Never Ending Wanderlust
ติดตามได้ที่ Facebook :
https://www.facebook.com/Never-Ending-Wanderlust-333202827168152/
และ Youtube :
https://www.youtube.com/channel/UCqylOvHIZ7H4weVGTFUgb9Q?view_as=subscriber
ตอน 1 Philippines No Seas Part 1 Manila City ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 1 มะนิลา
https://ppantip.com/topic/37453948
ตอน 2 Philippines No Seas Part 2 Pinatubo - Baguio ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 2 ทะเลสาบภูเขาไฟปินาตูโบ - บาเกียว
https://ppantip.com/topic/37456044
ตอน 3 Philippines No Seas Part 3 Sagada - Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 3 ซากาด้า - บาตัด
https://ppantip.com/topic/37461701
ตอน 4 Philippines No Seas Part 4 Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 4 บาตัด
https://ppantip.com/topic/37465937
ตอน 5 Philippines No Seas Part 5 Banaue - Cebu ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 5 บานาเว - ซีบู
https://ppantip.com/topic/37478
ตอน 6 Philippines No Seas Part 6 Kawasan Canyoneering ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 6 โดดผาขาสั่นที่น้ำตกกาวาซาน
https://ppantip.com/topic/37484712
วันที่ 10 วันสุดท้ายของการเดินทาง 24 มีนาคม 2561
และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของการเดินทาง ยังเที่ยวไม่ทั่วเลยอ่ะ ฮือ...
สืบเนื่องจากเมื่อคืน ผมมานั่งคิดว่าวันสุดท้าย ผมจะไปเที่ยวไหนดี มีคนบอกว่าให้ไปทะเลสิ ชายหาดที่นี่มีเยอะแยะ ผมก็ลังเลว่าจะไปทะเลหรือไปเกาะโบโฮลดี (Bohol) มาคิดไปคิดมา ผมก็ขอยึดปณิธานเดิมของผมแล้วกัน คือชอบไปภูเขามากกว่า 555
เช้านี้ผมออกจากที่พักตั้งแต่ 6.00 นั่งแท๊กซี่ไปที่ท่าเรือหมายเลข 1 (Pier 1) ห่างจากโรงแรมที่ผมพักประมาณ 3.2 กม กะว่าจะไปให้ทันเรือรอบแรกๆ ซึ่งผมไปถึงที่ท่าเรือประมาณ 6.15 ผมเดินไปด้อมๆมองๆชะเง้อดูตารางเดินเรือ ก็พบว่ามีแค่บริษัทเดียวที่เวลาเหมาะกับเราที่สุด นั่นคือ Ocean Jet เพราะเรือของบริษัทนี้ออกเช้ามากที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทเรือที่เหลือคือรอบแรก 6.30 แต่...เต็ม ผ่าง! ผมเลยต้องจองรอบต่อไปคือ 7.00 แต่...เป็นตั๋วแบบ First Class ราคา 1000 เปโซ ผ่างๆ! (ขากลับผมได้ตั๋วแบบชั้น 2 ราคา 450 เปโซเอง โอ้ยกลุ้ม...)
แต่ยังไงผมก็ต้องไปเพราะเวลามันจำกัด ผมมีบินกลับไทยวันนี้ นั่นคือเหตุผล โดยผมซื้อตั๋วเรือไปที่ท่า Tagbilaran ขอเขียนทับศัพท์นะครับ ไม่รู้จะออกเสียงยังไงจริงๆ 555
เรือใช้เวลาข้ามจาก Pier 1 ไปที่ Tagbilaran ประมาณ 1 ชม ตอนนั้นระหว่างที่อยู่ในทะเล ฝนก็โปรยลงมา เราก็แบบ...อะไรแว๊ มาตกอะไรตอนนี้! หลังจากที่เรือเทียบท่าที่ Tagbilaran ผมก็รีบวิ่งไปที่จุดขายตั๋วเพื่อซื้อตั๋วขากลับก่อนเลย กันพลาด คือตอนขามาผมมีเงินติดตัวพอซื้อแค่ขามาขาเดียว
ขากลับผมได้ตั๋วแบบชั้น 2 ราคา 450 เปโซ เวลา 14.00 ซึ่งจากประสบการณ์ที่ได้นั่งทั้งสองแบบคือแบบชั้น 1 และชั้น 2 บอกเลย...ต่างกันแค่เบาะของชั้น 1 หุ้มหนัง ห้องผู้โดยสารเล็กกว่า ประมาณ 20-30 คน และแยกโซนออกจากผู้โดยสารชั้นอื่นอย่างชัดเจน แต่ชั้น 2 คือเป็นที่นั่งธรรมดา แต่ผู้โดยสารจะเยอะและอยู่รวมกัน...แค่นั้น? อืม แค่นั้นแหละ นั่งแค่ชั่วโมงเดียว
ขอเล่าเรื่องนึงครับ 555 ระหว่างที่ผมซื้อตั๋วขาไปเสร็จแล้วเงินมีไม่พอจะซื้อขากลับ ผมเลยเดินออกหาตู้เอทีเอ็มในระแวกนั้น ยังพอมีเวลาเพราะเรือผมออก 7.00 ผมก็เดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงถนนใหญ่ ฝั่งตรงข้ามของถนนมีธนาคารตั้งอยู่พร้อมกับตู้เอทีเอ็ม ใจจริงผมก็อยากจะไปกดที่ตู้นั้นนะ แต่บังเอิญว่ามีคนเร่ร่อนมานอนอยู่ข้างๆตู้เอทีเอ็มเลย ก่อนหน้านั้นมีผู้หญิงฟิลิปปินส์คนหนึ่งเข้าไปกดเงินที่ตู้ พอกดเสร็จชายคนนั้นก็เดินเข้าไปหาผู้หญิงแล้วแบมือขอเงิน แต่ผู้หญิงคนนั้นก็เดินจากไป แล้วผมก็กำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีมั้ย ชายคนนั้นก็ขวักมือแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าเข้ามาสิ ไม่มีอะไรหรอก ผมก็...เอ่อ ชายคนนั้นอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เราอย่าตัดสินคนจากเปลือกนอก แต่ไม่ขอเสี่ยงดีกว่า 555 ยิ่งเดินทางคนเดียวด้วย ต้องปลอดภัยไว้ก่อน
ป.ล. เวลาเดินทางต่างบ้านต่างเมือง ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้เป็นอันดับแรกครับ
ระหว่างเดินกลับไปที่ท่าเรือ ผมก็เดินผ่านป้อมปราการ ซาน เปโดร (Fort San Pedro) อยู่ติดกับที่ท่าเรือเลยครับ แต่ตอนนั้นเป็นตอนเช้า ป้อมยังไม่เปิด ผมเลยแค่เดินดูรอบนอกเท่านั้น ผมขออนุญาตติงนิดนึงสำหรับสถานที่แห่งนี้นะครับ ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดให้เอาถังขยะไปวางไว้ด้านหน้าป้อมปราการแบบนั้น โอ้ย...เห็นแล้วแบบ ปวดใจ 555
คือซีบูเป็นที่แรกในฟิลิปปินส์ที่ชาวสเปนเอาเรือมาเทียบท่าเลยครับ และได้สร้างป้อมปราการแห่งนี้ขึ้น ดังนั้นป้อมปราการนี้ย่อมมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่อประเทศฟิลิปปินส์อย่างแน่นอน แต่ภาพที่เห็นคือ...
กลับมาที่เรื่องการเดินทางกันต่อนะครับ หลังจากที่ได้ตั๋วขากลับผมก็เดินไปหารถไตรซีเคิ่ล (Tricycle) ซึ่งจอดอยู่ข้างๆที่ขายตั๋ว ตอนนั้นฝนยังไม่หยุดตกเลย ผมบอกพี่คนขับว่าผมต้องการไปแค่ 2 ที่ คือช๊อคโกแลตฮิลส์ (Chocolate Hills) และศูนย์อนุรักษ์ทาร์เซีย (Tarsier Conservation Area)
พี่คนขับเสนอราคามาที่ 1000 เปโซ ผมก็ตกลงเลยครับ 555 ผมบอกแล้วว่าผมเป็นคนไม่ชอบต่อราคา ไม่ใช่ว่ารวยแต่ขี้เกียจจริงๆครับ ผนวกกับตอนนั้นฝนตกด้วย แถมเวลาเที่ยวก็น้อย เลยรีบตกลงรีบไปเที่ยวดีกว่า
พอรถเลี้ยวซ้าย วิ่งออกมาถึงปากทางออกนิดเดียว ภาพที่เห็นคือรถไตรซีเคิ่ลจอดกันเรียงรายอย่างสวยงาม 555 ตอนแรกนึกว่ามีแค่พี่แกคนเดียวแถวนั้น ทริปเกาะโบโฮลนี่เสียค่าโง่เยอะมาก 555
จากท่าเรือไปจุดแรกคือช๊อคโกแลตฮิลส์ ใช้เวลาไป 2 ชม แน่ะ ไปถึงที่นั่นตอนประมาณ 10.00 พี่คนขับก็ปล่อยผมลงตรงจุดวงเวียน แล้วให้ผมเดินเที่ยว ซึ่งจากจุดนี้จะต้องเดินขึ้นเนินไปอีกเล็กน้อย พอได้หอบ จนไปถึงจุดชมวิว
แล้วภาพนี้ก็ปรากฏต่อหน้าผมครับ...
ช๊อคโกแลตฮิลส์ ถือเป็นลักษณะทางธรณีวิทยาที่แปลกมาก คือมันเหมือนมีเด็กหรือใครเอาดินหรือทรายมากองไวเ้ป็นหย่อมๆ ในฤดูฝน ภูเขาที่นี่ก็จะมีสีเขียว ส่วนในฤดูที่ฝนไม่ตก ภูเขาก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลเหมือนช๊อคโกแลต จึงเป็นที่มาของช๊อคโกแลตฮิลส์นั่นเอง
ผมใช้เวลาถ่ายรูปและเดินเล่นประมาณ 20 นาที แล้วผมก็เดินลงมาจากเนินเขากลับมายังวงเวียนเพื่อหาพี่คนขับ แต่...พี่คนขับหาย! ผมเดินหาพี่แกอยู่พักหนึ่ง หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ผมเลยเดินไปหาเจ้าหน้าที่ของที่นี่แล้วถามว่าพอจะเห็นพี่คนขับของผมมั้ย คำตอบที่ได้คือ ออ...คุณต้องนั่งรถบริการรับส่ง ลงไปที่ลานจอดรถด้านล่าง รถไม่สามารถจอดข้างบนนี้ได้ ฮ่วย!...แล้วก็ไม่บอก กรอดดด
หลังจากที่เจอพี่คนขับรถ (ยังแอบเคือง 555) เราก็เดินทางไปยังจุดต่อไปคือที่ศูนย์อนุรักษ์ทาร์เซีย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ทาร์เซียคืออะไร? ทาร์เซียคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก จำพวกไพรเมตชนิดหนึ่ง ในประเทศฟิลิปปินส์ สามารถพบสัตว์ชนิดนี้ได้ทางหมู่เกาะทางตอนใต้เท่านั้น ตัวเต็มวัยมีขนาดลำตัวเพียง 10 ซม เท่านั้น จัดเป็นไพรเมตที่เล็กที่สุดในโลก น่ารักมาก!
เนื่องจากทาร์เซียเป็นสัตว์ออกหากินตอนกลางคืน ดังนั้นการเยี่ยมชมเจ้าตัวทาร์เซียนี้ การรักษาความเงียบคือสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสัตว์ ทางศูนย์ได้จัดทางเดินเข้าไปในสวน ซึ่งเจ้าทาร์เซียก็จะเกาะอยู่ตามกิ่งไม้ ต้นไม้ต่างๆ ต้องสังเกตุให้ดี เพราะตัวมันเล็กมาก ประมาณอุ้งมือเอง
แต่วันนั้นที่ผมไป มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญคือมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย (ซึ่งคุณก็รู้ว่าใคร 555) เข้ามาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นผมไม่จำเป็นต้องพยายามหาเจ้าทาร์เซียเลยครับ เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นเจอเจ้าทาร์เซีย มหรสพก็จะเริ่มขึ้นทันที เราก็แค่เดินตามเสียงนั้นไป รับประกันว่าเจอแน่นอน เดี๋ยวนะ...555
นักท่องเที่ยวบางคนพยายามเดินออกจากทางที่กำหนด แล้วแหวกเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อจะเข้าใกล้เจ้าทาร์เซียให้มากที่สุด รวมทั้งหากเจ้าทาร์เซียหลับตาหรือหันหน้าไปทางอื่น บางคนก็จะเรียกหรือส่งเสียง เพื่อให้มันหันมา...เพื่อ!!!
ผมอดรนทนไม่ไหวจริงๆ ตอนนั้นมีผู้หญิงชาวเอเชียมาทำแบบนี้ข้างๆผม โดยการเรียกเพื่อให้มันหันมา แถมมือถือแทบจะจ่อหน้าเจ้าทาร์เซีย ผมก็เอ็ดเป็นภาษาอังกฤษว่ามันกำลังหลับอยู่นะ คุณจะไปเรียกมันทำไม? ผู้หญิงคนนั้นก็ทำหน้าไม่พอใจแล้วเดินไปเลยครับ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจมั้ย แต่ยังไงก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ฝากไว้ด้วยนะครับ เราไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ใช่แค่เราแบกชื่อของเราเอาไว้เท่านั้น แต่เราแบกชื่อประเทศเอาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นผมก็รีบออกจากที่นั่นแล้วกลับไปยังท่าเรือเลยครับ ตอนนั้นถึงท่ารือประมาณ 13.30 ยังพอมีเวลา เลยขอทานข้าวกลางวันก่อนแล้วกัน เพราะตั้งแต่เช้า ผมยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย เพราะทุกอย่างดูรีบร้อนไปหมด
เสร็จจากนั้นผมก็ลงเรือตอน 14.00 และถึงฝั่งเมืองซีบูตอนประมาณ 15.00 ผมก็เข้าที่พัก อาบน้ำอาบท่า ทานอาหารที่ฟู๊ดคอร์ทแถวๆโรงแรม แล้วออกจากโรงแรมไปยังสนามบินตอนประมาณ 17.30 อย่างที่ผมบอกครับ สนามบินที่เมืองซีบูไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย ขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยาก แต่อย่าไว้ใจการจราจรที่ฟิลิปปินส์ อาจตกเครื่องบินได้
พอผมเข้าไปในสนามบินก็จัดการโหลดกระเป๋า แล้วเดินไปยังเกต แต่ก่อนเข้ามีป้ายเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า Terminal Fee for International Passengers 750 Pesos นั่นหมายความว่า ผมต้องจ่ายค่าภาษีสนามบินเป็นจำนวนเงิน 750 เปโซครับ สำหรับผู้โดยสารที่บินระหว่างประเทศเท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่รับทั้งเงินดอลล่าและเงินเปโซครับ ซึ่งตอนนั้นผมเอาเงินเปโซทั้งหมดให้หมดเลย และโปะเพิ่มด้วยเงินดอลล่า ถือว่าไม่ต้องไปแลกคืนครับ
ตามกำหนดการ เที่ยวบินนี้ต้องบินตอน 21.25 แต่ตอนนั้นเครื่องบินเลทไปประมาณครึ่ง ชม ครับ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะผมก็ไม่ได้รีบ
เครื่องบินมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนเวลาประมาณ 23.30 ถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพครับ
สำหรับการผจญภัยในฟิลิปปินส์ก็จบลงแล้วครับ ตอนนี้กำลังวางแผนทริปต่อไปทันที 555 แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี
ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านมากนะครับที่ติดตามจนจบ นี่เป็นกระทู้แรกของผมด้วย มีข้อมูลอะไรสามารถมาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ
สำหรับกระทู้นี้ก็ขอลาไปเพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณมากครับ
ตอน 1 Philippines No Seas Part 1 Manila City ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 1 มะนิลา
https://ppantip.com/topic/37453948
ตอน 2 Philippines No Seas Part 2 Pinatubo - Baguio ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 2 ทะเลสาบภูเขาไฟปินาตูโบ - บาเกียว
https://ppantip.com/topic/37456044
ตอน 3 Philippines No Seas Part 3 Sagada - Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 3 ซากาด้า - บาตัด
https://ppantip.com/topic/37461701
ตอน 4 Philippines No Seas Part 4 Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 4 บาตัด
https://ppantip.com/topic/37465937
ตอน 5 Philippines No Seas Part 5 Banaue - Cebu ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 5 บานาเว - ซีบู
https://ppantip.com/topic/37478
ตอน 6 Philippines No Seas Part 6 Kawasan Canyoneering ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีท
Philippines No Seas Part 7 Bohol Island ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 7 เกาะโบโฮล
Never Ending Wanderlust
ติดตามได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/Never-Ending-Wanderlust-333202827168152/
และ Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCqylOvHIZ7H4weVGTFUgb9Q?view_as=subscriber
ตอน 1 Philippines No Seas Part 1 Manila City ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 1 มะนิลา https://ppantip.com/topic/37453948
ตอน 2 Philippines No Seas Part 2 Pinatubo - Baguio ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 2 ทะเลสาบภูเขาไฟปินาตูโบ - บาเกียว https://ppantip.com/topic/37456044
ตอน 3 Philippines No Seas Part 3 Sagada - Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 3 ซากาด้า - บาตัด https://ppantip.com/topic/37461701
ตอน 4 Philippines No Seas Part 4 Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 4 บาตัด https://ppantip.com/topic/37465937
ตอน 5 Philippines No Seas Part 5 Banaue - Cebu ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 5 บานาเว - ซีบู https://ppantip.com/topic/37478
ตอน 6 Philippines No Seas Part 6 Kawasan Canyoneering ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 6 โดดผาขาสั่นที่น้ำตกกาวาซาน https://ppantip.com/topic/37484712
วันที่ 10 วันสุดท้ายของการเดินทาง 24 มีนาคม 2561
และแล้วก็มาถึงวันสุดท้ายของการเดินทาง ยังเที่ยวไม่ทั่วเลยอ่ะ ฮือ...
สืบเนื่องจากเมื่อคืน ผมมานั่งคิดว่าวันสุดท้าย ผมจะไปเที่ยวไหนดี มีคนบอกว่าให้ไปทะเลสิ ชายหาดที่นี่มีเยอะแยะ ผมก็ลังเลว่าจะไปทะเลหรือไปเกาะโบโฮลดี (Bohol) มาคิดไปคิดมา ผมก็ขอยึดปณิธานเดิมของผมแล้วกัน คือชอบไปภูเขามากกว่า 555
เช้านี้ผมออกจากที่พักตั้งแต่ 6.00 นั่งแท๊กซี่ไปที่ท่าเรือหมายเลข 1 (Pier 1) ห่างจากโรงแรมที่ผมพักประมาณ 3.2 กม กะว่าจะไปให้ทันเรือรอบแรกๆ ซึ่งผมไปถึงที่ท่าเรือประมาณ 6.15 ผมเดินไปด้อมๆมองๆชะเง้อดูตารางเดินเรือ ก็พบว่ามีแค่บริษัทเดียวที่เวลาเหมาะกับเราที่สุด นั่นคือ Ocean Jet เพราะเรือของบริษัทนี้ออกเช้ามากที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทเรือที่เหลือคือรอบแรก 6.30 แต่...เต็ม ผ่าง! ผมเลยต้องจองรอบต่อไปคือ 7.00 แต่...เป็นตั๋วแบบ First Class ราคา 1000 เปโซ ผ่างๆ! (ขากลับผมได้ตั๋วแบบชั้น 2 ราคา 450 เปโซเอง โอ้ยกลุ้ม...)
แต่ยังไงผมก็ต้องไปเพราะเวลามันจำกัด ผมมีบินกลับไทยวันนี้ นั่นคือเหตุผล โดยผมซื้อตั๋วเรือไปที่ท่า Tagbilaran ขอเขียนทับศัพท์นะครับ ไม่รู้จะออกเสียงยังไงจริงๆ 555
เรือใช้เวลาข้ามจาก Pier 1 ไปที่ Tagbilaran ประมาณ 1 ชม ตอนนั้นระหว่างที่อยู่ในทะเล ฝนก็โปรยลงมา เราก็แบบ...อะไรแว๊ มาตกอะไรตอนนี้! หลังจากที่เรือเทียบท่าที่ Tagbilaran ผมก็รีบวิ่งไปที่จุดขายตั๋วเพื่อซื้อตั๋วขากลับก่อนเลย กันพลาด คือตอนขามาผมมีเงินติดตัวพอซื้อแค่ขามาขาเดียว
ขากลับผมได้ตั๋วแบบชั้น 2 ราคา 450 เปโซ เวลา 14.00 ซึ่งจากประสบการณ์ที่ได้นั่งทั้งสองแบบคือแบบชั้น 1 และชั้น 2 บอกเลย...ต่างกันแค่เบาะของชั้น 1 หุ้มหนัง ห้องผู้โดยสารเล็กกว่า ประมาณ 20-30 คน และแยกโซนออกจากผู้โดยสารชั้นอื่นอย่างชัดเจน แต่ชั้น 2 คือเป็นที่นั่งธรรมดา แต่ผู้โดยสารจะเยอะและอยู่รวมกัน...แค่นั้น? อืม แค่นั้นแหละ นั่งแค่ชั่วโมงเดียว
ขอเล่าเรื่องนึงครับ 555 ระหว่างที่ผมซื้อตั๋วขาไปเสร็จแล้วเงินมีไม่พอจะซื้อขากลับ ผมเลยเดินออกหาตู้เอทีเอ็มในระแวกนั้น ยังพอมีเวลาเพราะเรือผมออก 7.00 ผมก็เดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงถนนใหญ่ ฝั่งตรงข้ามของถนนมีธนาคารตั้งอยู่พร้อมกับตู้เอทีเอ็ม ใจจริงผมก็อยากจะไปกดที่ตู้นั้นนะ แต่บังเอิญว่ามีคนเร่ร่อนมานอนอยู่ข้างๆตู้เอทีเอ็มเลย ก่อนหน้านั้นมีผู้หญิงฟิลิปปินส์คนหนึ่งเข้าไปกดเงินที่ตู้ พอกดเสร็จชายคนนั้นก็เดินเข้าไปหาผู้หญิงแล้วแบมือขอเงิน แต่ผู้หญิงคนนั้นก็เดินจากไป แล้วผมก็กำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีมั้ย ชายคนนั้นก็ขวักมือแล้วพูดเป็นภาษาอังกฤษว่าเข้ามาสิ ไม่มีอะไรหรอก ผมก็...เอ่อ ชายคนนั้นอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เราอย่าตัดสินคนจากเปลือกนอก แต่ไม่ขอเสี่ยงดีกว่า 555 ยิ่งเดินทางคนเดียวด้วย ต้องปลอดภัยไว้ก่อน
ป.ล. เวลาเดินทางต่างบ้านต่างเมือง ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้เป็นอันดับแรกครับ
ระหว่างเดินกลับไปที่ท่าเรือ ผมก็เดินผ่านป้อมปราการ ซาน เปโดร (Fort San Pedro) อยู่ติดกับที่ท่าเรือเลยครับ แต่ตอนนั้นเป็นตอนเช้า ป้อมยังไม่เปิด ผมเลยแค่เดินดูรอบนอกเท่านั้น ผมขออนุญาตติงนิดนึงสำหรับสถานที่แห่งนี้นะครับ ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดให้เอาถังขยะไปวางไว้ด้านหน้าป้อมปราการแบบนั้น โอ้ย...เห็นแล้วแบบ ปวดใจ 555
คือซีบูเป็นที่แรกในฟิลิปปินส์ที่ชาวสเปนเอาเรือมาเทียบท่าเลยครับ และได้สร้างป้อมปราการแห่งนี้ขึ้น ดังนั้นป้อมปราการนี้ย่อมมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่อประเทศฟิลิปปินส์อย่างแน่นอน แต่ภาพที่เห็นคือ...
กลับมาที่เรื่องการเดินทางกันต่อนะครับ หลังจากที่ได้ตั๋วขากลับผมก็เดินไปหารถไตรซีเคิ่ล (Tricycle) ซึ่งจอดอยู่ข้างๆที่ขายตั๋ว ตอนนั้นฝนยังไม่หยุดตกเลย ผมบอกพี่คนขับว่าผมต้องการไปแค่ 2 ที่ คือช๊อคโกแลตฮิลส์ (Chocolate Hills) และศูนย์อนุรักษ์ทาร์เซีย (Tarsier Conservation Area)
พี่คนขับเสนอราคามาที่ 1000 เปโซ ผมก็ตกลงเลยครับ 555 ผมบอกแล้วว่าผมเป็นคนไม่ชอบต่อราคา ไม่ใช่ว่ารวยแต่ขี้เกียจจริงๆครับ ผนวกกับตอนนั้นฝนตกด้วย แถมเวลาเที่ยวก็น้อย เลยรีบตกลงรีบไปเที่ยวดีกว่า
พอรถเลี้ยวซ้าย วิ่งออกมาถึงปากทางออกนิดเดียว ภาพที่เห็นคือรถไตรซีเคิ่ลจอดกันเรียงรายอย่างสวยงาม 555 ตอนแรกนึกว่ามีแค่พี่แกคนเดียวแถวนั้น ทริปเกาะโบโฮลนี่เสียค่าโง่เยอะมาก 555
จากท่าเรือไปจุดแรกคือช๊อคโกแลตฮิลส์ ใช้เวลาไป 2 ชม แน่ะ ไปถึงที่นั่นตอนประมาณ 10.00 พี่คนขับก็ปล่อยผมลงตรงจุดวงเวียน แล้วให้ผมเดินเที่ยว ซึ่งจากจุดนี้จะต้องเดินขึ้นเนินไปอีกเล็กน้อย พอได้หอบ จนไปถึงจุดชมวิว
แล้วภาพนี้ก็ปรากฏต่อหน้าผมครับ...
ช๊อคโกแลตฮิลส์ ถือเป็นลักษณะทางธรณีวิทยาที่แปลกมาก คือมันเหมือนมีเด็กหรือใครเอาดินหรือทรายมากองไวเ้ป็นหย่อมๆ ในฤดูฝน ภูเขาที่นี่ก็จะมีสีเขียว ส่วนในฤดูที่ฝนไม่ตก ภูเขาก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลเหมือนช๊อคโกแลต จึงเป็นที่มาของช๊อคโกแลตฮิลส์นั่นเอง
ผมใช้เวลาถ่ายรูปและเดินเล่นประมาณ 20 นาที แล้วผมก็เดินลงมาจากเนินเขากลับมายังวงเวียนเพื่อหาพี่คนขับ แต่...พี่คนขับหาย! ผมเดินหาพี่แกอยู่พักหนึ่ง หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ ผมเลยเดินไปหาเจ้าหน้าที่ของที่นี่แล้วถามว่าพอจะเห็นพี่คนขับของผมมั้ย คำตอบที่ได้คือ ออ...คุณต้องนั่งรถบริการรับส่ง ลงไปที่ลานจอดรถด้านล่าง รถไม่สามารถจอดข้างบนนี้ได้ ฮ่วย!...แล้วก็ไม่บอก กรอดดด
หลังจากที่เจอพี่คนขับรถ (ยังแอบเคือง 555) เราก็เดินทางไปยังจุดต่อไปคือที่ศูนย์อนุรักษ์ทาร์เซีย ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
ทาร์เซียคืออะไร? ทาร์เซียคือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก จำพวกไพรเมตชนิดหนึ่ง ในประเทศฟิลิปปินส์ สามารถพบสัตว์ชนิดนี้ได้ทางหมู่เกาะทางตอนใต้เท่านั้น ตัวเต็มวัยมีขนาดลำตัวเพียง 10 ซม เท่านั้น จัดเป็นไพรเมตที่เล็กที่สุดในโลก น่ารักมาก!
เนื่องจากทาร์เซียเป็นสัตว์ออกหากินตอนกลางคืน ดังนั้นการเยี่ยมชมเจ้าตัวทาร์เซียนี้ การรักษาความเงียบคือสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสัตว์ ทางศูนย์ได้จัดทางเดินเข้าไปในสวน ซึ่งเจ้าทาร์เซียก็จะเกาะอยู่ตามกิ่งไม้ ต้นไม้ต่างๆ ต้องสังเกตุให้ดี เพราะตัวมันเล็กมาก ประมาณอุ้งมือเอง
แต่วันนั้นที่ผมไป มีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ และที่สำคัญคือมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย (ซึ่งคุณก็รู้ว่าใคร 555) เข้ามาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ ดังนั้นผมไม่จำเป็นต้องพยายามหาเจ้าทาร์เซียเลยครับ เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นเจอเจ้าทาร์เซีย มหรสพก็จะเริ่มขึ้นทันที เราก็แค่เดินตามเสียงนั้นไป รับประกันว่าเจอแน่นอน เดี๋ยวนะ...555
นักท่องเที่ยวบางคนพยายามเดินออกจากทางที่กำหนด แล้วแหวกเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อจะเข้าใกล้เจ้าทาร์เซียให้มากที่สุด รวมทั้งหากเจ้าทาร์เซียหลับตาหรือหันหน้าไปทางอื่น บางคนก็จะเรียกหรือส่งเสียง เพื่อให้มันหันมา...เพื่อ!!!
ผมอดรนทนไม่ไหวจริงๆ ตอนนั้นมีผู้หญิงชาวเอเชียมาทำแบบนี้ข้างๆผม โดยการเรียกเพื่อให้มันหันมา แถมมือถือแทบจะจ่อหน้าเจ้าทาร์เซีย ผมก็เอ็ดเป็นภาษาอังกฤษว่ามันกำลังหลับอยู่นะ คุณจะไปเรียกมันทำไม? ผู้หญิงคนนั้นก็ทำหน้าไม่พอใจแล้วเดินไปเลยครับ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจมั้ย แต่ยังไงก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ฝากไว้ด้วยนะครับ เราไปเที่ยวต่างประเทศ ไม่ใช่แค่เราแบกชื่อของเราเอาไว้เท่านั้น แต่เราแบกชื่อประเทศเอาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นผมก็รีบออกจากที่นั่นแล้วกลับไปยังท่าเรือเลยครับ ตอนนั้นถึงท่ารือประมาณ 13.30 ยังพอมีเวลา เลยขอทานข้าวกลางวันก่อนแล้วกัน เพราะตั้งแต่เช้า ผมยังไม่ได้ทานข้าวเช้าเลย เพราะทุกอย่างดูรีบร้อนไปหมด
เสร็จจากนั้นผมก็ลงเรือตอน 14.00 และถึงฝั่งเมืองซีบูตอนประมาณ 15.00 ผมก็เข้าที่พัก อาบน้ำอาบท่า ทานอาหารที่ฟู๊ดคอร์ทแถวๆโรงแรม แล้วออกจากโรงแรมไปยังสนามบินตอนประมาณ 17.30 อย่างที่ผมบอกครับ สนามบินที่เมืองซีบูไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย ขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยาก แต่อย่าไว้ใจการจราจรที่ฟิลิปปินส์ อาจตกเครื่องบินได้
พอผมเข้าไปในสนามบินก็จัดการโหลดกระเป๋า แล้วเดินไปยังเกต แต่ก่อนเข้ามีป้ายเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า Terminal Fee for International Passengers 750 Pesos นั่นหมายความว่า ผมต้องจ่ายค่าภาษีสนามบินเป็นจำนวนเงิน 750 เปโซครับ สำหรับผู้โดยสารที่บินระหว่างประเทศเท่านั้น ทางเจ้าหน้าที่รับทั้งเงินดอลล่าและเงินเปโซครับ ซึ่งตอนนั้นผมเอาเงินเปโซทั้งหมดให้หมดเลย และโปะเพิ่มด้วยเงินดอลล่า ถือว่าไม่ต้องไปแลกคืนครับ
ตามกำหนดการ เที่ยวบินนี้ต้องบินตอน 21.25 แต่ตอนนั้นเครื่องบินเลทไปประมาณครึ่ง ชม ครับ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะผมก็ไม่ได้รีบ
เครื่องบินมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนเวลาประมาณ 23.30 ถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพครับ
สำหรับการผจญภัยในฟิลิปปินส์ก็จบลงแล้วครับ ตอนนี้กำลังวางแผนทริปต่อไปทันที 555 แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี
ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านมากนะครับที่ติดตามจนจบ นี่เป็นกระทู้แรกของผมด้วย มีข้อมูลอะไรสามารถมาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ
สำหรับกระทู้นี้ก็ขอลาไปเพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณมากครับ
ตอน 1 Philippines No Seas Part 1 Manila City ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 1 มะนิลา https://ppantip.com/topic/37453948
ตอน 2 Philippines No Seas Part 2 Pinatubo - Baguio ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 2 ทะเลสาบภูเขาไฟปินาตูโบ - บาเกียว https://ppantip.com/topic/37456044
ตอน 3 Philippines No Seas Part 3 Sagada - Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 3 ซากาด้า - บาตัด https://ppantip.com/topic/37461701
ตอน 4 Philippines No Seas Part 4 Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 4 บาตัด https://ppantip.com/topic/37465937
ตอน 5 Philippines No Seas Part 5 Banaue - Cebu ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 5 บานาเว - ซีบู https://ppantip.com/topic/37478
ตอน 6 Philippines No Seas Part 6 Kawasan Canyoneering ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีท