จะเขียนรีวิวทั้งที่ก็ขอเขียนสถานที่ ที่ไม่มีรีวิวล่ะกันคะ หลายคนคงสงสัยว่านี้คือที่ใดในอินโดนิเซีย ส่วนใหญ่เราจะรู้จักในนาม ลมหายใจเทพเจ้าหรือ Bromo เป็นสถานที่ ที่คนไทยนิยมไปเยี่ยมชม จขกท.ก็เคยไปสัมผัสมาแล้ว แต่เราอยากให้ทุกคนรู้จักสถานที่ ที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เราก็เลยติดต่อเพื่อนที่เป็นคนอินโดแนะนำ สถานที่ ที่น่าประทับใจใหม่ เราก็หวังว่าทุกคนคงจะชอบเช่นกัน เกริ่ดมามากพอแล้วเค้าเรื่อง ทริป เราดีกว่า อยากจะแนะนำ Krakatua Volcano “จิ๋วแต่โหด” ฉายานี้เราตั้งให้เอง เราจะแนะนำประวัติกันคร่าวๆ
อ้างอิง
http://www.vcharkarn.com/varticle/37502
กรากะตัว(Krakatau or Krakatao) เป็นชื่อหมู่เกาะอยู่ในช่องแคบชุนดา (Sunda Strait) ช่องแคบสำคัญใช้เป็นทางผ่านของเรือที่เดินทางจากจากทวีปยุโรปเข้าสู่ทะเลจีนใต้และอ่าวไทย อยู่ระหว่างเกาะชวา กับเกาะสุมาตรา หมู่เกาะ กรากะตัว ประกอบไปด้วย 3 เกาะ คือ Lang ,Verladen และ Rakata ซึ่ง Rakata นี่เองที่เป็นจุดกำเนิดของการระเบิดที่เราเรียกกันโดยทั่วไปว่า กรากะตัว กรากะตัวมีการระเบิดครั้งเล็กครั้งใหญ่มาเรื่อยๆ และการระเบิดของกรากะตัว ครั้งรุนแรงได้ถูกบันทึกไว้เมื่อปีพ.ศ. 2224 กระทั่ง วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2426 (ค.ศ.1883) ราวกับมีกบน้อยไปจุมพิตปลุกเจ้าหญิงนิทราให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา เปล่งเสียงกึกก้อง เถ้าถ่านควันไฟ เศษหินปลิวว่อน ผู้คนอพยพหนีตาย เมื่อมันสงบลง การระเบิดครั้งเล็กๆ มีตามมาอย่างถี่ๆ นับเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า อีกไม่นาน การระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ท่าที่มีการจดบันทึกไว้ในโลกกำลังจะอุบัติขึ้นอีกครา
สามารถเห็นการระเบิดได้ชัดเจนน้ำบริเวณรอบเกาะร้อนขึ้นจนสัมผัสได้ ตามด้วยการระเบิดขนาดกลางตามมาอย่างต่อเนื่อง จวบจนถึงรุ่งสางของวันที่ 27 การระเบิดครั้งใหญ่ที่สุด อวสานแห่ง กรากะตัวก็เกิดขึ้น เถ้าภูเขาไฟถูกพ่นขึ้นสู่ฟากฟ้าสูงถึง 80 กิโลเมตร แผ่นดินไหวรุนแรง บนฟากฟ้ามีฟ้าแลบฟ้าร้อง เศษของการระเบิดกระจัดกระจายทักทายไปถึงแดนห่างไกล ขึ้นไปทางเหนือถึงสิงคโปร์ และที่ห่างออกไปพันกว่ากิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ ที่เกาะ Kelling รวมแล้วแผ่ปกคลุมพื้น ที่โดยรอบในรัศมีถึง 750,000 ตารางกิโลเมตร เงยหน้ามองดูท้องฟ้า พระอาทิตย์อันแรงกล้าถูกม่านหมอกของเถ้าภูเขาไฟบดบังจนแลดูเปลี่ยนสี ในฤดูใบไม้ร่วงของทางยุโรปมองเห็นดวงอาทิตย์ตกเป็นสีแดงแปลกตาดังรูปวาดของจิตกรชาวอังกฤษ เสียงระเบิดคำรามไกลออกไป ไม่เพียงชาวปัตตาเวีย (Batavia)ที่อยู่ห่าง 150 กิเลเมตร แต่เสียงยังได้ยินไปไกลถึงออสเตรเลีย และผู้คนบนเกาะโรดริเกซ (Rogriguez) ซึ่งอยู่ไกลจาก Krakatau ถึง4,653 กิโลเมตร กล่าวกันว่านี่คือเสียงที่กึกก้องกัมปนาทมากที่สุดในโลก
เพื่อนบ้านอย่างประเทศไทยย่อมหนีไม่พ้น การระเบิดในครั้งนั้นตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีบันทึกของพระองค์เจ้าดิศวรกุมารที่ต่อมาทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพอีกด้วย ลองไปหาอ่านดูได้ การเสียชีวิตในเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดนี้ นอกจากลาวาร้อนแล้ว ต้องไม่ลืม Pyroclastic flows อันเป็นหมอกควันพิษ และเศษหินร้อน พุ่งขึ้นบนอากาศ ปกคลุมพื้นที่ทำให้คนขาดอากาศ และมาทับผู้คนเสียจนชีวิตและบ้านเรือนพังเสียหาย
และที่ร้ายที่สุดคือภายหลังการระเบิดของภูเขาไฟ ได้เกิด คลื่นน้ำสึนามิ บางลูกสูงกว่า 40 เมตร พัดเข้าถล่ม ในบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย, มหาสมุทรแปซิฟิก, ชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา, อเมริกาใต้, ตลอดจนไปถึงช่องแคบอังกฤษ ส่วนเกาะชวาและสุมาตรานั้น คลื่นยักษ์ได้ทะลักเข้าลึกไปถึงพื้นแผ่นดินภายใน เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร ทำให้ผู้เสียชีวิตโดยรวมจากเหตุการณ์นี้รวมสูงกว่า 36,000 คน และนับจากนั้นไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปลงหลักปักฐานในดินแดนกรากะตัวอีกเลยควันหลงของฝุ่นภูเขาไฟจากการระเบิด ไม่ได้หายไปไวเหมือนยามที่มา หากแต่ใช้เวลาถึง 3 ปี จึงจะตกลงมาบนพื้นโลกหมด และฝุ่นเหล่านี้ยังบดบังแสงอาทิตย์ จนทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในครานั้นลดลงราว 0.5 องศาเซลเซียส แม้พื้นแผ่นดินก็ยังสั่นไหวส่งท้ายจนถึงเดือนตุลาคมจึงได้อำลาไป
ระยะแรกพื้นที่การเกษตรถูกปกคลุมด้วยเถ้าถ่านจากการระเบิดจนมิอาจปลูกพืชทำมาหากินได้ แต่ไม่นานนัก ธรรมชาติก็ได้ตอบแทนความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน ด้วยแร่ธาตุจากธุลีการระเบิดในครานั้นผืนป่าฟื้นตัว การเพิ่มของสายพันธ์สิ่งมีชีวิตขึ้นมากมาย จนส่งผลให้กลายเป็น เขตอนุรักษ์ธรรมชาติอูจังกูลอน (Ujung Kulon nature reserve)บั ดนี้ตำนานได้จมลงใต้ทะเลลึก กรากะตัวเหลือเพียงหนึ่งในสามของพื้นที่เดิม ไม่มี Perbuatan และ Danan อีกต่อไป แต่ดูเหมือนว่าธรรมชาติได้เตรียมสร้างตำนานครั้งใหม่ขึ้นมาแทนที่ ภายหลังการระเบิดครั้งใหญ่ราว 50 ปีต่อมา ณ ที่เดิมได้เกิดภูเขาไฟลูกเล็กๆขึ้นมาแทนที่ เรียกขานกันว่า Anak Krakatau ซึ่งแปลว่า "Child Krakatau" หรือมันคือลูกน้อยของ Perbuatan และ Danan
เจ้า Krakatau น้อยลูกแรก โผล่พ้นน้ำให้เห็นเมื่อเดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. 2470 ตามต่อมาด้วย Anak Krakatau ลูกต่อๆมา และแน่นอน มันเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเป็นเด็กน้อยที่โตไวเสียด้วย กับความสูงปีละ6 เมตร แถมยังซุกซนพ่นฝุ่นควันและหินร้อนออกมาเรื่อยๆ ทับถมลงท้องทะเลเบื้องล่างให้ Anak Krakatau เติบใหญ่เป็นเกาะกลางทะเลที่ดูน่าเกรงขามขึ้น
[CR] รีวิวแรก ตะลุยแดนอันตรายภูเขาไฟกรากะตัว รั่วๆไปโผล่ที่คิรัว (Krakatua, Kiluan, Jakatar @Indonesia)
จะเขียนรีวิวทั้งที่ก็ขอเขียนสถานที่ ที่ไม่มีรีวิวล่ะกันคะ หลายคนคงสงสัยว่านี้คือที่ใดในอินโดนิเซีย ส่วนใหญ่เราจะรู้จักในนาม ลมหายใจเทพเจ้าหรือ Bromo เป็นสถานที่ ที่คนไทยนิยมไปเยี่ยมชม จขกท.ก็เคยไปสัมผัสมาแล้ว แต่เราอยากให้ทุกคนรู้จักสถานที่ ที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ เราก็เลยติดต่อเพื่อนที่เป็นคนอินโดแนะนำ สถานที่ ที่น่าประทับใจใหม่ เราก็หวังว่าทุกคนคงจะชอบเช่นกัน เกริ่ดมามากพอแล้วเค้าเรื่อง ทริป เราดีกว่า อยากจะแนะนำ Krakatua Volcano “จิ๋วแต่โหด” ฉายานี้เราตั้งให้เอง เราจะแนะนำประวัติกันคร่าวๆ
อ้างอิง http://www.vcharkarn.com/varticle/37502
กรากะตัว(Krakatau or Krakatao) เป็นชื่อหมู่เกาะอยู่ในช่องแคบชุนดา (Sunda Strait) ช่องแคบสำคัญใช้เป็นทางผ่านของเรือที่เดินทางจากจากทวีปยุโรปเข้าสู่ทะเลจีนใต้และอ่าวไทย อยู่ระหว่างเกาะชวา กับเกาะสุมาตรา หมู่เกาะ กรากะตัว ประกอบไปด้วย 3 เกาะ คือ Lang ,Verladen และ Rakata ซึ่ง Rakata นี่เองที่เป็นจุดกำเนิดของการระเบิดที่เราเรียกกันโดยทั่วไปว่า กรากะตัว กรากะตัวมีการระเบิดครั้งเล็กครั้งใหญ่มาเรื่อยๆ และการระเบิดของกรากะตัว ครั้งรุนแรงได้ถูกบันทึกไว้เมื่อปีพ.ศ. 2224 กระทั่ง วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2426 (ค.ศ.1883) ราวกับมีกบน้อยไปจุมพิตปลุกเจ้าหญิงนิทราให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา เปล่งเสียงกึกก้อง เถ้าถ่านควันไฟ เศษหินปลิวว่อน ผู้คนอพยพหนีตาย เมื่อมันสงบลง การระเบิดครั้งเล็กๆ มีตามมาอย่างถี่ๆ นับเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่า อีกไม่นาน การระเบิดของภูเขาไฟครั้งใหญ่ท่าที่มีการจดบันทึกไว้ในโลกกำลังจะอุบัติขึ้นอีกครา
สามารถเห็นการระเบิดได้ชัดเจนน้ำบริเวณรอบเกาะร้อนขึ้นจนสัมผัสได้ ตามด้วยการระเบิดขนาดกลางตามมาอย่างต่อเนื่อง จวบจนถึงรุ่งสางของวันที่ 27 การระเบิดครั้งใหญ่ที่สุด อวสานแห่ง กรากะตัวก็เกิดขึ้น เถ้าภูเขาไฟถูกพ่นขึ้นสู่ฟากฟ้าสูงถึง 80 กิโลเมตร แผ่นดินไหวรุนแรง บนฟากฟ้ามีฟ้าแลบฟ้าร้อง เศษของการระเบิดกระจัดกระจายทักทายไปถึงแดนห่างไกล ขึ้นไปทางเหนือถึงสิงคโปร์ และที่ห่างออกไปพันกว่ากิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ ที่เกาะ Kelling รวมแล้วแผ่ปกคลุมพื้น ที่โดยรอบในรัศมีถึง 750,000 ตารางกิโลเมตร เงยหน้ามองดูท้องฟ้า พระอาทิตย์อันแรงกล้าถูกม่านหมอกของเถ้าภูเขาไฟบดบังจนแลดูเปลี่ยนสี ในฤดูใบไม้ร่วงของทางยุโรปมองเห็นดวงอาทิตย์ตกเป็นสีแดงแปลกตาดังรูปวาดของจิตกรชาวอังกฤษ เสียงระเบิดคำรามไกลออกไป ไม่เพียงชาวปัตตาเวีย (Batavia)ที่อยู่ห่าง 150 กิเลเมตร แต่เสียงยังได้ยินไปไกลถึงออสเตรเลีย และผู้คนบนเกาะโรดริเกซ (Rogriguez) ซึ่งอยู่ไกลจาก Krakatau ถึง4,653 กิโลเมตร กล่าวกันว่านี่คือเสียงที่กึกก้องกัมปนาทมากที่สุดในโลก
เพื่อนบ้านอย่างประเทศไทยย่อมหนีไม่พ้น การระเบิดในครั้งนั้นตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีบันทึกของพระองค์เจ้าดิศวรกุมารที่ต่อมาทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพอีกด้วย ลองไปหาอ่านดูได้ การเสียชีวิตในเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดนี้ นอกจากลาวาร้อนแล้ว ต้องไม่ลืม Pyroclastic flows อันเป็นหมอกควันพิษ และเศษหินร้อน พุ่งขึ้นบนอากาศ ปกคลุมพื้นที่ทำให้คนขาดอากาศ และมาทับผู้คนเสียจนชีวิตและบ้านเรือนพังเสียหาย
และที่ร้ายที่สุดคือภายหลังการระเบิดของภูเขาไฟ ได้เกิด คลื่นน้ำสึนามิ บางลูกสูงกว่า 40 เมตร พัดเข้าถล่ม ในบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย, มหาสมุทรแปซิฟิก, ชายฝั่งตะวันตกของอเมริกา, อเมริกาใต้, ตลอดจนไปถึงช่องแคบอังกฤษ ส่วนเกาะชวาและสุมาตรานั้น คลื่นยักษ์ได้ทะลักเข้าลึกไปถึงพื้นแผ่นดินภายใน เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร ทำให้ผู้เสียชีวิตโดยรวมจากเหตุการณ์นี้รวมสูงกว่า 36,000 คน และนับจากนั้นไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปลงหลักปักฐานในดินแดนกรากะตัวอีกเลยควันหลงของฝุ่นภูเขาไฟจากการระเบิด ไม่ได้หายไปไวเหมือนยามที่มา หากแต่ใช้เวลาถึง 3 ปี จึงจะตกลงมาบนพื้นโลกหมด และฝุ่นเหล่านี้ยังบดบังแสงอาทิตย์ จนทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในครานั้นลดลงราว 0.5 องศาเซลเซียส แม้พื้นแผ่นดินก็ยังสั่นไหวส่งท้ายจนถึงเดือนตุลาคมจึงได้อำลาไป
ระยะแรกพื้นที่การเกษตรถูกปกคลุมด้วยเถ้าถ่านจากการระเบิดจนมิอาจปลูกพืชทำมาหากินได้ แต่ไม่นานนัก ธรรมชาติก็ได้ตอบแทนความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน ด้วยแร่ธาตุจากธุลีการระเบิดในครานั้นผืนป่าฟื้นตัว การเพิ่มของสายพันธ์สิ่งมีชีวิตขึ้นมากมาย จนส่งผลให้กลายเป็น เขตอนุรักษ์ธรรมชาติอูจังกูลอน (Ujung Kulon nature reserve)บั ดนี้ตำนานได้จมลงใต้ทะเลลึก กรากะตัวเหลือเพียงหนึ่งในสามของพื้นที่เดิม ไม่มี Perbuatan และ Danan อีกต่อไป แต่ดูเหมือนว่าธรรมชาติได้เตรียมสร้างตำนานครั้งใหม่ขึ้นมาแทนที่ ภายหลังการระเบิดครั้งใหญ่ราว 50 ปีต่อมา ณ ที่เดิมได้เกิดภูเขาไฟลูกเล็กๆขึ้นมาแทนที่ เรียกขานกันว่า Anak Krakatau ซึ่งแปลว่า "Child Krakatau" หรือมันคือลูกน้อยของ Perbuatan และ Danan
เจ้า Krakatau น้อยลูกแรก โผล่พ้นน้ำให้เห็นเมื่อเดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. 2470 ตามต่อมาด้วย Anak Krakatau ลูกต่อๆมา และแน่นอน มันเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเป็นเด็กน้อยที่โตไวเสียด้วย กับความสูงปีละ6 เมตร แถมยังซุกซนพ่นฝุ่นควันและหินร้อนออกมาเรื่อยๆ ทับถมลงท้องทะเลเบื้องล่างให้ Anak Krakatau เติบใหญ่เป็นเกาะกลางทะเลที่ดูน่าเกรงขามขึ้น
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น