Philippines No Seas Part 3 Sagada - Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 3 ซากาด้า - บาตัด


Never Ending Wanderlust
ติดตามได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/Never-Ending-Wanderlust-333202827168152/
Instagram : https://www.instagram.com/wanderlust_neverending/
และ Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCqylOvHIZ7H4weVGTFUgb9Q?view_as=subscriber

ตอน 1 Philippines No Seas Part 1 Manila City ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเลhttps://ppantip.com/topic/37453948
ตอน 2 Philippines No Seas Part 2 Pinatubo - Baguio ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 2 ทะเลสาบภูเขาไฟปินาตูโบ - บาเกียว https://ppantip.com/topic/37456044
ตอน 4 Philippines No Seas Part 4 Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 4 บาตัด https://ppantip.com/topic/37465937

วันที่ 4 ของการเดินทาง 18 มีนาคม 2561
ผมเดินทางไปที่ท่ารถของเมืองบาเกียว (Baguio) เพื่อจะเดินทางไปยังเมืองต่อไป นั่นคือเมืองซากาด้า (Sagada)
ตอนแรกว่าจะนั่งรถตั้งแต่เที่ยวแรก คือรอบ 6.30 แต่เต็มเสียแล้ว เลยจองรถรอบต่อไป คือรอบ 7.00 ได้ที่นั่งแบบ center seat ครับ หรือว่าที่นั่งเสริมแบบบ้านเรานั่นเอง คือเป็นเก้าอี้พับอยู่ตรงกลางทางเดินบนรถ ที่ต้องเอาเพราะรถรอบต่อไปคือ 9.00 เลยไม่อยากเสียเวลา เพราะวันนี้เราต้องเดินทางไกลข้ามเมืองเป็นเวลา 7 ชม ครึ่ง ด้วยกัน จริงๆเมื่อคืนผมนั่งรถแท๊กซี่มาที่ท่ารถแห่งนี้แล้วครับ เพราะผมต้องการจะมาซื้อตั๋วล่วงหน้า แต่ท่ารถดันปิดหมดเลย เพราะผมมาถึงเมืองบาเกียวตอนดึกๆ แต่พอไปตอนเช้าก็พบว่าเขาไม่ให้จองล่วงหน้าอยู่ดี

รถบัสออกจากท่าเวลา 7.00 พอดี ฝ่าการจราจรของเมืองไปได้แบบกระดึ๊บๆ ปริมาณรถค่อนข้างจะหนาแน่นพอสมควร เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวคือวันตรุษจีน พอรถออกจากเมืองไปได้ก็วิ่งสบายครับ
ออ...ลืมบอกว่าที่เมืองบาเกียวนี้ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร หรือแม้กระทั่งรถแท๊กซี่หรือรถบัส ไม่มีการติดเครื่องปรับอากาศนะครับ เพราะที่นี่อากาศเย็นตลอดทั้งปี อากาศดีมากกก แต่รถติด 555

รถก็ไต่ไปตามไหล่เขาครับ ผ่านทิวเขา ป่าสนไปเรื่อยๆ และมีหยุดให้พักข้างทาง 1 ครั้ง หลังจากวิ่งไปแล้วประมาณ 3 ชม เป็นร้านอาหาร ของฝาก แบบบ้านเราเลยครับ การนั่งรถรอบนี้ของผม บอกได้เลยว่าเมื่อยก้นเมื่อยหลังมาก เพราะที่นั่งเสริมมันไม่ค่อยจะสบาย คือที่พิงหลังมันสั้นกว่าหลังผม เลยพิงได้แบบไม่เต็มที่ บวกกับเส้นทางที่เป็นเส้นทางภูเขา รถก็เหวี่ยงผมไปมา พอเผลอหลับแล้วสะดุ้งตื่นมา หัวผมก็เกือบไปพาดกับหน้าชาวบ้านแล้วครับ 555

หลังจากนั้นรถก็เริ่มเข้าสู่เมืองซากาด้า ช่วงเวลาประมาณ 16.30 แล้วสายตาผมก็เหลือบไปเห็นป้ายข้างทางเล็กๆ เขียนว่า Rocky Valley Inn and Cafe ปักอยู่ที่พื้น ผมก็คว้ามือถือแล้วเช็ค Google Map ทันที สรุปต้องเดินย้อนกลับมาประมาณ 300 เมตร

ที่พักที่เมืองซากาด้า (Sagada) ผมพักที่ Rocky Valley Inn ครับ ราคาประมาณ 600 บาทต่อคืน ผมจองมาแค่ 1 คืนก่อน เพราะผมไม่มีแผนสำหรับเมืองนี้เลย กะว่าค่อยว่ากัน ที่พักห่างจากตัวเมืองประมาณ 700 เมตร




หลังจากที่ผมเข้าที่พักเรียบร้อย ผมก็ออกจากที่พักแล้วไปสำรวจเมืองทันที เจ้าของที่พักแนะนำว่าให้ผมไปที่โลงศพแขวนหน้าผาก่อนเลย เพราะเวลายังมี ผมเลยตัดสินใจไปตามคำแนะนำ ผมเดินไปเรื่อยๆเข้าเมือง เมืองซากาด้าเป็นเมืองที่เล็กมากๆ เดินสัก 10 นาที ก็น่าจะทั่วเมืองแล้ว แต่เป็นเมืองที่มีกิจกรรมเยอะจริงๆ ไม่ว่าจะไปน้ำตก เดินป่า ตะลุยถ้ำ หรือไปดูโลงศพแขวนหน้าผาแบบที่ผมกำลังจะไป



สักพักผมก็เข้าไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโลงศพแขวนหน้าผา เจ้าหน้าที่เลยขอเก็บค่าบำรุงสถานที่ ผมจ่ายไปประมาณ 40-60 เปโซ เนี่ยแหละครับ จำไม่ค่อยได้ จากนั้นก็จ้างไกด์ท้องถิ่นเพื่อนำทางไปโลงศพ จริงๆเจ้าของห้องพักของผมแนะนำมาว่า สามารถไปเองก็ได้ ไม่ต้องจ้างไกด์ แต่ผมก็อยากจะสนับสนุนอาชีพท้องถิ่นน่ะครับ ผมจ่ายไปประมาณ 300 เปโซ ให้กับไกด์ ไกด์ที่นำทางก็คือชาวบ้านแหละครับ เป็นอาชีพเสริม ซึ่งปกติก็จะทำไร่ ทำนา ขายของ

พี่ไกด์เขาพูดภาษาอังกฤษครับ ไม่ถึงกับคล่องมาก แต่สื่อสารได้ พี่เขาพาผมเดินผ่านลานกีฬาหมู่บ้าน ช่วงเย็นๆแบบนี้ เลยมีเด็กๆ วัยรุ่นออกมาเล่นกีฬากัน


สักพักก็ผ่านโบสถ์เล็กๆครับ Church of the mission of St. Mary the virgin ซึ่งเป็นโบสถ์ประจำเมือง



หลังจากนั้นพี่เขาก็พาผมไปเสียอีก  1 ต่อสำหรับค่าบำรุงสถานที่ที่เรากำลังจะไปชม 10 เปโซ ทางเดินเป็นแบบราดคอนกรีต เดินง่ายครับ ไม่ชัน สักพักก็ผ่านสุสาน ไม่สิ...ต้องพูดว่าเดินผ่าสุสาน เพราะที่ที่เรากำลังจะไปกันนั้น อยู่หลังสุสาน


ช่วงหลังก่อนถึงโลงศพจะเป็นทางเดินลงเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ครับ เพราะโลงศพแขวนหน้าผาอยู่ในหุบเขา จากปากทางเข้าที่ผมเสียค่าบำรุงสถานที่มาถึงที่โลงศพ น่าจะเดินประมาณ 15 นาทีเท่านั้น


สามารถมองเห็นโลงศพจากไกลๆ ระหว่างเดินลงเขา

การแขวนโลงศพที่หน้าผาที่เมืองซากาด้านี้ เป็นพิธีกรรมเก่าแก่ ซึ่งบางโลงมีอายุมากกว่า 100 ปี เลยทีเดียว แต่ปัจจุบันนี้ไม่มีการแขวนเพิ่มแล้วครับ




คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
หลังจากเสร็จจากโลงศพ ผมก็เดินย้อนกลับไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อสอบถามเกี่ยวกับทัวร์เดินถ้ำ เพราะผมลองหาข้อมูลในกูเกิ้ลแล้ว น่าสนใจเลยทีเดียว และกะว่าจะพักต่ออีก 1 คืน ผมได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีคนจองเลยแม้แต่คนเดียว ให้ผมกลับมาเช็คอีกทีตอนเช้า 8.00

หลังจากสอบถามเสร็จ ผมก็ถามเขาว่าผมจะสามารถหาอาหารท้องถิ่นแบบจริงๆได้ที่ไหน เขาเลยแนะนำร้านข้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมา เป็นข้าวราดแกง ทั้งข้าวทั้งกับข้าวเย็นชืดมาก ตอนนั้นผมก็กังวลว่ามันจะโอเคมั้ย เพราะอาหารเย็นมาก แต่ผมก็ยังศรัทธาในความแข็งแรง และความทรหดของคนไทย ที่ไม่ว่าอะไรก็มิอาจทำอะไรได้ 555 ผมเลยฟาดเรียบเลย ตกดึก...ผมต้องลุกกลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำหลายรอบ เล่นซะหมดแรงเลยทีเดียว เหอๆๆ ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมเดินทางท่องเที่ยวแบบนี้แล้วท้องเสียเลยครับ


วันที่ 5 ของการเดินทาง 19 มีนาคม 2561
ตอนเช้าผมก็แต่งตัวไปพร้อมเลยสำหรับการไปเดินถ้ำ แล้วกลับไปที่เดิม สรุปว่าก็ยังไม่มีคนจองอีกเช่นเคย 555 เฮ้อ...

เจ้าหน้าที่เลยเสนอทางเลือกใหม่ นั่นคือ...การไปเที่ยวคนเดียวในราคา 3000 เปโซ!!! ผมนี่ถึงกับอึ้งเลยทีเดียว คือแบบอุตส่าห์มาถึงนี่แล้วก็อยากจะไปทุกที่ที่เราสามารถไปได้ แต่ 3000 ก็ยังไงๆอยู่น๊า

ผมเลยตัดสินใจลาจากเมืองซากาด้าแล้วไปเมืองบาตัด (Batad) ดีกว่า ทั้งที่ใจจะโหยหาการเดินถ้ำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น...ปัจจัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุด 555

ผมเดินจากที่พักไปที่เมืองประมาณ 700 เมตรแล้วไปนั่งรถจี๊ปนี่ (Jeepney) เพื่อไปยังเมืองบอนต๊อก (Bontoc) และต้องต่อรถอีกต่อไปที่เมืองบานาเว้ (Banaue) และต่อรถไปเมืองบาตัด (Batad)

จากซากาด้าไปที่เมืองบอนต๊อก ใช้เวลาประมาณ 1 ชม ครึ่ง หลังจากลงจากรถ ผมก็เดินย้อนกลับมาสัก 200 เมตร ก็เจอกับท่ารถเพื่อขึ้นรถไปเมืองบานาเว้


เมืองบอนต๊อก (Bontoc)

จากบอนต๊อกไปที่เมืองบานาเว้ ใช้เวลาประมาณ 5 ชม
ตอนนั้นผมไปถึงเมืองบานาเว้ประมาณ 14.00 แล้วผมได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าจะมีรถเข้าเมืองบาตัดตอน 18.00 ซึ่งตอนนั้นผมไม่อยากไปถึงหมู่บ้านเย็นมาก เลยตัดสินใจนั่งรถไตรซีเคิล (Tricycle) สอบถามจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เขาคิดราคาอยู่ที่ 700 สำหรับขาเดียว และ 1000 สำหรับไปกลับ ผมเลยเดินออกไปถามราคาข้างนอก ผมได้ราคามาที่ 400 เปโซ และบวกแวะอีก 1 จุดคือที่หมู่บ้านบากาอัน (Bagaan) เพื่อถ่ายรูปในราคา 600 บาท



หมู่บ้านบากาอัน (Bagaan)

พี่คนขับพาผมไป Batad Saddle Point เพื่อถ่ายรูปครับ แล้วไปส่งผมที่สุดถนนทางเข้าหมู่บ้านเลย


Batad Saddle Point

จากปากเข้าหมู่บ้าน เราต้องเดินไปอีกประมาณ 15 นาที ทางเดินจะเป็นทางเดินลงเขา เพราะหมูบ้านอยู่ด้านล่างของหุบเขา
ที่บาตัด ผมไม่ได้จองที่พักมา เพราะกะว่าจะลองเดินหาดู สรุปมาได้ที่ Hillside Inn เพราะตามกระทู้ของพี่ท่านหนึ่งในพันธุ์ทิพย์ครับ



วิวจากห้องพัก

ผมเข้าที่พักประมาณ 15.00 จากนั้นผมก็ไม่ได้ไปไหนเลยครับ ของีบหลับเอาแรง ตื่นมาตอน 18.00 เพื่อทานข้าวแล้วเข้านอนครับ

ขอจบตอน 3 ไว้เพียงเท่านี้นะครับ สำหรับตอน 4 เราจะไปเจาะลึกที่บาตัดกัน

ขอบคุณมากครับที่ติดตาม

ตอน 1 Philippines No Seas Part 1 Manila City ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเลhttps://ppantip.com/topic/37453948
ตอน 2 Philippines No Seas Part 2 Pinatubo - Baguio ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 2 ทะเลสาบภูเขาไฟปินาตูโบ - บาเกียว https://ppantip.com/topic/37456044
ตอน 4 Philippines No Seas Part 4 Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 4 บาตัด https://ppantip.com/topic/37465937
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่