ข้อนี้ยังไม่ถึงกับด่า เพราะคนที่ตามด่านั้นอาจจะยังไม่มา และใครซึ่งตามหาตรวจดูก็คงพบบ้าง ฉะนั้นจึงจะใคร่ขอตอบ ขอเทียบเคียงเอาไปจากข้อนี้ เพราะเผื่อว่าจะต่อความ วกกลับไปคำถามแบบเดียวกันนั้นๆอีก ซึ่งมักมาตามตอบด่าคน ว่ากลวง! และแล้วก็ไม่ค่อยบอกถึงมิติ ตลอดถึงบอกไปในความครอบคลุม หรือลงว่าในแง่มุมหนักๆเท่าใดนัก ว่าแต่ซึ่งๆว่า เปรียบไปเหมือนกลวงโล่ โบ๋ไป เหมือนเบ้าตากระดูกผีฉะนั้น คนดีๆมีเนื้อเป็นตน มีต้นแหล่ง มีทุกแห่ง เป็นทุกหนต้นใจ ทุกคนเช่นนั้นก็คงจะเจ็บแสบ ฉะนั้นจึงอยากจะมาขอตอบแก้ไข ให้ได้ไปถึง
หลายๆคำตอบมานี้ อ่านตามดูแล้ว ให้เป็นที่สะกิดใจไปในทางเสียหายอยู่, เช่นมีคนตามตอบอธิบายว่า คำอธิบายนั้นๆ เป็นแบบกลวงๆ ไม่อยากฟัง!, ฉะนั้นข้อว่านั้น จะประณามไปด้วย ก็ตามพิจารณาดูแล้ว ก็ว่าจะยังไม่ถึงที่ คือไม่ใช่ว่าจะถึงที่ เป็นกลวงๆ ตามที่ด่านั้น จริงๆ, ฉะนั้นข้อนี้จึงจะขอแสดงอธิบายไขข้อต่อว่า ให้ได้คำดั่งกล่าวนั้นให้ได้ไปไกลเสียจากการด่า, ด้วยให้คนถูกด่า ไปดูอย่างยิ่ง หาดีตอบ คิดไปเอาอย่าง ให้ได้เป็นร่มเงาเช่นต้นไม้บางชนิดบางจำพวก ซะก่อน เอาแต่เฉพาะชนิดที่มีตรงกลางกลวงๆเป็นต้น ซึ่งต้นร่มเงานั้น ไม่ได้มีแก่น, และในพวกต้นไม้ที่แก่หง่อมดึกดำบรรพ์ อายุมากๆนี้เขาก็ว่าด้วย เช่นต้นตะเคียน หรือต้นพิกุลแก่ๆตามเก่าๆของประเทศไทยเราแต่ก่อนก็เห็นว่าจะมี, อันว่าต้นนั้น ได้ตั้งต้นขึ้น เป็นต้นไม้ที่โตไปแต่พอกลวงๆ ตลอดต้นจะพอมีแต่เนื้อเปลือกต่อรากปิดกลวงตรงกลางที่ทะลุเป็นโพรงของต้นนั้น แล้วโตขึ้นไปแต่เท่านั้น เมื่อมองดูเผินๆ คนจะว่าเป็นของทึบแก่นกลางของต้นนี้คงจะดี แต่ยังหาได้ตามดูถนัด จึงจะยังหาได้รู้ไม่ ว่าแก่นไม้ไม่มี เพราะว่าตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของต้นไม้ และตนเองยังไม่ได้จับจองนั่งในร่ม และยังไม่ได้คิดจะไปลองตัดดู ยังไม่มาสู้จะมารู้จริงๆ, แต่เข้าทำเลยๆ เสียๆ เข้าด่าลอยๆออกนำไปซะก่อนแล้ว, ทีนี้คนนั้น ที่ถูกคนโน้นด่า ต้องคำที่เขาส่งมาบอกถนัดๆ คนได้เข้าด่า ว่ากลวง! เช่นนั้นก็เกิดไม่พอใจ คนจึงเข้าเตือนว่า อย่าเพ่อเสียใจ, แต่จงให้ดูซึ่งชื่อต้นไม้ ที่เป็นที่ประทับแห่งโพธิปัลลังก์ ของพระสัมพุทธเจ้าในอดีตเถิด ตกลงไว้เป็นกำลังใจเสียที, ในต้นที่มีชื่อว่าเป็นต้นไม้กลวง ก็ให้ชื่อว่าต้นไม้ไผ่นั่นเอง เป็นที่อยู่ของพระสุชาตสัมพุทธเจ้า เป็นต้น, คำนี้ได้ที่ เป็นที่ตรัสรู้ของพระสัมพุทธเจ้าแต่ปางก่อนมาแล้ว ทีนี้ใครขึ้นชื่อว่า วัดไผ่ หรือเวฬุวนาราม นี้จะย่อมไม่ธรรมดา หรือที่ให้กลวง! ให้โดนสมใจแต่การด่ามานั้น ก็จงให้เอากำลังใจที่ดี ให้เอาไว้เข้าไปเป็นที่ดูแลเกี่ยวข้องกันต่อไป, หาเข้าใช่ด้วย เออไปตามด่า แล้วดีด้วยตลอดเป็นการกลวง เอาไว้เป็นดีที่สุด สมเพราะจะเป็นชื่อ ที่จะเข้ากับองค์พระพุทธปฏิมากรองค์โตๆด้วยก็แล้ว ก็ต้องดีตามๆกัน, เพราะองค์พระประธานนั้น ตรงกลางก็เป็นของกลวง และเป็นตามวิธีของการสร้าง ที่ช่างทำให้ตรงกลางองค์พอเป็นแต่กลวงๆ ไว้เท่านั้น และการที่ดินน้ำไฟลมประสมส่วนเข้ากันไว้ ก็ต้องด้วยสิ่งกลวงๆเป็นอากาศไม่มีอะไรเอามาประสาน ก็เป็นดั่งนั้น, บอกเสียที ว่า ที่ไหน?พระประธานอันเป็นองค์พระปฏิมากรสำเร็จ จะมีทองทึบหรือน้ำเพชรตลอดร่างองค์เป็นแท่งตันๆ เช่นนั้นบ้าง ดั่งที่ใจของผู้จะพากันไปกราบจะคิดให้เป็น กว่านั้นก่อนจะได้คิดไปทางด่า หรือต้องสาปกัน จะเป็นดั่งนั้นหามีอยู่หรือไม่, ฉะนั้นไม่มี! เมื่อไม่มี จึงควรจะเกณฑ์เข้าใจแต่ทางที่ดีที่สุด เอาพอจะเกณฑ์ตน และจะให้สมชื่อแลตามเต็มแต่ความระลึก เท่าใดดี เฉพาะซึ่งโพธิบัลลังก์ อันได้ชื่อว่า นี้จะเป็นฐานให้คนระลึกถึงพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ได้ตรัสรู้ ณ โคนแห่งต้นไม้กลวง แลในสมัยเรานี้ ก็ให้ได้กล่าวถึงที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังวิหารพระเวฬุวันนั้น ที่ได้แสดงสำคัญอยู่ในทุกๆทาง ตลอดกัปแล้ว พระสงฆ์ก็ได้ทำบันทึกเรื่องราวเหล่านั้น ติดตามมา ให้เราทั่วทุกบริษัทได้ทราบ
เรื่องกลวงนี้ จะให้ได้คิดถึงคำสมัยใหม่ สมัยเรานี้ก็มี ซึ่งในบันทึกของครอเฟิดที่เป็นพ่อค้าและเป็นเหมือนซึ่งทูตต่างประเทศ ในสมัยนั้น เขาก็ได้บันทึกไว้ ว่าพระประธานองค์โตๆในโบสถ์ ที่แท้การทำไว้นั้น ได้แต่พอตรงกลางกลวงเท่านั้น, การณ์ว่าทูตต่างประเทศนั้นจะเป็นไป เพราะได้ไปดูเหตุการณ์การหล่อพระประธานของวัดราชโอรส หรือว่าได้ไปถึงอย่างไรนั้นไม่ทราบ แต่ปรากฏว่าได้มีข้อความบันทึกที่ครอเฟิด เขียนไว้ มีดังต่อไปนี้, ฉะนั้น ผู้จวนแจจะได้โดนใครด่าว่า กลวง! ก็จงพิจารณาดู ว่าที่ใครจะมากราบตัวดุจเป็นพระประธานนั้น ก็จงอย่าคิด ว่าตัวเองจะทึบไปเสียยิ่งกว่าพระประธานในโบสถ์องค์ใด เพราะที่แท้อันสมมุติด้วยการแห่งพระปฏิมากรรมนั้น การซึ่งเหล็กและการซึ่งหล่อหลอมโลหะ ทำโลหะหล่อนั้นๆ ก็จะให้ได้ทึบอยู่อย่างไรก็หาไม่, จงเทียบดูให้ถึงที่จริง แต่นั้นถ้ายังไม่พ้นจะคิดเสียใจอยู่ ก็จงดูตรวจคำบันทึก ที่ทำถึงพระประธานนั้นเสียบ้างก่อน, ว่าที่ได้ตรวจบันทึกไปตามเป็นจริงอยู่แล้ว ว่าไว้ดั่งนี้ จะเป็นการณ์กลวงๆอยู่จริง จะใช่หรือไม่, ในเมื่อนั้นก็จงดูบันทึกตามตอนหนึ่งที่ตัดมานี้
“ขณะที่เราไปนั้น วัดยังกำลังสร้างอยู่ เรามีโอกาสได้เห็นลำดับการก่อสร้าง เช่นองค์พระประธาน ก็เห็นหล่อขึ้นแล้ว แต่บางส่วนวางเรียงรายอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง รอไว้ประกอบเมื่อภายหลัง ได้ทราบว่าโลหะที่ใช้ในการนี้ คือ ดีบุก สังกะสี ทองแดง เจือด้วยธาตุอื่น ๆ อีกด้วย โดยไม่มีส่วนแน่นอน เพราะจักเป็นการยากอยู่บ้างที่จะกำหนดส่วน ในเมื่อใครๆ ก็มาทำบุญหยอดโน่นหยอดนี่ลงไปตามแต่จะศรัทธา ไม่มีการหวงห้าม องค์พระที่หล่อขึ้นเป็นตอนๆ นี้ ข้างในกลวง เนื้อหนาประมาณ ๒ นิ้วฟุต เวลาเอาออกจากพิมพ์ดูขรุขระ แต่ข้อนี้ไม่สำคัญ เพราะถึงอย่างไรก็ต้องลงรักปิดทองอีกชั้นหนึ่ง จะทำเป็นพระนั่งหน้าตัก ๑๐ ฟุต ซึ่งถ้าเป็นพระยืนก็จะสูงถึง ๒๒ ฟุต”
ข้อนี้เป็นบันทึกบอกอยู่แล้วว่า ในองค์พระประธานนั้น ไม่ทึบ! แต่มีข้างในเป็นสิ่งกลวง ถึงจะให้ใครว่าสักเท่าใด ก็เป็นธรรมดาที่ยังจะกลวง! ซึ่งดีก็กลวง! ซึ่งไม่ดีก็กลวง! ถึงแม้จะด่าว่าอีกทุกครั้งก็จะกลวง ให้ด่าอีก โพรงตรงกลางองค์ก็คงจะกลวงอยู่อีก เพราะว่า ตรงโพรงนั้นไม่ต้องได้เป็นอะไร
คำอธิบายนั้นๆ เป็นแบบกลวงๆ ไม่อยากฟัง!
หลายๆคำตอบมานี้ อ่านตามดูแล้ว ให้เป็นที่สะกิดใจไปในทางเสียหายอยู่, เช่นมีคนตามตอบอธิบายว่า คำอธิบายนั้นๆ เป็นแบบกลวงๆ ไม่อยากฟัง!, ฉะนั้นข้อว่านั้น จะประณามไปด้วย ก็ตามพิจารณาดูแล้ว ก็ว่าจะยังไม่ถึงที่ คือไม่ใช่ว่าจะถึงที่ เป็นกลวงๆ ตามที่ด่านั้น จริงๆ, ฉะนั้นข้อนี้จึงจะขอแสดงอธิบายไขข้อต่อว่า ให้ได้คำดั่งกล่าวนั้นให้ได้ไปไกลเสียจากการด่า, ด้วยให้คนถูกด่า ไปดูอย่างยิ่ง หาดีตอบ คิดไปเอาอย่าง ให้ได้เป็นร่มเงาเช่นต้นไม้บางชนิดบางจำพวก ซะก่อน เอาแต่เฉพาะชนิดที่มีตรงกลางกลวงๆเป็นต้น ซึ่งต้นร่มเงานั้น ไม่ได้มีแก่น, และในพวกต้นไม้ที่แก่หง่อมดึกดำบรรพ์ อายุมากๆนี้เขาก็ว่าด้วย เช่นต้นตะเคียน หรือต้นพิกุลแก่ๆตามเก่าๆของประเทศไทยเราแต่ก่อนก็เห็นว่าจะมี, อันว่าต้นนั้น ได้ตั้งต้นขึ้น เป็นต้นไม้ที่โตไปแต่พอกลวงๆ ตลอดต้นจะพอมีแต่เนื้อเปลือกต่อรากปิดกลวงตรงกลางที่ทะลุเป็นโพรงของต้นนั้น แล้วโตขึ้นไปแต่เท่านั้น เมื่อมองดูเผินๆ คนจะว่าเป็นของทึบแก่นกลางของต้นนี้คงจะดี แต่ยังหาได้ตามดูถนัด จึงจะยังหาได้รู้ไม่ ว่าแก่นไม้ไม่มี เพราะว่าตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของต้นไม้ และตนเองยังไม่ได้จับจองนั่งในร่ม และยังไม่ได้คิดจะไปลองตัดดู ยังไม่มาสู้จะมารู้จริงๆ, แต่เข้าทำเลยๆ เสียๆ เข้าด่าลอยๆออกนำไปซะก่อนแล้ว, ทีนี้คนนั้น ที่ถูกคนโน้นด่า ต้องคำที่เขาส่งมาบอกถนัดๆ คนได้เข้าด่า ว่ากลวง! เช่นนั้นก็เกิดไม่พอใจ คนจึงเข้าเตือนว่า อย่าเพ่อเสียใจ, แต่จงให้ดูซึ่งชื่อต้นไม้ ที่เป็นที่ประทับแห่งโพธิปัลลังก์ ของพระสัมพุทธเจ้าในอดีตเถิด ตกลงไว้เป็นกำลังใจเสียที, ในต้นที่มีชื่อว่าเป็นต้นไม้กลวง ก็ให้ชื่อว่าต้นไม้ไผ่นั่นเอง เป็นที่อยู่ของพระสุชาตสัมพุทธเจ้า เป็นต้น, คำนี้ได้ที่ เป็นที่ตรัสรู้ของพระสัมพุทธเจ้าแต่ปางก่อนมาแล้ว ทีนี้ใครขึ้นชื่อว่า วัดไผ่ หรือเวฬุวนาราม นี้จะย่อมไม่ธรรมดา หรือที่ให้กลวง! ให้โดนสมใจแต่การด่ามานั้น ก็จงให้เอากำลังใจที่ดี ให้เอาไว้เข้าไปเป็นที่ดูแลเกี่ยวข้องกันต่อไป, หาเข้าใช่ด้วย เออไปตามด่า แล้วดีด้วยตลอดเป็นการกลวง เอาไว้เป็นดีที่สุด สมเพราะจะเป็นชื่อ ที่จะเข้ากับองค์พระพุทธปฏิมากรองค์โตๆด้วยก็แล้ว ก็ต้องดีตามๆกัน, เพราะองค์พระประธานนั้น ตรงกลางก็เป็นของกลวง และเป็นตามวิธีของการสร้าง ที่ช่างทำให้ตรงกลางองค์พอเป็นแต่กลวงๆ ไว้เท่านั้น และการที่ดินน้ำไฟลมประสมส่วนเข้ากันไว้ ก็ต้องด้วยสิ่งกลวงๆเป็นอากาศไม่มีอะไรเอามาประสาน ก็เป็นดั่งนั้น, บอกเสียที ว่า ที่ไหน?พระประธานอันเป็นองค์พระปฏิมากรสำเร็จ จะมีทองทึบหรือน้ำเพชรตลอดร่างองค์เป็นแท่งตันๆ เช่นนั้นบ้าง ดั่งที่ใจของผู้จะพากันไปกราบจะคิดให้เป็น กว่านั้นก่อนจะได้คิดไปทางด่า หรือต้องสาปกัน จะเป็นดั่งนั้นหามีอยู่หรือไม่, ฉะนั้นไม่มี! เมื่อไม่มี จึงควรจะเกณฑ์เข้าใจแต่ทางที่ดีที่สุด เอาพอจะเกณฑ์ตน และจะให้สมชื่อแลตามเต็มแต่ความระลึก เท่าใดดี เฉพาะซึ่งโพธิบัลลังก์ อันได้ชื่อว่า นี้จะเป็นฐานให้คนระลึกถึงพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ได้ตรัสรู้ ณ โคนแห่งต้นไม้กลวง แลในสมัยเรานี้ ก็ให้ได้กล่าวถึงที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปยังวิหารพระเวฬุวันนั้น ที่ได้แสดงสำคัญอยู่ในทุกๆทาง ตลอดกัปแล้ว พระสงฆ์ก็ได้ทำบันทึกเรื่องราวเหล่านั้น ติดตามมา ให้เราทั่วทุกบริษัทได้ทราบ
เรื่องกลวงนี้ จะให้ได้คิดถึงคำสมัยใหม่ สมัยเรานี้ก็มี ซึ่งในบันทึกของครอเฟิดที่เป็นพ่อค้าและเป็นเหมือนซึ่งทูตต่างประเทศ ในสมัยนั้น เขาก็ได้บันทึกไว้ ว่าพระประธานองค์โตๆในโบสถ์ ที่แท้การทำไว้นั้น ได้แต่พอตรงกลางกลวงเท่านั้น, การณ์ว่าทูตต่างประเทศนั้นจะเป็นไป เพราะได้ไปดูเหตุการณ์การหล่อพระประธานของวัดราชโอรส หรือว่าได้ไปถึงอย่างไรนั้นไม่ทราบ แต่ปรากฏว่าได้มีข้อความบันทึกที่ครอเฟิด เขียนไว้ มีดังต่อไปนี้, ฉะนั้น ผู้จวนแจจะได้โดนใครด่าว่า กลวง! ก็จงพิจารณาดู ว่าที่ใครจะมากราบตัวดุจเป็นพระประธานนั้น ก็จงอย่าคิด ว่าตัวเองจะทึบไปเสียยิ่งกว่าพระประธานในโบสถ์องค์ใด เพราะที่แท้อันสมมุติด้วยการแห่งพระปฏิมากรรมนั้น การซึ่งเหล็กและการซึ่งหล่อหลอมโลหะ ทำโลหะหล่อนั้นๆ ก็จะให้ได้ทึบอยู่อย่างไรก็หาไม่, จงเทียบดูให้ถึงที่จริง แต่นั้นถ้ายังไม่พ้นจะคิดเสียใจอยู่ ก็จงดูตรวจคำบันทึก ที่ทำถึงพระประธานนั้นเสียบ้างก่อน, ว่าที่ได้ตรวจบันทึกไปตามเป็นจริงอยู่แล้ว ว่าไว้ดั่งนี้ จะเป็นการณ์กลวงๆอยู่จริง จะใช่หรือไม่, ในเมื่อนั้นก็จงดูบันทึกตามตอนหนึ่งที่ตัดมานี้
“ขณะที่เราไปนั้น วัดยังกำลังสร้างอยู่ เรามีโอกาสได้เห็นลำดับการก่อสร้าง เช่นองค์พระประธาน ก็เห็นหล่อขึ้นแล้ว แต่บางส่วนวางเรียงรายอยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง รอไว้ประกอบเมื่อภายหลัง ได้ทราบว่าโลหะที่ใช้ในการนี้ คือ ดีบุก สังกะสี ทองแดง เจือด้วยธาตุอื่น ๆ อีกด้วย โดยไม่มีส่วนแน่นอน เพราะจักเป็นการยากอยู่บ้างที่จะกำหนดส่วน ในเมื่อใครๆ ก็มาทำบุญหยอดโน่นหยอดนี่ลงไปตามแต่จะศรัทธา ไม่มีการหวงห้าม องค์พระที่หล่อขึ้นเป็นตอนๆ นี้ ข้างในกลวง เนื้อหนาประมาณ ๒ นิ้วฟุต เวลาเอาออกจากพิมพ์ดูขรุขระ แต่ข้อนี้ไม่สำคัญ เพราะถึงอย่างไรก็ต้องลงรักปิดทองอีกชั้นหนึ่ง จะทำเป็นพระนั่งหน้าตัก ๑๐ ฟุต ซึ่งถ้าเป็นพระยืนก็จะสูงถึง ๒๒ ฟุต”
ข้อนี้เป็นบันทึกบอกอยู่แล้วว่า ในองค์พระประธานนั้น ไม่ทึบ! แต่มีข้างในเป็นสิ่งกลวง ถึงจะให้ใครว่าสักเท่าใด ก็เป็นธรรมดาที่ยังจะกลวง! ซึ่งดีก็กลวง! ซึ่งไม่ดีก็กลวง! ถึงแม้จะด่าว่าอีกทุกครั้งก็จะกลวง ให้ด่าอีก โพรงตรงกลางองค์ก็คงจะกลวงอยู่อีก เพราะว่า ตรงโพรงนั้นไม่ต้องได้เป็นอะไร