รมว.พม.เป็นประธานวางศิลาฤกษ์สร้างบ้านชุมชนริมคลองอีก 280 หลัง

รมว.พม. เป็นประธานวางศิลาฤกษ์สร้างบ้านชุมชนริมคลองอีก 280 หลัง รองรับชาวบ้าน 7 ชุมชน ใช้งบ 134 ล้านบาท เผยยอดสร้างบ้านริมคลองเสร็จแล้ว 1,158 หลัง

    
พลเอกอนันตพร  กาญจนรัตน์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และคณะ  พร้อมด้วยนายสมชาติ  ภาระสุวรรณ  ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)  และนางรัตนธร  รัตนสกุล  ผู้อำนวยการเขตสายไหม  ได้เดินทางมาที่สถานที่ก่อสร้างบ้านมั่นคง  ซอยพหลโยธิน  54/1 เขตสายไหม  เพื่อเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างบ้านมั่นคงของสหกรณ์เคหสถานบ้านมั่นคงเลียบคลองสองสามัคคี  จำกัด  โดยมีตัวแทนหน่วนงานที่เกี่ยวข้องและชาวชุมชนริมคลองเข้าร่วมงานประมาณ 300 คน  หลังจากนั้นพลเอก อนันตพรและคณะได้ลงเรือสำรวจชุมชนริมคลองสอง (คลองลาดพร้าว) เขตสายไหม  และเยี่ยมเยียนชาวชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ

   
     
พลเอกอนันตพร  กาญจนรัตน์  รมว.พม. กล่าวว่า  รัฐบาลพลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  มีนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญหลายด้าน  ซึ่งนโยบายการบริหารจัดการสิ่งรุกล้ำลำคลองก็เป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญ  เพราะปัจจุบันมีการปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลงไปในคลองจำนวนมาก  โดยเฉพาะในคลองลาดพร้าวที่เป็นคลองระบายน้ำที่สำคัญในเขตกรุงเทพฯ  ทำให้เกิดปัญหาน้ำในคลองระบายไม่ทัน  ทำให้น้ำท่วมกรุงเทพฯ  รัฐบาลจึงมีนโยบายให้กรุงเทพมหานครสร้างเขื่อนคอนกรีตเพื่อระบายน้ำ  และให้มีการรื้อย้ายบ้านเรือนที่ปลูกสร้างอยู่ในลำคลองและบนที่ดินริมคลองของราชพัสดุออกไป   โดยให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนจัดทำโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
“รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวก่อสร้างเขื่อน  จึงให้ พอช.จัดทำโครงการที่อยู่อาศัยรองรับ  หากชุมชนใดอยู่อาศัยในที่ดินเดิมได้  ก็จะต้องรื้อย้ายเพื่อสร้างบ้านใหม่  โดยเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์  เปลี่ยนสถานะจากผู้บุกรุก  เป็นผู้เช่าที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  เช่นที่ชุมชนศาลเจ้าพ่อสมบุญ  ส่วนชุมชนใดที่มีพื้นที่ไม่เพียงพอก็จะรวมตัวกันจัดหาที่ดินแปลงใหม่เพื่อปลูกสร้างบ้านใหม่  เช่นที่ชุมชนเลียบคลองสองสามัคคีที่กำลังสร้างบ้านอยู่ในขณะนี้  โดย พอช.จะสนับสนุนสินเชื่อและให้งบประมาณสนับสนุน  ทำให้พี่น้องชาวชุมชนริมคลองมีบ้านใหม่ที่มั่นคง  สวยงาม  มีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าเดิม  ซึ่งเมื่อสร้างบ้านใหม่เสร็จแล้ว  กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ก็จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนเรื่องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนต่อไป”  พลเอกอนันตพรกล่าว



    นายสมชาติ  ภาระสุวรรณ  ผู้อำนวยการ พอช. กล่าวว่า  พอช. เริ่มดำเนินโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยคลองลาดพร้าวในปี 2558  ในรูปแบบให้ชุมชนมีส่วนร่วม  เช่น  ร่วมออกแบบบ้านตามความต้องการ   จัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อเป็นทุนในการสร้างบ้าน   จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมารับผิดชอบและบริหารงาน  เช่น  มีกรรมการฝ่ายบัญชี/การเงิน   กรรมการตรวจสอบ  กรรมการสืบราคา  ตรวจสอบงวดงานก่อสร้าง  ฯลฯ  
ส่วนรูปแบบการสร้างบ้านจะมี  2 แบบ  คือ 1.หากเป็นพื้นที่ที่ชุมชนสามารถอยู่อาศัยในชุมชนเดิมได้  จะต้องทำสัญญาเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์  ช่วงแรก  30 ปี  (อัตราตารางวาละ  1.50-2.00 บาท/เดือน)  หลังจากรื้อย้ายบ้านพ้นจากแนวคลองและแนวก่อสร้างเขื่อนแล้ว  จะมีการปรับผังชุมชนใหม่  โดยแบ่งที่ดินก่อสร้างบ้านให้ทุกครอบครัวเท่ากัน  เพื่อให้ทุกครอบครัวสามารถอาศัยอยู่ในที่ดินเดิมได้  ขนาดบ้านส่วนใหญ่เป็นบ้านแถว 2 ชั้น   ขนาด  4X6  และ  4X7 ตารางเมตร  ราคาค่าก่อสร้างบ้านประมาณหลังละ  250,000—350,000 บาท   ระยะเวลาก่อสร้างบ้านประมาณ 8 เดือน  
2.หากอาศัยอยู่ในชุมชนเดิมไม่ได้  ชาวชุมชนอาจรวมตัวกันไปหาที่ดินใหม่  (ซื้อที่ดินจากเอกชนในราคาที่ชุมชนสามารถรับภาระได้)  แล้วก่อสร้างบ้านใหม่  เช่น  ชุมชนเลียบคลองสองโซน 1,  ชุมชนเลียบคลองสองโซน 2,  ชุมชนเลียบคลองสองโซน 3  ซึ่งซื้อที่ดินและขณะนี้กำลังก่อสร้างบ้านใหม่ในเขตสายไหม  (ขนาดบ้านประมาณ 4X8  ตารางเมตร  โดย พอช.สนับสนุนสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินและก่อสร้างบ้านใหม่  ผ่อนชำระเดือนละประมาณ 2,500-2,800 บาท)
ทั้งสองกรณี  พอช.จะสนับสนุนงบประมาณตามโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง  โดยแยกเป็น  1.งบพัฒนาระบบสาธารณูปโภค  ครัวเรือนละ 50,000   บาท  2.อุดหนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย (สมทบปลูกสร้างบ้าน,ซื้อที่ดิน) ครัวเรือนละ 25,000 บาท  3.งบช่วยเหลือแบ่งเบาผู้ได้รับผลกระทบ (ค่าที่พักชั่วคราว,ลดภาระหนี้สินในการกู้เงินสร้างบ้าน ฯลฯ) ครัวเรือนละ 72,000 บาท  4.งบบริหารจัดการ  ชุมชนละ 50,000-500,000 บาท  5.งบสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย  ครัวเรือนหนึ่งไม่เกิน 330,000-360,000   บาท  ชำระคืนภายใน 20 ปี  อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4   บาทต่อปี

   สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วม  รายงานข่าวจากกรุงเทพมหานครระบุว่า  ขณะนี้บริษัทริเวอร์  เอนจิเนียริ่ง  จำกัด  บริษัทรับเหมาตอกเสาเข็มเพื่อก่อสร้างเขื่อนไปแล้วประมาณ 18,123  ต้น  จากเป้าหมายทั้งหมด  60,000 ต้น  หรือคิดเป็นเนื้องานประมาณ 30.21 %  ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่าแผนงานมาก  ดังนั้น กทม.จึงเร่งให้บริษัทรับเหมาตอกเสาเข็มเพิ่มอีก 5,000 ต้นภายในเดือนเมษายนนี้
ทั้งนี้การก่อสร้างเขื่อนคอนกรีต ค.ส.ล.และประตูระบายน้ำในคลองลาดพร้าว (คลองบางบัว-คลองถนน-คลองสอง) และคลองบางซื่อ  จะเริ่มจากบริเวณอุโมงค์เขื่อนพระราม 9  เขตวังทองหลาง  ไปยังประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ เขตสายไหม  เพื่อระบายน้ำลงสู่อุโมงค์คลองบางซื่อ  อุโมงค์เขื่อนพระราม  9  ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา  และลงสู่ทะเลต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่