งงในงงค่ะ?????? บังเอิญลูกเข้าโรงพยาบาลรัฐบาลซึ่งข้าราชการก็สามารถเบิกได้ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เบิกไม่ได้เราก็จ่ายเงินสำรองไปก่อนแล้วจึงเอาไปเบิกประกัน ได้รับข้อความจากกรุงไทยแอกซ่าว่า
1.ได้อนุมัติสินไหมสุขภาพ 8900 ส่วนนี้เราเบิกค่าห้องได้ 3 คืน คืนละ2200 เท่ากับ 6600 จึงเป็นส่วนของค่ารักษา 2,300
2.อนุมัติยอดเงิน 3000 ส่วนนี้คือเราทำค่าทดแทนรายวันเพิ่มวันละ 1,000
3. อนุมัติอีกยอดคือ 750 อันนี้เราเบิก follow up เนื่องจากเห็นว่าวงเงินค่ารักษาทำไว้ 10,000 บาท ยังใช้ไม่เต็มปกติสามารถนำมาเบิกได้อีก
ต่อมามีข้อความจากธนาคารแจ้งการโอนเงินมาจากกรุงไทยแอกซ่ามา 11900 ซึ่งขาดไป750 บาท จำนวนเงินไม่เท่ากับที่อนุมัติมาครั้งแรก จึงโทรถามไปที่กรุงไทยเอกซ่าฝ่ายพิจารณาสินไหม เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เราใช้วงเงินเต็ม เนื่องจาก บริษัทได้รวมค่ารักษาที่เคยเข้ารักษาด้วยโรคหลอดลมอักเสบเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2560 ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง กับที่รักษาล่าสุดในโรงพยาบาลรัฐบาลเมื่อวีนที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นครั้งเดียวกันด้วยโรคเดียวกัน ทำให้ยอดค่ารักษาเต็มวงเงิน ????????????
คำถาม 1.โรคหลอดลมอักเสบ เมื่อวันที่ 3ธันวาคม 2560 ลูกชายเข้ารักษาด้วยอาการไอจนหอบต้องพ่นยารักษาอาการหอบทุก 2 ชั่วโมงและใส่สายให้ออกซิเจนอยู่ในระดับปกติ คู่กับการฉีดยา ให้น้ำเกลือ
2. โรคไซนัสอักเสบ อาการมีไข้ 38 องศา อยู่ 1 วัน ปวดหัวรุนแรง อาเจียน จนอ่อนเพลีย มีไข้ 38 องศา รักษาโดยกินยาแก้ปวด เมื่อไม่ดีขึ้นคุณหมอเลยฉีดยาแก้อักเสบ ให้น้ำเกลือ
คำถาม 1 ตาม1และ 2มันคือโรคเดียวกันเป็นการรักษาต่อเนื่อง ถูกต้องแล้วหรือ
คำถาม2 ทำไมครั้งแรกจึงแจ้งอนุมัติสินไหมยอด 750 มาให้แต่เมื่อโอนมาจริงโอนมาไม่ครบ
คำถามที่ 3 หากป่วยเราจะสามารถใช้สิทธิค่ารักษากับกรุงไทยเอกซ่าได้อีกครั้งในวงเงินการรักษาครั้งใหม่ได้อีกเมื่อได
จะเห็นว่าคุณแม่ติดประเด็นยอดเงินแค่ 750 บาท เป็นยอดที่น้อยมาก แต่ถ้ามองในมุมกลับกันถ้าคุณแม่ที่ซือประกันเพื่อที่จะลดภาระค่ารักษาของลูกน้อยเราไม่สามารถเบิกเงินจากที่ใดได้ หรือครั้งล่าสุดวันนั้นแม่ไม่ได้พาลูกเข้ารักษาโรงพยาบาลรัฐบาลเบิกราชการไม่ได้ ยอดส่วนต่างมันไม่ใช่แค่ 750 บาท บริษัทจะเห็นว่าการตัดสินใจเป็นการถูกต้องแล้วหรือควรแก้ไข ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ แต่ขอฝากข้อมูลให้เป็นความรู้กับคนที่มีประกันของที่นี้อยู่หรือกำลังตัดสินใจเลือกประกันไว้เป็นข้อคิดแล้วกันน่ะค่ะ และอยากได้คำตอบให้กับตัวเองในการวางแผนการใช้สิทธิ์รักษาลูกยามป่วยไข้ในครั้งต่อไป
การพิจารณาโรคต่อเนื่องของประกันกรุงไทยยเอกซ่าถูกต้องหรือไม่
1.ได้อนุมัติสินไหมสุขภาพ 8900 ส่วนนี้เราเบิกค่าห้องได้ 3 คืน คืนละ2200 เท่ากับ 6600 จึงเป็นส่วนของค่ารักษา 2,300
2.อนุมัติยอดเงิน 3000 ส่วนนี้คือเราทำค่าทดแทนรายวันเพิ่มวันละ 1,000
3. อนุมัติอีกยอดคือ 750 อันนี้เราเบิก follow up เนื่องจากเห็นว่าวงเงินค่ารักษาทำไว้ 10,000 บาท ยังใช้ไม่เต็มปกติสามารถนำมาเบิกได้อีก
ต่อมามีข้อความจากธนาคารแจ้งการโอนเงินมาจากกรุงไทยแอกซ่ามา 11900 ซึ่งขาดไป750 บาท จำนวนเงินไม่เท่ากับที่อนุมัติมาครั้งแรก จึงโทรถามไปที่กรุงไทยเอกซ่าฝ่ายพิจารณาสินไหม เจ้าหน้าที่แจ้งว่า เราใช้วงเงินเต็ม เนื่องจาก บริษัทได้รวมค่ารักษาที่เคยเข้ารักษาด้วยโรคหลอดลมอักเสบเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2560 ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง กับที่รักษาล่าสุดในโรงพยาบาลรัฐบาลเมื่อวีนที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นครั้งเดียวกันด้วยโรคเดียวกัน ทำให้ยอดค่ารักษาเต็มวงเงิน ????????????
คำถาม 1.โรคหลอดลมอักเสบ เมื่อวันที่ 3ธันวาคม 2560 ลูกชายเข้ารักษาด้วยอาการไอจนหอบต้องพ่นยารักษาอาการหอบทุก 2 ชั่วโมงและใส่สายให้ออกซิเจนอยู่ในระดับปกติ คู่กับการฉีดยา ให้น้ำเกลือ
2. โรคไซนัสอักเสบ อาการมีไข้ 38 องศา อยู่ 1 วัน ปวดหัวรุนแรง อาเจียน จนอ่อนเพลีย มีไข้ 38 องศา รักษาโดยกินยาแก้ปวด เมื่อไม่ดีขึ้นคุณหมอเลยฉีดยาแก้อักเสบ ให้น้ำเกลือ
คำถาม 1 ตาม1และ 2มันคือโรคเดียวกันเป็นการรักษาต่อเนื่อง ถูกต้องแล้วหรือ
คำถาม2 ทำไมครั้งแรกจึงแจ้งอนุมัติสินไหมยอด 750 มาให้แต่เมื่อโอนมาจริงโอนมาไม่ครบ
คำถามที่ 3 หากป่วยเราจะสามารถใช้สิทธิค่ารักษากับกรุงไทยเอกซ่าได้อีกครั้งในวงเงินการรักษาครั้งใหม่ได้อีกเมื่อได
จะเห็นว่าคุณแม่ติดประเด็นยอดเงินแค่ 750 บาท เป็นยอดที่น้อยมาก แต่ถ้ามองในมุมกลับกันถ้าคุณแม่ที่ซือประกันเพื่อที่จะลดภาระค่ารักษาของลูกน้อยเราไม่สามารถเบิกเงินจากที่ใดได้ หรือครั้งล่าสุดวันนั้นแม่ไม่ได้พาลูกเข้ารักษาโรงพยาบาลรัฐบาลเบิกราชการไม่ได้ ยอดส่วนต่างมันไม่ใช่แค่ 750 บาท บริษัทจะเห็นว่าการตัดสินใจเป็นการถูกต้องแล้วหรือควรแก้ไข ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ แต่ขอฝากข้อมูลให้เป็นความรู้กับคนที่มีประกันของที่นี้อยู่หรือกำลังตัดสินใจเลือกประกันไว้เป็นข้อคิดแล้วกันน่ะค่ะ และอยากได้คำตอบให้กับตัวเองในการวางแผนการใช้สิทธิ์รักษาลูกยามป่วยไข้ในครั้งต่อไป