คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 33
[ เพิ่มเติมจากเจ้าของกระทู้นะคะ ]
ที่เรารู้สึกกลัว ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากชีวิตในวัยเด็กก็ได้ค่ะ ขอเล่าย้อนกลับไปในวัยนั้นเราเกิดมาในครอบครัวข้าราชการค่ะ ไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ชีวิตค่อนข้างมีแบบแผน ครอบครัวอบอุ่นมีความสุขดีค่ะ เราใช้ชีวิตแบบนั้นมาจนอายุ18ปี จนคุณแม่จับได้ว่าคุณพ่อนอกใจ ด้วยความเป็นเด็กพูดตรงๆว่าตอนนั้นเหมือนโลกถล่มค่ะ คุณพ่อที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้เราและคนอื่นตลอดมา เรากับคุณแม่ทั้งผิดหวังเสียใจ ชีวิตเคว้งคว้างมากๆ กอดคอกันร้องไห้แทบทุกวัน จนมันกลายเป็นแผลที่ติดมาในใจเราจนทุกวันนี้
ส่วนสามีเกิดมาในครอบครัวมีฐานะมากๆค่ะ แต่ก็ไม่เคยได้มีชีวิตเป็นของตัวเองเลย ใช้ชีวิตอยู่บนความคาดหวังและความกดดันของคนในครอบครัว ชีวิตไม่มีความฝัน ไม่มีเวลาได้ค้นหาตัวเอง ชีวิตเดินตามสเต็ปที่คุณพ่อคุณแม่ขีดไว้ ต้องเรียนร.ร.นี้ เกรดเท่านี้ อายุเท่านี้ต้องไปเรียนเมืองนอก จบมาต้องมาบริหารธุรกิจต่อนะ ชีวิตเหมือนจะดีนะคะ ใช่ค่ะทางกายมันดีมาก มีคนจัดการทุกอย่างให้ตั้งแต่ตื่นนอนยันหลับตา แต่ทางใจเหมือนนกที่โดนขังไว้ในกรงทองอ่ะค่ะ ถามว่าแบบนี้ก็ลูกแหง่สิ เท่าที่อยู่กันมาสามีไม่ลูกแหง่ค่ะ แค่โดนจำกัดสิทธิทางความคิดเท่านั้น พอแต่งงานแยกออกมาอยู่กันสองคนก็ดีขึ้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยกล้ามาบังคับอะไรเท่าไหร่
เราอายุ32ค่ะ มีงานทำมั่นคง มีธุรกิจส่วนตัว รายได้หกหลักกลางๆ สามีอายุ33 มีบริษัทของตัวเองและบริหารบริษัทที่ครอบครัวยกให้ ไม่มีภาระหนี้สินกันทั้งคู่ เราแต่งงานมาได้สักพักแล้ว เลยมาคุยกันจริงจังเรื่องมีลูก จะเรียกปมก็ไม่ผิดนะคะ เราสองคนมีปมเรื่องนี้กันจริงๆจนทำให้กลัวอย่างที่ตั้งกระทู้ไว้ เราบอกตรงๆว่าไม่รู้จะปรึกษาใครเพราะส่วนใหญ่คนรอบข้างก็จะบอกประมาณว่า มีเถอะ เขาต้องเกิดมาสุขสบายอยู่แล้ว ใช่ค่ะทางกาย แต่ทางใจเราก็คิดตลอดว่าไม่รู้จะให้ความสุขเขาได้มากแค่ไหน เรากับสามีจะเป็นพ่อแม่ที่ดีได้จริงหรือเปล่า เลยต้องลองถามทุกคนในพันทิปว่ามีใครคิดแบบนี้ไหม ทำยังไงถึงจะข้ามผ่านไปได้
ส่วนเรื่องมีลูกไว้เลี้ยงตอนแก่นี่เราไม่คิดเลยค่ะ เพราะเรากับสามีเริ่มแพลนไว้แล้วว่าจะใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายกันเอง คงพากันตะลอนเที่ยว ออกไปทำสิ่งที่อยากทำกันค่ะ ถ้ามีลูกคงปล่อยให้ลูกๆได้ใช้ชีวิตของเขาอย่างเต็มที่ค่ะ
ขอโทษถ้าสิ่งที่เราอธิบายทำให้ใครไม่พอใจนะคะ เราไม่ได้มีเจตนาจะสร้างความไม่พอใจเลย แต่ไม่รู้จะปรึกษาใครจริงๆค่ะ ถ้าเกิดผิดพลาดตรงไหนต้องขอโทษด้วยนะคะ
------------------------
ขอบคุณมากๆสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาตอบเยอะขนาดนี้ ทุกความเห็นมีความหมายมากจริงๆค่ะ เรากับสามีได้มุมมองคิดใหม่ๆเยอะเลยค่ะ ^^
*Edit คำผิดค่ะ
ที่เรารู้สึกกลัว ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากชีวิตในวัยเด็กก็ได้ค่ะ ขอเล่าย้อนกลับไปในวัยนั้นเราเกิดมาในครอบครัวข้าราชการค่ะ ไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ชีวิตค่อนข้างมีแบบแผน ครอบครัวอบอุ่นมีความสุขดีค่ะ เราใช้ชีวิตแบบนั้นมาจนอายุ18ปี จนคุณแม่จับได้ว่าคุณพ่อนอกใจ ด้วยความเป็นเด็กพูดตรงๆว่าตอนนั้นเหมือนโลกถล่มค่ะ คุณพ่อที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้เราและคนอื่นตลอดมา เรากับคุณแม่ทั้งผิดหวังเสียใจ ชีวิตเคว้งคว้างมากๆ กอดคอกันร้องไห้แทบทุกวัน จนมันกลายเป็นแผลที่ติดมาในใจเราจนทุกวันนี้
ส่วนสามีเกิดมาในครอบครัวมีฐานะมากๆค่ะ แต่ก็ไม่เคยได้มีชีวิตเป็นของตัวเองเลย ใช้ชีวิตอยู่บนความคาดหวังและความกดดันของคนในครอบครัว ชีวิตไม่มีความฝัน ไม่มีเวลาได้ค้นหาตัวเอง ชีวิตเดินตามสเต็ปที่คุณพ่อคุณแม่ขีดไว้ ต้องเรียนร.ร.นี้ เกรดเท่านี้ อายุเท่านี้ต้องไปเรียนเมืองนอก จบมาต้องมาบริหารธุรกิจต่อนะ ชีวิตเหมือนจะดีนะคะ ใช่ค่ะทางกายมันดีมาก มีคนจัดการทุกอย่างให้ตั้งแต่ตื่นนอนยันหลับตา แต่ทางใจเหมือนนกที่โดนขังไว้ในกรงทองอ่ะค่ะ ถามว่าแบบนี้ก็ลูกแหง่สิ เท่าที่อยู่กันมาสามีไม่ลูกแหง่ค่ะ แค่โดนจำกัดสิทธิทางความคิดเท่านั้น พอแต่งงานแยกออกมาอยู่กันสองคนก็ดีขึ้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยกล้ามาบังคับอะไรเท่าไหร่
เราอายุ32ค่ะ มีงานทำมั่นคง มีธุรกิจส่วนตัว รายได้หกหลักกลางๆ สามีอายุ33 มีบริษัทของตัวเองและบริหารบริษัทที่ครอบครัวยกให้ ไม่มีภาระหนี้สินกันทั้งคู่ เราแต่งงานมาได้สักพักแล้ว เลยมาคุยกันจริงจังเรื่องมีลูก จะเรียกปมก็ไม่ผิดนะคะ เราสองคนมีปมเรื่องนี้กันจริงๆจนทำให้กลัวอย่างที่ตั้งกระทู้ไว้ เราบอกตรงๆว่าไม่รู้จะปรึกษาใครเพราะส่วนใหญ่คนรอบข้างก็จะบอกประมาณว่า มีเถอะ เขาต้องเกิดมาสุขสบายอยู่แล้ว ใช่ค่ะทางกาย แต่ทางใจเราก็คิดตลอดว่าไม่รู้จะให้ความสุขเขาได้มากแค่ไหน เรากับสามีจะเป็นพ่อแม่ที่ดีได้จริงหรือเปล่า เลยต้องลองถามทุกคนในพันทิปว่ามีใครคิดแบบนี้ไหม ทำยังไงถึงจะข้ามผ่านไปได้
ส่วนเรื่องมีลูกไว้เลี้ยงตอนแก่นี่เราไม่คิดเลยค่ะ เพราะเรากับสามีเริ่มแพลนไว้แล้วว่าจะใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายกันเอง คงพากันตะลอนเที่ยว ออกไปทำสิ่งที่อยากทำกันค่ะ ถ้ามีลูกคงปล่อยให้ลูกๆได้ใช้ชีวิตของเขาอย่างเต็มที่ค่ะ
ขอโทษถ้าสิ่งที่เราอธิบายทำให้ใครไม่พอใจนะคะ เราไม่ได้มีเจตนาจะสร้างความไม่พอใจเลย แต่ไม่รู้จะปรึกษาใครจริงๆค่ะ ถ้าเกิดผิดพลาดตรงไหนต้องขอโทษด้วยนะคะ
------------------------
ขอบคุณมากๆสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาตอบเยอะขนาดนี้ ทุกความเห็นมีความหมายมากจริงๆค่ะ เรากับสามีได้มุมมองคิดใหม่ๆเยอะเลยค่ะ ^^
*Edit คำผิดค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
บอกตรงๆถ้าอยู่ประเทศไทย ไม่อยากมีลูกเลย แต่(แม่)แฟนอยากมีมาก ตามประสาคนแก่ พูดบ่อยๆว่าให้มีลูก ให้ทันใช้
ซึ่งเราไม่เห็นด้วย ถ้าเรามีลูก อยากจะให้มีเค้าให้เติบโตตามธรรมชาติของมนุษย์คนนึง
เมืองไทยนอกจากอันตรายในการเลี้ยงดูแล้ว วันๆต้องเจอแต่อะไรก็ไม่รู้ มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง ดราม่าบ้าบอ เคารพทุกอย่างยกเว้นกฎหมาย ไหว้กิ้งก่า2 หัว ไหว้น้ำส้วม ขูดหวย คนไม่ทำตามระเบียบแล้วอ้างให้หยวนๆ มนุษย์ป้าแซงคิว อ้างว่าชั้นแก่จะทำไม คนเดินทางเท้าโดนมอเตอร์ไซค์สอยตูด ข้ามธรรมตรงสัญญาณไฟ โดนรถบีบแตรด่า ปัญหาฝุ่นมลพิษที่รัฐบาลไม่แก้ไข ระบบขนส่งสาธารณะโคดบรมห่วย ทำให้ทุกต้องต้องใช้รถ ทำให้รถติด หมาจรจัด หมาบ้าเต็มเมืองไปหมด ไปแจ้งฝ่ายนึง ฝ่ายนึงบอกไม่เกี่ยว ให้ไปแจ้งอีกที่ โยนกันไปมา ประชาชนต้องคอยป้องกันตัวเอง กินข้าวร้านอาหารเจอแมลงสาป เจอก้อนกรวด พนักงานยิ้มแหะๆ ทำอะไรไม่ได้ ดูเป็นมาตรฐานของประเทศนี้ อยู่ๆมีตลาดโผล่กลางที่พักอาศัย ทั้งๆที่กฎหมายทำไม่ได้ แต่รวยซะอย่างจะทำไม วันดีคืนดีข้างห้องเสียงดัง เห่าหอน ร้องคาราโอเกะ เมาหัวราน้ำ ตำรวจไม่ทำอะไร
แต่ทั้งนี่ขูดรีดภาษีจากประชาชนโดยเฉพาะชนชั้นกลาง เพื่อเอาไป(?)
ยังไม่รวมคดีที่เห็นแล้วทำให้หงุดหงิดอยู่ทุกวัน
นาฬิกายืมเพื่อนไม่โดนอะไรหรอก สบายๆ
ปืนยืมเพื่อน ฆ่าเสือดำ หลักฐานชัดเจนทุกอย่าง แต่ทำอะไรไม่ได้ และพนันได้ว่าไม่โดนหรอก คนมันรวยซะอย่าง แค่มีคนวาดภาพเสือดำโดนฆ่าบนกำแพงยังมีเจ้าหน้าที่มาตามลบ ตลาดทุบรถเดี๋ยวก็มาใหม่ ยังมีเรื่องมากมายนับไม่ถ้วน จะตอบลูกยังไงว่าทำไมคนทำผิดถึงไม่โดนทำอะไร ทำไมข้ามถนนถูกสัญญาณถึงโดนด่า ทำไมเดินทางเท้าโดนรถสอยตูด
คุณภาพชีวิตต่ำมากๆ ยิ่งคนกรุงเทพฯ อยู่ในเมืองไปทำงานนั่งรถ 2 ชม ทั้งๆที่ระยะทางใกล้มาก แต่รถติดมหาศาล รถไฟฟ้าก็เสียวันเว้นวัน โรงเรียนคุณภาพไม่เท่ากันเพราะประเทศยังไม่พัฒนา ต้องจ่ายตังใต้โต๊ะ (แปะเจี๊ยะ)เป็นเรื่องธรรมดาของประเทศนี้ ติวลูกตั้งแต่อนุบาล ถ้าอยากให้ลูกได้มีสังคมดีๆ พอเข้าโรงเรียนปุ้บ มัธยมต้องติวอีกละ เพื่อเข้ามหาลัย สังคมที่กล่อมให้คนเชื่องซะเหลือเกิน ทรงผมก็ต้องไว้ทรงเดียวกัน มีความคิดสร้างสรรค์อะไรโดนริดรอน อธิบาย=เถียง แล้วมันจะเอาอะไรไปมีสมองสร้างสรรค์ มันก็ได้ความคิดออกมาเป็น stereotypes เดียวกันทั้งหมดประเทศนี่แหละ
ซึ่งเราไม่อยากให้ลูกโตมาแบบนั้น
ทั้งหมดที่กล่าวมามันไม่ใช่ความกลัว มันคือความจริง ธรรมะเดียวที่ช่วยได้คือ ปล่อยวาง ปลง ยอมรับในความแย่ และเลี้ยงให้ดีที่สุด
ถ้าเถียงว่าประเทศอื่นเค้าก็มีข้อเสียเหมือนๆกัน เราเคยอยู่มา 2 ประเทศ ญี่ปุ่น และ ประเทศในยุโรป ตอนนี้อยู่ยุโรป ภาษี 20%++ โรงเรียนคุณภาพใกล้เคียงกัน ไม่ต้องดิ้นรนไปยัดเงินเข้า จ่ายตังค่าสถานที่แบบไทย คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า×100 เท่า มีลูกมารัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือเยอะ ไม่ใช่เดือนละไม่กี่ร้อยแบบไทย ถ้าแบบนี้เหมาะแก่การมีลูกค่ะ
ซึ่งเราไม่เห็นด้วย ถ้าเรามีลูก อยากจะให้มีเค้าให้เติบโตตามธรรมชาติของมนุษย์คนนึง
เมืองไทยนอกจากอันตรายในการเลี้ยงดูแล้ว วันๆต้องเจอแต่อะไรก็ไม่รู้ มนุษย์ป้า มนุษย์ลุง ดราม่าบ้าบอ เคารพทุกอย่างยกเว้นกฎหมาย ไหว้กิ้งก่า2 หัว ไหว้น้ำส้วม ขูดหวย คนไม่ทำตามระเบียบแล้วอ้างให้หยวนๆ มนุษย์ป้าแซงคิว อ้างว่าชั้นแก่จะทำไม คนเดินทางเท้าโดนมอเตอร์ไซค์สอยตูด ข้ามธรรมตรงสัญญาณไฟ โดนรถบีบแตรด่า ปัญหาฝุ่นมลพิษที่รัฐบาลไม่แก้ไข ระบบขนส่งสาธารณะโคดบรมห่วย ทำให้ทุกต้องต้องใช้รถ ทำให้รถติด หมาจรจัด หมาบ้าเต็มเมืองไปหมด ไปแจ้งฝ่ายนึง ฝ่ายนึงบอกไม่เกี่ยว ให้ไปแจ้งอีกที่ โยนกันไปมา ประชาชนต้องคอยป้องกันตัวเอง กินข้าวร้านอาหารเจอแมลงสาป เจอก้อนกรวด พนักงานยิ้มแหะๆ ทำอะไรไม่ได้ ดูเป็นมาตรฐานของประเทศนี้ อยู่ๆมีตลาดโผล่กลางที่พักอาศัย ทั้งๆที่กฎหมายทำไม่ได้ แต่รวยซะอย่างจะทำไม วันดีคืนดีข้างห้องเสียงดัง เห่าหอน ร้องคาราโอเกะ เมาหัวราน้ำ ตำรวจไม่ทำอะไร
แต่ทั้งนี่ขูดรีดภาษีจากประชาชนโดยเฉพาะชนชั้นกลาง เพื่อเอาไป(?)
ยังไม่รวมคดีที่เห็นแล้วทำให้หงุดหงิดอยู่ทุกวัน
นาฬิกายืมเพื่อนไม่โดนอะไรหรอก สบายๆ
ปืนยืมเพื่อน ฆ่าเสือดำ หลักฐานชัดเจนทุกอย่าง แต่ทำอะไรไม่ได้ และพนันได้ว่าไม่โดนหรอก คนมันรวยซะอย่าง แค่มีคนวาดภาพเสือดำโดนฆ่าบนกำแพงยังมีเจ้าหน้าที่มาตามลบ ตลาดทุบรถเดี๋ยวก็มาใหม่ ยังมีเรื่องมากมายนับไม่ถ้วน จะตอบลูกยังไงว่าทำไมคนทำผิดถึงไม่โดนทำอะไร ทำไมข้ามถนนถูกสัญญาณถึงโดนด่า ทำไมเดินทางเท้าโดนรถสอยตูด
คุณภาพชีวิตต่ำมากๆ ยิ่งคนกรุงเทพฯ อยู่ในเมืองไปทำงานนั่งรถ 2 ชม ทั้งๆที่ระยะทางใกล้มาก แต่รถติดมหาศาล รถไฟฟ้าก็เสียวันเว้นวัน โรงเรียนคุณภาพไม่เท่ากันเพราะประเทศยังไม่พัฒนา ต้องจ่ายตังใต้โต๊ะ (แปะเจี๊ยะ)เป็นเรื่องธรรมดาของประเทศนี้ ติวลูกตั้งแต่อนุบาล ถ้าอยากให้ลูกได้มีสังคมดีๆ พอเข้าโรงเรียนปุ้บ มัธยมต้องติวอีกละ เพื่อเข้ามหาลัย สังคมที่กล่อมให้คนเชื่องซะเหลือเกิน ทรงผมก็ต้องไว้ทรงเดียวกัน มีความคิดสร้างสรรค์อะไรโดนริดรอน อธิบาย=เถียง แล้วมันจะเอาอะไรไปมีสมองสร้างสรรค์ มันก็ได้ความคิดออกมาเป็น stereotypes เดียวกันทั้งหมดประเทศนี่แหละ
ซึ่งเราไม่อยากให้ลูกโตมาแบบนั้น
ทั้งหมดที่กล่าวมามันไม่ใช่ความกลัว มันคือความจริง ธรรมะเดียวที่ช่วยได้คือ ปล่อยวาง ปลง ยอมรับในความแย่ และเลี้ยงให้ดีที่สุด
ถ้าเถียงว่าประเทศอื่นเค้าก็มีข้อเสียเหมือนๆกัน เราเคยอยู่มา 2 ประเทศ ญี่ปุ่น และ ประเทศในยุโรป ตอนนี้อยู่ยุโรป ภาษี 20%++ โรงเรียนคุณภาพใกล้เคียงกัน ไม่ต้องดิ้นรนไปยัดเงินเข้า จ่ายตังค่าสถานที่แบบไทย คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า×100 เท่า มีลูกมารัฐบาลจ่ายเงินช่วยเหลือเยอะ ไม่ใช่เดือนละไม่กี่ร้อยแบบไทย ถ้าแบบนี้เหมาะแก่การมีลูกค่ะ
ความคิดเห็นที่ 9
เกือบ 99% แต่ละเม้น ที่มาตอบล้วนมีแต่ความกลัวแทบทั้งสิ้น
ตามหลัก แล้ว ความกลัว มีแต่ในพาไปสู่ความเสื่อม นะ
กลัวผิดหวัง กลัวเสียใจ กลัวอกหัก กลัวการพลัดพราก กลัวๆๆๆๆๆๆๆๆ
มองด้านบวกครับ ใช้ชีวิต เรียนรู้ เข้าใจโลก ทุกสิ่ง ล้วน เกิด คงอยู่ ดับไป นี่คือสิ่ง ที่ผม สอน ลูกๆและผมมั่นใจว่าเขาจะโตขึ้น
เป็นคนดี ไม่เป็นภาระสังคมครับ ถ้าเขาจะล้มบ้าง ผิดหวังบ้าง มันก็คือชีวิต ยิ้มสู้กับมัน แต่อย่าไปกลัว
ตามหลัก แล้ว ความกลัว มีแต่ในพาไปสู่ความเสื่อม นะ
กลัวผิดหวัง กลัวเสียใจ กลัวอกหัก กลัวการพลัดพราก กลัวๆๆๆๆๆๆๆๆ
มองด้านบวกครับ ใช้ชีวิต เรียนรู้ เข้าใจโลก ทุกสิ่ง ล้วน เกิด คงอยู่ ดับไป นี่คือสิ่ง ที่ผม สอน ลูกๆและผมมั่นใจว่าเขาจะโตขึ้น
เป็นคนดี ไม่เป็นภาระสังคมครับ ถ้าเขาจะล้มบ้าง ผิดหวังบ้าง มันก็คือชีวิต ยิ้มสู้กับมัน แต่อย่าไปกลัว
แสดงความคิดเห็น
มีใครคิดว่าโลกนี้โหดร้ายจนไม่กล้ามีลูกไหมคะ
เราจะมีเงินมากพอที่จะทำให้ชีวิตเขาสุขสบายได้ไหม
เราจะให้สัมคมดีๆเขาได้ไหม
เราจะสอนให้เขาเป็นคนดีได้ไหม
เราจะดูแลเขาได้ดีหรือเปล่า
ถ้าเขาเจ็บปวดเราจะช่วยเขายังไง
บลาๆๆๆ
สังคมทุกวันนี้สับสน วุ่นวาย แย่งชิงมากจนเรากลัวค่ะ แค่คิดว่าเขาต้องร้องไห้เสียใจเพราะอะไรสักอย่างเราก็คงเจ็บปวดแล้ว เราว่าคนที่เป็นพ่อเป็นแม่เก่งมากเลยนะคะที่อดทนเห็นลูกๆเจ็บปวด เสียใจได้
แพลนทุกอย่างไว้แล้วนะคะ แต่พอจะมีจริงๆเรากลับกลัว
ไม่รู้ว่าก่อนมีลูก ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนเป็นแบบนี้ไหม
ไม่ดราม่านะคะ แสดงความเห็นแบบมีเหตุผลกันดีกว่าค่ะ
ขอโทษถ้าแท็กผิดห้องนะคะ