คุ้ยวรรณคดี
ขุนช้างล้านเศรษฐีมีแต่ทุกข์
ตอนที่ ๑ ตั้งใจคิดเอาว่าเจ้าพิม
ฑ.มณฑา
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ขุนช้าง ซึ่งเป็นตัวเอกในวรรณคดีเรื่องเยี่ยมของไทย สมัยกรุง รัตนโกสินทร์นั้น มีชื่อขึ้นก่อนแต่กลับกลายเป็นผู้ร้าย ส่วนขุนแผนกลับเป็นพระเอก ขุนช้างเป็นตัวตัวละครที่แสนจะอาภัพไปทุกอย่างทุกประการ ด้วยความจงใจของผู้แต่ง ที่แกล้งจะให้เขาได้รับแต่ความผิดหวังอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งต้องเสียนางวันทองไปอย่างไม่มีวันกลับ ก็ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดสงสารเขาเลย มีแต่สมน้ำหน้า
ลองหวนกลับไปดูอดีต ตั้งแต่เขาเริ่มเกิด มารดาของเขานั้น เมื่อเห็นหน้าลูกชายแรกคลอดออกมา ก็อุทานว่า
นางเทพทองเหลียวหน้าคว้าลูกชาย
พลิกคว่ำพลิกหงายอยู่ตัวสั่น
ทุดลูกบัดสีเหมือนผีปั้น
หัวล้านในครรภ์ดังวงเดือน
เสียแรงอุ้มท้องประคองมา
ชกโคตรแม่อ้ายหมาขี้เรื้อนเปื้อน
เลี้ยงมันไว้ใยอายเพื่อนเรือน
หัวเหมือนโคตรข้างไหนให้เกิดมา ฯ
ครั้นโตขึ้นมีเพื่อนเล่นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน คือพลายแก้ว และนางพิมพิลาไล ก็ตกเป็นรองของเพื่อนทั้งสองอยู่เสมอ อย่างเช่นครั้งหนึ่ง
……………….
ข้างพลายแก้วอุตริว่า
เราเล่นเป็นผัวเมียกันเถิดรา
ขุนช้างร้องว่าข้าชอบใจ
นางพิมว่าไปอ้ายนอกคอก
รูปชั่วหัวถลอกกูหาเล่นไม่
พลายแก้วว่าเล่นเถิดเป็นไร
ให้ขุนช้างนั้นไซร้เป็นผัวพลาง ฯ
นึกว่าจะดีพอเล่นไปได้หน่อยหนึ่ง พลายแก้วเล่นเป็นชู้เข้าไปชกขุนช้าง ก็เลยเกิดการชกต่อยกันใหญ่
นางพิมด่าให้ไอ้ตายโหง
พวกอ้ายโล้งโต้งกูไม่เล่นได้
อ้ายหัวล้านขี้ถังมัน
แล้วพาฝูงข้าไทไปเรือนพลัน ฯ
นางพิมก็เลิกเล่นพาบ่าวไพร่กลับไปบ้าน เจ้าช้างก็เลยเจ็บตัวฟรี
อยู่มาพอลูกช้างเจริญวัยขึ้น ขุนศรีวิชัยพ่อของขุนช้าง ก็พาไปถวายตัวกับ พระพันวษา เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพ่อลูก ก็ทรงมีรับสั่งว่า
ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนศรีวิชัย
นั่นพาลูกใครเข้ามาหวา
ดูหัวหูน่าสมเพชเวทนา
เป็นเชื้อวงศ์พงศาของผู้ใด
ฤๅลูกหลานหว่านเครือของเอง
หัวล้านโจงเหม่งไม่เอาส่ำได้
จะเอามาให้กูหรือว่าไร
มีธูปเทียนดอกไม้ใส่พานมา ฯ
ขุนศรีวิชัยก็กราบทูลว่า เป็นบุตรชายของตนเอง ขอทูลเกล้าถวายไว้เป็นทหาร พระพันวษาก็ตรัสว่า เดี๋ยวนี้มันยังเด็กเล็กอยู่ รอไว้ให้โตกว่านี้จึงให้เข้ามารับราชการ แล้วก็พระราชทานเสื้อผ้าให้เป็นรางวัล
อยู่มาจนขุนช้างโตเป็นวัยรุ่น ก็มีนายโจรใหญ่ชื่อจันศร ยกพวกเข้าปล้นบ้านขุนศรีวิชัย ซึ่งเป็นเศรษฐีใหญ่ในเมืองสุพรรณ ตัวขุนศรีวิชัยโดดลงจากเรือนไป ทิ้งลูกเมียไว้ให้โจรจับเอาไปขู่เข็ญให้บอกที่ซ่อนทรัพย์
พวกโจรสับสนอยู่กล่นเกลื่อน ตีฝาเคาะเรือนทุบโอ่งไห
โห่ฉาวกราวเกรียวเที่ยวค้นไป ครั้นจับได้แม่ลูกให้ผูกคอ
เทพทองร้องขอชีวิตฉัน ขุนช้างกลัวตัวสั่นตาปอหลอ
ยั่นกูอีเฒ่าเอาให้พอ เทพทองร้องขอแต่โทษตัว
พวกขโมยจูงมาที่กลางบ้าน อ้ายหัวล้านนี้ฤๅคือเจ้าผัว
เทพทองร้องว่านี่ลูกตัว ผัวกลัวเขาทิ้งวิ่งหนีไป
อ้ายขโมยเอาไฟเข้าลนก้น จะทนหรือจะบอกออกความให้
เงินทองข้าวของไว้ที่ใด มัดแขนแอ่นไพล่อย่าปิดกู
เทพทองร้องว่าข้าจนใจ ขโมยเอาดินใส่ระเบิดหู
ขุนช้างกราบกรานวานเอ็นดู ขอโทษแม่ตูจงงดไว้
เงินทองของดีมีห้าพัน อยู่ในกำปั่นจะบอกให้
อ้ายขโมยโห่มี่มันดีใจ ผ่ากำปั่นใบใหญ่ขนออกมา ฯ
เมื่อได้ทรัพย์สินเงินทองแล้ว พวกโจรก็ยกขบวนเดินทางกลับ โดยผูกคอแม่ลูกลากไปในขบวนเป็นตัวประกัน แต่ขุนศรีวิชัยที่หนีไปนั้น ได้ชวนชาวบ้านมาเป็นพวกได้ร่วมสองร้อย คอยดักซุ่มอยู่ตามทางที่พวกโจรจะผ่าน พอมาถึงก็จู่โจมเข้าตีพวกโจรโดยไม่ทันให้รู้ตัว เกิดการสู้รบกันอลหม่าน ขุนศรีวิชัยนั้นก็มีฝีมืออยู่พอตัว ทั้งคงกระพันฟันแทงก็ไม่เข้า เข้าสู้กับจันศรนายโจรอยู่หลายท่า แต่สุดท้ายถูกพวกโจรกลุ้มรุมเข้าจับตัวไว้ได้
พวกขโมยพร้อมล้อมจับตัว เอาดาบสับหัวหาเข้าไม่
ผูกคอแทงผึงตึงตึงไป ดังว่าแทงขอนไม้ไม่เข้ามัน
เอาดาบฟันผ่าลงบ่าฉับ เยินยับหักร้นไปจนกั่น
ขโมยว่าอ้ายนี่มันดีครัน หอกดาบหักสบั้นยับเยินไป ฯ
ลงท้ายพวกโจรก็จับขุนศรีวิชัยมัดเหมือนหมู แล้วเอาหลาวแทงเข้าทางรูทวาร จึงขาดใจตายไปอย่างน่าเอน็จอนาถ ขุนช้างกับมารดาหนีรอดไปได้ ขุนช้างจึงเป็นกำพร้าบิดาตั้งแต่นั้นมา
อยู่มาอีกนานจนเป็นหนุ่ม ขุนช้างก็อยากจะมีเมียเป็นธรรมดาของคนมีทรัพย์ จึงไปสู่ขอบุตรสาวของหมื่นแผ้ว อยู่บ้านรั้วใหญ่
จะกล่าวถึงขุนช้างเมื่อรุ่นหนุ่ม หัวเหมือนนกตะกรุมล้านหนักหนา
เคราคางขนอกรกกายา หน้าตาดังลิงค่างที่กลางไพร
ไปสนิทติดพันเจ้าแก่นแก้ว ลูกตาหมื่นแผ้วบ้านรั้วใหญ่
สู่ขอพ่อแม่ก็ปลงใจ ขุนช้างจึงได้เป็นภรรยา
มาอยู่กับเรือนเป็นเพื่อนนอน ร่วมเรียงเคียงหมอนได้ปีกว่า
ล้มเจ็บจับไข้หลายเวลา แล้วกลายมาเป็นริดสีดวง ฯ
ขุนช้างก็เป็นทุกข์ร้อน หาทางรักษาเท่าไรก็ไม่หาย แม้จะมีเงินทองมากมาย ก็ไม่สามารถซื้อชีวิตภรรยาไว้ได้
อยู่มาแก่นแก้วก็ดับจิต สิ้นชีวิตขุนช้างนั่งร้องไห้
ปลงศพเผาผีอึงมี่ไป ทำบุญส่งให้เนืองเนืองมา ฯ
อยู่มาจนถึงปีระกาเดือนสิบเป็นวันพระ ที่วัดป่าเลไลยวัดใหญ่ในสุพรรณบุรี มีเทศน์มหาชาติทั้งสิบสามกัณฑ์ ขุนช้างก็รับเป็นเจ้าภาพกัณฑ์กุมาร ในงานนี้ขุนช้างก็ได้พบเห็นนางพิมเพื่อนเล่นเมื่อยังเยาว์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพกัณฑ์มัทรี และเจ้าพลายแก้วซึ่งบวชเป็นเณรมาเทศน์กัณฑ์มัทรีแทนสมภาร ขุนช้างนั้นหลงรักนางพิมตั้งแต่แรกเห็น แต่ความที่ตัวรูปชั่วหัวล้าน นางก็เลยไม่สนใจ มัวไปสบตากับเณรแก้วเสีย ขุนช้างก็กลับมาละเมอเพ้อพกอยู่ที่บ้าน
ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนช้าง คะนึงนางนิทราหาหลับไม่
พลิกคว่ำคร่ำครวญรัญจวนใจ โอ้แม่พิมพิลาไลยของขุนช้าง
ฟังเสียงเกลี้ยงกลมเมื่อเจ้าว่า วาจาแจ้วเจื้อยแจ่มกระจ่าง
อรชรอ้อนแอ้นบั้นเอวบาง หมื่นนางก็ไม่มีเหมือนนางเดียว
เจ้าห่มสีทับทิมริมขลิบทอง สอดสองซับในสไบเขียว
แขนอ่อนท่อนท้ายแม่พริ้งเพรียว งามตาเมื่อเจ้าเหลียวชำเลืองมา ฯ
ตั้งแต่นั้นมาขุนช้างก็เฝ้าแต่คิดถึงนางพิม ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่กินข้าวกินปลามีอาการเผลอเรอใจลอย ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนนี้ท่านบรรยายไว้ยาวมาก แต่เพื่อที่จะให้เห็นว่าอาการกำเริบรักของขุนช้างนั้น น่าสมเพชเพียงใด จึงขอคัดเอามาดังนี้
จะกล่าวถึงเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง ความสมัครรักนางให้ป่วนปั่น
แต่เวียนคิดถึงพิมนิ่มนวลจันทร์ ตั้งแต่วันฟังเทศน์ไม่บันเทา
เช้าเย็นเป็นทุกข์ทุกเวลา ไม่เห็นหน้าพิมน้อยก็สร้อยเศร้า
นอนหลับกลับเพ้อละเมอเมา จนล่วงเข้าปลายเดือนไม่เคลื่อนคลา
ให้รุ่มร้อนนอนนั่งไม่เป็นสุข หลับแล้วรื้อลุกขึ้นมืดหน้า
กอดหมอนนอนซึมไม่ลืมตา ข้าวปลาไม่นึกจะอยากกิน
อดเปรี้ยวอดหวานไม่พานไส้ อกใจตึกตึกนึกถวิล
ใครพูดจาว่าไรไม่ได้ยิน มัวถวิลถึงเจ้าพิมพิลาไลย ฯ
ในกระบวนบ่าวของขุนช้างนั้น มีอยู่คนหนึ่งที่เป็นห่วงเป็นใยเจ้านายอย่างยิ่ง ชื่อนางกริม คอยติดตามดูแลอาการอยู่อย่างใกล้ชิด คอยฟังเสียงเรียกว่านายจะใช้สอยสิ่งใด จะได้จัดหาให้ทันตามความต้องการ วันหนึ่งตอนรุ่งสางนางกำลังยืนอยู่ที่ตีนบันได ได้ยินเสียงเจ้านายเรียกแว่วอยู่ในมุ้ง ก็ร้องขานแล้วรีบขึ้นมาเรือนมาทันที
เจ้าขุนช้างดีใจได้ยินขาน เสียงหวานจับใจเป็นหนักหนา
จัดแจงแต่งตัวยังมัวตา อีกริมคลานเข้ามาจนข้างมุ้ง
ขุนช้างกอดคอหัวร่อร่า แม่เอ๋ยทำไมมาจนจวนรุ่ง
กอดจูบลูบท้องประคองพุง จะสะดุ้งกระเดื่องดิ้นไปทำไม
อีกริมดีใจว่านายรัก หาพลิกผลักพูดจาอย่างไรไม่
พลอยพริ้งนิ่งแน่ให้ตามใจ ขุนช้างโลมไล้อยู่ไปมา
ฟอนเฟ้นเน้นนมชมสำราญ เห็นย้อยยานยื่นยาวเป็นหนักหนา
ผิดพิมนิ่มน้องที่ต้องตา ยุดถามใครหวามาแปลกปลอม
อีกริมฟังนายสบายยิ้ม ฉันเองอีกริมเจ้าค่ะหม่อม
เรียกฉันเข้ามาแล้วว่าปลอม ครั้นมิยอมกลัวหม่อมพาโลตี ฯ
ความจริงจึงเปิดเผยออกมาว่า ขุนช้างนั้นนอนละเมอเรียกชื่อนางพิม แต่บ่าวฟังเป็นกริม เลยนึกว่าเรียกตน ด้วยความจงรักภักดี ไม่อยากให้นายผิดหวัง จึงเสนอตัวเข้าไปถึงในมุ้ง ครั้นจับได้ว่าอะไร ๆ ก็ไม่เหมือนนางพิม การณ์ก็ได้เลยไปไกลเสียแล้ว
ขุนช้างนิ่งอึ้งไม่เจรจา มันขะเรอเก้อขะรากระไรนี่
เรียกพิมได้อีกริมมาทันที มันก็ดีครันครันถลันมา
กูเรียกพิมอีกริมรับขาน กำลังพล่านกูไม่ทันได้ดูหน้า
ก็มีดอยู่ในเรือนเหมือนกับพร้า เลยไขว่คว้าเคล้าคลึงจนถึงใจ ฯ
ขุนช้างก็คงจะคิดเหมือนพระอภัยมณี เมื่อตอนที่ถูกนางผีเสื้อยักษ์ ลักพาลงไปอยู่ในถ้ำที่ท่านว่า การโลกีย์ดีชั่วย่อมมัวเมา เหมือนอดข้าวกินมันกันเสบียง หรืออย่างที่เถ้าแก่พูดกับน้องเมียว่า ลื้อก็กิงข้าวของอั๊วเหมืองกัน แต่ขุนช้างคิดว่าเป็นพร้าในเรือนจะหยิบมาใช้เมื่อไรก็ได้ เลยเกิดเป็นเรื่อง
อัศจรรย์ลั่นเลื่อนในคงคา เภตราระลอกกระฉอกไหว
ฟูมฝั่งกระทั่งฝาซ่าเซ็นไป ไหลเหลิงดาดฟ้าลงมาริม
ขุนช้างเพลิดเพลินเจริญใจ หยอกเย้าเคล้าไปกระหยิ่มกริ่ม
ตั้งใจคิดเอาว่าเจ้าพิม นอนยิ้มอยู่ในมุ้งจนรุ่งราง ฯ
ดูเอาเถิดความอาภัพของขุนช้าง แม้แต่ความรัก ก็ต้องคิดฝันเอาเอง โดยที่สาวเจ้าไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรด้วยเลย ความผิดหวังของเขาที่ได้รับจากหญิงที่เขารัก มิได้มีอยู่เพียงแค่นี้ แต่มีอยู่ตลอดชีวิตเลยทีเดียว แม้เขาจะพยายามแข่งแย่งชิงดีกับขุนแผน เพื่อให้ได้นางวันทองมาครอบครองชนิดไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องสูญเสียหญิงที่รักไปจนได้
ด้วยความชอกช้ำจนสุดที่จะประมาณ
#########
คุ้ยวรรณคดี
ขุนช้างล้านเศรษฐีมีแต่ทุกข์
ตอนที่ ๑ ตั้งใจคิดเอาว่าเจ้าพิม
ฑ.มณฑา
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ขุนช้าง ซึ่งเป็นตัวเอกในวรรณคดีเรื่องเยี่ยมของไทย สมัยกรุง รัตนโกสินทร์นั้น มีชื่อขึ้นก่อนแต่กลับกลายเป็นผู้ร้าย ส่วนขุนแผนกลับเป็นพระเอก ขุนช้างเป็นตัวตัวละครที่แสนจะอาภัพไปทุกอย่างทุกประการ ด้วยความจงใจของผู้แต่ง ที่แกล้งจะให้เขาได้รับแต่ความผิดหวังอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งต้องเสียนางวันทองไปอย่างไม่มีวันกลับ ก็ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดสงสารเขาเลย มีแต่สมน้ำหน้า
ลองหวนกลับไปดูอดีต ตั้งแต่เขาเริ่มเกิด มารดาของเขานั้น เมื่อเห็นหน้าลูกชายแรกคลอดออกมา ก็อุทานว่า
นางเทพทองเหลียวหน้าคว้าลูกชาย
พลิกคว่ำพลิกหงายอยู่ตัวสั่น
ทุดลูกบัดสีเหมือนผีปั้น
หัวล้านในครรภ์ดังวงเดือน
เสียแรงอุ้มท้องประคองมา
ชกโคตรแม่อ้ายหมาขี้เรื้อนเปื้อน
เลี้ยงมันไว้ใยอายเพื่อนเรือน
หัวเหมือนโคตรข้างไหนให้เกิดมา ฯ
ครั้นโตขึ้นมีเพื่อนเล่นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน คือพลายแก้ว และนางพิมพิลาไล ก็ตกเป็นรองของเพื่อนทั้งสองอยู่เสมอ อย่างเช่นครั้งหนึ่ง
……………….
ข้างพลายแก้วอุตริว่า
เราเล่นเป็นผัวเมียกันเถิดรา
ขุนช้างร้องว่าข้าชอบใจ
นางพิมว่าไปอ้ายนอกคอก
รูปชั่วหัวถลอกกูหาเล่นไม่
พลายแก้วว่าเล่นเถิดเป็นไร
ให้ขุนช้างนั้นไซร้เป็นผัวพลาง ฯ
นึกว่าจะดีพอเล่นไปได้หน่อยหนึ่ง พลายแก้วเล่นเป็นชู้เข้าไปชกขุนช้าง ก็เลยเกิดการชกต่อยกันใหญ่
นางพิมด่าให้ไอ้ตายโหง
พวกอ้ายโล้งโต้งกูไม่เล่นได้
อ้ายหัวล้านขี้ถังมัน
แล้วพาฝูงข้าไทไปเรือนพลัน ฯ
นางพิมก็เลิกเล่นพาบ่าวไพร่กลับไปบ้าน เจ้าช้างก็เลยเจ็บตัวฟรี
อยู่มาพอลูกช้างเจริญวัยขึ้น ขุนศรีวิชัยพ่อของขุนช้าง ก็พาไปถวายตัวกับ พระพันวษา เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพ่อลูก ก็ทรงมีรับสั่งว่า
ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนศรีวิชัย
นั่นพาลูกใครเข้ามาหวา
ดูหัวหูน่าสมเพชเวทนา
เป็นเชื้อวงศ์พงศาของผู้ใด
ฤๅลูกหลานหว่านเครือของเอง
หัวล้านโจงเหม่งไม่เอาส่ำได้
จะเอามาให้กูหรือว่าไร
มีธูปเทียนดอกไม้ใส่พานมา ฯ
ขุนศรีวิชัยก็กราบทูลว่า เป็นบุตรชายของตนเอง ขอทูลเกล้าถวายไว้เป็นทหาร พระพันวษาก็ตรัสว่า เดี๋ยวนี้มันยังเด็กเล็กอยู่ รอไว้ให้โตกว่านี้จึงให้เข้ามารับราชการ แล้วก็พระราชทานเสื้อผ้าให้เป็นรางวัล
อยู่มาจนขุนช้างโตเป็นวัยรุ่น ก็มีนายโจรใหญ่ชื่อจันศร ยกพวกเข้าปล้นบ้านขุนศรีวิชัย ซึ่งเป็นเศรษฐีใหญ่ในเมืองสุพรรณ ตัวขุนศรีวิชัยโดดลงจากเรือนไป ทิ้งลูกเมียไว้ให้โจรจับเอาไปขู่เข็ญให้บอกที่ซ่อนทรัพย์
พวกโจรสับสนอยู่กล่นเกลื่อน ตีฝาเคาะเรือนทุบโอ่งไห
โห่ฉาวกราวเกรียวเที่ยวค้นไป ครั้นจับได้แม่ลูกให้ผูกคอ
เทพทองร้องขอชีวิตฉัน ขุนช้างกลัวตัวสั่นตาปอหลอ
ขุนช้าง(๑) ๑๔มี.ค.๖๑
ขุนช้างล้านเศรษฐีมีแต่ทุกข์
ตอนที่ ๑ ตั้งใจคิดเอาว่าเจ้าพิม
ฑ.มณฑา
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ขุนช้าง ซึ่งเป็นตัวเอกในวรรณคดีเรื่องเยี่ยมของไทย สมัยกรุง รัตนโกสินทร์นั้น มีชื่อขึ้นก่อนแต่กลับกลายเป็นผู้ร้าย ส่วนขุนแผนกลับเป็นพระเอก ขุนช้างเป็นตัวตัวละครที่แสนจะอาภัพไปทุกอย่างทุกประการ ด้วยความจงใจของผู้แต่ง ที่แกล้งจะให้เขาได้รับแต่ความผิดหวังอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งต้องเสียนางวันทองไปอย่างไม่มีวันกลับ ก็ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดสงสารเขาเลย มีแต่สมน้ำหน้า
ลองหวนกลับไปดูอดีต ตั้งแต่เขาเริ่มเกิด มารดาของเขานั้น เมื่อเห็นหน้าลูกชายแรกคลอดออกมา ก็อุทานว่า
นางเทพทองเหลียวหน้าคว้าลูกชาย
พลิกคว่ำพลิกหงายอยู่ตัวสั่น
ทุดลูกบัดสีเหมือนผีปั้น
หัวล้านในครรภ์ดังวงเดือน
เสียแรงอุ้มท้องประคองมา
ชกโคตรแม่อ้ายหมาขี้เรื้อนเปื้อน
เลี้ยงมันไว้ใยอายเพื่อนเรือน
หัวเหมือนโคตรข้างไหนให้เกิดมา ฯ
ครั้นโตขึ้นมีเพื่อนเล่นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน คือพลายแก้ว และนางพิมพิลาไล ก็ตกเป็นรองของเพื่อนทั้งสองอยู่เสมอ อย่างเช่นครั้งหนึ่ง
……………….
ข้างพลายแก้วอุตริว่า
เราเล่นเป็นผัวเมียกันเถิดรา
ขุนช้างร้องว่าข้าชอบใจ
นางพิมว่าไปอ้ายนอกคอก
รูปชั่วหัวถลอกกูหาเล่นไม่
พลายแก้วว่าเล่นเถิดเป็นไร
ให้ขุนช้างนั้นไซร้เป็นผัวพลาง ฯ
นึกว่าจะดีพอเล่นไปได้หน่อยหนึ่ง พลายแก้วเล่นเป็นชู้เข้าไปชกขุนช้าง ก็เลยเกิดการชกต่อยกันใหญ่
นางพิมด่าให้ไอ้ตายโหง
พวกอ้ายโล้งโต้งกูไม่เล่นได้
อ้ายหัวล้านขี้ถังมัน
แล้วพาฝูงข้าไทไปเรือนพลัน ฯ
นางพิมก็เลิกเล่นพาบ่าวไพร่กลับไปบ้าน เจ้าช้างก็เลยเจ็บตัวฟรี
อยู่มาพอลูกช้างเจริญวัยขึ้น ขุนศรีวิชัยพ่อของขุนช้าง ก็พาไปถวายตัวกับ พระพันวษา เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพ่อลูก ก็ทรงมีรับสั่งว่า
ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนศรีวิชัย
นั่นพาลูกใครเข้ามาหวา
ดูหัวหูน่าสมเพชเวทนา
เป็นเชื้อวงศ์พงศาของผู้ใด
ฤๅลูกหลานหว่านเครือของเอง
หัวล้านโจงเหม่งไม่เอาส่ำได้
จะเอามาให้กูหรือว่าไร
มีธูปเทียนดอกไม้ใส่พานมา ฯ
ขุนศรีวิชัยก็กราบทูลว่า เป็นบุตรชายของตนเอง ขอทูลเกล้าถวายไว้เป็นทหาร พระพันวษาก็ตรัสว่า เดี๋ยวนี้มันยังเด็กเล็กอยู่ รอไว้ให้โตกว่านี้จึงให้เข้ามารับราชการ แล้วก็พระราชทานเสื้อผ้าให้เป็นรางวัล
อยู่มาจนขุนช้างโตเป็นวัยรุ่น ก็มีนายโจรใหญ่ชื่อจันศร ยกพวกเข้าปล้นบ้านขุนศรีวิชัย ซึ่งเป็นเศรษฐีใหญ่ในเมืองสุพรรณ ตัวขุนศรีวิชัยโดดลงจากเรือนไป ทิ้งลูกเมียไว้ให้โจรจับเอาไปขู่เข็ญให้บอกที่ซ่อนทรัพย์
พวกโจรสับสนอยู่กล่นเกลื่อน ตีฝาเคาะเรือนทุบโอ่งไห
โห่ฉาวกราวเกรียวเที่ยวค้นไป ครั้นจับได้แม่ลูกให้ผูกคอ
เทพทองร้องขอชีวิตฉัน ขุนช้างกลัวตัวสั่นตาปอหลอ
ยั่นกูอีเฒ่าเอาให้พอ เทพทองร้องขอแต่โทษตัว
พวกขโมยจูงมาที่กลางบ้าน อ้ายหัวล้านนี้ฤๅคือเจ้าผัว
เทพทองร้องว่านี่ลูกตัว ผัวกลัวเขาทิ้งวิ่งหนีไป
อ้ายขโมยเอาไฟเข้าลนก้น จะทนหรือจะบอกออกความให้
เงินทองข้าวของไว้ที่ใด มัดแขนแอ่นไพล่อย่าปิดกู
เทพทองร้องว่าข้าจนใจ ขโมยเอาดินใส่ระเบิดหู
ขุนช้างกราบกรานวานเอ็นดู ขอโทษแม่ตูจงงดไว้
เงินทองของดีมีห้าพัน อยู่ในกำปั่นจะบอกให้
อ้ายขโมยโห่มี่มันดีใจ ผ่ากำปั่นใบใหญ่ขนออกมา ฯ
เมื่อได้ทรัพย์สินเงินทองแล้ว พวกโจรก็ยกขบวนเดินทางกลับ โดยผูกคอแม่ลูกลากไปในขบวนเป็นตัวประกัน แต่ขุนศรีวิชัยที่หนีไปนั้น ได้ชวนชาวบ้านมาเป็นพวกได้ร่วมสองร้อย คอยดักซุ่มอยู่ตามทางที่พวกโจรจะผ่าน พอมาถึงก็จู่โจมเข้าตีพวกโจรโดยไม่ทันให้รู้ตัว เกิดการสู้รบกันอลหม่าน ขุนศรีวิชัยนั้นก็มีฝีมืออยู่พอตัว ทั้งคงกระพันฟันแทงก็ไม่เข้า เข้าสู้กับจันศรนายโจรอยู่หลายท่า แต่สุดท้ายถูกพวกโจรกลุ้มรุมเข้าจับตัวไว้ได้
พวกขโมยพร้อมล้อมจับตัว เอาดาบสับหัวหาเข้าไม่
ผูกคอแทงผึงตึงตึงไป ดังว่าแทงขอนไม้ไม่เข้ามัน
เอาดาบฟันผ่าลงบ่าฉับ เยินยับหักร้นไปจนกั่น
ขโมยว่าอ้ายนี่มันดีครัน หอกดาบหักสบั้นยับเยินไป ฯ
ลงท้ายพวกโจรก็จับขุนศรีวิชัยมัดเหมือนหมู แล้วเอาหลาวแทงเข้าทางรูทวาร จึงขาดใจตายไปอย่างน่าเอน็จอนาถ ขุนช้างกับมารดาหนีรอดไปได้ ขุนช้างจึงเป็นกำพร้าบิดาตั้งแต่นั้นมา
อยู่มาอีกนานจนเป็นหนุ่ม ขุนช้างก็อยากจะมีเมียเป็นธรรมดาของคนมีทรัพย์ จึงไปสู่ขอบุตรสาวของหมื่นแผ้ว อยู่บ้านรั้วใหญ่
จะกล่าวถึงขุนช้างเมื่อรุ่นหนุ่ม หัวเหมือนนกตะกรุมล้านหนักหนา
เคราคางขนอกรกกายา หน้าตาดังลิงค่างที่กลางไพร
ไปสนิทติดพันเจ้าแก่นแก้ว ลูกตาหมื่นแผ้วบ้านรั้วใหญ่
สู่ขอพ่อแม่ก็ปลงใจ ขุนช้างจึงได้เป็นภรรยา
มาอยู่กับเรือนเป็นเพื่อนนอน ร่วมเรียงเคียงหมอนได้ปีกว่า
ล้มเจ็บจับไข้หลายเวลา แล้วกลายมาเป็นริดสีดวง ฯ
ขุนช้างก็เป็นทุกข์ร้อน หาทางรักษาเท่าไรก็ไม่หาย แม้จะมีเงินทองมากมาย ก็ไม่สามารถซื้อชีวิตภรรยาไว้ได้
อยู่มาแก่นแก้วก็ดับจิต สิ้นชีวิตขุนช้างนั่งร้องไห้
ปลงศพเผาผีอึงมี่ไป ทำบุญส่งให้เนืองเนืองมา ฯ
อยู่มาจนถึงปีระกาเดือนสิบเป็นวันพระ ที่วัดป่าเลไลยวัดใหญ่ในสุพรรณบุรี มีเทศน์มหาชาติทั้งสิบสามกัณฑ์ ขุนช้างก็รับเป็นเจ้าภาพกัณฑ์กุมาร ในงานนี้ขุนช้างก็ได้พบเห็นนางพิมเพื่อนเล่นเมื่อยังเยาว์ ซึ่งเป็นเจ้าภาพกัณฑ์มัทรี และเจ้าพลายแก้วซึ่งบวชเป็นเณรมาเทศน์กัณฑ์มัทรีแทนสมภาร ขุนช้างนั้นหลงรักนางพิมตั้งแต่แรกเห็น แต่ความที่ตัวรูปชั่วหัวล้าน นางก็เลยไม่สนใจ มัวไปสบตากับเณรแก้วเสีย ขุนช้างก็กลับมาละเมอเพ้อพกอยู่ที่บ้าน
ครานั้นจึงโฉมเจ้าขุนช้าง คะนึงนางนิทราหาหลับไม่
พลิกคว่ำคร่ำครวญรัญจวนใจ โอ้แม่พิมพิลาไลยของขุนช้าง
ฟังเสียงเกลี้ยงกลมเมื่อเจ้าว่า วาจาแจ้วเจื้อยแจ่มกระจ่าง
อรชรอ้อนแอ้นบั้นเอวบาง หมื่นนางก็ไม่มีเหมือนนางเดียว
เจ้าห่มสีทับทิมริมขลิบทอง สอดสองซับในสไบเขียว
แขนอ่อนท่อนท้ายแม่พริ้งเพรียว งามตาเมื่อเจ้าเหลียวชำเลืองมา ฯ
ตั้งแต่นั้นมาขุนช้างก็เฝ้าแต่คิดถึงนางพิม ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่กินข้าวกินปลามีอาการเผลอเรอใจลอย ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตอนนี้ท่านบรรยายไว้ยาวมาก แต่เพื่อที่จะให้เห็นว่าอาการกำเริบรักของขุนช้างนั้น น่าสมเพชเพียงใด จึงขอคัดเอามาดังนี้
จะกล่าวถึงเจ้าจอมหม่อมขุนช้าง ความสมัครรักนางให้ป่วนปั่น
แต่เวียนคิดถึงพิมนิ่มนวลจันทร์ ตั้งแต่วันฟังเทศน์ไม่บันเทา
เช้าเย็นเป็นทุกข์ทุกเวลา ไม่เห็นหน้าพิมน้อยก็สร้อยเศร้า
นอนหลับกลับเพ้อละเมอเมา จนล่วงเข้าปลายเดือนไม่เคลื่อนคลา
ให้รุ่มร้อนนอนนั่งไม่เป็นสุข หลับแล้วรื้อลุกขึ้นมืดหน้า
กอดหมอนนอนซึมไม่ลืมตา ข้าวปลาไม่นึกจะอยากกิน
อดเปรี้ยวอดหวานไม่พานไส้ อกใจตึกตึกนึกถวิล
ใครพูดจาว่าไรไม่ได้ยิน มัวถวิลถึงเจ้าพิมพิลาไลย ฯ
ในกระบวนบ่าวของขุนช้างนั้น มีอยู่คนหนึ่งที่เป็นห่วงเป็นใยเจ้านายอย่างยิ่ง ชื่อนางกริม คอยติดตามดูแลอาการอยู่อย่างใกล้ชิด คอยฟังเสียงเรียกว่านายจะใช้สอยสิ่งใด จะได้จัดหาให้ทันตามความต้องการ วันหนึ่งตอนรุ่งสางนางกำลังยืนอยู่ที่ตีนบันได ได้ยินเสียงเจ้านายเรียกแว่วอยู่ในมุ้ง ก็ร้องขานแล้วรีบขึ้นมาเรือนมาทันที
เจ้าขุนช้างดีใจได้ยินขาน เสียงหวานจับใจเป็นหนักหนา
จัดแจงแต่งตัวยังมัวตา อีกริมคลานเข้ามาจนข้างมุ้ง
ขุนช้างกอดคอหัวร่อร่า แม่เอ๋ยทำไมมาจนจวนรุ่ง
กอดจูบลูบท้องประคองพุง จะสะดุ้งกระเดื่องดิ้นไปทำไม
อีกริมดีใจว่านายรัก หาพลิกผลักพูดจาอย่างไรไม่
พลอยพริ้งนิ่งแน่ให้ตามใจ ขุนช้างโลมไล้อยู่ไปมา
ฟอนเฟ้นเน้นนมชมสำราญ เห็นย้อยยานยื่นยาวเป็นหนักหนา
ผิดพิมนิ่มน้องที่ต้องตา ยุดถามใครหวามาแปลกปลอม
อีกริมฟังนายสบายยิ้ม ฉันเองอีกริมเจ้าค่ะหม่อม
เรียกฉันเข้ามาแล้วว่าปลอม ครั้นมิยอมกลัวหม่อมพาโลตี ฯ
ความจริงจึงเปิดเผยออกมาว่า ขุนช้างนั้นนอนละเมอเรียกชื่อนางพิม แต่บ่าวฟังเป็นกริม เลยนึกว่าเรียกตน ด้วยความจงรักภักดี ไม่อยากให้นายผิดหวัง จึงเสนอตัวเข้าไปถึงในมุ้ง ครั้นจับได้ว่าอะไร ๆ ก็ไม่เหมือนนางพิม การณ์ก็ได้เลยไปไกลเสียแล้ว
ขุนช้างนิ่งอึ้งไม่เจรจา มันขะเรอเก้อขะรากระไรนี่
เรียกพิมได้อีกริมมาทันที มันก็ดีครันครันถลันมา
กูเรียกพิมอีกริมรับขาน กำลังพล่านกูไม่ทันได้ดูหน้า
ก็มีดอยู่ในเรือนเหมือนกับพร้า เลยไขว่คว้าเคล้าคลึงจนถึงใจ ฯ
ขุนช้างก็คงจะคิดเหมือนพระอภัยมณี เมื่อตอนที่ถูกนางผีเสื้อยักษ์ ลักพาลงไปอยู่ในถ้ำที่ท่านว่า การโลกีย์ดีชั่วย่อมมัวเมา เหมือนอดข้าวกินมันกันเสบียง หรืออย่างที่เถ้าแก่พูดกับน้องเมียว่า ลื้อก็กิงข้าวของอั๊วเหมืองกัน แต่ขุนช้างคิดว่าเป็นพร้าในเรือนจะหยิบมาใช้เมื่อไรก็ได้ เลยเกิดเป็นเรื่อง
อัศจรรย์ลั่นเลื่อนในคงคา เภตราระลอกกระฉอกไหว
ฟูมฝั่งกระทั่งฝาซ่าเซ็นไป ไหลเหลิงดาดฟ้าลงมาริม
ขุนช้างเพลิดเพลินเจริญใจ หยอกเย้าเคล้าไปกระหยิ่มกริ่ม
ตั้งใจคิดเอาว่าเจ้าพิม นอนยิ้มอยู่ในมุ้งจนรุ่งราง ฯ
ดูเอาเถิดความอาภัพของขุนช้าง แม้แต่ความรัก ก็ต้องคิดฝันเอาเอง โดยที่สาวเจ้าไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรด้วยเลย ความผิดหวังของเขาที่ได้รับจากหญิงที่เขารัก มิได้มีอยู่เพียงแค่นี้ แต่มีอยู่ตลอดชีวิตเลยทีเดียว แม้เขาจะพยายามแข่งแย่งชิงดีกับขุนแผน เพื่อให้ได้นางวันทองมาครอบครองชนิดไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ก็ตาม แต่สุดท้ายก็ต้องสูญเสียหญิงที่รักไปจนได้
ด้วยความชอกช้ำจนสุดที่จะประมาณ
#########
คุ้ยวรรณคดี
ขุนช้างล้านเศรษฐีมีแต่ทุกข์
ตอนที่ ๑ ตั้งใจคิดเอาว่าเจ้าพิม
ฑ.มณฑา
เป็นเรื่องน่าแปลกที่ขุนช้าง ซึ่งเป็นตัวเอกในวรรณคดีเรื่องเยี่ยมของไทย สมัยกรุง รัตนโกสินทร์นั้น มีชื่อขึ้นก่อนแต่กลับกลายเป็นผู้ร้าย ส่วนขุนแผนกลับเป็นพระเอก ขุนช้างเป็นตัวตัวละครที่แสนจะอาภัพไปทุกอย่างทุกประการ ด้วยความจงใจของผู้แต่ง ที่แกล้งจะให้เขาได้รับแต่ความผิดหวังอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งต้องเสียนางวันทองไปอย่างไม่มีวันกลับ ก็ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดสงสารเขาเลย มีแต่สมน้ำหน้า
ลองหวนกลับไปดูอดีต ตั้งแต่เขาเริ่มเกิด มารดาของเขานั้น เมื่อเห็นหน้าลูกชายแรกคลอดออกมา ก็อุทานว่า
นางเทพทองเหลียวหน้าคว้าลูกชาย
พลิกคว่ำพลิกหงายอยู่ตัวสั่น
ทุดลูกบัดสีเหมือนผีปั้น
หัวล้านในครรภ์ดังวงเดือน
เสียแรงอุ้มท้องประคองมา
ชกโคตรแม่อ้ายหมาขี้เรื้อนเปื้อน
เลี้ยงมันไว้ใยอายเพื่อนเรือน
หัวเหมือนโคตรข้างไหนให้เกิดมา ฯ
ครั้นโตขึ้นมีเพื่อนเล่นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน คือพลายแก้ว และนางพิมพิลาไล ก็ตกเป็นรองของเพื่อนทั้งสองอยู่เสมอ อย่างเช่นครั้งหนึ่ง
……………….
ข้างพลายแก้วอุตริว่า
เราเล่นเป็นผัวเมียกันเถิดรา
ขุนช้างร้องว่าข้าชอบใจ
นางพิมว่าไปอ้ายนอกคอก
รูปชั่วหัวถลอกกูหาเล่นไม่
พลายแก้วว่าเล่นเถิดเป็นไร
ให้ขุนช้างนั้นไซร้เป็นผัวพลาง ฯ
นึกว่าจะดีพอเล่นไปได้หน่อยหนึ่ง พลายแก้วเล่นเป็นชู้เข้าไปชกขุนช้าง ก็เลยเกิดการชกต่อยกันใหญ่
นางพิมด่าให้ไอ้ตายโหง
พวกอ้ายโล้งโต้งกูไม่เล่นได้
อ้ายหัวล้านขี้ถังมัน
แล้วพาฝูงข้าไทไปเรือนพลัน ฯ
นางพิมก็เลิกเล่นพาบ่าวไพร่กลับไปบ้าน เจ้าช้างก็เลยเจ็บตัวฟรี
อยู่มาพอลูกช้างเจริญวัยขึ้น ขุนศรีวิชัยพ่อของขุนช้าง ก็พาไปถวายตัวกับ พระพันวษา เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพ่อลูก ก็ทรงมีรับสั่งว่า
ฮ้าเฮ้ยอ้ายขุนศรีวิชัย
นั่นพาลูกใครเข้ามาหวา
ดูหัวหูน่าสมเพชเวทนา
เป็นเชื้อวงศ์พงศาของผู้ใด
ฤๅลูกหลานหว่านเครือของเอง
หัวล้านโจงเหม่งไม่เอาส่ำได้
จะเอามาให้กูหรือว่าไร
มีธูปเทียนดอกไม้ใส่พานมา ฯ
ขุนศรีวิชัยก็กราบทูลว่า เป็นบุตรชายของตนเอง ขอทูลเกล้าถวายไว้เป็นทหาร พระพันวษาก็ตรัสว่า เดี๋ยวนี้มันยังเด็กเล็กอยู่ รอไว้ให้โตกว่านี้จึงให้เข้ามารับราชการ แล้วก็พระราชทานเสื้อผ้าให้เป็นรางวัล
อยู่มาจนขุนช้างโตเป็นวัยรุ่น ก็มีนายโจรใหญ่ชื่อจันศร ยกพวกเข้าปล้นบ้านขุนศรีวิชัย ซึ่งเป็นเศรษฐีใหญ่ในเมืองสุพรรณ ตัวขุนศรีวิชัยโดดลงจากเรือนไป ทิ้งลูกเมียไว้ให้โจรจับเอาไปขู่เข็ญให้บอกที่ซ่อนทรัพย์
พวกโจรสับสนอยู่กล่นเกลื่อน ตีฝาเคาะเรือนทุบโอ่งไห
โห่ฉาวกราวเกรียวเที่ยวค้นไป ครั้นจับได้แม่ลูกให้ผูกคอ
เทพทองร้องขอชีวิตฉัน ขุนช้างกลัวตัวสั่นตาปอหลอ