“กาลครั้งหนึ่ง..ไม่นานนี้”
เช้าวันหนึ่งในฤดูหนาว ผมตื่นขึ้นมา เหมือนทุกๆเช้า ทำกิจวัตรประจำวันซ้ำๆวนๆ ผมออกจากห้องตรงไปหาร้านกาแฟ เพื่อรอพบลูกค้า แถวนี้มีร้านกาแฟมากมาย ผมชอบที่จะเปลี่ยนบรรยากาศ เพื่อชิม และ จดจำความพิเศษเหล่านั้น เผื่อว่าวันหนึ่งผมจะมีโอกาสได้พาใครซักคนมาในที่ที่บรรยากาศที่ดีดี ให้เป็นความประทับใจที่น่าจดจำ…
วันนี้บรรยากาศในร้านดูเหงา หรืออาจเป็นเพราะผมรู้สึกแบบนั้น ผมสั่งกาแฟและมองไปรอบๆร้าน และสายตาผมก็สะดุดกับหญิงสาวคนหนึ่ง ผมจดจ้องราวกับต้องมนต์ ผมเธอ สีดำสนิท ปากสีชมพูระเรื่อ เธอสวมสเว็ทเตอร์สีแดง ตัดกับผิวสีขาวของเธอ และเรียวขาของเธอ ช่างน่ามอง ยิ่งนัก
เธอยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ และแล้วสายตาเราก็ประสานกัน ผมไม่แน่ใจว่าเธอมองผมตั้งแต่ตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ผมมองเสื้อเธอ หรือขาเธอ ผมเลยยิ้มให้เธอเล็กน้อย ก่อนหันกลับมาจิบกาแฟ .....
“เอ่อออ ขอโทษนะคะ” ผมหันไปตามเสียงน่ารักนั้น ใจผมสั่นแต่ก็ต้องเก็บอาการนั้นไว้ ผมมองเธอในระยะที่ใกล้กว่าเดิม เหมือนถูกสะกดอีกครั้ง ทำให้ผมพูดอะไรไม่ออกเลย
“คือว่า เอ่อออ”ท่าทางเธอดู ลำบากใจและดูเคอะเขินไปพร้อมๆกัน สายตาเธอมองไปรอบๆและพบว่า พนักงานในร้านกำลังมองเธอและผมอยู่
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผม ถามพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ เผื่อว่ามันจะช่วยลดการตื่นเต้นหรือความกังวนของเธอลงได้บ้าง
“เอ่อออ รบกวนเชิญที่โต๊ะซักครู่ได้ไหมคะ พอดีมีเรื่องอยากจะคุยด้วยค่ะ รบกวนเวลานิดเดียว...นะคะ”
ผมเดินตามเธอไปที่โต๊ะอย่างว่าง่าย
“ต้องขอโทษที่รบกวนนะคะ คือพอดีว่า ฉันตามหาหนังสือเรื่องนึงอยู่ค่ะ และฉันหาซื้อไม่ได้เลย แล้วบังเอิญว่า หนังสือเรื่องที่ฉันต้องการ ตอนนี้มันอยู่ในมือคุณน่ะค่ะ”
ผมแปลกใจและยกหนังสือที่อยู่ในมือขึ้นมาวางบนโต๊ะ “เล่มนี้หรือครับ” เธอยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย “ใช่ค่ะ คือถ้าคุณไม่ขายต่อ ฉันจะขอเช่ามาอ่านจะได้หรือเปล่าคะ ฉันไม่ทำหนังสือคุณยับหรือเสียหายแน่นอนค่ะ”
ผมอดขำท่าทางกระตือรือร้นของเธอไม่ได้เลยทีเดียว
“ครับ แต่ว่าผมยังอ่านไม่จบเลย”
“ไม่เป็นรัยค่ะ ถ้าคุณอ่านจบแล้วก็..โทร.หาฉันก็ได้ค่ะ”เธอหยิบปากกากระดาษจากกระเป๋า ของเธออย่างรีบร้อน
“เบอร์ฉันค่ะ แล้วอันนี้ก็ไอดีไลน์เผื่อคุณไม่สะดวกโทร. อ่อแล้วก็เอาที่อยู่ไปด้วยเลย เผื่อคุณจะสะดวกส่งทางไปรษณีย์” เธอพูดไปเขียนไป และส่งกระดาษใบนั้นมาให้ผม
“คุณคงอยากจะอ่านหนังสือเล่มนี้มากเลยนะครับเนี่ย” เธอยิ้มอาย ดูน่าทะนุถนอมเหลือเกิน คืนนี้ผมคงจะนอนไม่หลับแน่ๆ ถ้าต้องจากกับเธอคนนี้โดยไม่รู้จักชื่อ
“เอ่ออ คุณ....”
“แอ้มค่ะ แย่จังคุยตั้งนานไม่ได้แนะนำตัวเลย555 แล้วคุณล่ะค่ะ”
“ผม เตชัต ครับ เรียกพี่เตย์เฉยๆก็ได้นะครับ”
“ค่ะ พี่เตย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
ผมชวนเธอคุยเรื่องหนังสืออยู่ครู่หนึ่ง ลูกค้าผมก็เดินทางมาถึงตามเวลานัด
“พี่ขอตัวก่อนนะครับ แล้วไว้เจอกัน”
“ค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะพี่เตย์” ผมลุกจากโต๊ะ แล้วเดินตรงไปโต๊ะ ที่นัดลูกค้าไว้
“พี่เตย์ค่ะ” แอ้มตะโกนเรียกผม แล้วรีบเดินตรงเข้ามา
“แอ้ม ขอเบอร์พี่เตย์ได้มั๊ยค่ะ” เธอยิ้ม เขินอีกแล้ว
“แหม อยากได้หนังสือขนาดนั้นเลยหรือครับ พี่ไม่ลืมหรอกครับ”
“คือ หนังสือก็อยากอ่าน แล้วก็..อยากรู้จักพี่เตย์ด้วยอ่ะค่ะ”
แอ้มพูดแบบซื่อๆ แต่ทำให้หัวใจของผมพองโต รีบก้มหน้าก้มตาจดเบอร์ให้กับแอ้ม
“อ่ะ เบอร์พี่ครับ”
“ขอบคุณนะคะ พี่เตย์ บายนะคะ”
21:15 น.
ผมกลับมาถึงห้อง ด้วยอาการมึนเมาเล็กน้อยและรู้สึกเหนื่อยล้า อาบน้ำ และทิ้งตัวลงนอน ... ผมนอนไม่หลับ ผมหยิบมือถือขึ้นมา ถึงแม้จะมีคนทักทายเข้ามา แต่ก็ยังคงรู้สึกว่ามันช่างว่างเปล่า ผมวางมือถือลงข้างหมอนหลับตาเบาๆ ผมเห็นภาพ สาวตาโต ผมดำ เสื้อสีแดง ใช่แล้ว!!!หนังสือ ผมยังอ่านมันไม่จบ ผมตาสว่างอีกครั้งหยิบหนังสือขึ้นมา ตั้งหน้าตั้งตาอ่าน .. เผื่อที่จะได้ส่งต่อหนังสือเล่นนี้ให้แอ้ม
23:20 น.
ผมละสายตาจากหนังสือ แล้วหยิบมือถือมาแอดไลน์ที่แอ้มให้ไว้ ป่านนี้แอ้มจะทำอะไรอยู่นะ
Masses Line
Tae : ฝันดีนะครับ
Am : อ่านจบแล้วเหรอคะ^^
Tae : 5555 ยังครับ ถ้าอ่านจบเร็ว แอ้มคงจะไม่คุยกับพี่แล้วล่ะสิ
Am : เง้ยยย ไม่ใช่อย่างง้านนนจิ ก็ถ้าพี่อ่านจบ แล้วแอ้มอ่านจบ ก็จะได้ คุยกันรู้เรื่องไงค่ะ555
Tae : ทำอะไรอยู่เหรอครับ?
Am : ก็เขียนไดอารี่ค่ะ ก็เขียนไปเรื่อยเปื่อยอ่ะค่ะ^^
พอรู้ว่าแอ้มชอบเขียน ผมเลยวางหนังสือลง ขยับตาเข้ามาใกล้หน้าจอโทรศัพท์ จดจ่อเหมือนกับว่าเราได้คุยกับคนที่เราเคยเห็นเค้าแค่ในจินตนาการ
แอ้ม เป็นคนยังไงสำหรับความสัมพันธ์ต่อไป ผมคิดด้วยความสงสัยขณะนี้ ผมก็ยิ้ม
ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าคุยกับเธอคนนี้แล้วผมมีความรู้สึกดีดี คงเป็นเพราะความเฟรนลี่ของเธอเองด้วยหรือเปล่า ผมคุยกับแอ้มจนดึก เลยพอรู้เรื่องส่วนตัวแอ้มมาบ้าง ว่าแอ้มแต่งงานแล้ว ซึ่งแอ้มเข้ามาทักทายเหมือนตรงเข้ามาจีบผม แล้วก็หักอกผม ในวันเดียวกัน ดูเป็นคนเจ้าชู้ แต่ก็มีความใสซื่อ ช่างดูเป็นบุคลิกที่ขัดแย้งกัน ทำให้ผมยิ่งอยากรู้จักแอ้มมากขึ้น เพราะแอ้มเปิดเผยผมรู้สึกได้ว่ามีความจริงใจ ในน้ำเสียงของเธอ
เราพูดคุยทักทายกันทุกวัน ยกเว้นวันหยุด เพราะแอ้มจะอยู่กับครอบครัว ถึงผมจะคิดถึงแอ้ม แต่ผมก็ไม่อยากให้แอ้มเดือดร้อน และผมก็เข้าใจดีว่าจะต้องรับผิดชอบกับความรู้สึกแบบนี้อย่างไร ถึงแม้จะมีความทรมานใจอยู่บ้าง แต่ผมก็ยังมีความสุขรวมอยู่ด้วย...
ผมเริ่มคิด และผมคิดว่า ความคิดมันคือไวรัส เพราะถ้าผมคิดว่า ผมจะไม่คิดอะไรกับเธอ เท่ากับว่า ผมคิดไปแล้ว ผมรู้สึกทั้งชอบและไม่ชอบความคิด ความคิดอาจจะเกิดขึ้นเพื่อให้คำตอบกับเรื่องราวมากมาย แต่ความคิดก็เป็นแค่กรงขัง ให้เรามีกรอบเอาไว้บอกว่าตัวเราเป็นแบบไหน ทั้งๆที่ความจริง เราจะเป็นแบบไหนก็ได้
เช้าวันศุกร์ ผมรีบมาไปรษณีย์ เผื่อส่งหนังสือให้แอ้ม ผมก็ไม่รู้ทำไม พอนึกถึงแอ้ม ผมก็จะยิ้ม ผมคงจะรู้สึกดีมากๆหรืออาจจะตกหลุมรักแอ้มไปแล้ว แต่ผมไม่อยากจะให้อะไรๆมันผ่านไปรวดเร็ว ผมจึงต้องวางตัว เพื่อให้ความสัมพันธ์นี้ อยู่กับผมให้นานที่สุด
ทำไมโชคชะตาถึงชอบเล่นตลกโดยเฉพาะเรื่องความรัก หลายต่อหลายครั้งที่ใครบางคนได้พบกับสิ่งที่ควรเรียกว่า "รัก" แต่กลับทำได้เพียงผูกใจเอาไว้ ไม่สามารถผูกพันทางกายได้
*********************************************
จบบทที่1
ผู้เขียน -Chalita.C-
พอได้มั๊ยอ่า5555
ชอบอ่าน 555เลยหัดเขียน นิยายอ่านม่ะ ด่าได้แต่อย่าแรงนะ
เช้าวันหนึ่งในฤดูหนาว ผมตื่นขึ้นมา เหมือนทุกๆเช้า ทำกิจวัตรประจำวันซ้ำๆวนๆ ผมออกจากห้องตรงไปหาร้านกาแฟ เพื่อรอพบลูกค้า แถวนี้มีร้านกาแฟมากมาย ผมชอบที่จะเปลี่ยนบรรยากาศ เพื่อชิม และ จดจำความพิเศษเหล่านั้น เผื่อว่าวันหนึ่งผมจะมีโอกาสได้พาใครซักคนมาในที่ที่บรรยากาศที่ดีดี ให้เป็นความประทับใจที่น่าจดจำ…
วันนี้บรรยากาศในร้านดูเหงา หรืออาจเป็นเพราะผมรู้สึกแบบนั้น ผมสั่งกาแฟและมองไปรอบๆร้าน และสายตาผมก็สะดุดกับหญิงสาวคนหนึ่ง ผมจดจ้องราวกับต้องมนต์ ผมเธอ สีดำสนิท ปากสีชมพูระเรื่อ เธอสวมสเว็ทเตอร์สีแดง ตัดกับผิวสีขาวของเธอ และเรียวขาของเธอ ช่างน่ามอง ยิ่งนัก
เธอยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ และแล้วสายตาเราก็ประสานกัน ผมไม่แน่ใจว่าเธอมองผมตั้งแต่ตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ผมมองเสื้อเธอ หรือขาเธอ ผมเลยยิ้มให้เธอเล็กน้อย ก่อนหันกลับมาจิบกาแฟ .....
“เอ่อออ ขอโทษนะคะ” ผมหันไปตามเสียงน่ารักนั้น ใจผมสั่นแต่ก็ต้องเก็บอาการนั้นไว้ ผมมองเธอในระยะที่ใกล้กว่าเดิม เหมือนถูกสะกดอีกครั้ง ทำให้ผมพูดอะไรไม่ออกเลย
“คือว่า เอ่อออ”ท่าทางเธอดู ลำบากใจและดูเคอะเขินไปพร้อมๆกัน สายตาเธอมองไปรอบๆและพบว่า พนักงานในร้านกำลังมองเธอและผมอยู่
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผม ถามพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ เผื่อว่ามันจะช่วยลดการตื่นเต้นหรือความกังวนของเธอลงได้บ้าง
“เอ่อออ รบกวนเชิญที่โต๊ะซักครู่ได้ไหมคะ พอดีมีเรื่องอยากจะคุยด้วยค่ะ รบกวนเวลานิดเดียว...นะคะ”
ผมเดินตามเธอไปที่โต๊ะอย่างว่าง่าย
“ต้องขอโทษที่รบกวนนะคะ คือพอดีว่า ฉันตามหาหนังสือเรื่องนึงอยู่ค่ะ และฉันหาซื้อไม่ได้เลย แล้วบังเอิญว่า หนังสือเรื่องที่ฉันต้องการ ตอนนี้มันอยู่ในมือคุณน่ะค่ะ”
ผมแปลกใจและยกหนังสือที่อยู่ในมือขึ้นมาวางบนโต๊ะ “เล่มนี้หรือครับ” เธอยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย “ใช่ค่ะ คือถ้าคุณไม่ขายต่อ ฉันจะขอเช่ามาอ่านจะได้หรือเปล่าคะ ฉันไม่ทำหนังสือคุณยับหรือเสียหายแน่นอนค่ะ”
ผมอดขำท่าทางกระตือรือร้นของเธอไม่ได้เลยทีเดียว
“ครับ แต่ว่าผมยังอ่านไม่จบเลย”
“ไม่เป็นรัยค่ะ ถ้าคุณอ่านจบแล้วก็..โทร.หาฉันก็ได้ค่ะ”เธอหยิบปากกากระดาษจากกระเป๋า ของเธออย่างรีบร้อน
“เบอร์ฉันค่ะ แล้วอันนี้ก็ไอดีไลน์เผื่อคุณไม่สะดวกโทร. อ่อแล้วก็เอาที่อยู่ไปด้วยเลย เผื่อคุณจะสะดวกส่งทางไปรษณีย์” เธอพูดไปเขียนไป และส่งกระดาษใบนั้นมาให้ผม
“คุณคงอยากจะอ่านหนังสือเล่มนี้มากเลยนะครับเนี่ย” เธอยิ้มอาย ดูน่าทะนุถนอมเหลือเกิน คืนนี้ผมคงจะนอนไม่หลับแน่ๆ ถ้าต้องจากกับเธอคนนี้โดยไม่รู้จักชื่อ
“เอ่ออ คุณ....”
“แอ้มค่ะ แย่จังคุยตั้งนานไม่ได้แนะนำตัวเลย555 แล้วคุณล่ะค่ะ”
“ผม เตชัต ครับ เรียกพี่เตย์เฉยๆก็ได้นะครับ”
“ค่ะ พี่เตย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
ผมชวนเธอคุยเรื่องหนังสืออยู่ครู่หนึ่ง ลูกค้าผมก็เดินทางมาถึงตามเวลานัด
“พี่ขอตัวก่อนนะครับ แล้วไว้เจอกัน”
“ค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะพี่เตย์” ผมลุกจากโต๊ะ แล้วเดินตรงไปโต๊ะ ที่นัดลูกค้าไว้
“พี่เตย์ค่ะ” แอ้มตะโกนเรียกผม แล้วรีบเดินตรงเข้ามา
“แอ้ม ขอเบอร์พี่เตย์ได้มั๊ยค่ะ” เธอยิ้ม เขินอีกแล้ว
“แหม อยากได้หนังสือขนาดนั้นเลยหรือครับ พี่ไม่ลืมหรอกครับ”
“คือ หนังสือก็อยากอ่าน แล้วก็..อยากรู้จักพี่เตย์ด้วยอ่ะค่ะ”
แอ้มพูดแบบซื่อๆ แต่ทำให้หัวใจของผมพองโต รีบก้มหน้าก้มตาจดเบอร์ให้กับแอ้ม
“อ่ะ เบอร์พี่ครับ”
“ขอบคุณนะคะ พี่เตย์ บายนะคะ”
21:15 น.
ผมกลับมาถึงห้อง ด้วยอาการมึนเมาเล็กน้อยและรู้สึกเหนื่อยล้า อาบน้ำ และทิ้งตัวลงนอน ... ผมนอนไม่หลับ ผมหยิบมือถือขึ้นมา ถึงแม้จะมีคนทักทายเข้ามา แต่ก็ยังคงรู้สึกว่ามันช่างว่างเปล่า ผมวางมือถือลงข้างหมอนหลับตาเบาๆ ผมเห็นภาพ สาวตาโต ผมดำ เสื้อสีแดง ใช่แล้ว!!!หนังสือ ผมยังอ่านมันไม่จบ ผมตาสว่างอีกครั้งหยิบหนังสือขึ้นมา ตั้งหน้าตั้งตาอ่าน .. เผื่อที่จะได้ส่งต่อหนังสือเล่นนี้ให้แอ้ม
23:20 น.
ผมละสายตาจากหนังสือ แล้วหยิบมือถือมาแอดไลน์ที่แอ้มให้ไว้ ป่านนี้แอ้มจะทำอะไรอยู่นะ
Masses Line
Tae : ฝันดีนะครับ
Am : อ่านจบแล้วเหรอคะ^^
Tae : 5555 ยังครับ ถ้าอ่านจบเร็ว แอ้มคงจะไม่คุยกับพี่แล้วล่ะสิ
Am : เง้ยยย ไม่ใช่อย่างง้านนนจิ ก็ถ้าพี่อ่านจบ แล้วแอ้มอ่านจบ ก็จะได้ คุยกันรู้เรื่องไงค่ะ555
Tae : ทำอะไรอยู่เหรอครับ?
Am : ก็เขียนไดอารี่ค่ะ ก็เขียนไปเรื่อยเปื่อยอ่ะค่ะ^^
พอรู้ว่าแอ้มชอบเขียน ผมเลยวางหนังสือลง ขยับตาเข้ามาใกล้หน้าจอโทรศัพท์ จดจ่อเหมือนกับว่าเราได้คุยกับคนที่เราเคยเห็นเค้าแค่ในจินตนาการ
แอ้ม เป็นคนยังไงสำหรับความสัมพันธ์ต่อไป ผมคิดด้วยความสงสัยขณะนี้ ผมก็ยิ้ม
ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าคุยกับเธอคนนี้แล้วผมมีความรู้สึกดีดี คงเป็นเพราะความเฟรนลี่ของเธอเองด้วยหรือเปล่า ผมคุยกับแอ้มจนดึก เลยพอรู้เรื่องส่วนตัวแอ้มมาบ้าง ว่าแอ้มแต่งงานแล้ว ซึ่งแอ้มเข้ามาทักทายเหมือนตรงเข้ามาจีบผม แล้วก็หักอกผม ในวันเดียวกัน ดูเป็นคนเจ้าชู้ แต่ก็มีความใสซื่อ ช่างดูเป็นบุคลิกที่ขัดแย้งกัน ทำให้ผมยิ่งอยากรู้จักแอ้มมากขึ้น เพราะแอ้มเปิดเผยผมรู้สึกได้ว่ามีความจริงใจ ในน้ำเสียงของเธอ
เราพูดคุยทักทายกันทุกวัน ยกเว้นวันหยุด เพราะแอ้มจะอยู่กับครอบครัว ถึงผมจะคิดถึงแอ้ม แต่ผมก็ไม่อยากให้แอ้มเดือดร้อน และผมก็เข้าใจดีว่าจะต้องรับผิดชอบกับความรู้สึกแบบนี้อย่างไร ถึงแม้จะมีความทรมานใจอยู่บ้าง แต่ผมก็ยังมีความสุขรวมอยู่ด้วย...
ผมเริ่มคิด และผมคิดว่า ความคิดมันคือไวรัส เพราะถ้าผมคิดว่า ผมจะไม่คิดอะไรกับเธอ เท่ากับว่า ผมคิดไปแล้ว ผมรู้สึกทั้งชอบและไม่ชอบความคิด ความคิดอาจจะเกิดขึ้นเพื่อให้คำตอบกับเรื่องราวมากมาย แต่ความคิดก็เป็นแค่กรงขัง ให้เรามีกรอบเอาไว้บอกว่าตัวเราเป็นแบบไหน ทั้งๆที่ความจริง เราจะเป็นแบบไหนก็ได้
เช้าวันศุกร์ ผมรีบมาไปรษณีย์ เผื่อส่งหนังสือให้แอ้ม ผมก็ไม่รู้ทำไม พอนึกถึงแอ้ม ผมก็จะยิ้ม ผมคงจะรู้สึกดีมากๆหรืออาจจะตกหลุมรักแอ้มไปแล้ว แต่ผมไม่อยากจะให้อะไรๆมันผ่านไปรวดเร็ว ผมจึงต้องวางตัว เพื่อให้ความสัมพันธ์นี้ อยู่กับผมให้นานที่สุด
ทำไมโชคชะตาถึงชอบเล่นตลกโดยเฉพาะเรื่องความรัก หลายต่อหลายครั้งที่ใครบางคนได้พบกับสิ่งที่ควรเรียกว่า "รัก" แต่กลับทำได้เพียงผูกใจเอาไว้ ไม่สามารถผูกพันทางกายได้
*********************************************
จบบทที่1
ผู้เขียน -Chalita.C-
พอได้มั๊ยอ่า5555