สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
สิ่งที่ผมมองเห็น
1. คุณสามารถเรียนรู้งาน และทำงานในสายอื่นๆได้ ที่ไม่ใช่งานจัดซื้อรับผิดชอบโดยตรง ( เก่งหรือไม่เก่งไม่ใช่ประเด็น )
2. คุณทำงานภายใต้แรงกดดันได้ ( ได้ขนาดไหนอีกเรื่องนึง )
3. คุณสามารถบริหารจัดการงานที่เข้ามาในช่วงเวลาเดียวกันหลายๆงานได้ ( ดีหรือไม่ดีไม่เกี่ยว )
4. คุณมีความพยายามและความอดทนที่จะเรียนรู้งานใหม่ๆ หรือสิ่งที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อน ( ยังไม่มองผลลัพธ์ )
นี่คือจุดแข็งของคุณ เวลาไปสมัครงานที่ใหม่ เอาตรงนี้ไปใช้ครับ
1. คุณสามารถเรียนรู้งาน และทำงานในสายอื่นๆได้ ที่ไม่ใช่งานจัดซื้อรับผิดชอบโดยตรง ( เก่งหรือไม่เก่งไม่ใช่ประเด็น )
2. คุณทำงานภายใต้แรงกดดันได้ ( ได้ขนาดไหนอีกเรื่องนึง )
3. คุณสามารถบริหารจัดการงานที่เข้ามาในช่วงเวลาเดียวกันหลายๆงานได้ ( ดีหรือไม่ดีไม่เกี่ยว )
4. คุณมีความพยายามและความอดทนที่จะเรียนรู้งานใหม่ๆ หรือสิ่งที่ไม่เคยเรียนรู้มาก่อน ( ยังไม่มองผลลัพธ์ )
นี่คือจุดแข็งของคุณ เวลาไปสมัครงานที่ใหม่ เอาตรงนี้ไปใช้ครับ
ความคิดเห็นที่ 29
เราลาออกค่ะ ตอนพึ่งเรียนจบตอนนั้นเราได้ไปทำงานเป็นผู้ช่วยที่ปรึกษาให้กับนักธุรกิจคนนึงค่ะ เงินเดือนตอนนั้นคือ 5หลักปลายๆเกือบ6หลัก ด้วยความที่นายเป็นบุคคลที่ Low Tech มากๆถึงขั้นใช้บัตรเอทีเอ็ทไม่เป็น ใช้ไอโฟนแต่ไม่มี Icould จะโทรจะส่งข้อความก็คิดตามจริงค่ะ ตอนนั้นจำได้เลยว่าทำงาน 8โมงเช้าถึงบ่าย 4 ในเวลาออฟฟิศ หน้าที่คือ
- เช็คอีเมล์แล้วปริ้นท์ออกมาให้นายอ่าน
- ตอบรับจม. ทุกฉบับที่ส่งมาถึงนาย
- หากนายถามไม่ว่าจะเรื่องอะไรต้องมีคำตอบให้อย่างกระจ่างแจ้ง
- พยายามสอนนายให้ใช้ ipad ให้เป็นเพื่อจะสั่งงานผ่านไอแพด ( สอนไป 3 เดือนไม่ประสบผลสำเร็จค่ะ นายบอกเลิกใช้ๆยุ่งยาก )
หน้าที่จะประมาณนี้ค่ะแต่ปัญหามันอยู่ที่ นอกเวลางานบางทีแกโทรมาให้ไปจัดการธุระให้ ไม่ว่าจะทำอะไรต้องทิ้งแล้วไปจัดการให้แกค่ะ ต้องแสตนบายหากนายโทรมา ต้องรับทันทีหรือข้อความต้องส่งกลับไม่เกิน 2 นาที หากช้ากว่านั้นจะโดนด่า หนักๆก็คือการแต่งตัวเราแต่งแบบสูทและกางเกงแสลค ( ราคาถูกตามเงินในกระเป๋า )กลับโดนดุ บอกว่า “แต่งตัวกะโหลกกะลา เสื้อผ้าไม่มีความเป็นมืออาชีพ แล้วต้องไปพบผู้บริหารอีกบริษัทแทนนาย รังแต่จะทำให้นายขายขี้หน้า” แล้วให้ไปที่ห้างสรรพสินค้าไปเปลี่ยนเป็นชุดแบบเดิมแต่ต้องเป็นแบรนด์เนม โดยที่บริษัทจ่ายให้ เหมือนจะเป็นงานในฝันใช่ไหมคะ เปล่าค่ะนรกมากกก
- เคยจะต้องไปประชุมที่โปแลนด์แทนนาย แต่ด้วยว่าเป็นวันอาทิตย์เราเลยตื่นสาย นายโทรมา เพื่อจะสั่งให้เปลี่ยนไฟลท์ เราไม่ได้รับโทรศัพท์ แกเปลี่ยนคนไปแทนจ้า ทิ้งทุกอย่างที่จองไปหมด แถมคำด่าแบบจี้ดๆ
- ด้วยความที่นายรักหมา เราโดนให้ไปซื้ออาหารหมาจ้าแต่ปัญหามันอยู่ที่เมืองไทยไม่มีขาย นายไม่ชอบซื้อของผ่านอินเตอร์เนท ให้บินไปฮ่องกงซื้ออาหารหมาแล้วกลับจ้า นรกมากก
- ความรู้นอกจากเรื่องงานแล้วเรื่องคอนแทคแล้ว จะต้องตอบนายให้ได้ทุกอย่างจ้า เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือที่ไหนอร่อย ไปซื้อมาให้ที, สะดือพัทยาคือตรงไหนไปหามาแล้วขอซื้อที่ดินซะ นายจะปลูกบ้านเพราะหมอดูบอกว่านายจะรวย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ , คำศัพท์แบบวัยรุ่นๆต้องแปลให้แกเข้าใจให้ได้ไม่เช่นนั้นโดนด่า
- ต้องใจเย็นดั่งขั้วโลกเหนือ เพราะโดนด่าแต่ละคำ เช่น เธอมันโง่ ขนาดควายยังฉลาดกว่าเธอ, เธอมันพวกกินหญ้าเป็นอาหาร, ควายเท่านั้นแหละที่จะทำแบบเธอ, เธอมันพูดจาไม่รู้เรื่อง ถามอย่างตอบอย่าง, เธอมันไม่เจริญหรอก เพราะคิดแบบนี้ไงถึงไม่เจริญยันทุกวันนี้, บางทีนายว่าถ้าเธอไม่เกิดมา โลกคงดีกว่านี้นะ, เธอย้ายไปอยู่ประเทศอื่นก็ดี เมืองไทยจะได้สูงขึ้น
- เคยต้องไปดินเนอร์กับนายค่ะ จำได้มื้อนั้นแพงมาก อาหารที่อร่อยหมดความอร่อยเพราะไม่รู้นายไปกินรังแตนที่ไหนมา โดนด่ากลางโต๊ะว่าเป็น ควาย จนเราคิดว่าถ้านับจริงๆควายคงเดินตั้งแต่แยกราชดำริไปถึงสีลมได้อะค่ะ แบบควายเต็มพื้นที่จนพี่เลขา ต้องแอบมาจับมือปลอบใจ แต่เราก็ยังยิ้มรับนะคะแต่จริงๆแล้วเท้าเรานี่กระดิกแบบขยี้พื้นแบบเต็มแรง ใจนี่แบบสารพัดคำโต้ตอบแต่ไม่ได้กระทำ
วันที่ปลดเกวียนออกคือวันที่นายเรียกเราไปดุเรื่องสั่งซื้อเรือยอร์ช เอกสารตอนให้สั่งก็มี ข้อความที่นายสั่งบอกให้ไปจองก็มี แต่นายหาว่าเรามันเป็นพวกโบรกเกอร์อยากได้ค่านายหน้า เรางงมากทั้งๆที่เราไม่ผิด
นายบอกว่า”ชั้นจะหาที่ปรึกษาใหม่ดีมั้ย เธอทำงานไม่ได้เรื่องสักอย่าง”
เราตอบทันที “หนูไล่ตัวเองออกค่ะ ไม่ลาออกค่ะนายไม่ต้องไล่หนู”
แล้วเดินออกจากออฟฟิศไปห้างนั่งทานไอศครีม ทานขนม แบบไม่เสียใจที่ออกจากงาน วันนั้นรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนใช่มั้ย เราคือมนุษย์ใช่มั้ย แบบนี้เลยค่ะ แต่ขอบคุณนายที่ทำให้เราแกร่งมาก จนทุกวันนี้ติฉินนินทา ดุด่าจากผู้ใหญ่เราไม่สะเทือนใจแล้วค่ะ คือสภาพจิตใจดีขึ้นทันตาเห็นเลย พูดแล้วทุกวันนี้หากย้อนไปได้คงไล่ตัวเองออกไวกว่านี้ค่ะ
สู้ๆนะคะ จขกท
- เช็คอีเมล์แล้วปริ้นท์ออกมาให้นายอ่าน
- ตอบรับจม. ทุกฉบับที่ส่งมาถึงนาย
- หากนายถามไม่ว่าจะเรื่องอะไรต้องมีคำตอบให้อย่างกระจ่างแจ้ง
- พยายามสอนนายให้ใช้ ipad ให้เป็นเพื่อจะสั่งงานผ่านไอแพด ( สอนไป 3 เดือนไม่ประสบผลสำเร็จค่ะ นายบอกเลิกใช้ๆยุ่งยาก )
หน้าที่จะประมาณนี้ค่ะแต่ปัญหามันอยู่ที่ นอกเวลางานบางทีแกโทรมาให้ไปจัดการธุระให้ ไม่ว่าจะทำอะไรต้องทิ้งแล้วไปจัดการให้แกค่ะ ต้องแสตนบายหากนายโทรมา ต้องรับทันทีหรือข้อความต้องส่งกลับไม่เกิน 2 นาที หากช้ากว่านั้นจะโดนด่า หนักๆก็คือการแต่งตัวเราแต่งแบบสูทและกางเกงแสลค ( ราคาถูกตามเงินในกระเป๋า )กลับโดนดุ บอกว่า “แต่งตัวกะโหลกกะลา เสื้อผ้าไม่มีความเป็นมืออาชีพ แล้วต้องไปพบผู้บริหารอีกบริษัทแทนนาย รังแต่จะทำให้นายขายขี้หน้า” แล้วให้ไปที่ห้างสรรพสินค้าไปเปลี่ยนเป็นชุดแบบเดิมแต่ต้องเป็นแบรนด์เนม โดยที่บริษัทจ่ายให้ เหมือนจะเป็นงานในฝันใช่ไหมคะ เปล่าค่ะนรกมากกก
- เคยจะต้องไปประชุมที่โปแลนด์แทนนาย แต่ด้วยว่าเป็นวันอาทิตย์เราเลยตื่นสาย นายโทรมา เพื่อจะสั่งให้เปลี่ยนไฟลท์ เราไม่ได้รับโทรศัพท์ แกเปลี่ยนคนไปแทนจ้า ทิ้งทุกอย่างที่จองไปหมด แถมคำด่าแบบจี้ดๆ
- ด้วยความที่นายรักหมา เราโดนให้ไปซื้ออาหารหมาจ้าแต่ปัญหามันอยู่ที่เมืองไทยไม่มีขาย นายไม่ชอบซื้อของผ่านอินเตอร์เนท ให้บินไปฮ่องกงซื้ออาหารหมาแล้วกลับจ้า นรกมากก
- ความรู้นอกจากเรื่องงานแล้วเรื่องคอนแทคแล้ว จะต้องตอบนายให้ได้ทุกอย่างจ้า เช่น ก๋วยเตี๋ยวเรือที่ไหนอร่อย ไปซื้อมาให้ที, สะดือพัทยาคือตรงไหนไปหามาแล้วขอซื้อที่ดินซะ นายจะปลูกบ้านเพราะหมอดูบอกว่านายจะรวย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ , คำศัพท์แบบวัยรุ่นๆต้องแปลให้แกเข้าใจให้ได้ไม่เช่นนั้นโดนด่า
- ต้องใจเย็นดั่งขั้วโลกเหนือ เพราะโดนด่าแต่ละคำ เช่น เธอมันโง่ ขนาดควายยังฉลาดกว่าเธอ, เธอมันพวกกินหญ้าเป็นอาหาร, ควายเท่านั้นแหละที่จะทำแบบเธอ, เธอมันพูดจาไม่รู้เรื่อง ถามอย่างตอบอย่าง, เธอมันไม่เจริญหรอก เพราะคิดแบบนี้ไงถึงไม่เจริญยันทุกวันนี้, บางทีนายว่าถ้าเธอไม่เกิดมา โลกคงดีกว่านี้นะ, เธอย้ายไปอยู่ประเทศอื่นก็ดี เมืองไทยจะได้สูงขึ้น
- เคยต้องไปดินเนอร์กับนายค่ะ จำได้มื้อนั้นแพงมาก อาหารที่อร่อยหมดความอร่อยเพราะไม่รู้นายไปกินรังแตนที่ไหนมา โดนด่ากลางโต๊ะว่าเป็น ควาย จนเราคิดว่าถ้านับจริงๆควายคงเดินตั้งแต่แยกราชดำริไปถึงสีลมได้อะค่ะ แบบควายเต็มพื้นที่จนพี่เลขา ต้องแอบมาจับมือปลอบใจ แต่เราก็ยังยิ้มรับนะคะแต่จริงๆแล้วเท้าเรานี่กระดิกแบบขยี้พื้นแบบเต็มแรง ใจนี่แบบสารพัดคำโต้ตอบแต่ไม่ได้กระทำ
วันที่ปลดเกวียนออกคือวันที่นายเรียกเราไปดุเรื่องสั่งซื้อเรือยอร์ช เอกสารตอนให้สั่งก็มี ข้อความที่นายสั่งบอกให้ไปจองก็มี แต่นายหาว่าเรามันเป็นพวกโบรกเกอร์อยากได้ค่านายหน้า เรางงมากทั้งๆที่เราไม่ผิด
นายบอกว่า”ชั้นจะหาที่ปรึกษาใหม่ดีมั้ย เธอทำงานไม่ได้เรื่องสักอย่าง”
เราตอบทันที “หนูไล่ตัวเองออกค่ะ ไม่ลาออกค่ะนายไม่ต้องไล่หนู”
แล้วเดินออกจากออฟฟิศไปห้างนั่งทานไอศครีม ทานขนม แบบไม่เสียใจที่ออกจากงาน วันนั้นรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนใช่มั้ย เราคือมนุษย์ใช่มั้ย แบบนี้เลยค่ะ แต่ขอบคุณนายที่ทำให้เราแกร่งมาก จนทุกวันนี้ติฉินนินทา ดุด่าจากผู้ใหญ่เราไม่สะเทือนใจแล้วค่ะ คือสภาพจิตใจดีขึ้นทันตาเห็นเลย พูดแล้วทุกวันนี้หากย้อนไปได้คงไล่ตัวเองออกไวกว่านี้ค่ะ
สู้ๆนะคะ จขกท
แสดงความคิดเห็น
สุขภาพจิตเสียหนักมาก ควรจะลาออกจากงานดีไหม?
อาจจะยาวหน่อย แต่ช่วยให้คำปรึกษาเราด้วยนะคะ เราไม่รู้จะตัดสินใจยังไงจริงๆ
เราทำงานใน บ.หนึ่ง ในตำแหน่ง จัดซื้อ ได้หยุด 1 วันต่ออาทิตย์ ช่วงแรกๆได้เงินเดือน 10,000 โดนหักค่าต่างๆไป 1,000 ก็ได้รับอยู่ที่ 9 พัน
แต่ว่าเค้าพึ่งขึ้นเงินให้เป็น 12,000 เมื่อเร็วๆนี้ แต่ว่า เราเครียดเรื่องงานมากๆ และสุขภาพจิตเสียมากๆ ทุกคนลองฟังสิ่งที่เราจะเล่าต่อไปนี้ และช่วยเราตัดสินใจหน่อยนะคะ
เราทำงานในตำแหน่ง จัดซื้อ ต้องทำงานเกี่ยวกับการซื้อของต่างๆให้ทาง บ. ทุกวัน(ย้ำนะว่าทุกวัน) เรื่องนี้เราทำได้ไม่มีปัญหา แต่ว่ามันก็มีหน้าที่นอกเหนือจากนี้พ่วงมาด้วย ซึ่งบางทีเราก็สงสัย เพราะบางหน้าที่เราไม่ถนัดเลยอย่างเช่น
1. การลงรายรับ-รายจ่าย ซึ่งหน้าที่นี้ควรเป็นบัญชีที่ทำรึปล่าว? เพราะเวลาเราทำพลาด เราก็จะโดนด่าเพราะเราไม่รู้หลักการของเค้า บางทีก็ต้องไปถามพี่บัญชีเค้าบ่อยๆเพราะมันมีหลายเคสให้แก้ (แต่เราก็พยายามเรียนรู้ จนทำได้มาถึงทุกวันนี้)
2. เราต้องทำเกี่ยวกับการติดต่อประสานงานการซ่อมต่างๆให้ช่าง (อันนี้พอเข้าใจค่ะ เพราะต้องต่อรองราคาซ่อมให้เค้า) คือเวลามีอะไรเสีย และถ้าช่างของเราซ่อมไม่ได้เค้าก็จะมาแจ้งเรา จากนั้นเราก็จะเป็นคนหาช่างนอกมาซ่อมให้ แต่บางทีต้องกลายเป็นเราเองที่ต้องจัดการทุกอย่าง ทั้งการหา การคุมช่าง(ซึ่งก็แอบ งง อีกแล้วว่าควรเป็นหน้าที่ของช่างไหม? จัดซื้อเกี่ยวอะไรในการเฝ้าช่างหรือดูช่างในช่วงเวลาที่เค้าเข้ามาซ่อม?)
บางที่เราก็ไม่รู้เรื่องเนอะว่าอุปกรณ์อันนั้นอันนี้คืออะไร เวลาเค้าถามเราเราก็ตอบเค้าไม่ได้ สุดท้ายก็โดนด่าอีก (แต่เราก็พยายามเรียนรู้ และทำได้จนถึงทุกวันนี้เช่นกัน) ปล.เวลาซ่อม เราตามช่างให้มาดูตลอด แต่บางทีเค้าก็มาบ้างไม่มาบ้าง T^T
3. ทำงานแทนพี่อีกคนแล้วโดนด่า... ประเด็นนี้มันเป็นมาหลายครั้งแล้วค่ะ คือว่าตำแหน่งของเราจะต้องประสานงานกับตำแหน่งสโตร์ของตลอด เพราะเราจะได้รู้ว่าของไกล้จะหมดตอนไหน... ควรซื้อมาเผื่อไว้เพราะเราเป็นจัดซื้อ แต่วันหยุดของเราทั้ง 2 คนก็จะได้หยุดสลับกันคนละ 1 วันค่ะ ถ้าเกิดวันไหนพี่สโตร์หยุด เราก็ต้องทำหน้าที่ควบ 2 ตำแหน่ง คือจัดซื้อและสโตร์ของ ซึ่งบางวันก็งานหนักมาก วิ่งไปมาไม่ได้พัก แต่ส่วนนี้เราไม่ได้หนักใจอะไรเพราะคนทำงานก็ต้องเจอแบบนี้เป็นธรรมดา แต่ประเด็นมันอยู่ที่ ถ้าเกิดวันไหนเราหยุดบ้าง แล้วพี่สโตร์ต้องมาทำจัดซื้อแทนเราเหมือนที่เราเคยทำตอนที่เค้าหยุด แต่ประเด็นคือ เวลาเค้าเหนื่อย เค้าจะชอบว่าเรา ทั้งๆที่ตอนเค้าหยุดเราก็เหนื่อยไม่แพ้กัน อธิบายง่ายๆคือ วันหยุดเขา..กุทำแทนกุเหนื่อยได้ แต่พอวันหยุดเรา เค้าทำแทนเค้าจะต้องมาเหนื่อยไม่ได้ แบบนี้เข้าใจไหมค่ะ? นี้แหละค่ะที่เราหนักใจ (แต่เราก็ปล่อยวางมาตลอด พยายามไม่คิดมาก)
4. เป็นสิ่งที่เราหนักใจมากที่สุด!! และเสียสุขภาพจิตมากที่สุด คือโดนหัวหน้าด่าเป็นประจำ!
การโดนหัวหน้าด่า.. เราเข้าใจนะคะเพราะการทำงานมันก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา แต่ว่าบางเรื่องที่เราทำผิดแล้วเราโดนด่าเราก็พอรับได้
เพราะมันเป็นความผิดของเรา แต่บางเรื่องนี้สิ อย่างเช่นเรื่องเล็กๆน้อยๆ หัวหน้าก็ควรบอกเราดีๆไหม? ควระพูดกับเราดีๆหรือปล่าว?
แต่นี้ด่าเราอย่างกับเราไปเผ่าบ้านเค้าอย่างงั้ลละ
เราทำอะไรผิดนิดๆหน่อยๆไม่ได้ ต้องโดนเรียกไปด่า(แรงๆ)ตลอด แต่ว่าพอคนอื่นทำผิดบ้าง หัวหน้าจะไม่ด่านะคะแต่จะบอกดีๆว่า"เทอทำผิดตรงนี้ๆ อะเอาไปแก้" แค่เนี๊ยยยย!!(เจอแบบนี้ทุกครั้ง)
เรายอมรับเลยนะว่าทุกวันนี้เรากลายเป็นคนขี้ระแวง เป็นคนโรคจิตชนิดนึงไปเลย ระแวงตลอดเวลาว่า.. กุจะโดนด่าอีกไหม?
หัวสมองเรามันจะคิดวนเวียนซ้ำๆเสมอว่า ถ้าเค้าด่าเราอีกเราควรจะตอบยังไง ประมาณว่าเรากลายเป็นคนคิดมากไปเลย ทั้งๆที่หัวหน้าด่าเราเสร็จเค้าก็อาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ คือเราทนให้เค้าด่าแบบนี้มาครึ่งปีจนตอนนีเรารู้ว่าเราเริ่มมีอาการ เราโดนด่าแทบทุกวัน ช่วงแรกๆก็ปล่อยวางได้ แต่หลังๆมานี้เหมือนเค้าเป็นคน 2 มาตฐาน บางเรื่องเราก็ไม่ได้เป็นคนผิดแต่ก็มาด่าว่าเราผิด เราก็ งง ไปหลายครั้งเหมือนกัน
ทุกวันนี้เริ่มนอนไม่ค่อยหลับเพราะสมองจะคิดอยู่ตลอดเวลาเรื่องโดนด่าทั้งๆที่มันก็ผ่านไปแล้ว T^T
พักหลังๆมาบางทีหัวหน้าชอบด่าเราแรงๆว่าเราทำผิด แต่บางเรื่องเราไม่ได้ทำผิดจริงๆ(โดนแบบนี้หลายครั้ง)เราก็เลยเถียงไปว่าเราไม่ได้ทำผิด เราทำถูกต้องแล้วค่ะ แต่หัวหน้าก็จะเถียงต่อว่าเราผิด จนมีรุ่นพี่อีกคนนึงเข้ามาช่วยตรวจงาน จนสุดท้ายคือความจริงแล้วเราทำถูกต้องครบถ้วนแล้ว แต่หัวหน้าดันตรวจผิดเอง พอเค้ารู้ว่าเค้าผิดเค้าก็เงียบ ไม่ขอโทษอะไรเราเลย(กรณีแบบนี้เราเจอหลายครั้งมาก โดนบ่อยจนเราจิตเสีย) เราไม่มีความสุขเลยที่จะต้องทำงานร่วมกับหัวหน้า เวลาเจอหัวหน้า.. เรารู้สึกเหมือนตัวเค้ามีแต่รัศมีมืดๆที่ปกคลุมไปทั่วตัวเค้า เรารู้สึเหมือนตัวเค้ามีแต่ความเครียดพร้อมที่จะปลดปล่อยออกมาให้คนอื่น เรารู้สึกว่าเค้าเป็นคนที่ไม่น่าอยู่ด้วยเลย แต่เวลาเราอยู่กับรุ่นพี่คนอื่นๆเรากลับมีความสุข เพราะถึงแม้จะโดนรุ่นพี่คนอื่นด่า แต่เค้าก็บอกดีๆและเรากลับปล่อยวางได้ง่ายกว่า ไม่คิดมาก
เรายอมรับเลยค่ะว่างานหนักแค่ไหน เราไม่เกี่ยงเราไม่ท้อ แต่ดันมาท้อกับ"คน" ดั่งที่เขาเคยพูดไว้ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก...
เรายอมรับเลยว่า ตั้งแต่ทำงานมานี้(ครึ่งปี) ตอนนี้เราเริ่มมีอาการแล้ว(เรารู้ตัว) ทุกวันนี้เรารู้สึกสุขภาพจิตเสีย ในหัวสมองเราก็คิดอยู่ตลอด ระแวงอยู่ตลอดไม่มีความสุขเลย
ตอนที่เราเป็นพนักงานใหม่ๆ ก็เคยมีคนมาเล่าให้เราฟังว่าตำแหน่งที่เราทำก็เคยมีคนทำมาหลายคน และลาออกมาหลายคนแล้ว เพราะทนหัวหน้าไม่ได้ หลายคนก็กลายเป็นคนคิดมากและขี้ระแวงไปเลย.. ตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะยังไม่ได้เจออะไรมาก(ตอนนั้นเรายังคิดด้วยซ้ำว่าเค้าใส่ร้ายหัวหน้าเราแน่ๆ คงอยากให้เราเกลียดหัวหน้าแน่ๆ) คือเราเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส เวลาเดินไปไหนในบริเวณบริษัทก็จะมีแต่พูดด้วยและยิ้มให้เรา เพราะเราไม่ได้เป็นคนดุ แต่คนในแผนกเราเป็นคนดุทุกคนค่ะ ดังนั้นเลยมีคนมาเล่าอะไรให้ฟังบ่อยๆ จนตอนนี้เราก็เริ่มนึกถึงคำพูดเก่าๆที่คนอื่นมาเล่าให้เราฟัง เราเริ่มรู้สึกว่ามันเป็นความจริง และเริ่มเข้าใจละว่าทำไหมคนเหล่านั้นถึงลาออก..
ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ เราไม่อยากเครียด ไม่อยากคิดมาก ไม่อยากโดนด่าเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เสียสุขภาพจิตอยู่แบบนี้
บางที่เราก็คิดนะว่า ทำงานในบริษัทนี้ได้หยุดวันเดียวก็ไม่ต่างจากในห้าง เผลอๆในห้างยังได้เงินเยอะกว่าอีก เราอยากลาออกไปทำงานที่อื่น
งานหนักเราไม่เกี่ยง แต่เรื่องคนแบบนี้ก็ไม่ไหว เมื่อก่อนเราก็เคยเจอคนประเภทนี้มาหลายคครั้ง แต่ก็ไม่หนักขนาดนี้นะ คนอื่นยังเป็นมิตรมากกว่านี้
เราควรทำไงดีค่ะ ควรลาออกเลยดีไหม? ใจเราอยากออกมากแต่ยังหาที่ใหม่ไม่ได้ T^T ตอนนี้เราเรียนอยู่นะคะ ใกล้จะจบ ป.ตรี แล้ว(คือเราทำงานส่งตัวเองเรียน เราเรียนทางด้านภาษาค่ะ) ช่วยแนะนำเราด้วยค่ะ ขอร้องจริงๆ T^T
ปล. ถ้าหากเราสะกดคำไหนผิด เราขอโทษด้วยนะคะ เราทุกข์ใจมากอยากได้คำปรึกษาจริงๆค่ะ