท์เตอร์แล้ว
จากนั้นเชฟก็ลงมือแกะหอยออกมา หั่นเป็นสองชิ้น พอดีคำ ปาดซอสโชยุเค็มนิดๆ
เข้าปากไปน้ำตาจะไหล หอยนุ่มมาก ไม่คาวเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
---------------------------------------------------
8. kinmedai หรือ ซูชิปลากระพงแดง
ปลาชนิดนี้เราชอบอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เพราะเนื้อปลามีกลิ่นหอม บางที่จะเสิร์ฟแบบแล่หนังออก เพราะมันจะเหนียวนิดๆ
แต่เชฟที่นี่เอาไฟมาย่างที่หนังปลาแบบผ่านๆ ช่วยลดความเหนียวได้ ที่สำคัญ หอมกลิ่นหนังปลาเกรียมๆค่ะ
---------------------------------------------------
9. akami ซูชิปลาทูน่า ส่วนเนื้อแดง
ปลาทูน่าส่วนที่มีไขมันน้อยที่สุด เนื้อปลาส่วนนี้จึงไม่นุ่มซะเท่าไหร่ เชฟจึงนำปลาไปหมักซอสข้ามคืน ให้เนื้อปลานุ่มขึ้นและรสชาติดีขึ้น
ซึ่งเชฟก็เก่งมากๆ ที่ทำให้ทูน่าเนื้อแดงทั่วไปที่เราแทบไม่แตะ กลายเป็นซูชิแสนอร่อยได้ มีแบบนี้อีกซัก 10คำก็ไม่เบื่อ
---------------------------------------------------
10. Mentaiko - ไข่ปลาคอดย่างไฟอ่อนๆ
เข้าปากไปตอนแรก หอมกลิ่นย่างนำก่อนเลย จากนั้นถึงได้รสไข่ปลาคอดตามมา รสชาติอร่อยพอสมควร มันๆดี ควรลองอย่างยิ่ง กินคู่กับสาเกยิ่งอร่อยเลย
ภาพเบลอ ขออภัย
---------------------------------------------------
11. kaki / oyster หรือหอยนางรม นั่นแหละ
หอยนางรมจากฮอกไกโด ตัวใหญ่มาก เสิร์ฟแบบสุกแล้ว แต่เป็นเสิร์ฟเย็นนะ
สำหรับเราอร่อยมาก ไม่ต้องพึ่งเครื่องเคียง น้ำจิ้มอะไรทั้งนั้น หอยมีความหวานอยู่ในตัว พูดแล้วก็อยากกินอีกหลายๆคำ
---------------------------------------------------
12. Otoro หรือ ซูชิปลาทูน่าติดมัน
คำนี้ไม่ขอพูดมาก มันอร่อยลืมกลืนจริงๆ เนื้อปลานุ่มมาก ละลายในปากได้เลยค่ะ
---------------------------------------------------
13. Mekajiki / Swordfish หรือ ปลากระโทง (ที่ปากบนจะแหลมๆเหมือนดาบ)
คำนี้เสิร์ฟแค่เนื้อปลา เอาไปย่าง หน้าตาดูงั้นๆ เหมือนจะแห้ง แต่รสชาติอยู่ครบค่ะ
---------------------------------------------------
เป็นยังไงบ้างคะ 13 เสิร์ฟแรกของร้าน Mantensushi
หวังว่าจะชอบกันนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ต้องขออภัย ถ้ารูปภาพบางรูปอาจจะไม่ชัดมาก ใช้มือถือทั่วไปถ่ายค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามมากๆค่ะ
ขอตัวไปกินข้าวก่อน แล้วเจอกันค่ะ ^^