⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻
⎻⎻⎻⎻ Yogurt & Soybean curd ⎻⎻⎻⎻
with lemoned raspberry sauce
" หวานอบอวลแต่ซุกซ่อนความเปรี้ยวไว้เบาบาง
กลั้วลิ้นด้วยความนุ่มละมุนก่อนจุมพิตร่ำลาด้วยความสดชื่น "
⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻
ถ้าจะให้บอกคำนิยามของอาหารจานนี้ก็คงจะประมาณนี้ล่ะมั้งครับ
ก่อนอื่นต้องสวัสดีกับทุกๆท่านในห้องก้นครัวนี้ก่อนเลยนะครับ
ขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ได้ชำนิชำนาญการอะไร ยังคอยเก็บความรู้จากทุกๆท่านอยู่เสมอ
มาวันนี้เลยขออนุญาติแชร์สูตรขนมให้กับเพื่อนๆทุกคนลองเอาไปทำดูบ้างนะครับ
สูตรนี้มาจากโจทย์ที่ว่า 'อยากกินชีสเค้กแบบไม่อ้วน' ซึ่งไอ้ชีสเค้กแบบที่ว่าเนี่ย มันมีด้วยเหรอ?
คงต้องบอกว่าไม่มีครับ...
อ้าว! แล้วอย่างนี้เรียกชีสเค้กได้ยังไง?
อย่าครับ! อย่าเพิ่งรีบปิดกระทู้หนี อยู่กับผมก่อน 555
เพราะเอาเข้าจริงแล้วคงต้องขออนุญาติบอกว่า 'ได้แรงบันดาลใจมาจากชีสเค้ก'แทนล่ะกันครับ
สาเหตุก็คือวัตถุดิบที่ผมหามาทดแทนชีสเค้กและเป็นพระเอกของงานนี้ของเราคือ 'เต้าหู้' กับ 'โยเกิร์ต'
ต้นเหตุเพราะผมอยากหาอะไรที่ให้ความรู้สึกว่าเหมือนกับได้ทานชีสเค้กในฟีลลิ่งที่เบากว่า นุ่มละมุนมากกว่า
( และใช่ครับ... ถ้าอ่านถึงบรรทัดนี้ แสดงว่าทุกท่านกำลังรู้สึกผิดบาปน้อยกว่า 555)
อีกทั้งเรื่องความหวานจากน้ำตาลทรายคงทำให้สาวๆทั้งหลายคิดหนักกันไม่มากก็น้อย
ดังนั้น นางเอกของจานนี้คงต้องบอกว่าคือ 'น้ำผึ้ง' เนี่ยแหละครับ สารให้ความหวานชั้นดี
ที่มีความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายทั่วๆไป ดังนั้นแล้วเราเลยสามารถลดสารให้ความหวาน
อย่างเจ้าน้ำตาลเจ้าปัญหานี้ลงไปได้อีกหนึ่งอย่างเลยนะ!
มาเริ่มที่วัตถุดิบสำคัญของชีสเค้กโยเกิร์ตก้อนนี้กันก่อนเลยนะครับ
ซึ่งจะแบ่งเป็น ส่วนฐานหรือที่เราเรียกว่า ครัมเบิ้ล (Crumble) สัดส่วนก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย
Crumble - แครกเกอร์ (รสเค็ม) 150 กรัม เพื่อใช้กรุเป็นฐานของตัวเค้กกันครับ
- เนยจืดละลาย 60 กรัม
ต้องบอกว่าขาดไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบตัวชูโรงของขนมให้มีเทกเจอร์ที่มากขึ้น
แถมยังให้ความหอมๆมันๆเค็มๆจากเนยแล้วก็แครกเกอร์จริงๆนะครับ หากอยากลดแคลลอรี่ให้มากกว่านี้
ก็เลือกทานให้น้อยลงนิดนึงเนาะ อย่าทิ้งเขาเลย เสียดาย...
มาต่อกันที่ส่วนของเนื้อเค้ก อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าผมใช้เต้าหู้มาแทนความแน่นเบาของครีมสด
แล้วเติมความเปรี้ยวจางๆด้วยโยเกิร์ตเข้าไป ตามท้ายด้วยรสนุ่มๆของนมสด หรือจะใช้นมถั่วเหลือง
แทนก็ได้เหมือนกันนะครับ รับรองว่าแคลลอรี่ยังไม่พุ่งแน่นอน
cake - เต้าหู้ขาว 200 กรัม
- นมสด / นมถั่วเหลือง 200 ml.
- โยเกิร์ต รสธรรมชาติ 200 กรัม
- เจลาติน (แบบแผ่น) 6 แผ่น / แบบผง 1+1/4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำผึ้งแท้ 5 ช้อนโต๊ะ
- เลม่อน 1 ช้อนโต๊ะ
sauce - ราสเบอร์รี่สด 300 กรัม
- น้ำเปล่า 50 ml.
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
** สูตรทั้งหมดนี้ใช้สำหรับแม่พิมพ์ 2 ปอนด์โดยประมาณนะครับ
เริ่มกันด้วย บดแครกเกอร์ให้ละเอียดเอาแค่ลักษณะพอหยาบๆ ไม่ต้องผุยผงมากนะครับ 5555
จากนั้นเอาเนยละลายใส่ลงไปทีละครึ่ง เนื้อสัมผัสตัวครัมเบิ้ลจะคล้ายๆทรายเปียก เสร็จแล้วเอามากรุที่พิมพ์เค้ก
(เคล็ดลับคือ 1.เลือกพิมพ์แบบที่ถอดฝาท้ายออกได้ 2.เอากระดาษชุบเนยบางๆทารอบๆพิมพ์ก่อน) จากนั้นเอา
ครัมเบิ้ลที่ได้ลงไปกรุใส่ที่พิมพ์ ค่อยๆเกลี่ยดูระดับให้เค้าเสมอกัน โดยวิธีของผมคือ เกลี่ยไปรอบๆโดยเริ่มจาก
ขอบพิมพ์ อัดให้แน่นเสมอกันจนพอถึงตรงกลางค่อยๆไล่ค่อยๆเกลี่ยไปเรื่อยๆจนมัน่ใจว่าแน่นพอ แล้วค่อยใช้ก้นถ้วย
อะไรก็ได้สักใบกดซ้ำๆไปอีกที แล้วเอาเข้าตู้เย็นพักรอให้เค้าเซ็ตตัวครับ
ต่อกันด้วยละลายเจลาตินกับน้ำเย็นสักครู่นึง บีบน้ำให้หมาด ต้มนมสดของเราให้ร้อนแล้วใส่เจลาตินลงไป
คนให้เค้าละลายดีๆ พักไว้รอให้เย็น
หั่นเต้าหู้ขาวของเราเป็นชิ้นเล็กๆแล้วใส่ลงในโถปั่นพร้อมกับโยเกิร์ต จากนั้นก็กดปุ่มเลย
พอได้ครีมเนื้อเนียนนุ่มมาก็เติมน้ำผึ้ง แล้วก็บีบเลม่อนตามลงไปได้เลย
สำหรับน้ำผึ้งกับเลม่อนหลายๆคนบอกว่าคงให้อารมณ์น้ำผึ้งมะนาวแน่ๆ
ขอบอกเลยครับว่าคล้าย แต่รสชาติของเลม่อนเองจะมีความหวานอยู่ปลายๆ
ไม่เปรี้ยวจิ๊ดเข็ญใจแบบแม่มะนาวของไทยๆเราแน่ๆ
*ทริคเล็กน้อย ขั้นตอนนี้ผมแอบฝานผิวเลม่อนลงไปด้วยนะครับ เพิ่มมิติให้กับ
รสชาติที่ได้สำหรับขนมเรามากยิ่งขึ้นเวลาทานแล้วจะรู้สึกสดชื่นดีครับ
** ในขั้นตอนนี้ถ้าใครจะกรองตัวเนื้อเค้กก็จะยิ่งดีนะครับ เพราะจะได้เนื้อเค้ก
ที่เนียนนุ่ม ไม่มีฟองอากาศอยู่เยอะ แต่คราวนี้ผมลืม! ขออภัย 5555
แล้วเราก็เอาฐานครัมเบิ้ลของเราออกมาจากตู้เย็น จะเห็นได้ว่าตอนนี้เค้าเซ็ตตัว
กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หอมกลิ่นเนยสุดๆ
จัดการเทส่วนผสมเนื้อเค้กเราลงไปที่แม่พิมพ์ได้เลย ใช้ไม้พายเกลี่ยๆเพื่อความ
เรียบร้อยของหน้าขนมของเราอีกสักหน่อย
จากนั้นก็จับพิมพ์เขวี้ยงทิ้ง!
เอ้ย! ไม่ใช่สิ จับกระแทกเบาๆพอไล่ฟองอากาศสักสองสามที
แล้วจับเค้าแช่ตู้เย็นไว้เลยครับ ทิ้งไว้สัก4-5 ชั่วโมงครับ
ในส่วนของซอสก็ไม่มีอะไรมากเลยครับ
ตั้งไฟกลางใส่ผลราสเบอร์รี่ของเราลงไป ทิ้งไว้ให้เดือด เคี่ยวต่อจนเนื้อผลไม้เริ่มยุ่ย แล้วปิดไฟยกลงจากเตา
ค่อยๆเทน้ำตาลกับน้ำตามลงไป กวนให้เข้ากันดี พักทิ้งไว้ให้เขาเย็น ตัวซอสจะข้นลงอีกหนึ่งระดับนะครับ
รสชาติของซอสก็จะเปรี้ยวนำเบาๆแล้วค่อยจางเป็นรสหวาน เข้ากันกำลังดีเลยครับ
ตกแต่งหน้าตาด้วยราสเบอร์รี่สด ผิวเลม่อนฝานบางๆ แล้วก็โรสแมรี่อีกสักหน่อย
เวลาจะทานก็ตักเนื้อเค้กพร้อมด้วยครัมเบิ้ลของเรา ราดด้วยซอสสักหน่อย
เปิดฉากมหรสพมาด้วยความหอมหวานของน้ำผึ้งฟุ้งกระจาย เคลือบแฝงไปด้วยความเปรี้ยวจางๆของเลม่อนกับโยเกิร์ตเล็กๆ
ไม่ได้เด่นชัดมากจนรู้สึกเข็ดฟันหรือเด่นชัดจนเสียรส หากแต่พอกัดไปโดนเนื้อครัมเบิ้ลแล้ว จะรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมของเนย
ราวกับได้กลิ่นของขนมปังอบใหม่ๆที่เพิ่งยกออกจากเตาอวลไปมาอยู่ภายในปาก
พื้นหลังรองด้วยรสเปรี้ยวอมหวานนำของซอสราสเบอร์รี่ ควบคู่ไปกับความนุ่มนวลของนมสด
ที่เป็นเหมือนบทส่งท้าย ก่อนปิดม่านการแสดงด้วยความสดชื่นของผิวเลม่อนที่เด่นชัดขึ้นมาในตอนสุดท้าย
ทิ้งเอาไว้เป็นการจากลาราวกับจุมพิตของหญิงสาวที่บางเบาแต่เคลิบเคลิ้มชวนฝัน
...ถือว่าเป็นการแสดงที่ทำได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ...
สูตรนี้เน้นได้โปรตีนกับพลังงานจากทั้งโยเกิร์ต แร่ธาตุแล้วก็สารอาหารจากทั้งเต้าหู้
แล้วก็นมสด รับรองว่าปริมาณแคลเพียงพอและพอดีแน่นอนครับ อย่างไรก็ดี
สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่าการทานหวานไม่ใช่เรื่องที่ผิดนะครับ ไม่จำเป็นต้องงดเด็ดขาด
(ยกเว้นในผู้ป่วยเบาหวานนะ!) ดังนั้นทานบ้างเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารกับพลังงาน
ในจำนวนที่เพียงพอ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์เช่นเดียวกัน
และแม้เราจะเปลี่ยนสัดส่วน ลดทอนวัตถุดิบบางอย่างลง แต่อย่างไรความหวานก็ยังคงมีอยู่นะครับ
ถ้าทานหมดคนเดียวทั้งถาด ต่อให้น้ำตาล 0% พุงน้อยๆก็มาเยือนได้แน่ๆ
อย่างไรก็เอาเป็นว่าทานแล้ว แวะไปออกกำลังกายสักนิด
รับรองว่าการทานของทุกๆคนจะยิ่งมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีกครับ
ขอบคุณมากที่ติดตามอ่านจนถึงบรรทัดนี้
ไว้เจอกันครั้งต่อไปนะครับ
⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻
เริ่มต้นหวานละมุนซุกซ่อนรสเปรี้ยว ก่อนจุมพิตจากลาด้วยความสดชื่น ⎻⎻⎻Yogurt & Soybean curd with lemoned raspberry sauce⎻⎻
⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻
⎻⎻⎻⎻ Yogurt & Soybean curd ⎻⎻⎻⎻
with lemoned raspberry sauce
" หวานอบอวลแต่ซุกซ่อนความเปรี้ยวไว้เบาบาง
กลั้วลิ้นด้วยความนุ่มละมุนก่อนจุมพิตร่ำลาด้วยความสดชื่น "
⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻
ถ้าจะให้บอกคำนิยามของอาหารจานนี้ก็คงจะประมาณนี้ล่ะมั้งครับ
ก่อนอื่นต้องสวัสดีกับทุกๆท่านในห้องก้นครัวนี้ก่อนเลยนะครับ
ขอออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ได้ชำนิชำนาญการอะไร ยังคอยเก็บความรู้จากทุกๆท่านอยู่เสมอ
มาวันนี้เลยขออนุญาติแชร์สูตรขนมให้กับเพื่อนๆทุกคนลองเอาไปทำดูบ้างนะครับ
สูตรนี้มาจากโจทย์ที่ว่า 'อยากกินชีสเค้กแบบไม่อ้วน' ซึ่งไอ้ชีสเค้กแบบที่ว่าเนี่ย มันมีด้วยเหรอ?
คงต้องบอกว่าไม่มีครับ...
อ้าว! แล้วอย่างนี้เรียกชีสเค้กได้ยังไง?
อย่าครับ! อย่าเพิ่งรีบปิดกระทู้หนี อยู่กับผมก่อน 555
เพราะเอาเข้าจริงแล้วคงต้องขออนุญาติบอกว่า 'ได้แรงบันดาลใจมาจากชีสเค้ก'แทนล่ะกันครับ
สาเหตุก็คือวัตถุดิบที่ผมหามาทดแทนชีสเค้กและเป็นพระเอกของงานนี้ของเราคือ 'เต้าหู้' กับ 'โยเกิร์ต'
ต้นเหตุเพราะผมอยากหาอะไรที่ให้ความรู้สึกว่าเหมือนกับได้ทานชีสเค้กในฟีลลิ่งที่เบากว่า นุ่มละมุนมากกว่า
( และใช่ครับ... ถ้าอ่านถึงบรรทัดนี้ แสดงว่าทุกท่านกำลังรู้สึกผิดบาปน้อยกว่า 555)
อีกทั้งเรื่องความหวานจากน้ำตาลทรายคงทำให้สาวๆทั้งหลายคิดหนักกันไม่มากก็น้อย
ดังนั้น นางเอกของจานนี้คงต้องบอกว่าคือ 'น้ำผึ้ง' เนี่ยแหละครับ สารให้ความหวานชั้นดี
ที่มีความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายทั่วๆไป ดังนั้นแล้วเราเลยสามารถลดสารให้ความหวาน
อย่างเจ้าน้ำตาลเจ้าปัญหานี้ลงไปได้อีกหนึ่งอย่างเลยนะ!
มาเริ่มที่วัตถุดิบสำคัญของชีสเค้กโยเกิร์ตก้อนนี้กันก่อนเลยนะครับ
ซึ่งจะแบ่งเป็น ส่วนฐานหรือที่เราเรียกว่า ครัมเบิ้ล (Crumble) สัดส่วนก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย
Crumble - แครกเกอร์ (รสเค็ม) 150 กรัม เพื่อใช้กรุเป็นฐานของตัวเค้กกันครับ
- เนยจืดละลาย 60 กรัม
ต้องบอกว่าขาดไม่ได้จริงๆ เพราะเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบตัวชูโรงของขนมให้มีเทกเจอร์ที่มากขึ้น
แถมยังให้ความหอมๆมันๆเค็มๆจากเนยแล้วก็แครกเกอร์จริงๆนะครับ หากอยากลดแคลลอรี่ให้มากกว่านี้
ก็เลือกทานให้น้อยลงนิดนึงเนาะ อย่าทิ้งเขาเลย เสียดาย...
มาต่อกันที่ส่วนของเนื้อเค้ก อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าผมใช้เต้าหู้มาแทนความแน่นเบาของครีมสด
แล้วเติมความเปรี้ยวจางๆด้วยโยเกิร์ตเข้าไป ตามท้ายด้วยรสนุ่มๆของนมสด หรือจะใช้นมถั่วเหลือง
แทนก็ได้เหมือนกันนะครับ รับรองว่าแคลลอรี่ยังไม่พุ่งแน่นอน
cake - เต้าหู้ขาว 200 กรัม
- นมสด / นมถั่วเหลือง 200 ml.
- โยเกิร์ต รสธรรมชาติ 200 กรัม
- เจลาติน (แบบแผ่น) 6 แผ่น / แบบผง 1+1/4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำผึ้งแท้ 5 ช้อนโต๊ะ
- เลม่อน 1 ช้อนโต๊ะ
sauce - ราสเบอร์รี่สด 300 กรัม
- น้ำเปล่า 50 ml.
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
** สูตรทั้งหมดนี้ใช้สำหรับแม่พิมพ์ 2 ปอนด์โดยประมาณนะครับ
เริ่มกันด้วย บดแครกเกอร์ให้ละเอียดเอาแค่ลักษณะพอหยาบๆ ไม่ต้องผุยผงมากนะครับ 5555
จากนั้นเอาเนยละลายใส่ลงไปทีละครึ่ง เนื้อสัมผัสตัวครัมเบิ้ลจะคล้ายๆทรายเปียก เสร็จแล้วเอามากรุที่พิมพ์เค้ก
(เคล็ดลับคือ 1.เลือกพิมพ์แบบที่ถอดฝาท้ายออกได้ 2.เอากระดาษชุบเนยบางๆทารอบๆพิมพ์ก่อน) จากนั้นเอา
ครัมเบิ้ลที่ได้ลงไปกรุใส่ที่พิมพ์ ค่อยๆเกลี่ยดูระดับให้เค้าเสมอกัน โดยวิธีของผมคือ เกลี่ยไปรอบๆโดยเริ่มจาก
ขอบพิมพ์ อัดให้แน่นเสมอกันจนพอถึงตรงกลางค่อยๆไล่ค่อยๆเกลี่ยไปเรื่อยๆจนมัน่ใจว่าแน่นพอ แล้วค่อยใช้ก้นถ้วย
อะไรก็ได้สักใบกดซ้ำๆไปอีกที แล้วเอาเข้าตู้เย็นพักรอให้เค้าเซ็ตตัวครับ
ต่อกันด้วยละลายเจลาตินกับน้ำเย็นสักครู่นึง บีบน้ำให้หมาด ต้มนมสดของเราให้ร้อนแล้วใส่เจลาตินลงไป
คนให้เค้าละลายดีๆ พักไว้รอให้เย็น
หั่นเต้าหู้ขาวของเราเป็นชิ้นเล็กๆแล้วใส่ลงในโถปั่นพร้อมกับโยเกิร์ต จากนั้นก็กดปุ่มเลย
พอได้ครีมเนื้อเนียนนุ่มมาก็เติมน้ำผึ้ง แล้วก็บีบเลม่อนตามลงไปได้เลย
สำหรับน้ำผึ้งกับเลม่อนหลายๆคนบอกว่าคงให้อารมณ์น้ำผึ้งมะนาวแน่ๆ
ขอบอกเลยครับว่าคล้าย แต่รสชาติของเลม่อนเองจะมีความหวานอยู่ปลายๆ
ไม่เปรี้ยวจิ๊ดเข็ญใจแบบแม่มะนาวของไทยๆเราแน่ๆ
*ทริคเล็กน้อย ขั้นตอนนี้ผมแอบฝานผิวเลม่อนลงไปด้วยนะครับ เพิ่มมิติให้กับ
รสชาติที่ได้สำหรับขนมเรามากยิ่งขึ้นเวลาทานแล้วจะรู้สึกสดชื่นดีครับ
** ในขั้นตอนนี้ถ้าใครจะกรองตัวเนื้อเค้กก็จะยิ่งดีนะครับ เพราะจะได้เนื้อเค้ก
ที่เนียนนุ่ม ไม่มีฟองอากาศอยู่เยอะ แต่คราวนี้ผมลืม! ขออภัย 5555
แล้วเราก็เอาฐานครัมเบิ้ลของเราออกมาจากตู้เย็น จะเห็นได้ว่าตอนนี้เค้าเซ็ตตัว
กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หอมกลิ่นเนยสุดๆ
จัดการเทส่วนผสมเนื้อเค้กเราลงไปที่แม่พิมพ์ได้เลย ใช้ไม้พายเกลี่ยๆเพื่อความ
เรียบร้อยของหน้าขนมของเราอีกสักหน่อย
จากนั้นก็จับพิมพ์เขวี้ยงทิ้ง!
เอ้ย! ไม่ใช่สิ จับกระแทกเบาๆพอไล่ฟองอากาศสักสองสามที
แล้วจับเค้าแช่ตู้เย็นไว้เลยครับ ทิ้งไว้สัก4-5 ชั่วโมงครับ
ในส่วนของซอสก็ไม่มีอะไรมากเลยครับ
ตั้งไฟกลางใส่ผลราสเบอร์รี่ของเราลงไป ทิ้งไว้ให้เดือด เคี่ยวต่อจนเนื้อผลไม้เริ่มยุ่ย แล้วปิดไฟยกลงจากเตา
ค่อยๆเทน้ำตาลกับน้ำตามลงไป กวนให้เข้ากันดี พักทิ้งไว้ให้เขาเย็น ตัวซอสจะข้นลงอีกหนึ่งระดับนะครับ
รสชาติของซอสก็จะเปรี้ยวนำเบาๆแล้วค่อยจางเป็นรสหวาน เข้ากันกำลังดีเลยครับ
ตกแต่งหน้าตาด้วยราสเบอร์รี่สด ผิวเลม่อนฝานบางๆ แล้วก็โรสแมรี่อีกสักหน่อย
เวลาจะทานก็ตักเนื้อเค้กพร้อมด้วยครัมเบิ้ลของเรา ราดด้วยซอสสักหน่อย
เปิดฉากมหรสพมาด้วยความหอมหวานของน้ำผึ้งฟุ้งกระจาย เคลือบแฝงไปด้วยความเปรี้ยวจางๆของเลม่อนกับโยเกิร์ตเล็กๆ
ไม่ได้เด่นชัดมากจนรู้สึกเข็ดฟันหรือเด่นชัดจนเสียรส หากแต่พอกัดไปโดนเนื้อครัมเบิ้ลแล้ว จะรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมของเนย
ราวกับได้กลิ่นของขนมปังอบใหม่ๆที่เพิ่งยกออกจากเตาอวลไปมาอยู่ภายในปาก
พื้นหลังรองด้วยรสเปรี้ยวอมหวานนำของซอสราสเบอร์รี่ ควบคู่ไปกับความนุ่มนวลของนมสด
ที่เป็นเหมือนบทส่งท้าย ก่อนปิดม่านการแสดงด้วยความสดชื่นของผิวเลม่อนที่เด่นชัดขึ้นมาในตอนสุดท้าย
ทิ้งเอาไว้เป็นการจากลาราวกับจุมพิตของหญิงสาวที่บางเบาแต่เคลิบเคลิ้มชวนฝัน
...ถือว่าเป็นการแสดงที่ทำได้ดีตั้งแต่ต้นจนจบ...
สูตรนี้เน้นได้โปรตีนกับพลังงานจากทั้งโยเกิร์ต แร่ธาตุแล้วก็สารอาหารจากทั้งเต้าหู้
แล้วก็นมสด รับรองว่าปริมาณแคลเพียงพอและพอดีแน่นอนครับ อย่างไรก็ดี
สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่าการทานหวานไม่ใช่เรื่องที่ผิดนะครับ ไม่จำเป็นต้องงดเด็ดขาด
(ยกเว้นในผู้ป่วยเบาหวานนะ!) ดังนั้นทานบ้างเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารกับพลังงาน
ในจำนวนที่เพียงพอ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์เช่นเดียวกัน
และแม้เราจะเปลี่ยนสัดส่วน ลดทอนวัตถุดิบบางอย่างลง แต่อย่างไรความหวานก็ยังคงมีอยู่นะครับ
ถ้าทานหมดคนเดียวทั้งถาด ต่อให้น้ำตาล 0% พุงน้อยๆก็มาเยือนได้แน่ๆ
อย่างไรก็เอาเป็นว่าทานแล้ว แวะไปออกกำลังกายสักนิด
รับรองว่าการทานของทุกๆคนจะยิ่งมีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีกครับ
ขอบคุณมากที่ติดตามอ่านจนถึงบรรทัดนี้
ไว้เจอกันครั้งต่อไปนะครับ
⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻⎻