นายกฯ เป็นประธานพิธียกเสาเอกบ้านมั่นคงชุมชนริมคลองเปรมฯ “คืนบ้านใหม่ให้พี่น้อง คืนสายคลองให้ส่วนรวม”
คลองเปรมประชากร / พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธียกเสาเอกสร้าง ‘บ้านมั่นคง’ ชุมชนประชาร่วมใจ 2 ริมคลองเปรมประชากรเป็นชุมชนแรก จากทั้งหมด 32 ชุมชนในเขตกรุงเทพฯ และ 6 หมู่บ้านในเขตจ.ปทุมธานี รวมทั้งหมด 6,386 ครัวเรือน เพื่อรื้อย้าย-สร้างบ้านใหม่ เปิดพื้นที่ให้ กทม.สร้างเขื่อนระบายน้ำคลองเปรมฯ ความยาว 27 กิโลเมตรเศษ เผยแผนพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งระบบ ดำเนินการในปี 2562-2570 เพื่อป้องกันน้ำท่วม บำบัดน้ำเสีย เชื่อมโครงข่ายคมนาคม เพิ่มพื้นที่สีเขียว และพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชนริมคลอง ใช้งบเกือบ 18,000 ล้านบาท
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากรเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 ซึ่งตามแผนงานหลักจะมีการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในคลองเปรมฯ และเพื่อป้องกันน้ำท่วม ขณะที่ประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำคลองและอยู่อาศัยในที่ดินราชพัสดุจะต้องรื้อย้ายบ้านออกจากแนวคลองและแนวก่อสร้างเขื่อนเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่ รวมทั้งหมด 32 ชุมชนในเขตกรุงเทพฯ และ 6 หมู่บ้านในเขต จ.ปทุมธานี รวมทั้งหมด 6,386 ครัวเรือน โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดทำแผนงานรองรับด้านที่อยู่อาศัย เริ่มดำเนินการที่ชุมชนประชาร่วมใจ 2 เขตจตุจักรเป็นชุมชนแรก
นายกฯ ลงเสาเอกสร้างบ้านมั่นคงชุมชนประชาร่วมใจ 2
โดยในวันนี้ (13 มกราคม) เวลา 14.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานในงาน “คืนบ้านใหม่ให้พี่น้อง คืนสายคลองให้ส่วนรวม” และเป็นประธานพิธียกเสาเอกสร้างบ้านมั่นคงหลังแรกให้แก่ชาวชุมชนประชาร่วมใจ 2 ที่รื้อย้ายบ้านเพื่อสร้างบ้านใหม่ รวมทั้งหมด 210 ครอบครัว โดยมีพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. นายไมตรี อินทุสุต ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวชุมชนริมคลองประมาณ 500 คนให้การต้อนรับ
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า คลองเปรมประชากรเป็นลำคลองสายหลัก 1 ใน 9 คลองที่ช่วยระบายน้ำในเขตกรุงเทพฯ แต่สภาพปัจจุบันมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำคลองเป็นจำนวนมาก ทำให้การระบายน้ำในคลองไม่มีประสิทธิภาพ รัฐบาลที่ผ่านมาจึงมีนโยบายแก้ไขปัญหาการรุกล้ำลำคลอง โดยเริ่มดำเนินการในคลองลาดพร้าวเป็นแห่งแรกในปี 2559 ส่วนคลองเปรมประชากรคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากรเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 โดยจะมีการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำคอนกรีต ระยะทางทั้งสองฝั่ง 27.20 กิโลเมตร ดำเนินการโดยกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้ก่อสร้างเขื่อนฯ ช่วงแรกในเขตดอนเมือง ระยะทาง 580 เมตรเสร็จแล้ว
“ส่วนการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชนริมคลองเปรมฯ โดยเฉพาะด้านที่อยู่อาศัย จะเปลี่ยนจากผู้ที่เคยรุกล้ำคลองมาเป็นผู้อยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยกรมธนารักษ์จะให้เช่าที่ดินในระยะยาว หน่วยงานต่างๆ ร่วมสนับสนุน เช่น กรมส่งเสริมสหกรณ์ช่วยชุมชนจัดตั้งสหกรณ์เพื่อเป็นกลไกในการบริหารจัดการโครงการ การประปา การไฟฟ้า สนับสนุนสาธารณูปโภค สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยให้ชุมชนบริหารจัดการ เมื่อก่อสร้างบ้านแล้วเสร็จ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ จะสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป” รมว.พม.กล่าว
ทั้งนี้พื้นที่ริมคลองเปรมประชากรในเขตกรุงเทพฯ มีชุมชนปลูกสร้างบ้านเรือนทั้งหมด 32 ชุมชน อยู่ในเขตจุตจักร หลักสี่ และดอนเมือง ส่วนอีก 6 หมู่บ้าน อยู่ในตำบลหลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี รวมทั้งหมด 3,683 ครัวเรือน โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ จะสนับสนุนงบประมาณผ่านสหกรณ์เคหสถานที่ชุมชนจัดตั้งขึ้นครัวเรือนละ 147,000 บาท เพื่อก่อสร้างสาธารณูปโภค อุดหนุนการสร้างบ้าน และงบสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย วงเงินครัวเรือนละไม่เกิน 360,000 บาท ผ่อนชำระ 20 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% โดยคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3,514.46 ล้านบาท แยกเป็นงบสนับสนุนประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 1,215.50 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อปลูกสร้างบ้าน 2,298.96 ล้านบาท เริ่มดำเนินการในปี 2563-2565
นายกฯ ย้ำให้ทุกคนช่วยกันพัฒนาคลองเพื่ออนาคตของลูกหลาน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ชุมชนประชาร่วมใจ 2 ถือเป็นชุมชนแรกในคลองเปรมประชากรที่มีการพัฒนา จากเดิมที่ชุมชนอยู่อาศัยอย่างไม่ถูกต้อง รัฐบาลก็ทำให้พี่น้องได้เช่าที่ดินอย่างถูกต้อง เป็นบ้านที่ถูกกฎหมาย โดยมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ เพื่อสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัย เพื่อให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยทุกคนภายในปี 2579 และนอกจากจะดำเนินการพัฒนาในคลองเปรมประชากรและคลองลาดพร้าวแล้ว ต่อไปก็จะพัฒนาคลองสายอื่นในกรุงเทพฯ รวมทั้งหมด 9 คลองด้วย
“โครงการนี้เป็นโครงการที่มีความสำคัญ เป็นโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะทำให้คูคลองมีความสะอาด มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยให้ทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานช่วยกันขับเคลื่อน ร่วมมือกันพัฒนา เหมือนกับคลองลาดพร้าว ทำให้บ้านน่าอยู่มีความสวยงาม ซึ่งต่อไปชุมชนจะต้องทำเรื่องท่องเที่ยว ทำเรื่องอาชีพ และเรื่องสิ่งแวดล้อม และให้ปลูกต้นไม้ มีสถานที่ให้เด็กได้พักผ่อน มีที่ค้าขาย และให้ทุกคนช่วยกันดูแลคลอง เพื่ออนาคตของลูกหลานต่อไป” พลเอกประยุทธ์กล่าวย้ำ
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ เนื้อที่ 10 ไร่เศษ และมอบใบอนุญาตก่อสร้างบ้านจำนวน 210 หลังให้แก่ผู้แทนชุมชนประชาร่วมใจ 2 ส่วนการก่อสร้างบ้านจะเริ่มสร้างบ้านเฟสแรกจำนวน 20 หลัง ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน หลังจากนั้นจะทยอยสร้างในเฟสต่อไป รวมทั้งชุมชนอื่นๆ ที่มีความพร้อมก็จะทยอยรื้อย้ายเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่ภายในปีนี้
ชุมชนประชาร่วมใจ 2 ถือเป็นชุมชนแห่งแรกในคลองเปรมประชากรที่ชาวชุมชนร่วมใจกันรื้อบ้านออกจากแนวคลองเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งระบบ โดยก่อนหน้านี้หน่วยงานต่างๆ เช่น พอช. กองทัพภาคที่ 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร กรมธนารักษ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานเขตต่างๆ และหน่วยงานในท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี ได้ร่วมกันจัดเวทีประชุมสร้างความเข้าใจกับชาวชุมชน โดยมีชุมชนที่เข้าร่วมทั้งหมด 32 ชุมชนในเขตกรุงเทพฯ และ 6 หมู่บ้านในเขต จ.ปทุมธานี รวมทั้งหมด 6,386 ครัวเรือน
ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งหมดนี้ จะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวคลองและแนวก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำ และปรับผังชุมชนเพื่อก่อสร้างบ้านและชุมชนใหม่ในที่ดินเดิม โดยชุมชนจะต้องรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์เคหสถานเพื่อให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลและร่วมกันบริหารจัดการโครงการ โดยทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุจากกรมธนารักษ์อย่างถูกต้อง เปลี่ยนสถานะจากผู้บุกรุกเป็นชุมชนที่เช่าที่ดินอย่างถูกกฎหมาย ระยะเวลาเช่าช่วงแรก 30 ปี ในอัตราค่าเช่าผ่อนปรน
ส่วนรูปแบบบ้านมีหลายขนาดเพื่อให้ชาวชุมชนได้ร่วมออกแบบและเลือกให้ตรงกับความต้องการ ส่วนใหญ่เป็นบ้านแถว เช่น บ้านแถวชั้นเดียว ขนาด 4 X 7 ตารางเมตร ราคา 290,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 1,500 บาท บ้านแถวสองชั้น ขนาด 4 X 7 ตารางเมตร ราคา 450,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 2,600 บาท บ้านแถวสองชั้น ขนาด 5 X 6 ตารางเมตร ราคา 450,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 2,600 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 20 ปี
เปิดแผนพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งระบบ
คลองเปรมประชากรมีความยาวทั้งหมด 50 กิโลเมตรเศษ เป็นคลองที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้ขุดในปี พ.ศ.2413 เพื่อเป็นคลองลัดเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าด้วยกัน เริ่มจากคลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพฯ-ปทุมธานี-พระนครศรีอยุธยา สภาพปัจจุบันคลองเปรมประชากรมีปัญหาการรุกล้ำคลองเป็นจำนวนมาก ชุมชนริมคลองส่วนใหญ่มีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด มีปัญหาขยะและน้ำเสีย สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม อีกทั้งสิ่งก่อสร้างรุกล้ำคลองเป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ
ทั้งนี้แผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากรจะใช้ระยะเวลา 9 ปี (พ.ศ.2562-2570) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ทั้งชุมชนและเมือง พัฒนาด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ โดยการออกแบบวางผังพื้นที่ริมคลองให้องค์ประกอบต่างๆ มีความสอดคล้องกัน ได้แก่ การพัฒนาที่อยู่อาศัย การเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การจัดระบบสาธารณูปโภคและผังเมือง การปรับปรุงภูมิทัศน์ การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชุมชน แผนพัฒนาจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ล้อ (รถยนต์) – ราง (รถไฟ-รถไฟฟ้า)– เรือ – ทางจักรยาน และแผนพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชุมชน ฯลฯ
โดยแยกเป็น 1. โครงสร้างพื้นฐาน ระยะเร่งด่วน ปี 2562 – 2565 จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 4,448 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมและบำบัดน้ำเสียคลองเปรมประชากรทั้งระบบ ตั้งแต่กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา
โดย กทม. จะก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำจากถนนเทศบาลสงเคราะห์–สุดเขต กทม. ระยะทาง 27.2 กิโลเมตร วงเงิน 3,443 ล้านบาท
กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากรจากคลองบ้านใหม่ – คลองรังสิตประยูรศักดิ์ วงเงิน 980 ล้านบาท (ขณะนี้อยู่ในระหว่างศึกษาและออกแบบ)
กรมชลประทานดำเนินการขุดลอกคลองเปรมประชากรในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ – คลองเชียงรากน้อย ระยะทาง 15.3 กิโลเมตร วงเงิน 16 ล้านบาท และขุดลอกคลองเปรมประชากรในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากคลองเชียงรากน้อย – สถานีสูบน้ำเปรมเหนือบางปะอิน ระยะทาง 8.1 กิโลเมตร วงเงิน 9 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นอกจากการสร้างเขื่อนระบายน้ำในคลองเปรมฯ ดังกล่าวแล้ว กรุงเทพมหานครยังมีโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองเปรมประชากร จะดำเนินการในปีงบประมาณ2562-2566 วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท เป็นการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำในพื้นที่เขตดอนเมือง เขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตจตุจักร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 109 ตารางกิโลเมตร เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ รวมถึงยังช่วยรับน้ำฝนที่ระบายในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ข้างเคียง คือ นนทบุรีและปทุมธานี และสามารถสูบน้ำกลับเพื่อเจือจางน้ำเสียในคลองเปรมประชากรได้อีกด้วย
รวมงบประมาณที่ใช้ในโครงการทั้งหมด ดังนี้ 1.การพัฒนาที่อยู่อาศัย 3,514.46 ล้านบาท 2. การสร้างเขื่อนระบายน้ำ และขุดลอกคลอง รวม 4,448 ล้านบาท และ 3.อุโมงค์ระบายน้ำ ประมาณ 10,000 ล้านบาท รวมงบประมาณทั้งหมด 17962.46 ล้านบาท
https://gnews.apps.go.th/news?news=53604
นี่แหละค่ะ ประชาชนเลือกได้จะเอานายกฯรุ่นไหน
แต่ตอนนี้ประชาชนเลือกนายกฯคนรุ่นเก่าให้ทำงาน
เพราะทำได้ดีกว่า มั่นคงเป็นจริงกว่า พวกที่พูดไปฝันไป ของคนรุ่นใหม่ที่เตะฝุ่นอยู่
เชื่อมั่นในลุงตู่ค่ะ
🎗🎗🎗มาลาริน/ผลงานลุงตู่คนรุ่นเก่า“คืนบ้านใหม่ให้พี่น้อง คืนสายคลองให้ส่วนรวม” ขณะที่คนรุ่นใหม่นาทอนวิ่งเตะฝุ่นอยู่
คลองเปรมประชากร / พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธียกเสาเอกสร้าง ‘บ้านมั่นคง’ ชุมชนประชาร่วมใจ 2 ริมคลองเปรมประชากรเป็นชุมชนแรก จากทั้งหมด 32 ชุมชนในเขตกรุงเทพฯ และ 6 หมู่บ้านในเขตจ.ปทุมธานี รวมทั้งหมด 6,386 ครัวเรือน เพื่อรื้อย้าย-สร้างบ้านใหม่ เปิดพื้นที่ให้ กทม.สร้างเขื่อนระบายน้ำคลองเปรมฯ ความยาว 27 กิโลเมตรเศษ เผยแผนพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งระบบ ดำเนินการในปี 2562-2570 เพื่อป้องกันน้ำท่วม บำบัดน้ำเสีย เชื่อมโครงข่ายคมนาคม เพิ่มพื้นที่สีเขียว และพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชนริมคลอง ใช้งบเกือบ 18,000 ล้านบาท
ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากรเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 ซึ่งตามแผนงานหลักจะมีการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในคลองเปรมฯ และเพื่อป้องกันน้ำท่วม ขณะที่ประชาชนที่ปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำลำคลองและอยู่อาศัยในที่ดินราชพัสดุจะต้องรื้อย้ายบ้านออกจากแนวคลองและแนวก่อสร้างเขื่อนเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่ รวมทั้งหมด 32 ชุมชนในเขตกรุงเทพฯ และ 6 หมู่บ้านในเขต จ.ปทุมธานี รวมทั้งหมด 6,386 ครัวเรือน โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จัดทำแผนงานรองรับด้านที่อยู่อาศัย เริ่มดำเนินการที่ชุมชนประชาร่วมใจ 2 เขตจตุจักรเป็นชุมชนแรก
นายกฯ ลงเสาเอกสร้างบ้านมั่นคงชุมชนประชาร่วมใจ 2
โดยในวันนี้ (13 มกราคม) เวลา 14.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานในงาน “คืนบ้านใหม่ให้พี่น้อง คืนสายคลองให้ส่วนรวม” และเป็นประธานพิธียกเสาเอกสร้างบ้านมั่นคงหลังแรกให้แก่ชาวชุมชนประชาร่วมใจ 2 ที่รื้อย้ายบ้านเพื่อสร้างบ้านใหม่ รวมทั้งหมด 210 ครอบครัว โดยมีพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. นายไมตรี อินทุสุต ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวชุมชนริมคลองประมาณ 500 คนให้การต้อนรับ
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า คลองเปรมประชากรเป็นลำคลองสายหลัก 1 ใน 9 คลองที่ช่วยระบายน้ำในเขตกรุงเทพฯ แต่สภาพปัจจุบันมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำคลองเป็นจำนวนมาก ทำให้การระบายน้ำในคลองไม่มีประสิทธิภาพ รัฐบาลที่ผ่านมาจึงมีนโยบายแก้ไขปัญหาการรุกล้ำลำคลอง โดยเริ่มดำเนินการในคลองลาดพร้าวเป็นแห่งแรกในปี 2559 ส่วนคลองเปรมประชากรคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากรเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 โดยจะมีการก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำคอนกรีต ระยะทางทั้งสองฝั่ง 27.20 กิโลเมตร ดำเนินการโดยกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้ก่อสร้างเขื่อนฯ ช่วงแรกในเขตดอนเมือง ระยะทาง 580 เมตรเสร็จแล้ว
“ส่วนการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวชุมชนริมคลองเปรมฯ โดยเฉพาะด้านที่อยู่อาศัย จะเปลี่ยนจากผู้ที่เคยรุกล้ำคลองมาเป็นผู้อยู่อาศัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยกรมธนารักษ์จะให้เช่าที่ดินในระยะยาว หน่วยงานต่างๆ ร่วมสนับสนุน เช่น กรมส่งเสริมสหกรณ์ช่วยชุมชนจัดตั้งสหกรณ์เพื่อเป็นกลไกในการบริหารจัดการโครงการ การประปา การไฟฟ้า สนับสนุนสาธารณูปโภค สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัย โดยให้ชุมชนบริหารจัดการ เมื่อก่อสร้างบ้านแล้วเสร็จ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ จะสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป” รมว.พม.กล่าว
ทั้งนี้พื้นที่ริมคลองเปรมประชากรในเขตกรุงเทพฯ มีชุมชนปลูกสร้างบ้านเรือนทั้งหมด 32 ชุมชน อยู่ในเขตจุตจักร หลักสี่ และดอนเมือง ส่วนอีก 6 หมู่บ้าน อยู่ในตำบลหลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี รวมทั้งหมด 3,683 ครัวเรือน โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ จะสนับสนุนงบประมาณผ่านสหกรณ์เคหสถานที่ชุมชนจัดตั้งขึ้นครัวเรือนละ 147,000 บาท เพื่อก่อสร้างสาธารณูปโภค อุดหนุนการสร้างบ้าน และงบสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย วงเงินครัวเรือนละไม่เกิน 360,000 บาท ผ่อนชำระ 20 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% โดยคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3,514.46 ล้านบาท แยกเป็นงบสนับสนุนประชาชนกลุ่มเป้าหมาย 1,215.50 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อปลูกสร้างบ้าน 2,298.96 ล้านบาท เริ่มดำเนินการในปี 2563-2565
นายกฯ ย้ำให้ทุกคนช่วยกันพัฒนาคลองเพื่ออนาคตของลูกหลาน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ชุมชนประชาร่วมใจ 2 ถือเป็นชุมชนแรกในคลองเปรมประชากรที่มีการพัฒนา จากเดิมที่ชุมชนอยู่อาศัยอย่างไม่ถูกต้อง รัฐบาลก็ทำให้พี่น้องได้เช่าที่ดินอย่างถูกต้อง เป็นบ้านที่ถูกกฎหมาย โดยมอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ เพื่อสร้างความมั่นคงในที่อยู่อาศัย เพื่อให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยทุกคนภายในปี 2579 และนอกจากจะดำเนินการพัฒนาในคลองเปรมประชากรและคลองลาดพร้าวแล้ว ต่อไปก็จะพัฒนาคลองสายอื่นในกรุงเทพฯ รวมทั้งหมด 9 คลองด้วย
“โครงการนี้เป็นโครงการที่มีความสำคัญ เป็นโครงการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะทำให้คูคลองมีความสะอาด มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยให้ทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานช่วยกันขับเคลื่อน ร่วมมือกันพัฒนา เหมือนกับคลองลาดพร้าว ทำให้บ้านน่าอยู่มีความสวยงาม ซึ่งต่อไปชุมชนจะต้องทำเรื่องท่องเที่ยว ทำเรื่องอาชีพ และเรื่องสิ่งแวดล้อม และให้ปลูกต้นไม้ มีสถานที่ให้เด็กได้พักผ่อน มีที่ค้าขาย และให้ทุกคนช่วยกันดูแลคลอง เพื่ออนาคตของลูกหลานต่อไป” พลเอกประยุทธ์กล่าวย้ำ
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ เนื้อที่ 10 ไร่เศษ และมอบใบอนุญาตก่อสร้างบ้านจำนวน 210 หลังให้แก่ผู้แทนชุมชนประชาร่วมใจ 2 ส่วนการก่อสร้างบ้านจะเริ่มสร้างบ้านเฟสแรกจำนวน 20 หลัง ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน หลังจากนั้นจะทยอยสร้างในเฟสต่อไป รวมทั้งชุมชนอื่นๆ ที่มีความพร้อมก็จะทยอยรื้อย้ายเพื่อก่อสร้างบ้านใหม่ภายในปีนี้
ชุมชนประชาร่วมใจ 2 ถือเป็นชุมชนแห่งแรกในคลองเปรมประชากรที่ชาวชุมชนร่วมใจกันรื้อบ้านออกจากแนวคลองเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งระบบ โดยก่อนหน้านี้หน่วยงานต่างๆ เช่น พอช. กองทัพภาคที่ 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร กรมธนารักษ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานเขตต่างๆ และหน่วยงานในท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี ได้ร่วมกันจัดเวทีประชุมสร้างความเข้าใจกับชาวชุมชน โดยมีชุมชนที่เข้าร่วมทั้งหมด 32 ชุมชนในเขตกรุงเทพฯ และ 6 หมู่บ้านในเขต จ.ปทุมธานี รวมทั้งหมด 6,386 ครัวเรือน
ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งหมดนี้ จะต้องรื้อย้ายบ้านเรือนออกจากแนวคลองและแนวก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำ และปรับผังชุมชนเพื่อก่อสร้างบ้านและชุมชนใหม่ในที่ดินเดิม โดยชุมชนจะต้องรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหกรณ์เคหสถานเพื่อให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลและร่วมกันบริหารจัดการโครงการ โดยทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุจากกรมธนารักษ์อย่างถูกต้อง เปลี่ยนสถานะจากผู้บุกรุกเป็นชุมชนที่เช่าที่ดินอย่างถูกกฎหมาย ระยะเวลาเช่าช่วงแรก 30 ปี ในอัตราค่าเช่าผ่อนปรน
ส่วนรูปแบบบ้านมีหลายขนาดเพื่อให้ชาวชุมชนได้ร่วมออกแบบและเลือกให้ตรงกับความต้องการ ส่วนใหญ่เป็นบ้านแถว เช่น บ้านแถวชั้นเดียว ขนาด 4 X 7 ตารางเมตร ราคา 290,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 1,500 บาท บ้านแถวสองชั้น ขนาด 4 X 7 ตารางเมตร ราคา 450,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 2,600 บาท บ้านแถวสองชั้น ขนาด 5 X 6 ตารางเมตร ราคา 450,000 บาท ผ่อนชำระเดือนละ 2,600 บาท ระยะเวลาผ่อนชำระ 20 ปี
เปิดแผนพัฒนาคลองเปรมฯ ทั้งระบบ
คลองเปรมประชากรมีความยาวทั้งหมด 50 กิโลเมตรเศษ เป็นคลองที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้ขุดในปี พ.ศ.2413 เพื่อเป็นคลองลัดเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าด้วยกัน เริ่มจากคลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพฯ-ปทุมธานี-พระนครศรีอยุธยา สภาพปัจจุบันคลองเปรมประชากรมีปัญหาการรุกล้ำคลองเป็นจำนวนมาก ชุมชนริมคลองส่วนใหญ่มีสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด มีปัญหาขยะและน้ำเสีย สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม อีกทั้งสิ่งก่อสร้างรุกล้ำคลองเป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ
ทั้งนี้แผนแม่บทโครงสร้างพื้นฐานระบบคลองและการพัฒนาชุมชนริมคลองเปรมประชากรจะใช้ระยะเวลา 9 ปี (พ.ศ.2562-2570) มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ทั้งชุมชนและเมือง พัฒนาด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ โดยการออกแบบวางผังพื้นที่ริมคลองให้องค์ประกอบต่างๆ มีความสอดคล้องกัน ได้แก่ การพัฒนาที่อยู่อาศัย การเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การจัดระบบสาธารณูปโภคและผังเมือง การปรับปรุงภูมิทัศน์ การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชุมชน แผนพัฒนาจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ล้อ (รถยนต์) – ราง (รถไฟ-รถไฟฟ้า)– เรือ – ทางจักรยาน และแผนพัฒนาการท่องเที่ยววิถีชุมชน ฯลฯ
โดยแยกเป็น 1. โครงสร้างพื้นฐาน ระยะเร่งด่วน ปี 2562 – 2565 จำนวน 4 โครงการ วงเงิน 4,448 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วมและบำบัดน้ำเสียคลองเปรมประชากรทั้งระบบ ตั้งแต่กรุงเทพฯ-พระนครศรีอยุธยา
โดย กทม. จะก่อสร้างเขื่อนระบายน้ำจากถนนเทศบาลสงเคราะห์–สุดเขต กทม. ระยะทาง 27.2 กิโลเมตร วงเงิน 3,443 ล้านบาท
กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนคลองเปรมประชากรจากคลองบ้านใหม่ – คลองรังสิตประยูรศักดิ์ วงเงิน 980 ล้านบาท (ขณะนี้อยู่ในระหว่างศึกษาและออกแบบ)
กรมชลประทานดำเนินการขุดลอกคลองเปรมประชากรในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ – คลองเชียงรากน้อย ระยะทาง 15.3 กิโลเมตร วงเงิน 16 ล้านบาท และขุดลอกคลองเปรมประชากรในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จากคลองเชียงรากน้อย – สถานีสูบน้ำเปรมเหนือบางปะอิน ระยะทาง 8.1 กิโลเมตร วงเงิน 9 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นอกจากการสร้างเขื่อนระบายน้ำในคลองเปรมฯ ดังกล่าวแล้ว กรุงเทพมหานครยังมีโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองเปรมประชากร จะดำเนินการในปีงบประมาณ2562-2566 วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 10,000 ล้านบาท เป็นการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบระบายน้ำในพื้นที่เขตดอนเมือง เขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตจตุจักร ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 109 ตารางกิโลเมตร เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ รวมถึงยังช่วยรับน้ำฝนที่ระบายในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ข้างเคียง คือ นนทบุรีและปทุมธานี และสามารถสูบน้ำกลับเพื่อเจือจางน้ำเสียในคลองเปรมประชากรได้อีกด้วย
รวมงบประมาณที่ใช้ในโครงการทั้งหมด ดังนี้ 1.การพัฒนาที่อยู่อาศัย 3,514.46 ล้านบาท 2. การสร้างเขื่อนระบายน้ำ และขุดลอกคลอง รวม 4,448 ล้านบาท และ 3.อุโมงค์ระบายน้ำ ประมาณ 10,000 ล้านบาท รวมงบประมาณทั้งหมด 17962.46 ล้านบาท
https://gnews.apps.go.th/news?news=53604
นี่แหละค่ะ ประชาชนเลือกได้จะเอานายกฯรุ่นไหน
แต่ตอนนี้ประชาชนเลือกนายกฯคนรุ่นเก่าให้ทำงาน
เพราะทำได้ดีกว่า มั่นคงเป็นจริงกว่า พวกที่พูดไปฝันไป ของคนรุ่นใหม่ที่เตะฝุ่นอยู่
เชื่อมั่นในลุงตู่ค่ะ