Philippines No Seas Part 1 Manila City


Philippines No Seas Part 1 Manila City ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล

Never Ending Wanderlust
ติดตามได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/Never-Ending-Wanderlust-333202827168152/
Instagram : https://www.instagram.com/wanderlust_neverending/
และ Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCqylOvHIZ7H4weVGTFUgb9Q?view_as=subscriber
st

ตอนที่ 2 Philippines No Seas Part 2 Pinatubo - Baguio ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 2 ทะเลสาบภูเขาไฟปินาตูโบ - บาเกียว https://ppantip.com/topic/37456044
ตอน 3 Philippines No Seas Part 3 Sagada - Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 3 ซากาด้า - บาตัด https://ppantip.com/topic/37461701
ตอน 4 Philippines No Seas Part 4 Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 4 บาตัด https://ppantip.com/topic/37465937

15th – 24th February 2018

สวัสดีครับผองเพื่อน ก่อนอื่นเลย ขอต้อนรับเข้าสู่กระทู้ของผมก่อนแล้วกันครับ ผมชื่อวิทย์ครับ และบทความนี้ก็เป็นบทความแรกของผมเสียด้วย บอกเลยว่าตื่นเต้น 555

จริงๆ ผมเป็นคนที่ชอบเที่ยวมากก แต่ไม่เคยคิดจะเขียนอะไรแบบนี้เลย จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมต้องการจะไปเที่ยว แล้วพยายามหาข้อมูล แต่พบน้อยมาก จึงทำให้คิดได้ว่า เออ...ทำไมเราไม่แบ่งปันข้อมูลตรงนั้นให้กับคนอื่นล่ะ

ข้อมูลบางอย่างในบทความนี้อาจจะตกหล่นหายไปบ้างนะครับ เพราะผมได้พลีชีพมือถือคู่ใจไปกับการ canyoneering กับทริปนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหอๆๆ เกิดอะไรขึ้น ติดตามไปเรื่อยๆแล้วกันนะครับ

ขออนุญาตอธิบายนิดนึงเกี่ยวกับชื่อกระทู้ Philippines No Seas ทำไมถึงใช้ชื่อนี้ เพราะปกติเมื่อเรานึกถึงประเทศฟิลิปปินส์ เราก็จะนึกถึงทะเลชายหาดสีขาวสะอาดตาเป็นอันดับแรก แต่สำหรับผมไม่เลย ผมเป็นคนที่ชอบภูเขามากกว่า ทริปนี้ตลอด 10 วันในการเดินทาง ผมจึงใช้เวลาไปกับภูเขาและน้ำตกทั้งสิ้น ใครที่คิดจะเข้ามาอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับทะเล ปิดได้เลยครับ 555

เกริ่นมาซะเยอะ มา...เริ่มกันเลยดีกว่า


ฟิลิปปินส์ ประเทศนี้จริงๆอยู่ใน bucket list ของผมมานานแล้วแหละครับ แล้วก็ฝันว่า วันนึงผมจะไปหาเธอ ไปยลโฉมเธอให้จงได้

วันแรกของการเดินทาง 15 มีนาคม 2561
ผมเริ่มต้นทริปนี้จากกรุงเทพครับ ที่สนามบินสุวรรณภูมิกับสายการบินประจำชาติฟิลิปปินส์ นั่นคือฟิลิปปินส์ แอร์ไลน์ (Philippine Airlines) เส้นทางขาไป กรุงเทพ – มะนิลา / เส้นทางขากลับ ซีบู – กรุงเทพ ราคาประมาณ 6500 บาท) นี่เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมได้ใช้บริการสายการบินนี้ ผมว่าก็โอเคนะ อาหารอร่อย แต่ตลอด 3 ชม ที่อยู่บนเครื่อง ไม่มีสิ่งบันเทิงเลยนะครับ อารมณ์คล้ายๆแอร์ เอเชีย แต่มีอาหารเสริฟ
ผมบินจากสุวรรณภูมิตอนบ่าย 2.50 ของวันที่ 15 ตามตาราง มันจะต้องบินประมาณ 3.30 ชั่วโมงครับ แต่บินจริงๆแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ตอนนั้นผมไปถึงกรุงมะนิลาตอน 6 โมงเย็น


หลังจากนั้น ผมก็เดินออกมาจากสนามบิน ออกมาด้านนอก แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆไม่ไกลมาก คุณจะเจอกับที่รอรถแท็กซี่ ซึ่งเป็นป้ายขนาดใหญ่ เขียนว่า Metered Taxi
ใจจริง ผมอยากจะลองระบบขนส่งท้องถิ่นของเขานะ แต่ตอนนั้นก็มืดแล้ว แล้วก็เป็นช่วงที่การจราจรพินาศมาก 555 ผมเลยเลือกนั่งแท็กซี่แทนแล้วกัน

เชื่อหรือไม่...จากสนามบินไปที่โรงแรมที่ย่านมากาติ (Makati) จริงๆแค่ระยะทางประมาณ 9 กม เองครับ แต่ผมใช้เวลานั่งในแท็กซี่เกือบ 2 ชม...คุณพระ!!! กรุงเทพว่าติดแล้ว ที่นี่มาเหนือแบบขิงๆ

โรงแรมที่กรุงมะนิลา ผมพักที่ Makati Budget Hotel สองคืนเลยครับ (ประมาณ 600 บาทต่อคืน)
โรงแรมใช้ได้เลยนะครับ ผมพักคนเดียว แต่ห้องของผมมี 3 เตียง ซึ่งถ้าใครมา 3 คน หารออกมาถือว่าถูกมาก
พนักงานก็บริการดีครับ แต่เสียอยู่อย่างเดียว คือมันอยู่เกือบสุดโซนร้านอาหาร ผับ บาร์ (ย่านโคมแดง) ตอนกลางคืนก็จะเสียงดังหน่อยๆ แต่รวมๆโอเคครับ




วิวจากหน้าต่างห้องพัก

พอผมเช็คอินเสร็จปั๊บ ก็ออกตระเวนหาอาหารเย็นก่อนเลย ผมเดินไปที่ตลาดกลางคืนครับ ที่มีอาหารท้องถิ่นขาย แต่ตอนนั้นคนเยอะมากกก โต๊ะก็ไม่มี ผมเลยตัดสินใจฝากท้องมื้อแรกไว้ที่ Jollibee อาหารฟาสต์ฟู๊ดประจำชาติของฟิลิปปินส์ก่อนแล้วกัน 555
จากนั้นก็กลับที่พัก พักผ่อนครับ


วันที่ 2 ของการเดินทาง 16 มีนาคม 2561

สำหรับวันนี้ ผมได้รับเกียรติจากไกด์ท้องถิ่น เขาเคยเป็นลูกค้าของผมครับ ตอนที่ผมเป็นไกด์นำเที่ยวที่กรุงเทพฯ และวันนี้ก็คือวันที่เขาจะต้องพาผมเที่ยวบ้าง เหอๆๆ เขาชื่อ Edgar Alan Zeta-Yap (E’an) แต่ผมเรียกเขาว่าเอ๊ด เขาเป็น Travel Blogger และเป็นไกด์ท้องถิ่นให้ผมวันนี้ครับ

สถานที่แรกที่เขาพาผมไปก็คือ พิพิธภัณฑ์อายาลา (Ayala) สถานที่เก็บรวบรวมทองโบราณ สมัยก่อนที่สเปนจะเข้ามาบุกยึดประเทศนี้


เอาจริงๆเลยนะครับ ผมไม่เข้าใจเลย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่ที่ดีมากก แต่ไม่มีใครพูดถึงมันเลย ผมประทับใจกับเรื่องราว การจัดแสดงของที่นี่มาก
คือมันไม่ใช่แค่เกี่ยวกับทองโบราณ แต่มันรวมไปถึงประวัติศาสตร์และความภูมิใจของชนชาติฟิลิปปินส์ ผมแนะนำให้ทุกคนที่ไปเที่ยวที่ประเทศนี้ ลองแวะไปครับ มันดีมากจริงๆ ผมไม่สามารถถ่ายรูปข้างในได้ครับในส่วนของห้องที่จัดแสดงทองโบราณ เฉพาะห้องประวัติศาสตร์เรื่องราวของฟิลิปปินส์เท่านั้นที่สามารถถ่ายได้




สถานที่ที่สองที่เราไปคือที่มหาวิหารมะนิลา (Manila Cathedral) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าอินทรามูโรส (Intramuros) สร้างขึ้นในปี 1571 โดยนาย Juan de Vivero ชาวสเปน
เอ็ดบอกผมว่า โบสถ์หลายแห่งในฟิลิปปินส์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมกดกโลกเยอะมาก ยกเว้นที่นี่ เพราะโบสถ์แห่งนี้ผ่านร้อน ผ่านหนาว ทั้งแผ่นดินไหว ไฟไหม้หลายรอบ มีการซ่อมแซมบูรณะหลายครั้ง จนตัวอาคารไม่ใช่สิ่งก่อสร้างดั้งเดิม เลยไม่ได้เป็นมรดกโลก





จากนั้นเราก็เติมพลังกันก่อนครับ เพื่อนผมเขาแนะนำร้านอาหารบุฟเฟ่ฟิลิปปินส์ชื่อว่า บาร์บาราส เฮอริเทจ เรสเตอร์รอง (Barbara’s Heritage Restaurant) อาหารใช้ได้เลยครับ อร่อยดี บรรยากาศก็ดี แถมมีดนตรีสดให้ฟังอีก...เพลิน มื้อนี้หมดไปประมาณ 700 รูปี ถือว่าแพงนะ สำหรับผมซึ่งปกติจะทานอาหารข้างทางมากกว่า แต่มื้อนี้ก็ลองดูครับ และอีกอย่าง ผมว่าอาหารข้างทางที่ฟิลิปปินส์ดูแล้วไม่ค่อยสะอาด ซึ่งผมถามเอ๊ด เขาก็บอกว่า ปกติอาหารข้างทางจะมีไว้สำหรับคนจน (จริงๆไม่อยากใช้คำนี้นะครับ) คนท้องถิ่นทั่วไป จะนิยมทานอาหารในห้าง หรือที่เป็นร้านจริงๆมากกว่า




พออิ่มหมีพีมัน พวกเราก็แค่ข้ามไปอีกฟากของถนนหน้าร้านอาหารครับ ก็จะไปถึงโบสถ์ซาน อากุสติน (San Agustin) จริงโบสถ์นี้เข้าชมฟรีนะครับ แต่วันที่พวกเราไปนั้น ทางเจ้าหน้าที่ของโบสถ์ได้แจ้งว่า จะมีการจัดงานแต่งงาน ซึ่งให้พวกเราอ้อมเข้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์ของโบสถ์ ค่าเข้า 200 เปโซจ้า...เราอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์รวมทั้งที่โบสถ์ประมาณ 1 ชม หลังจากนั้นก็งงๆ ว่าเอ๊ะ ทำไมพอจ่ายเงินค่าตั๋วแล้วสามารถเข้าไปในโบสถ์ได้ เหอๆ อ่ะนะ แต่ข้างในโบสถ์สวยมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพวาดภายในโบสถ์ คือแบบสวยเสียจนตอนแรกผมนึกว่าเป็นลายปูนปั้น แต่มันคือภาพวาดเว้ยเฮ้ย








จากนั้น เราก็เดินไปที่ป้อมปราการซานติเอโก้ (Fort Santiago) หนึ่งในแลนด์มาร์คของกรุงมะนิลาครับ สร้างขึ้นในปี 1590 และเสร็จในปี 1593 โดยชาวสเปน


Manila Cathedral เมื่อมองกลับมาจาก Fort Santiago





ห้องขังที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำปาสิก (Pasig River) เมื่อน้ำขึ้นจะท่วมห้องขัง และนักโทษจะเสียชีวิตจากการจมน้ำ


Dr. Jose Rizal วีรบุรุษของชาวฟิลิปปินส์

เราเสร็จจาก Fort Santiago ประมาณห้าโมงเย็น เราก็ไปปิดท้ายกันที่ Manila Bay และ...ผมก็ลองทานไข่บาลุตครับ!
ไข่บาลุตคือไข่ที่กำลังจะฟักเป็นตัว แต่เราเอามากินก่อน โดยเฉพาะสุภาพบุรุษจะชอบกินมากกก เพราะเชื่อว่ากินแล้วจะเด้งดึ๋งปึ๋งปั๋ง 555 เขาว่าแบบนั้นนะ
หลังจากที่ลองทานแล้ว (ใช้เวลาในการทำใจนานมาก) คือแบบ...เกิดคำถามขึ้นมาในหัวเลย กินเพื่ออะไรวะ 555
ผมเป็นคนที่กินทุกอย่างนะ แต่อันนี้มันพีคมาก คือตอนที่คุณกำลังจะเอามันเข้าปาก สายตาคุณจะเหลือบไปเห็นลูกเป็ดตัวน้อยๆที่ยังไม่ลืมตา พร้อมทั้งปาก ขา แล้วคุณต้องกินมันเข้าไปทุกส่วน (ขนลุกมาก) รสชาติก็เหมือนไข่ธรรมดาเลยครับ โรยเกลือหน่อยๆอร่อยดี แต่ขอเป็นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในชีวิตแล้วกัน 555




The Old Custom House

ตอนที่ 2 Philippines No Seas Part 2 Pinatubo - Baguio ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 2 ทะเลสาบภูเขาไฟปินาตูโบ - บาเกียว https://ppantip.com/topic/37456044
ตอน 3 Philippines No Seas Part 3 Sagada - Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 3 ซากาด้า - บาตัด https://ppantip.com/topic/37461701
ตอน 4 Philippines No Seas Part 4 Batad ฟิลิปปินส์ ในวันที่ไม่มีทะเล ตอน 4 บาตัด https://ppantip.com/topic/37465937


ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ ขออนุญาตจบตอนที่ 1 ไว้แค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าครับผม จะพยายามเขียนตอนที่ 2 ให้เร็วที่สุดครับ งานยุ่งมาก 555
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่